แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร! .
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร! .
ตั้งแต่จำความได้ ชีวิตของแป้งร่ำก็เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ส่วนพ่อเหรอ เธอไม่เคยถามแม่เลย คนที่เลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่เกิดอยู่ตรงหน้าจะถามหาผู้ชายคนอื่นทำไม แม่ของเธอเป็นแม่ค้าขายผักมาตั้งแต่เธอยังเล็กๆ เพื่อหาเงินเลี้ยงลูกสาวจึงต้องทำงานตั้งแต่เช้าและกลับบ้านดึกดื่น จนกระทั่งแป้งร่ำอายุได้ยี่สิบสามและเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย จึงคิดที่จะให้แม่หยุดทำงาน ก็ได้รับข่าวร้ายว่าแม่ของเธอถูกรถชนเสียชีวิตคาที่
เหมือนฟ้าถล่มลงมา หญิงสาวที่ต้องการตอบแทนพระคุณแม่ของเธอกลับต้องได้รับข่าวร้าย โดยคนที่ชนแม่ของเธอให้การกับตำรวจว่าครอบครัวของเขาเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงฉลอง พอมาถึงที่เกิดเหตุ ไฟบริเวณนั้นมืดมากและไม่เห็นแม่ของเธอ ซึ่งมันเป็นทางลัดที่หลายคนเกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก
แป้งร่ำไม่ได้เอาความเจ้าของรถที่ขับชนแม่เธอเสียชีวิต จากกล้องหน้ารถและกล้องวงจรปิดแถวนั้นพร้อมทั้งคำให้การมันตรงกันจริงๆ และดูเหมือนว่าแม่ของเธอจะเดินตัดหน้ารถของเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเขายังเต็มใจรับเธอเข้าทำงานในฐานะพนักงานของบริษัทขนาดเล็ก และยินดีส่งเสียให้เธอเดือนละสองหมื่นจนกว่าจะอายุหกสิบ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่รวมกับเงินเดือน จนกระทั่งยี่สิบกว่าปีมานี้บริษัทเติบโตขึ้นมากและแป้งร่ำยังทำงานในบริษัทเดิม
ในตอนนั้นเธอคิดแค่ว่าตัวเองยังเด็กจึงมุ่งมั่นศึกษางาน แม้แต่เพื่อนๆ ที่สนิทกันชวนไปสังสรรค์ แป้งร่ำก็ปฏิเสธตลอด รู้ตัวอีกทีเธอก็ไม่เหลือใครแล้ว แม่ผู้เป็นที่พึ่งเดียวก็จากไป คุณลุงฉวีประธานบริษัทคนก่อนหรือก็คือคนที่พาเธอเข้าทำงานที่นี่ก็เสียชีวิตไปสองปีก่อนจากโรคประจำตัว ภรรยาของเขาจึงขึ้นมาบริหารแทน แม้อีกฝ่ายจะเอ็นดูเธอเหมือนลูกแต่มันก็ถึงเวลาที่เธอควรจะออกมาเดินด้วยตนเองได้แล้ว
แป้งร่ำในวัยสี่สิบเจ็ดปีตัดสินใจยื่นซองขาวขอลาออกจากบริษัทท่ามกลางเสียงคัดค้านจากบรรดาเพื่อนร่วมงานและรุ่นน้องที่ไม่เห็นด้วย เพราะแป้งร่ำเลื่อนตำแหน่งงานขึ้นมาเป็นเลขาของท่านประธานเมื่อห้าปีก่อน และแป้งร่ำก็ทำงานเก่งมาก ทั้งยังให้คำปรึกษากับทุกคนอย่างเท่าเทียม
แม้แต่คุณหญิงอรวรรณผู้มีพระคุณของเธอยังถามแล้วถามอีก เพราะอีกฝ่ายก็เอ็นดูเธอเหมือนลูกเหมือนหลาน แต่แป้งร่ำก็ยังยืนยันที่จะลาออก เพราะคอนโด รถ ก็จ่ายไปหมดแล้ว เงินเก็บก็มีให้เธอใช้ได้อีกหลายสิบปี
คุณหญิงอรวรรณเซ็นยินยอมให้เธอลาออกพร้อมทั้งยื่นเงินก้อนใหญ่ให้เธอ ทั้งยังบอกว่าเป็นเงินที่คุณลุงฉวีตั้งใจจะมอบให้เธอหากแป้งร่ำลาออกจากบริษัท
พอเห็นว่ามีเงินก้อนใหญ่แป้งร่ำจึงตัดสินใจว่าจะยังไม่หางานทำในเร็วๆ นี้ เธอต้องการพักผ่อนสักระยะ หลังจากทำงานอย่างมุ่งมั่นมาหลายสิบปี จึงหาซื้อนิยายที่กำลังฮิตๆ อย่างนิยายจีนย้อนยุคมาอ่านอย่างรวดเร็ว แต่คงเป็นเพราะอ่านติดต่อกันอย่างเอาเป็นเอาตายมาหลายวัน แป้งร่ำจึงนอนหลับไปพร้อมทั้งนิยายในมือ
“ฉันบอกเธอแล้วว่าหลานสาวของเธอเชื่อถือไม่ได้! เธอดูสภาพลูกสาวของเธอตอนนี้สิสะใภ้สี่ เป็นเพราะหล่อน เฟิ่นอี้ของเราจึงบอบช้ำ! หลายครั้งที่ฉันเตือนเธอก็ไม่เคยฟัง” น้ำเสียงดุดันถูกเอ่ยจากปากพี่สะใภ้ใหญ่ของบ้านด้วยความโกรธ สะใภ้ใหญ่ตบเข่าด้วยความโมโหเด็กสาวของบ้านอี้
ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ในตอนที่เฉินเฟิ่นอี้ยังเรียนอยู่ในโรงเรียนประถมของตำบล ในแถบชนบทเวลานั้นเด็กสาวจำนวนน้อยมากที่จะถูกส่งเข้าเรียน หากไม่ใช่เพราะเป็นที่รักของครอบครัวจริงๆ หรือพอจะมีเงินส่งเรียนบ้าง
ในการเรียนระดับประถมชั้นปีสุดท้ายของเฉินเฟิ่นอี้ ตอนนั้นเธออายุสิบสองปี เธอถูกหลานชายของเศรษฐีในตำบลที่เรียนด้วยกันถูกใจ จึงให้ผู้ใหญ่มาขอหมั้น อีกทั้งเฉินเฟิ่นอี้ยังบอกว่าหล่อนชอบเขาและตกลงที่จะหมั้นหมายด้วย แม้คนในบ้านเฉินจะยังไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ นั่นคือหลานชายของเศรษฐีเชียวนะ! หากเฉินเฟิ่นอี้ได้แต่งเข้าสกุลหมิงอย่างน้อยก็สบายกว่ามาทำงานในแปลงนา
ทั้งสองจึงคบหากันมาตั้งแต่นั้น และพอถึงเวลาเข้าโรงเรียนมัธยมต้น ทั้งสองก็เข้าไปเรียนในโรงเรียนเดียวกัน แต่ว่าครั้งนี้มีญาติผู้พี่จากสกุลอี้บ้านเดิมของแม่เฉินเฟิ่นอี้เข้าร่วมกลุ่มด้วย เนื่องจากเพื่อนของหล่อนทางบ้านไม่ส่งเรียนต่อในระดับมัธยมต้น
หากเจอเฉินเฟิ่นอี้ย่อมเจอหมิงหลานฮุ่ย หากเจอทั้งสองคนย่อมเจออี้เหม่ยเฟิ่ง ทั้งสามตัวติดกันมากไปไหนก็ไปด้วยกัน ทว่าหลังๆ มาเฉินเฟิ่นอี้ล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่เดือนก็จะจบชั้นมัธยมต้นแล้ว
หมิงหลานฮุ่ยว่าที่หลานเขยของบ้านเฉิน ชอบตามอี้เหม่ยเฟิ่งที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับเฉินเฟิ่นอี้มาเยี่ยมหญิงคนรักหลังเลิกเรียนอยู่บ่อยครั้ง คนในบ้านเฉินแรกๆ ก็พอใจในเด็กคนนี้มาก ทว่าหลังๆ มา เริ่มไม่พอใจในการกระทำของหมิงหลานฮุ่ย เพราะทุกครั้งที่เขามายังหมู่บ้านเฟิ่งหลิน หมิงหลานฮุ่ยจะติดตามอี้เหม่ยเฟิ่งไปที่บ้านอี้ก่อน เมื่อถึงเวลากลับถึงจะแวะมาหาเฉินเฟิ่นอี้ที่อาการเริ่มดีขึ้นเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
ย่าเฉินเคยให้สะใภ้สี่ลูกสะใภ้คนเล็กไปเตือนหลานสาวจากบ้านเดิมของหล่อนเพราะมันไม่เหมาะสม เด็กคนนั้นก็รับปากว่าจะบอกหมิงหลานฮุ่ยให้ ทว่าเขากลับไม่พอใจและไม่ยอมมาที่บ้านเฉินอีกเลย
จนมีข่าวลือว่าหมิงหลานฮุ่ยกับอี้เหม่ยเฟิ่งคบกัน และทั้งสองยังเหมาะสมกันมาก หมิงหลานฮุ่ยเป็นหลานชายของเศรษฐีในตำบลที่มีลูกชายเพียงคนเดียวและหมิงหลานฮุ่ยก็ยังเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านหมิง ในอนาคตเขาย่อมต้องขึ้นเป็นเจ้าบ้าน ส่วนอี้เหม่ยเฟิ่งก็เป็นหลานสาวของกรรมการในหมู่บ้าน ซึ่งพ่อของหล่อนก็กำลังจะขึ้นเป็นเลขาธิการในเร็วๆ นี้ ไหนจะเรียนในระดับมัธยมปลายอีก ดีกว่าเฉินเฟิ่นอี้ที่ป่วยขี้โรคเป็นไหนๆ
ตอนแรกบ้านเฉินไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เพราะหมิงหลานฮุ่ยหมั้นกับเฉินเฟิ่นอี้แล้ว แต่อยู่ๆ หลายวันก่อนพ่อของหมิงหลานฮุ่ยกลับมายกเลิกสัญญาหมั้นหมายแถมยังบอกอีกว่าสินสอดบางส่วนที่ให้มาแล้วจะไม่เอาคืน สร้างความไม่พอใจให้สมาชิกในบ้านเฉินเป็นอย่างมาก หากเอาสินสอดคืนพวกเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ว่าหมิงหลานฮุ่ยเหยียบย่ำจิตใจอันบอบช้ำของเฉินเฟิ่นอี้ด้วยการพาอี้เหม่ยเฟิ่งมาด้วย
เฉินเฟิ่นอี้ที่ทนดูไม่ไหวถึงกับทรุดตัวลงพื้นและนอนสลบไม่ได้สติมาหลายวันแล้ว ผู้ชายในบ้านออกไปทำงานเก็บแต้มเหมือนปกติ ส่วนผู้หญิงช่วยกันทำงานในบ้านและสลับกันดูหลานสาว
“ฉันเอ็นดูเหม่ยเฟิ่งเหมือนลูกแท้ๆ ไม่คิดว่าหล่อนจะเป็นแบบนี้” สะใภ้สี่ร้องไห้เสียงดัง ลูกสาวคนโตของหล่อนล้มป่วยมาหลายวันยังไม่ได้สติก็ปวดใจมากแล้ว ยังมีเรื่องของหลานสาวจากบ้านเดิมที่หล่อนเอ็นดูไม่ต่างจากลูก
“พอได้แล้วสะใภ้ใหญ่ เธอก็เห็นแล้วว่าสะใภ้สี่เสียใจมากแค่ไหน” ย่าเฉินที่ป้อนข้าวหลานชายคนเล็กเงยหน้าขึ้นมาพร้อมทั้งเอ่ยปราม
ผู้หญิงในบ้านเฉินจะหยุดทำงานในแปลงนาก็เมื่อมีเหตุจำเป็น ไม่ก็ทำงานบ้านหรือป่วย ต่างจากบ้านหลังอื่นในหมู่บ้านเฟิ่งหลิน ที่ต่อให้ใกล้ตายก็ต้องลากสังขารลงแปลงนา ต้องยกความดีความชอบให้กับเฉินหมิงและเฉินจง ลูกชายคนที่สามและหลานชายคนโตของบ้านที่ตอนนี้เป็นทหาร ทุกๆ เดือนพวกเขาจะส่งเงินมาที่บ้านพร้อมคูปองต่างๆ ไม่อย่างนั้นบ้านเฉินคงไม่มีปัญญาส่งลูกส่งหลานเข้าเรียนทั้งหลานชายและหลานสาว
ส่วนเด็กชายเด็กสาวในบ้าน หน้าที่หลักๆ คือการเรียน เรียนเสร็จกลับมาถ้าไม่ช่วยทำงานในบ้านก็ต้องออกไปเก็บผักแลกแต้มค่าแรง ได้แต้มเดียวก็ยังดีกว่าไม่ได้
“คุณแม่ก็เข้าข้างหล่อน ถ้าฉันไม่รักเฟิ่นอี้ฉันจะบ่นไหม”
เสียงด้านนอกห้องนอนดังมาก จนทำให้หญิงสาวที่หลับอยู่รู้สึกตัวตื่น แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบปลายๆ พยุงตัวขึ้นอย่างเมื่อยล้า ความทรงจำล่าสุดก็คือนอนอ่านนิยายแบบหามรุ่งหามค่ำให้สมกับการลาออกจากงาน แต่ก็ไม่คิดว่าตื่นขึ้นมาเธอจะเมื่อยล้าขนาดนี้! คงเป็นเพราะอายุของเธอด้วย
“เดี๋ยวนะ”
แป้งร่ำเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ ห้องของเธออย่างมึนงง คอนโดราคาเฉียดยี่สิบล้านที่เธอเพิ่งจ่ายงวดสุดท้ายไปเมื่อเดือนก่อน ทำไมถึงได้เล็กและแคบแบบนี้ อีกทั้งยังมีกลิ่นอับชื้นที่ไม่ควรมีเพราะให้แม่บ้านทำความสะอาดทุกอาทิตย์
อยู่ๆ ความทรงจำบางอย่างก็แล่นใส่หัวจนทนไม่ไหว แป้งร่ำทิ้งตัวลงนอนบนพื้นแข็งๆ เพราะปวดหัวจนเกินระงับ อยากกรีดร้องออกมาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเสียงของเธอแทบไม่มี ก่อนจะหมดสติไปทั้งอย่างนั้น
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
ชีวิตของลิลลี่เป็นชีวิตที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันอยาจะเป็นแบบเธอ แต่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่ามันโดดเดี่ยวมากแค่ไหน เกิดในตระกูลหมื่นล้านครอบครัวค่อย ๆ จากไปทีละคน อายุเพียงยี่สิบอาชายผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ดวลจากไป ลิลลี่ ลลิลิล จึงกลายเป็นทายามเพียงคนเดียวของตระกูล มีแล้วอย่างไรสุดท้ายคนเราต้องจากไป มีเงินหมื่นล้านยื้อชีวิตใครไม่ได้สักคน ลิลลี่ในวัยยี่สิบปีเธอรู้ว่าธุรกิจของตระกูลไม่อาจสานต่อได้ ขายหุ้นให้คนอื่นรอรับเพียงเงินปันผลก็เพียงพอ ยี่สิบสามเรียนจบปริญญาตรีด้านแฟชั่นก่อนเรียนต่อปริญาเอก ปริญญาโท ในปีที่สามสิบของชีวิตลิลลี่ประสบความสำเร็จในด้านดีไซเนอร์ เป็นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียง ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตหลังเรียนจบก็เสียชีวิตจากความเครียดที่สะสมมาตลอด คิดว่าหลังความตายคงจะถูกบรรพบุรุษสาปแช่งที่ดูแลตระกูลไม่ได้ ใครจะรู้ว่าลืมตาแล้วจะมาอยู่ในร่างของคนอื่น วันที่เจ็ดเดือนมกราคมปี 1980 ลิลลี่ตื่นขึ้นในในร่างของลูกสาวคนโตของบ้านฉิน ฉินเสี่ยวหราน มีน้องสาวหนึ่งคน พ่อเป็นทหารหารเพิ่งได้รับเลื่อนขั้นเป้นพันตรี แม่เป็นหญิงในชนบท ฉินเสี่ยวหรานเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั้นปีสุดท้าย ส่วนฉินเสี่ยวหลิงเป็นนักเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายที่จะขึ้นมัธยมปลาย
แป้งร่ำสาวใหญ่วัยสี่สิบ ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยงานจนกระทั่งเพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครเคียงข้าง หลังจากทบทวนชีวิตดีแล้วจึงยื่นขอลาออกจากบริษัท และนับตั้งแต่นั้นมาชีวิตของเธอก็เปลี่ยน ระบบเส็งเคร็งนี่คืออะไร!
เป็นเพียงขยะไร้ค่าของตระกูลจะสู้หลานชายสุดที่รักของคุณปู่ได้อย่างไร ติณณ์เดินออกจากตระกูลไปยังประเทศเกรย์ดัชตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาว แต่เข้าประเทศเขาวันแรกดันปากดีใส่องค์รัชทายาทจนโดนหมายหัว
ซุนลี่เป็นหนึ่งเกรียงไกร แผ่นดินยิ่งยงไพศาล ใต้หล้าสยบชั่วกาล ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น ว่านอี้ครองราชย์...ประชาร่มเย็น คำนี้มีความจริงเจือจางอยู่กี่มากน้อยกันแน่? เรื่องเหล่านี้คงเป็นเพียงบทเรียนในวังหลังที่จารึกให้คนท่องจำ ไปอย่างสูญเปล่า เพราะสำหรับตัวนางแล้ว คำกล่าวนี้ดูห่างไกลความจริง จนสุดหล้าทีเดียว
อดีตที่ยากจน แม่เลี้ยงสามีที่เอาเปรียบบ้านใหญ่ บ้านรอง ของพวกเธอต้องชดใช้!
ลู่หลีเคยได้รับการช่วยชีวิตจากสามีของเธอ แต่หลังจากเขาสูญเสียความทรงจำ เขากลับลืมเธอเสียสนิท สามปีหลังจากแต่งงาน เพ่ยซือหานถึงกับนอกใจต่อหน้าผู้คน ทำให้เธอรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก ลู่หลีรู้สึกผิดหวังมาก จากนั้นก็เซ็นเอกสารหย่าทันที ตั้งแต่นั้นมา เธอได้กลับมาเป็นหญิงสาวที่มีอำนาจอีกครั้ง หมอผีที่มีชื่อเสียงโด่งดังคือเธอ ตำนานนักแข่งรถคือเธอ แฮกเกอร์ระดับโลกคือเธอ และนักออกแบบอัจฉริยะก็เป็นเธอเช่นกัน ต่อมา เพ่ยซือหานไม่เพียงแต่เสียใจจนสุดขีด แต่ยังฟื้นความทรงจำได้อีกด้วย เขาถึงกับบุกเข้าไปในงานแต่งงาน “เสี่ยวหลี ขอร้องเถอะ ให้โอกาสผมอีกครั้ง!” แต่เอวของลู่หลีถูกโอบกอดไว้โดยใครอีกคนหนึ่งที่มีอำนาจ เขาหัวเราะในลำคอว่า “ที่รัก มีคนที่กำลังเล่นกับไฟ”
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เขา...พ่อเลี้ยงดรัณ พัชรอมรินทร์ ผู้ชายที่เกิดมาบนกองเงินกองทองแต่มีอดีตสุดแสนจะเจ็บปวด บาดแผลที่ทิ่มแทงหัวใจมาตลอดระยะเวลาหลายปีมันกำลังจะกลัดหนอง ถ้าไม่ทำการรักษาให้หาย เธอ...พลับพลึง โรจนศุภเกียรติ สาวน้อยวัยใสผู้มีโลกส่วนตัวที่แสนจะงดงาม และหลงรักผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งมาตลอด ‘ความรักคือการให้’ นี่คือนิยามความรักของเธอ เรื่องราวคงไม่วุ่นวายถ้าเธอไม่กลับมารับรู้ว่าเขาเป็น ‘หม้าย’ และเรื่องราวก็คงไม่วุ่นวายกว่า ถ้าเธอกับเขาไม่ต้องเปลี่ยนสถานะจาก ‘น้าเขยกับหลานเมีย’ มาเป็น ‘สามีกับภรรยา’ มันอาจจะเป็นความสมหวังถ้าเธอจะได้แต่งงานกับผู้ใหญ่ใจดีที่หลงรักมาตลอด แทนการแต่งงานกับผู้ใหญ่ใจร้ายที่ไม่รู้สาเหตุว่าอะไรถึงเปลี่ยนให้เขาเป็นคนละคน เถื่อนและไร้เหตุผลสิ้นดี “เมียของฉันต้องเก่งเรื่องบนเตียง ต้องทำกับข้าวอร่อย ต้องทำงานในไร่ได้ไม่ต่างจากคนงาน ที่จริงจะต้องทำงานบ้านเป็นทุกอย่าง ขยัน ไม่นิ่งดูดายปล่อยให้แม่บ้านทำเอง เธอก็ต้องเป็นแบบนั้น” “ก็ได้ พลับทำให้ได้” “เริ่มเลย” “ปล่อยสิคะ ไม่ปล่อยแล้วจะทำได้ไง” ถ้าเขายังกอดเธอแน่นแบบนี้ ยังหายใจรดใบหน้าเธอแบบนี้ แล้วจะออกไปทำทุกอย่างที่ต้องการได้ยังไง “หน้าที่แรกที่บอก จำได้ไหม”
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
ซ่งชิงเหอโดนหักหลังและกลายเป็นฆาตกรในสายตาคนอื่น เธอจึงหย่ากับสีจั้นถิง สามีของเธอ และเดินทางออกจากเมืองหวยไปด้วยความเกลียดชัง หกปีต่อมา เธอหวนกลับมาราวกับนกฟีนิกซ์พร้อมกับคู่แข่งของสามีเก่าเธอ เธอเติบโตขึ้นกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง เธอสาบานกับตัวเองว่าจะทำให้ทุกคนต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับเธอ เธอยอมร่วมมือกับเขาเพียงเพื่อแก้แค้น โดยไม่รู้เลยว่าเธอตกเป็นเหยื่อของเขาไปแล้ว ในเกมแห่งความรักและความปรารถนา ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ชนะที่แท้จริงจะเป็นใคร
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY