เรื่องราวชวนปวดหัวเมื่ออรณิมารับท้าพนันกับปาภัทรเพื่อให้ธีรรภัคหนุ่มหล่อหน้าตาดีมาตกหลุมรัก เรื่องจะอลวนอลเวงขนาดไหนมาอ่านกันเลย! +++ โปรยปราย “คืนนี้คุณจะเป็นของผม คุณต้องชดใช้ให้ผมได้ยินไหมอรณิมา” ท้ายประโยคธีรรภัคเอ่ยเสียงชัดถ้อยชัดคำจนหญิงสาวอดกลัวใจชายหนุ่มไม่ได้ อรณิมาจำต้องเก็บถ้อยคำที่อยากจะพร่ำด่าเขาออกมา เมื่อหญิงสาวเห็นเพียงแววตาที่สะท้อนกับหยาดน้ำตาคู่นั้น...แววตาพราวระยับมัวหมองจนมิเหลือเค้าของเพื่อนร่วมห้องเรียนคนก่อน ...นายภัค ประตูห้องถูกเปิดออกด้วยคีย์การ์ดใบเดียว เวลานี้อรณิมาถูกปิดตาอยู่ ธีรรภัคเหลียวมองใบหน้าหวานที่ถูกปิดตาอย่างกรุ่นโกรธ ยามนี้ชายหนุ่มพาดร่างของอรณิมาไว้กับบ่าของเขา นับแต่ที่เขารู้เรื่องการพนันของอรณิมา กับปาภัทร ความผิดหวังก็เข้ามาก่อตัวขึ้นมาเรื่อย ผิดหวังที่เพื่อนทั้งสองรวมหัวกันหลอกเขา คนหนึ่งล้อเล่นกับความรู้สึกเพื่อน แต่อีกคนหนึ่งอยากเสนอให้เขาแทบขาดใจ ดวงใจของชายหนุ่มนั้นแหลกสลาย ธีรรภัคคนเดิมคนเป็นผู้ชายที่โง่งมมากที่ตกหลุมรักสตรีที่มีมารยาร้อยเล่มเกวียนอย่างอรณิมา “เลิกมารยาสักที อรณิมา” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นขณะอุ้มหญิงสาวชุดเดรสยาวหางปลาหรูหราลงกับเตียงอย่างรุนแรง “ภัคเปิดตาให้อรเถอะนะ” อรณิมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเว้าวอน หญิงสาวคว้ามือเปะปะไปมาในอากาศ “…” ธีรรภัคไม่ตอบรับในทันที กระนั้นนัยน์ตาของชายหนุ่มกลับเหลือบเห็นชายผ้า “ไหนอรบอกว่าอยากใช้ร่างกายแลกกับความผิดที่อรก่อไว้ไง” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นขณะตวาดหญิงสาวดังสนั่น อรณิมาไหล่สั่นเล็กน้อย หญิงสาวพยายามกระถดหนีเสียงอย่างเขา “ภัคจะปิดตาอรไว้แบบนี้แหละ” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นอย่างชิงขังในมารยาร้อยเล่มเกวียนของหญิงสาว ‘ความแค้นวันนี้ต้องชำระวันนี้สิ’ ธีรรภัคคิดในใจ มือหนาถอดรองเท้าของตนเองออก ในเวลานี้ชายหนุ่มมีแต่ความแค้นเคืองต่อหญิงสาวถึงที่สุด “ภัคจะทำอะไร...อร” อรณิมาหวีดร้องสุดเสียงเมื่อได้ยินเสียงเสียงแควกดังขึ้นใกล้ตัวของหญิงสาว “จำคำพูดตัวเองแล้ว...จำวันนี้ไว้ให้ดี...ยัยเพิ้งอรณิมา” ธีรรภัคเอ่ยแล้วตวาดหญิงสาวเสียงดังสนั่นห้องนอนโรงแรมห้าดาว ดีลักซ์หรูหรา อรณิมารู้สึกหวาดกลัวถึงที่สุด เมื่อมือหนาของชายหนุ่มกระฉากชุดเดรส ของเธอออกมากองที่เรียวขาของเธอ
เจ้าบ่าว (ไม่) จำกัดรัก
บทนำ
ประเทศไทย
พุทธศักราช 2564
บ้านเดี่ยวใจกลางเมืองหลวง
“ฮัลโหล” ธีรภัคกรอกเสียงลงไปขณะกำลังชงกาแฟ
ชายหนุ่มเปลือยกายท่อนบนอวดกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ
“ไงเพื่อน” ชายหนุ่มเอ่ยขณะเติมกาแฟหอมรุ่นได้ที่ ธีรภัคเอื้อมหยิบช้อนมาคนกาแฟ
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ...คุณเพื่อน” ปลายสายตอบกลับมา
“ขอบใจเว้ย” ธีรภัคตอบกลับ
“เห้ย เดือนหน้าข้าจะแต่งงานแล้วนะเว้ย” ปลายสายเอ่ยขึ้น
“บ๊ะ น้องคนไหนของแกว่ะ” ธีรภัคเอ่ยถาม
“เจ้าสาวข้าอย่างเด็ด” เพื่อนสนิทเอ่ย
“วู้ว...ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเอ็งชมคนไหน ข้าชักอยากเห็นหน้าคนงามของเอ็งซะแล้วซิ” ชายหนุ่มเอ่ยแกมเย้า
“เออ...แล้วคลาสโนว่าตัวพ่ออย่างเอ็งเมื่อไหร่จะสละตำแหน่งว่ะ” ปลายสายเอ่ยถาม
“ไม่มีทางเว้ย...รอน้ำท่วมหลังเป็ดซะก่อนว่ะ” ธีรภัคเอ่ยตอบไหมน้า”
“เอ็งหมายถึงยัยเพิ้งนั่นน่ะเหรอ...โหยไม่ได้ครึ่งของน้องตาลข้าหรอกเว้ย”
“อ้อน้องลูกตาลนมหวานอ่ะน่ะ” ปลายสายเอ่ยแกมเยาะ
ธีรภัคอดขำพรืดออกมาไม่ได้ กาแฟร้อนแทบลวกลิ้นตาย เสียงออดดังขึ้นหน้าบ้านหนึ่งครั้ง
“เดี๋ยวข้ามาน่ะเว้ย...แค่นี้ก่อนพอดีน้องลูกตาลนมหวานมาว่ะ” ธีรภัคเอ่ยตอบแล้ววางสายเพื่อนสนิทคนสุดท้ายที่กำลังจะเป็นว่าที่เจ้าบ่าวไป
บ้านสีขาวสะอาดตาหลังใหญ่ สไตล์ตะวันตกตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของ อรณิมา
ดวงหวานแต้มรอยยิ้มอย่างยินดี เธอพยายามคลี่ยิ้มให้มากที่สุด แม้ว่าเวลานี้เธอจะเริ่มไม่สบอารมณ์มากที่สุดแล้วก็ตาม
ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าใดที่อรณิมาถือกล่องรออยู่อย่างนั้น สายลมเย็นเอื่อยพัดชุดเดรสยาวของเธอ
“ว้าย” อรณิมาเอ่ยร้องขณะที่หญิงสาวจวนเจียนจะเซล้ม
“ระวังคุณ!” ธีรภัคเอ่ยร้องขณะถลาล้มลงไปพร้อมหญิงสาว
เวลานี้ธีรภัคล้มทับใกล้อรณิมา ชายหนุ่มเบิกตากว้างแล้วกวาดสายตาไปโดนทรวงอกของเธอ
“ว้าย” อรณิมาร้องหวีดขึ้น
“ผม...ผมไม่ได้ตั้งใจ” ธีรภัคเอ่ยขึ้น ขณะมือไม้พันกันสาละวนยุ่งเหยิงกันไปหมด
“ฉัน...ไม่เป็นไร” เพียงคำแรกที่หญิงสาวเอ่ยออกมาทำให้ ธีรภัคอดชะงักในน้ำเสียงไม่ได้
“คุณเป็นใคร” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ฉันชื่ออรณิมาค่ะ พอดีฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ค่ะฉันเลยเอาขนมมาฝากค่ะ ยินดีทีได้รู้จักค่ะ” หญิงสาวเอ่ยทั้งยังหอบขนมหวานกลองใหญ่ไว้ในมือ
“โอ...ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มอุทาน ท้ายประโยคธีรภัคพยายามปรับน้ำเสียงสุภาพ
“ว้ายขนมฉัน” อรณิมาเอ่ยด้วยเสียงแหลม ขณะที่พยายามประคับประคองกล่องขนมขนาดใหญ่
“เอ่อ...ขนมน่าจะเละแล้วล่ะครับ” ธีรภัคเอ่ยขณะลอบมองอากัปกิริยาของสตรีตรงหน้า
“ขอโทษจริงๆค่ะ นิซุ่มซ่ามเอง” อรณิมาเอ่ยอย่างตำหนิตัวเอง
“ไม่เป็นไรครับ ผมชื่อธีรภัคนะครับ เรียกผมว่าภัคก็ได้ครับ” ธีรภัคเอ่ยขึ้น
ดวงหน้าหวานอดขึ้นสีเรื่อไม่ได้ อรณิมาสัมผัสได้ว่าเวลานี้ดวงตาของธีรภัคเปล่งประกายระยิบระยับกว่าเดิม
“ค่ะ งั้นเรียกฉันว่านิ เฉยๆ ก็ได้ค่ะ” อรณิมาเอ่ย
“ถ้าอย่างนั้นคงไม่รบกวนคุณภัคแล้วค่ะ” อรณิมาเอ่ยขณะก้มหยิบกล่องขนมเค้กขึ้นมาด้วยสีหน้าเศร้า
“จะเป็นไรไหม ถ้าผมจะเชิญคุณนิมามาดื่มกาแฟบ้านผม” ชายหนุ่มเอ่ยแก้เก้อ
ดวงหน้าหวานแต้มรอยยิ้มอ่อนจาง หญิงสาวสบสายตาของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างยินดี
“ถ้าอย่างนั้นนิคงต้องรบกวนแล้วล่ะค่ะ” อรณิมาเอ่ย
“ถ้าอย่างนั้นเชิญครับ” ธีรภัคเอ่ยแล้วผายมือเชื้อเชิญเธอ
ประตูรั้วหน้าบ้านสีเทาปิดลงอย่างแผ่วเบา ขณะที่ชายหนุ่มแอบลูบคางอย่างใช้ความคิด
‘นี่มันสวรรค์ชัดๆ’ ธีรภัคคิดในใจ
ดวงตาของธีรภัคลอบมองปลายเท้าเรียวขาวสะอาดของอรณิมาอย่างราชสีห์หิวโซ
+++
รื่องราวชวนปวดหัวเมื่ออรณิมารับท้าพนันกับปาภัทรเพื่อให้ธีรรภัคหนุ่มหล่อหน้าตาดีมาตกหลุมรัก เรื่องจะอลวนอลเวงขนาดไหนมาอ่านกันเลย! +++ โปรยปราย “คืนนี้คุณจะเป็นของผม คุณต้องชดใช้ให้ผมได้ยินไหมอรณิมา” ท้ายประโยคธีรรภัคเอ่ยเสียงชัดถ้อยชัดคำจนหญิงสาวอดกลัวใจชายหนุ่มไม่ได้ อรณิมาจำต้องเก็บถ้อยคำที่อยากจะพร่ำด่าเขาออกมา เมื่อหญิงสาวเห็นเพียงแววตาที่สะท้อนกับหยาดน้ำตาคู่นั้น...แววตาพราวระยับมัวหมองจนมิเหลือเค้าของเพื่อนร่วมห้องเรียนคนก่อน ...นายภัค ประตูห้องถูกเปิดออกด้วยคีย์การ์ดใบเดียว เวลานี้อรณิมาถูกปิดตาอยู่ ธีรรภัคเหลียวมองใบหน้าหวานที่ถูกปิดตาอย่างกรุ่นโกรธ ยามนี้ชายหนุ่มพาดร่างของอรณิมาไว้กับบ่าของเขา นับแต่ที่เขารู้เรื่องการพนันของอรณิมา กับปาภัทร ความผิดหวังก็เข้ามาก่อตัวขึ้นมาเรื่อย ผิดหวังที่เพื่อนทั้งสองรวมหัวกันหลอกเขา คนหนึ่งล้อเล่นกับความรู้สึกเพื่อน แต่อีกคนหนึ่งอยากเสนอให้เขาแทบขาดใจ ดวงใจของชายหนุ่มนั้นแหลกสลาย ธีรรภัคคนเดิมคนเป็นผู้ชายที่โง่งมมากที่ตกหลุมรักสตรีที่มีมารยาร้อยเล่มเกวียนอย่างอรณิมา “เลิกมารยาสักที อรณิมา” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นขณะอุ้มหญิงสาวชุดเดรสยาวหางปลาหรูหราลงกับเตียงอย่างรุนแรง “ภัคเปิดตาให้อรเถอะนะ” อรณิมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเว้าวอน หญิงสาวคว้ามือเปะปะไปมาในอากาศ “…” ธีรรภัคไม่ตอบรับในทันที กระนั้นนัยน์ตาของชายหนุ่มกลับเหลือบเห็นชายผ้า “ไหนอรบอกว่าอยากใช้ร่างกายแลกกับความผิดที่อรก่อไว้ไง” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นขณะตวาดหญิงสาวดังสนั่น อรณิมาไหล่สั่นเล็กน้อย หญิงสาวพยายามกระถดหนีเสียงอย่างเขา “ภัคจะปิดตาอรไว้แบบนี้แหละ” ธีรรภัคเอ่ยขึ้นอย่างชิงขังในมารยาร้อยเล่มเกวียนของหญิงสาว ‘ความแค้นวันนี้ต้องชำระวันนี้สิ’ ธีรรภัคคิดในใจ มือหนาถอดรองเท้าของตนเองออก ในเวลานี้ชายหนุ่มมีแต่ความแค้นเคืองต่อหญิงสาวถึงที่สุด “ภัคจะทำอะไร...อร” อรณิมาหวีดร้องสุดเสียงเมื่อได้ยินเสียงเสียงแควกดังขึ้นใกล้ตัวของหญิงสาว “จำคำพูดตัวเองแล้ว...จำวันนี้ไว้ให้ดี...ยัยเพิ้งอรณิมา” ธีรรภัคเอ่ยแล้วตวาดหญิงสาวเสียงดังสนั่นห้องนอนโรงแรมห้าดาว ดีลักซ์หรูหรา อรณิมารู้สึกหวาดกลัวถึงที่สุด เมื่อมือหนาของชายหนุ่มกระฉากชุดเดรส ของเธอออกมากองที่เรียวขาของเธอ +++
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"