วิวาห์ร้อนซ่อนสวาท - เหมวัต เจ้าของไร่ผู้ร่ำรวย จำต้องแต่งงานกับผกามาศ ลูกสาวของลุงผ่อง เจ้าของไร่ที่อยู่ข้างกัน เพราะต้องการกู้หน้าที่ลูกสาวท้องไม่มีพ่อ เพราะหนี้บุญคุณ ทำให้เหมวัตจำต้องช่วยเหลือ แต่มีข้อแม้ว่าเขาจะแต่งงานเพียงในนามเท่านั้น
วิวาห์ร้อนซ่อนสวาท - เหมวัต เจ้าของไร่ผู้ร่ำรวย จำต้องแต่งงานกับผกามาศ ลูกสาวของลุงผ่อง เจ้าของไร่ที่อยู่ข้างกัน เพราะต้องการกู้หน้าที่ลูกสาวท้องไม่มีพ่อ เพราะหนี้บุญคุณ ทำให้เหมวัตจำต้องช่วยเหลือ แต่มีข้อแม้ว่าเขาจะแต่งงานเพียงในนามเท่านั้น
ผกามาศ ชลสินธ์ เดินทางกลับบ้านด้วยหัวใจที่บอบช้ำ ภายหลังจากถูกกักไว้ที่บ้านหลังหนึ่งเมื่อครั้งที่ตำรวจบุกทลายชาวเวียดนามกลุ่มหนึ่งที่บังเอิญ เธอดันเข้าไปอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจซักเธออย่างหนัก ไม่เชื่อว่าเธอเป็นคนไทยอย่างที่เธอบอก แม้เธอจะพูดตอบโต้ภาษาไทยกับเขาอย่างคล่องแคล่ว แต่เธอไม่มีหลักฐานการเป็นคนไทย ทั้งบัตรประจำตัวประชาชนและพาสปอร์ต จะมีได้อย่างไร
ในเมื่อสิ่งเหล่านั้นมันหายไปหลังจากที่เธอพลัดหลงกับเพื่อนที่เมืองเว้ แล้วถูกพวกมันหลอกล่อจนต้องติดร่างแหไปด้วย เพียงไม่กี่อาทิตย์ที่เธออยู่ในกลุ่มพวกมัน ราวกับเธอติดอยู่ในนรก ทั้งที่นรกแห่งนั้นมันคือบ้านเกิดของเธอ ผู้หญิงชาวเว้ ยุ่นหลิง พบเธอโดยบังเอิญขณะที่เธอเดินอยู่อย่างโดดเดี่ยว
หลิงพูดไทยได้บ้างจึงชวนเธอเดินทางกลับเมืองไทยด้วยวิธีลักลอบกลับบ้าน เพราะในยามนั้นเธอมีเพียงแต่ตัว เพราะทุกอย่างถูกเชิดไปหมด ไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเองหรือว่าขโมยชาวเวียดนาม ยามนั้นเธอเหมือนเคว้ง คิดอะไรไม่ออก หลิงให้ข้าวให้น้ำ ให้แสงสว่าง แล้วพาขึ้นรถตู้ พร้อมๆกับสาวๆ อีกกลุ่มหนึ่ง
เดินทางผ่านลาวและกลับไทยได้ไม่ยากนัก เพียงแค่วันเดียวเธอก็เหยียบแผ่นดินไทยที่มุกดาหาร แล้วหลังจากนั้นชีวิตของเธอก็เหมือนตกอยู่ในขุมนรกอยู่เกือบเดือนกว่าตำรวจจะทลายแก๊งนั้นได้ เธอจึงได้พบกับอิสรภาพ
“ผึ้ง กลับมาแล้วหรือลูก ทำไมไม่ติดต่อพ่อเลย”
เสียงคนเป็นพ่อร้องทักเมื่อกลับมาเห็นลูกสาวที่นั่งอยู่หน้าบ้านด้วยอาการเหม่อลอยผกามาศหันมาตามเสียง ก่อนผวาเข้าไปหาพ่อแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหนักปานจะขาดใจ ทำให้คนเป็นพ่อตกใจแต่ก็กอดกระชับลูกไว้ในอ้อมกอด ลางสังหรณ์ของคนเป็นพ่อรับรู้ว่า ลูกสาวคนเดียวของเขาต้องเผชิญสิ่งที่เลวร้ายมาแน่ ๆ
“เกิดอะไรขึ้นลูก บอกพ่อได้ไหม”
“พ่อขา...”
เสียงผกามาศอู้อี้อยู่กับอกของผ่อง ผู้เป็นพ่อ ชาวไร่ที่มีอิทธิพลในจังหวัดนี้ แต่วันนี้ลูกสาวกลับพาความขายหน้ามาให้ถึงที่
“ค่อยๆ พูด กันลูก มีเหตุอะไร เราแก้ไขกันได้นะลูก”
ผ่องพยายามปลอบโยนลูกสาวที่รักปานแก้วตาดวงใจ เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ผกามาศขออนุญาตไปเที่ยวเวียดนามกับเพื่อน เขาไม่อยากให้ไป เพราะเป็นห่วง ในใจระแวงว่า ลูกสาวจะไปตามหาแม่ชาวเวียดนามที่เลิกร้างกับเขาไปนานแล้ว
ตั้งแต่คลอดลูกสาวคนนี้ แต่ผกามาศไม่เคยถามถึงแม่ และไม่เคยมีรูปของคนเป็นแม่ ขณะที่คนเป็นแม่เองก็ไม่เคยส่งข่าวมาถามหาลูกสาว เงียบหายราวตายจากกัน เขาจึงค่อยคลายความระแวง คิดแต่เพียงว่าลูกสาวอยากไปเที่ยวเล่นเพียงเท่านั้น
“ผึ้งขอโทษค่ะพ่อ”
ผกามาศ พร่ำขอโทษคนเป็นพ่อ น้ำตายังคงไหลพรากจนเปียกชุ่ม จนนายผ่องต้องดันร่างของลูกสาวให้ออกห่างจากตัวแล้วลากให้ไปนั่งบนเก้ากี้ที่อยู่ใกล้ตัว มันเกิดอะไรขึ้นเขาต้องรู้ให้ได้ ผกามาศไม่ใช่คนงอแง และไม่มีเหตุผล
“บอกพ่อมาลูก เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“ไม่มีอะไรค่ะพ่อ”
ผกามาศก้มหน้านิ่ง พยายามกลั้นเสียงสะอื้นและหยุดร้องไห้ หลังมือป้ายหยาดน้ำที่รินลงมาราวทำนบพัง
“เฮ่อ มีอะไรก็เล่าให้พ่อฟังซิลูก หนูยังมีพ่อ จะยากดีมีจนอย่างไร เราก็ต้องประคองกันไปนะลูกนะ”
เสียงคนเป็นพ่อปลอบประโลม ยิ่งทำให้น้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่น หยาดหยดลงมาอีก
“ผึ้ง แค่คิดถึงพ่อค่ะ ต่อไปนี้ ผึ้งจะไม่จากพ่อไปไหนอีกแล้ว”
นายผ่องยิ้ม ยกมือลูบศีรษะลูกเบา ๆ ผมของผกามาศยาวตรงสวยเหมือนคนเป็นแม่ที่จากไป ดวงตากลมโตดำขลับนั้น ทำให้เขาคิดถึงเธอเสมอ ผกามาศเหมือนเอลลี่ หว่าง แม่ของเธอ เขาพบเอลลี่ เมื่อยี่สิบปีก่อน เมื่อครั้งที่เดินทางไปท่องเที่ยวริมโขง มีชาวเวียดหลายคนมาเยี่ยมญาติที่เคยอพยพมาอยู่ในเมืองไทยมานานมาแล้ว หญิงสาวคนหนึ่งเตะตาเขาจนเขาแทบจะลืมหายใจยามเมื่อเธอยิ้มให้ โลกทั้งโลกเหมือนสว่างไสวไปหมด
เขาใช้ชีวิตอยู่กับเอลลี่เพียง ๒ ปีที่นั่น หลังจากที่เอลลี่คลอดลูกได้ไม่นาน เธอต้องกลับประเทศไป เพราะเธอไม่สามารถที่จะอยู่ในเมืองไทยได้อีก ไม่ว่าเขาจะพยายามรั้งเธอไว้อย่างไร เธอก็ยืนกรานที่จะกลับประเทศ ก็ยังดีที่เธอทิ้งของขวัญอันแสนวิเศษไว้ให้เขาดูต่างหน้า
ผกามาศ เด็กหญิงที่เป็นดวงใจของเขานายผ่องเซซังกลับบ้านเกิดที่เพชรบูรณ์แล้วแต่งงานกับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่ง เพื่อหวังจะให้ดูแลผกามาศ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็คลอดลูกสาวและลูกชายให้กับเขา หากแต่นายผ่องไม่เคยลืมเอลลี่ หว่าง เลย นี่เองที่ทำให้นางนิ่ม เมียใหม่เจ็บร้าวในใจตลอดมา
“พ่อก็คิดถึงลูก”
ผ่องมองลูกสาวด้วยสายตาเป็นห่วง รู้ในอกว่า ลูกสาวมีความในใจ แต่เมื่อลูกสาวไม่พูดก็ไม่รู้จะบังคับเธออย่างไร เพราะตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยบังคับลูกเลย ไม่ว่าจะเรื่องก็ตาม โชคดีที่ผกามาศเป็นเด็กดี จึงไม่เคยออกนอกลู่นอกทางให้เขากังวล
“พ่อคะ ถ้าผึ้งทำผิดร้ายแรงพ่อจะให้อภัยผึ้งได้ไหมคะ”
ผกามาศตัดสินใจพูดบางสิ่งออกมา หลังจากนิ่งเงียบไปนาน เธอไตร่ตรองดีแล้วว่า สิ่งที่เธอพลาดมาแล้วนั้น ไม่มีวันที่จะปกปิดความผิดนี้ได้ตลอดไป
“บอกพ่อมาเถอะลูก ไม่ว่าเรื่องมันจะเลวร้ายแค่ไหน คนเป็นพ่อย่อมอภัยให้ลูกเสมอ”
“ผึ้งกำลังจะมีเด็กค่ะ”
ซีรีย์พ่อเลี้ยง สองเรื่องราว สองคู่ ระหว่างพ่อเลี้ยงที่แตกต่างความคิดกันอย่างสิ้นเชิง แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเหมือนกันคือความรักให้คนที่ชื่อว่าเป็นลูกเลี้ยง จำเลยพ่อเลี้ยง /พฤศตะวัน - เมื่อหญิงสาวต้องกลายเป็นเครื่องมือการติดตามแม่ของเธอ จากชายหนุ่มที่เคยรักแม่ แต่...เสน่ห์ของจำเลยอย่างเธอ พ่อเลี้ยงหรือจะอดใจไหว พ่อเลี้ยงบำเรอรัก/ พฤศตะวัน - วิชนี เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เพื่อทวงมรดกของแม่คืนจากพ่อเลี้ยง ทว่า พ่อเลี้ยงที่เธอนึกเกลียดเขามาตลอดนั้นว่าแย่งแม่ของเธอไปจากพ่อ กลับกลายเป็นแค่ตัวหลอก และเป็นผู้ปกป้องเธอมาตลอด
ซีรีย์ดอกไม้สวาท ความแตกต่างคือความงาม ดอกไม้ 2 ชนิดที่ใช้ชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เกสรดอกชู้ /พันตะวัน - ธีธัช หนุ่มหล่อผู้มีความสามารถกลับมาเมืองไทยกะทันหัน หลังจากแม่เสียชีวิต ต้นเหตุมาจากแม่ลูกคู่หนึ่ง ซึ่งเขาจะต้องเอาคืนให้ได้ และอันดาคือเหยื่อในความแค้นครั้งนี้ ผกากลีบทอง /พันตะวัน - บุหงาและอาทิตย์ ต้องแต่งงานตามความต้องการของผู้ใหญ่ แต่เส้นทางความรักของคนทั้งคู่ ต่างมีสิ่งที่ต้องปกปิดกันและกัน บุหงาสาวสวยเสนห์แรงจึงต้องเผชิญเรื่องรักในทิศทางที่เธอไม่อาจควบคุม
ซีรีย์บาป 2 เรื่อง 2 รส กับความรักที่ปนเปไปด้วยความใคร่และความรู้สึกผิด บาปหวาน / พฤศตะวัน - ผิดไหม? ที่เธอรักพ่อเลี้ยง สามีใหม่ของแม่ที่ตายไปนานแล้ว แต่เธอจะทำอย่างไรดี ในเมื่อพ่อเลี้ยงของเธอ ยังคงรักแม่ของเธอโดยไม่มีทีท่าว่าจะลืม บาปสวาท /พันตะวัน - เมื่อความใคร่เข้ายึดครองการใช้ชีวิต คู่แต่งงานที่ต่างก็หมดรักกัน จึงต้องหาทางออกเพื่อให้ตัวเองสมประโยชน์
มนตราพญามาร - บ้านไร่ตะวันฉายของตฤณพบ ต้องต้อนรับผู้หญิง 2 คน คือ ไอรดา และปิยฉัตร ทั้งคู่ มีคำถามต่อเขาถึงเรื่องราวในอดีตที่น่าสงสัย แต่ตฤณภพก็ใช้ความใคร่ปะปนไปกับความรักจนสยบเด็กสาวทั้งคู่ได้
ไฟปรารถนา เพลิงอาวุธ - อาวุธ เศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนและรีสอร์ตหรูบนเกาะส่วนตัว จำต้องยอมรับ แองจี้ หลานสาวของลูกจ้างคนเก่าแก่เข้ามาทำงานในอาณาจักรของเขาโดยไม่เต็มใจนัก เพราะทันทีที่เห็นหน้าเธอ เขาก็รู้ทันทีว่า เขาจะไม่เป็นสมภารกินไก่วัดเด็ดขาด แต่เขาจะทำได้หรือ?
หล่อนชื่อไลลา - ไลลา สาวสวยที่ใช้ชีวิตอิสระ สุดเหวี่ยงกับความรักและความใคร่ ทั้งที่ใจจริงนั้นเธอโหยหาความรักมาตลอด และหวังว่าวันหนึ่ง ชีวิตเธอจะเจอคนที่ใช่!!
หยุนม่านชิง บุตรสาวของฮูหยินเอกจากจวนโหวหวยอัน ซึ่งถูกสลับตัวตอนอายุยังน้อย และเติบโตในชนบท เมื่อนางได้กลับมาที่จวนท่านโหวหวยอัน นางคาดหวังความรักและความอบอุ่นจากครอบครัว แต่ไม่คาดคิดว่าเป็นเพียงภาพลวงตาจวนโหวถูกยึดครองโดยหยุนโหรวเจียที่เป็นลูกสาวปลอม ในการวางแผนของลูกสาวปลอมและคู่หมั้นของนาง หยุนม่านชิงต้องแต่งงานในฐานะอนุภรรยา ต้องทำตัวนอบน้อมและก้มหัวให้ทุกคนเพื่อเอาใจคนในบ้าน นางคิดว่าจะได้ความรักและความสามัคคีในครอบครัว แต่กลับต้องถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่องจนถึงแก่ชีวิตเมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางกลับมาสู่วันที่เปลี่ยนโชคชะตาของนาง หยุนม่านชิงไม่ยอมอดทนอีกต่อไป นางค่อยๆ เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของลูกสาวปลอม ไม่ได้ต้องการความรักที่เป็นเพียงภาพลวงอีก และได้เรียกคืนทุกสิ่งที่เป็นของนางทีละนิดเมื่อนางตัดสินใจที่จะตัดขาดจากจวนท่านโหวอย่างสิ้นเชิง คนทั้งจวนกลับคุกเข่าขอร้องไม่ให้นางจากไป!
หนุ่มวิศวะปีสี่ที่ได้ฉายา เสือยิ้มยาก เขาผู้ไม่เคยยิ้มให้ใครแต่กลับยิ้มให้เธอเห็นเพียงคนเดียว จากคนที่ไม่คิดจะรักใครแต่กลับรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น มารู้ตัวอีกทีก็ไม่อยากเป็นแค่รุ่นพี่แล้วแต่อยากเป็น(ผัว)
-- ในศตวรรษที่ 26 ทหารรับจ้างอันดับหนึ่งได้กลับชาติมาเกิดใหม่ กลายเป็นลูกเลี้ยงที่ไร้ค่าของตระกูลผู้มีชื่อเสียง แต่เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง โลกก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ย่ำยีชายทรยศ ข่มเหงหญิงเลว จัดการกับพวกที่ทำให้ชีวิตติดขัด เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งตามใจปรารถนา ควบคุมเทพสัตว์นับพัน ถลุงยาวิเศษ วางข่ายศักดิ์สิทธิ์ วาดยันต์ผี ทุกอย่างนางทำได้อย่างชำนาญ อยู่เหนือกว่าอัจฉริยะทั้งห้าภพ โลกนี้นางครอบครอง ไม่สามารถบำเพ็ญตบะงั้นหรือ แต่นางเป็นผู้ครอบครองพลังครบทุกธาตุ ไม่มีคุณสมบัติมากพอบำเพ็ญลัทธิหรือ นางนอกจากบำเพ็ญลัทธิอสูรลัทธิเทพลัทธิวิญญาณลัทธิมารทั้งสีแล้ว ยังสร้างลัทธิภูตผีอีกด้วย ไร้ค่า ไม่มีความสามารถงั้นหรือ นางคือราชาผี ที่สืบทอดพลังหยินขั้นสูง แค่กระดิกนิ้ว พญาวิญญาณแค้นนับหมื่นก็พรั่งพรูมาปรนนิบัติ เพียงแต่ว่าจักรพรรดิผู้ลึกลับที่ตามตื้อนางนั้น มันคือยังไงกัน เฝิงอี้ "เพิ่งเจอหน้ากันก็ถอดเสื้อข้า เช่นนั้นเราสู้กันบนเตียงอีกรอบดีหรือไม่" เย่วเฉิงเฟิงยิ้มยั่ว "ผู้ชายมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของข้า ท่านจักรพรรดิ ท่านเดินทางดีๆ ลาก่อนนะ"
ฉินเซี่ยหรู คุณหนูใหญ่แห่งสกุลฉิน นางสิ้นอายุขัยจากการถูกสามีอย่าง หวงจิงอวี่ทำร้ายจิตใจด้วยการรับอนุเข้ามาอยู่ในจวนมากมาย เขามิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครั้งจนอนุที่รับมานั้นตั้งครรภ์ อำนาจในการดูแลเรือนของนางจึงดูไร้ค่า เพราะแม่ของสามีก็ดูถูกที่นางมิสามารถมีทายาทสืบสกุลได้ นางจะมีได้เช่นไรกัน ในเมื่อสามีที่แต่งนางมานั้นมิเคยร่วมเตียงกับนางเลยสักครา จนนางตรอมใจและดับสูญไปในที่สุด ผู้ใดจะรู้เรื่องราวหลังจากนั้น ฉินเซี่ยหรูได้กลับชาติไปเกิดในร่างของหลานสาวขี้โรคของนาง แต่ทว่าการได้เกิดใหม่ในครั้งนี้ทำให้ร่างกายของหลานสาวนั้นกลับมาแข็งแรงราวปาฏิหารย์ สตรีที่เคยมีอายุยี่สิบสามปี แต่บัดนี้กลับกลายมาอยู่ในร่างของเด็กหญิงอายุเจ็ดขวบ นางตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่าในอนาคต นางจะมิยอมแต่งงานอีกต่างหาก แต่เมื่อได้พบเจอกับเขา นักปราชญ์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมา นางจึงเปิดใจและอยากแต่งงาน นั่นเป็นเพราะเขาทำให้นางได้รู้จักความรักที่แท้จริง... ความรักที่ไม่เคยได้รับรักตอบจากชาติภพก่อน
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
© 2018-now MeghaBook
บนสุด