มนตราพญามาร - บ้านไร่ตะวันฉายของตฤณพบ ต้องต้อนรับผู้หญิง 2 คน คือ ไอรดา และปิยฉัตร ทั้งคู่ มีคำถามต่อเขาถึงเรื่องราวในอดีตที่น่าสงสัย แต่ตฤณภพก็ใช้ความใคร่ปะปนไปกับความรักจนสยบเด็กสาวทั้งคู่ได้
แสงแดดร้อนจัดจ้า ส่องสาดมาริมทางถนนลูกรังที่ไกลสุดลูกหูลูกตา สองข้างทางมีเพียงไร่ข้าวโพดที่สูงท่วมหัว เท้าเรียวเล็กกำลังก้าวยาวๆ ด้วยความเร่งรีบ เพื่อให้ทันเวลาก่อนที่ตะวันจะชิงพลบ เธอยังไม่รู้แน่ว่า คนที่เธอตามหาอยู่นั้นจะมีตัวตนอยู่หรือไม่ แต่เขาก็คือความหวังของเธอ เป็นความหวังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดที่เธอต้องไขว่คว้าไว้ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้
ไอรดาถูกปล่อยทิ้งไว้ที่ริมทางถนนใหญ่พร้อมกระเป๋าเป้ใบเขื่อง กระเป๋ารถบอกอย่างใจดีว่า ไม่มีรถเข้าไปภายในไร่ตะวันฉาย แต่ถ้ารออยู่จะมีรถจากฟาร์มผ่านไปมาเสมอ แต่ไอรดาไม่ยอมรอ เธอตัดสินใจเดินเข้ามา แม้ว่าหนทางจะไกลนับ 10 กิโลเมตรก็ตาม
เสียงรถวิ่งตามหลังเข้ามาบีบแตรทักทาย เธอรับรู้ว่าคนชนบทล้วนมีน้ำใจ ไอรดาหยุดยืนอยู่ริมทางถอดหมวกใบกว้างที่สวมไว้ออกมาถือแล้วยิ้มให้กับเจ้าของรถผู้ใจดี
“จะไปไหนครับ แดดร้อนเปรี้ยงอย่างนี้ ทำไมไม่รออยู่ร่มไม้”
เจ้าของรถกระบะคันเก่า ดับเครื่องรถที่ครางสนั่นก่อนจะชะโงกมาถามหญิงสาวที่ก้มลงมองหน้า ไอรดามองปราดเดียวก็รู้ว่ารถคันนี้ใช้งานมาอย่างโชกโชน สีดั้งเดิมของมันมองแทบไม่เห็น เพราะถูกแทนทีด้วยสีสนิมผุกร่อน ส่วนเจ้าของรถ อายุก็คงไม่ต่างจากรถสักเท่าไหร่
“ฉันจะไปไร่ตะวันฉายน่ะลุง รถประจำทางส่งฉันที่ปากซอยก็เลยต้องเดินเข้ามา”
“เอ๊าๆ ขึ้นมา แล้วลุงจะเลยไปส่งให้ ไร่คุณตฤณเขาอยู่ติดกันกับลุงนี่แหละ”
ลุงใจดีเชื้อเชิญให้เด็กสาวคราวหลานขึ้นรถด้วยไมตรี หญิงสาวเหวี่ยงเป้ขึ้นหลังรถแล้วรีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งข้าง ยิ้มแก้มแทบปริด้วยความดีใจเพราะขาที่ย่ำเดินผ่านเปลวแดดล้าจนแทบจะทรุดอยู่แล้ว
“จะไปหาใครที่ไร่เหรออีหนู”
ลุงติดเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม ก่อนกระตุกเครื่องยนต์แล้วเคลื่อนออกไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ
“ฉันมาหาแม่ค่ะ พ่อสั่งเสียไว้ก่อนตายว่า ถ้าฉันอยากเจอแม่ให้มาที่ไร่ตะวันฉาย แม่อยู่ที่นี่”
ไอรดาเล่าด้วยรอยยิ้มแม้แววตาจะดูหม่นเศร้าเมื่อกล่าวถึงพ่อ
“เออ..แล้วแม่ชื่ออะไรล่ะเผื่อลุงจะรู้จัก เราด้วยชื่ออะไร ลุงชื่อสิทธิ์ เรียกลุงสิทธิ์ก็ได้”
“ฉันชื่อไอรดาจ๊ะ แม่ฉันชื่ออินทิรา ลุงสิทธิ์รู้จักไหมจ๊ะ”
“เอ....ลุงไม่คุ้นเลยนะ แต่เอาเถอะถ้าไปถึงไร่ตะวันฉายก็คงรู้เองแหละ”
ลุงสิทธิ์ขมวดคิ้ว ไม่อยากทำลายความหวังของเด็กสาว เพราะเขาเองก็คุ้นเคยอยู่กับเจ้าของไร่ตะวันฉายมานาน แต่คนที่ชื่อ อินทิรา เขาเชื่อว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อเลย แต่ไม่แน่ แม่ของเด็กสาวคนนี้อาจจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นคนงานในไร่ของตฤณภพก็ได้
ลุงสิทธิ์ขับรถเลยไปส่งไอรดาที่ไร่ตะวันฉาย หลายครั้งที่เขาลอบมองใบหน้าของเด็กสาวเหมือนกับคุ้นเคยว่าเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ที่ไหนมาก่อน แววตาสดใส จมูกโด่งรั้น ริมฝีบางได้รูปและแดงเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ ผมยาวดำขลับผูกเปียไว้หลวม ๆ ทำให้เธอน่าจะดูเด็กกว่าอายุจริง
แต่คนที่เขาเคยคุ้นอายุมากกว่านี้ แต่ผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าชื่ออินทิรา หรือไม่ ที่สำคัญเธอไม่ได้อยู่ที่ไร่ตะวันฉายแล้ว
“ขอบคุณมากลุงมากนะคะที่มาส่ง”
ไอรดายกมือไหว้อย่างนอบน้อมแววตาเต็มไปด้วยความหวัง
“หนูไอ ถ้าไม่เจอคนที่รู้จัก หนูจะทำยังไง”
ลุงสิทธิ์อดเป็นห่วงไม่ได้ หรือเขาควรจะรอให้เด็กสาวคนนี้ถามคนในไร่ก่อน ถ้าไม่เจอจะทำยังไง หรือจะให้เด็กคนนี้ไปพักอยู่ที่บ้านเขาสักคืนก่อนส่งกลับ
“ต้องเจอซิคะลุง พ่อไอไม่เคยโกหก พ่อบอกว่าแม่อยู่ที่นี่”
“แล้วถ้าไม่เจอล่ะ”
ลุงสิทธ์ย้ำคำเดิม
“ถ้าไม่เจอ....ไอก็กลับบ้าน”
ไอรดาบอกง่าย ๆ ราวกับว่า จากไร่ตะวันฉายไปตัวเมืองมีรถรับส่งอย่างนั้น
ลุงสิทธิ์ไม่ถามเด็กสาวอีกแล้ว เขาเปิดประตูรถออกมาแล้วสอดส่ายสายตามองเข้าไปในตัวบ้าน ก่อนจะตะโกนเรียกแม่บ้านด้วยความคุ้นเคย ชั่วครู่ร่างท้วมของสาววัยกลางคนก็โผล่มาจากด้านหลังตัวเรือน
“พี่สิทธิ์ มีอะไรตะโกนเรียกโวยวายอยู่ได้”
“คุณคนนี้ เขามาตามหาแม่เขาที่ไร่ตะวันฉาย ฉันเองก็ไม่รู้จัก เอ็งพอจะรู้จักบ้างไหม”
“ชื่ออะไรละคะ แม่ของคุณ”
ป้านุ่มหันมาถามเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างลุงสิทธิ์ ไอรดายกมือไหว้ทันทีที่ป้านุ่มหันมาถาม
“แม่ของไอ ชื่ออินทิราค่ะ พ่อบอกว่า แม่อยู่ที่ไร่ตะวันฉาย”
ป้านุ่มชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปยิ้มให้ลุงสิทธิ์
“เอ่อ....พี่สิทธิ์กลับไปก่อนเถอะ ฉันเองก็ต้องถามคุณตฤณภพ ไม่ต้องห่วงเด็กคนนี้หรอก ยังไงคืนนี้ฉันจะให้นอนกับฉันก่อน”
“หมายความว่ายังไงคะป้า ป้าไม่รู้จักแม่ของไอหรือคะ”
“ป้าไม่แน่ใจค่ะ ไว้รอถามคุณตฤณเธอก็แล้วกันนะคะ”
ป้านุ่มตัดบท ลุงสิทธิ์เองก็สงสัย แต่เมื่อมองตากับนางนุ่ม เพื่อนบ้านรุ่นน้องก็สงบปากสงบคำ ไว้โอกาสหน้าเขาคงจะรู้ว่า..เกิดอะไรขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น ฉันฝากด้วยนะ”
ลุงสิทธิ์ขยับก้าวขึ้นรถ ส่งยิ้มให้กับไอรดาที่ยกมือไหว้ลาอย่างรู้มารยาท พรุ่งนี้เขาจะลองแวะมาหาเจ้าของไร่เสียหน่อยในฐานะคนคุ้นเคยกัน หรืออีกนัยหนึ่งเขาอยากรู้ว่า อินทิราที่เด็กสาวคนนี้บอกว่าเป็นแม่...เธอจะใช่ผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า
***************
ซีรีย์รักต่างวัย เรื่องของความรักที่ไม่อาจหักห้าม แม้วัยต่างกันแต่หัวใจเร่าร้อนอยู่ด้วยกัน เสน่หาหญ้าอ่อน: มีนา หรือมีน สาวน้อยวัย 19 ต้องเข้าไปพัวพันธุรกิจของเหมืองนิลดีที่มี อรรคพล หนุ่มใหญ่ใจดีเป็นเจ้าของ เมื่อญาติของเธอทุจริต เธอจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือ แต่จะเป็นไรไปล่ะ เมื่อเธอก็ยินยอมพร้อมใจอยู่แล้ว เสน่หาโคแก่: พฆัคฆ์หรือเสือ นักธุรกิจพันล้าน หนีรักเข้าป่า จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าไม่ได้ชาวบ้านและเด็กสาวที่ชื่อ แป้งร่ำช่วยเอาไว้ และนั่นเป็นที่มาของโคแก่ที่เล็งหญ้าอ่อนไว้
ซีรีย์พ่อเลี้ยง สองเรื่องราว สองคู่ ระหว่างพ่อเลี้ยงที่แตกต่างความคิดกันอย่างสิ้นเชิง แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเหมือนกันคือความรักให้คนที่ชื่อว่าเป็นลูกเลี้ยง จำเลยพ่อเลี้ยง /พฤศตะวัน - เมื่อหญิงสาวต้องกลายเป็นเครื่องมือการติดตามแม่ของเธอ จากชายหนุ่มที่เคยรักแม่ แต่...เสน่ห์ของจำเลยอย่างเธอ พ่อเลี้ยงหรือจะอดใจไหว พ่อเลี้ยงบำเรอรัก/ พฤศตะวัน - วิชนี เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เพื่อทวงมรดกของแม่คืนจากพ่อเลี้ยง ทว่า พ่อเลี้ยงที่เธอนึกเกลียดเขามาตลอดนั้นว่าแย่งแม่ของเธอไปจากพ่อ กลับกลายเป็นแค่ตัวหลอก และเป็นผู้ปกป้องเธอมาตลอด
ซีรีย์ดอกไม้สวาท ความแตกต่างคือความงาม ดอกไม้ 2 ชนิดที่ใช้ชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เกสรดอกชู้ /พันตะวัน - ธีธัช หนุ่มหล่อผู้มีความสามารถกลับมาเมืองไทยกะทันหัน หลังจากแม่เสียชีวิต ต้นเหตุมาจากแม่ลูกคู่หนึ่ง ซึ่งเขาจะต้องเอาคืนให้ได้ และอันดาคือเหยื่อในความแค้นครั้งนี้ ผกากลีบทอง /พันตะวัน - บุหงาและอาทิตย์ ต้องแต่งงานตามความต้องการของผู้ใหญ่ แต่เส้นทางความรักของคนทั้งคู่ ต่างมีสิ่งที่ต้องปกปิดกันและกัน บุหงาสาวสวยเสนห์แรงจึงต้องเผชิญเรื่องรักในทิศทางที่เธอไม่อาจควบคุม
ซีรีย์บาป 2 เรื่อง 2 รส กับความรักที่ปนเปไปด้วยความใคร่และความรู้สึกผิด บาปหวาน / พฤศตะวัน - ผิดไหม? ที่เธอรักพ่อเลี้ยง สามีใหม่ของแม่ที่ตายไปนานแล้ว แต่เธอจะทำอย่างไรดี ในเมื่อพ่อเลี้ยงของเธอ ยังคงรักแม่ของเธอโดยไม่มีทีท่าว่าจะลืม บาปสวาท /พันตะวัน - เมื่อความใคร่เข้ายึดครองการใช้ชีวิต คู่แต่งงานที่ต่างก็หมดรักกัน จึงต้องหาทางออกเพื่อให้ตัวเองสมประโยชน์
ไฟปรารถนา เพลิงอาวุธ - อาวุธ เศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนและรีสอร์ตหรูบนเกาะส่วนตัว จำต้องยอมรับ แองจี้ หลานสาวของลูกจ้างคนเก่าแก่เข้ามาทำงานในอาณาจักรของเขาโดยไม่เต็มใจนัก เพราะทันทีที่เห็นหน้าเธอ เขาก็รู้ทันทีว่า เขาจะไม่เป็นสมภารกินไก่วัดเด็ดขาด แต่เขาจะทำได้หรือ?
วิวาห์ร้อนซ่อนสวาท - เหมวัต เจ้าของไร่ผู้ร่ำรวย จำต้องแต่งงานกับผกามาศ ลูกสาวของลุงผ่อง เจ้าของไร่ที่อยู่ข้างกัน เพราะต้องการกู้หน้าที่ลูกสาวท้องไม่มีพ่อ เพราะหนี้บุญคุณ ทำให้เหมวัตจำต้องช่วยเหลือ แต่มีข้อแม้ว่าเขาจะแต่งงานเพียงในนามเท่านั้น
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."