“อ๊า… คุณลุงขาหนูเสียว… ” แพรลดาครางเป็นประโยคซ้ำๆ… โดนท่านประธานจอมหื่นเอื้อมมือขึ้นมาบีบนมพร้อมกับปาดลิ้นเบิร์นกลีบสวาทไปพร้อมกัน ทำเอาหล่อนเสียวซ่านแทบขาดใจ “อูยยย… ซี้ดดด… เสียวค่ะคุณลุง” ไหล่สองข้างของแพรลดาบิดลู่เข้าหากัน สองมือเกาะไหล่ของธำรงค์เอาไว้แน่น แอ่นง่ามขารับปลายลิ้นปาดเลียเข้าใส่กลีบมาลีอย่างกระหาย เต้านมกระเพื่อมส่ายตามจังหวะบิดตัวไปมาด้วยความเสียวซ่าน “อ๊า… อ๊า… อ๊า… อ๊า… อ๊า… อ๊า… ” แพรลดาร้องครางตามจังหวะลิ้น ปลายหัวนมชูชันสู้ฝ่ามือใหญ่ที่กำลังบีบเคล้นหัวนมแล้วลงลิ้นเลียน้องสาวของหล่อนไปพร้อมกัน กระตุ้นจุดอ่อนไหวในกายสาวทั้งบนและล่างจนน้ำคาวสวาทหลั่งไหลออกมาอีกระลอก “อูย… คุณลุงขาหนูจะตายอยู่แล้ว… ” แพรลดาแสดงอาการกระสันหาการสอดใส่ออกมาด้วยความลืมตัวด้วยการขมิบกลีบไม่หยุด “อยากแล้วใช่ไหม… ” ท่านประธานกล่าวอย่างเข้าใจความรู้สึกของสาวน้อยที่เขาพยายามกระตุ้นเร้าจนร่างกายของหล่อนตื่นตัวตอบสนองอย่างที่เห็น “ว้าววว… เยิ้มฉ่ำเลยหนูจ๋า… ” ธำรงค์ชอบใจ…
ท่านประธาน
กระหายสวาท
มกราคม พุทธศักราช 2564
ที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือไอโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน ทำให้ ‘ธำรงค์’ ชายวัยสี่สิบปีผู้เป็นเจ้าของโรงแรมต้องเอื้อมมือคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู เมื่อเห็นชื่อของเพื่อนรักปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“เฮ้ย… ไอ้นันต์… วันนี้นึกยังไงโทรมาหากู”
ธำรงค์กรอกเสียงทักทายไปยังต้นสายด้วยสรรพนามที่สนิทสนม
“สวัสดีเพื่อน… กูมีเรื่องให้มึงช่วยหน่อย”
‘อนันต์’ กล่าวไม่อ้อม ใช้สรรพนามแทนตัวเองว่ามึงกูเพราะความสนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน
“มีอะไรว่ามาเลยเพื่อน… ”
ธำรงค์พร้อมจะช่วย
“ยัยแพรลูกสาวกูกำลังหาที่ฝึกงาน… กูอยากให้มาฝึกที่โรงแรมมึงได้ไหมวะ จะได้ช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลลูกสาวให้กูด้วย… ”
อนันต์บอกธุระที่ทำให้ต้องโทรมา เรียกชื่อลูกสาวสั้นๆ ว่า ‘แพร’ ชื่อจริงคือ ‘แพรลดา’
“แหมเรื่องแค่นี้เอง ได้เลยเพื่อน”
ธำรงค์ไม่ขัดข้อง
“ตอนนี้ยัยแพรลูกสาวกูเรียนมหาลัยฯ ใกล้จบแล้ว… ”
“เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ เผลอไม่กี่ปีหนูแพรกำลังจะเรียนจบแล้วหรือนี่… ”
ธำรงค์กล่าว…
ภาพเมื่อหลายปีก่อนของเด็กสาวใบหน้าสะสวย ผิวขาว ตาคม ผมยาว จมูกโด่ง ใบหน้ารูปไข่ ผุดเข้ามาในความทรงจำของธำรงค์อีกครั้ง เขาไม่เคยลืมเด็กหญิงผู้น่ารักคนนี้
“ใช่… ตอนนี้ยัยแพรกำลังเรียนอยู่ชั้นปีสี่… ปีสุดท้ายแล้ว… อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้ว”
อนันต์ตอบ
“หนูแพรเรียนสาขาอะไร”
ที่ต้องถามก็เพราะธำรงค์คิดว่าจะได้ให้ฝึกงานในแผนกที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่หล่อนเรียนมา
“เรียนเลขา… ”
อนันต์ตอบ
“ถ้าหนูแพรเรียนมาทางด้านเลขา… งั้นก็มาฝึกงานกับกูตรงโดยตรงจะดีกว่า ตอนนี้เลขาคนเก่าของกูเพิ่งลาออกไปทำกิจการส่วนตัว… ”
ธำรงค์คิดว่าจะได้ช่วยดูแลลูกสาวของเพื่อนรักได้อย่างใกล้ชิด ช่างบังเอิญว่าตอนนี้เขากำลังจะประกาศรับสมัครเลขาคนใหม่อยู่พอดี
“ดีเหมือนกัน… ขอบใจมากนะเพื่อน งั้นอาทิตย์หน้าจะให้ยัยแพรเข้าไปฝึกงานที่โรงแรม ว่าแต่ยัยแพรยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน… กลัวว่าจะช่วยงานแกไม่ได้อย่างที่หวัง… ”
อนันต์รีบออกตัว
“ไม่เป็นไร… เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง หนูแพรเรียนมาทางนี้ฝึกได้ไม่ยาก… ”
“ขอบใจมากธำรงค์… ฝากด้วยนะเพื่อน… ”
น้ำเสียงของอนันต์โล่งใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อรู้ว่าลูกสาวของตนจะได้ฝึกงานในโรงแรมใหญ่ของเพื่อนรัก
“แล้วมึงเป็นไงบ้างวะ กิจการไร่กาแฟเป็นยังไงบ้าง… ”
ธำรงค์ถาม…
แม้ทุกวันนี้อนันต์มีไร่กาแฟและไร่ส้มอยู่ในจังหวัดเชียงราย แต่ฐานะก็ยังเทียบไม่ได้กับธำรงค์ที่เป็นเจ้าของโรงแรมและรีสอร์ทอีกหลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดท่องเที่ยวหลายที่ในประเทศ
“กิจการไร่กาแฟไปได้ดีเลยว่ะ ปีนี้ส่งออกเมล็ดกาแฟได้ตามเป้าที่ตั้งไว้… ”
“เยี่ยมเลยเพื่อน… เอาไว้ว่างๆ กูจะแวะไปเที่ยวหา… ”
“มาเลย… กูอยากเจอมึงเหมือนกัน… นานแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน… ”
พูดคุยกันต่อมาอีกครู่สั้นๆ ก็กดวางสาย
ในเวลาต่อมา
ภายหลังวางสายสนทนาจากธำรงค์ได้ไม่นาน อนันต์ก็โทรหาลูกสาวของตนในทันที
“ยัยแพร… ตอนนี้พ่อหาที่ฝึกงานให้แกได้แล้วนะ… ”
อนันต์บอกข่าวดีในทันทีที่หญิงสาวกดรับสาย แพรลดากำลังหาข้อมูลของบริษัทที่รับนักศึกษาฝึกงานอยู่เช่นกัน
“ที่ไหนคะคุณพ่อ… ”
แพรลดารู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าบิดาของตนจะหาที่ฝึกงานได้เร็วขนาดนี้
“โรงแรมของเพื่อนพ่อเอง… ”
อนันต์ตอบ
“โรงแรมของเพื่อนคุณพ่ออยู่ที่ไหนคะ… ”
ความหวังว่าจะได้ลงไปฝึกงานในกรุงเทพฯ ของแพรลดา มีแววว่ากำลังจะดับวูบ
“โรงแรมอยู่ที่เชียงใหม่นี่แหละ… แกจะได้ไม่ต้องไปฝึกงานไกลถึงกรุงเทพฯ… ”
อนันต์บอกชื่อของโรงแรมกับลูกสาว แพรลดารู้จักโรงแรมชื่อดังแห่งนี้ แต่ก็ไม่เคยรู้ว่าเจ้าของโรงแรมเป็นเพื่อนกับบิดาของตน
“เดี๋ยวไปฝึกงานกับลุงธำรงค์… ”
อนันต์กล่าวเสียงเข้ม เพราะรู้ว่าลูกสาวของตนนั้นอยากลงไปฝึกงานที่กรุงเทพฯ
“อันที่จริงหนูอยากไปฝึกงานที่กรุงเทพฯ… ”
หญิงสาวกล่าวเสียงอ่อน ก่อนที่เสียงเข้มของบิดาจะตอบกลับมา
“ไม่ได้… ไปอยู่ไกลหูไกลตาพ่อเป็นห่วง สรุปว่าฝึกงานที่โรงแรมของเพื่อนพ่อนี่แหละ… ลุงธำรงค์ใจดี”
“ลุงธำรงค์… อืมมม… หนูเคยเห็นไหมคะ”
หญิงสาวรู้สึกคุ้นชื่อ
“เคยเมื่อนานมาแล้ว เมื่อเจ็ดหรือแปดปีที่แล้วลุงธำรงค์เคยแวะมาที่ไร่กาแฟของเรา… ”
อนันต์กล่าว
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนา อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ………. นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง *เราเตือนท่านแล้ว*
กรุงเทพฯ มหานคร ตอนเช้า ที่ห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ เสียงพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างลูกสะใภ้กับเพื่อนสาวของหล่อนที่อยู่ปลายสาย ทำให้ พ่อเลี้ยง ‘เพลิง’ ถึงกับชะงัก ต้องแอบฟังอย่างเสียมารยาท เพราะมันเหมือนเป็นการหยามเกียรติของลูกชายจนเขาทนไม่ได้
ทีปต์อุทานเบาๆ กับภาพที่เห็น… มาลิลล์กำลังนอนหงายอยู่บนเตียง ในสภาพเปลือยเปล่าล่อนจ้อน โดยมีหมอนสีขาวสองใบรองไว้ที่แผ่นหลัง ทำให้สองเต้าคัพเอฟอวบใหญ่มหึมา นูนเด่นอวดสายตาของทีปต์ และสิ่งที่ทำเอาเลือดกำเดาของทีปต์แทบสาดทะลักออกมา ก็คือของดีที่กำลังเปิดเปลือยอยู่ระหว่างเข่าสองข้างตั้งชัน มือข้างหนึ่งจับกล้วยหอมดุนดันเข้าออกเป็นจังหวะ “อ่า… ลุงทีปต์จ๋า กระแทกหนูเถอะค่ะ… อูย… ของลุงใหญ่เหลือเกิน… ซี้ดดดด… เห็นแล้วอยากสุดๆ” มาลิลล์หลับตาพริ้ม…
“ไม่ให้เลียข้างล่าง... งั้นผมดูดข้างบนนะที่รัก” อดัมส์ยังมีอารมณ์ขี้เล่น แม้ในตอนจะร่วมรัก เขารีบผละออกมาจากง่ามขา จูบไซ้ขึ้นมาที่ท้องน้อย กระทั่งถึงเต้านมของหล่อน ครอบริมฝีปากดูดเลียอย่างโหยหาเอาเป็นเอาตาย “อุ๊ย... วันนี้คุณดำซาดิสม์จัง” อรทัยสะดุ้งเฮือก เมื่อทรวงอกอวบโดนมือใหญ่ของสามีบีบขยำอย่างแรง จากนั้นก็เกลือกใบหน้าฟอนฟัดอย่างไม่ลืมหูลืมตา อรทัยเสียวซ่านสุดๆ รีบบีบนมยัดปากเขาที่ค้อมลงมาดูดเลียหัวนมอย่างตะกละตะกลาม อดัมส์ดูดเลียสลับไปมาระหว่างยอดอกทั้งสองข้างเสียงดังซ่วดๆ เหมือนกำลังซดกลืนของอร่อย ทำเอาสาวน้อยที่แอบยืนดู เกิดอาการเสียวซ่านขึ้นมาที่ยอดอกของตัวเองอย่างควบคุมเอาไว้ไม่ได้ รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังโดนพี่เขยดูดนม
แก้วตาพึมพำในใจ มองพี่เขยจัดหนักพี่สาวของหล่อน ยิ่งมอง… ก็ยิ่งตื่นเต้นมีอารมณ์ หน้าขาหนีบแน่น บิดไปบิดมาจนรู้สึกได้ว่ามีน้ำหล่อหลื่นเหนียวๆ หลั่งชุ่มออกมาแฉะแพนตี้ตัวน้อย พอเอามือเอื้อมลงมาแตะที่ง่ามขา ก็รู้ว่ามีน้ำใสๆ ไหลเยิ้มเป็นยางย้อยติดนิ้ว ‘อุ๊ย… ’ แก้วตาตกใจ หลังจากแอบดูจนน้ำเดิน ด้วยภาพที่เกิดขึ้นในห้องนอน อยู่ห่างจากสายตาของหล่อนเพียงช่วงแขนกระมัง จึงเห็นทุกอย่าง ชัดเจนเต็มสองตาทั้งภาพทั้งเสียง คมชัดปานว่ากำลังมองผ่านจอภาพระบบเอชดี “อ๊าย... ผัวจ๋า... เมียเสียว... เมียทรมาน” ใบหน้าของลีนาบิดเบะ สะบัดไปด้วยความซ่านสยิว ก้นอวบขาวดีดเด้ง แอ่นส่ายไปตามอารมณ์กระเจิดกระเจิง โดนกระแทกกระทั้นดุเดือดขนาดนี้ไม่ว่าเป็นใครก็คงเคลิบเคลิ้มไม่ต่างจากหล่อน ลีนาเปล่งเสียงร้องครางออกมาตลอดเวลาที่ท่อนเอ็นคัดแข็งเป็นลำเหมือนดุ้นมะระจีนใหญ่ๆ ของสามีกระแทกใส่จนมิดสุดโคนพวงสวรรค์ บลั่กๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
“ไม่ไหวแล้วครับ… ผมแข็งแทบระเบิดแล้ว… ไม่เชื่อก็ลองจับ… ” บอสหื่นดึงมือข้างหนึ่งของเลขามาทางด้านหลังเธอจึงต้องไล้ลูบสัมผัสความเป็นชาย ใหญ่ยาวน่าสะพรึง ยิ่งลูบไล้ของเขา… มือเธอยิ่งสั่น ใบหน้าร้อนผะผ่าว ความเสียวซ่านแล่นวาบเข้ามาตรงกึ่งกลางกาย ใจเต้นระทึก มือยังจับท่อนเนื้อยาวใหญ่ของบอส ใหญ่มากจนมือกำไม่รอบ
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀