ปฐมบทความรักของฟาโรห์หนุ่ม ‘ปรารถนาแห่งฟาโรห์’ ‘ไฟรักบัลลังก์ฟาโรห์’ และ ‘ทาสรักลำน้ำไนล์’ หญิงสาวเกิดมาพร้อมกับกับคำทำนาย ‘หนึ่งสตรีงามล้ำแบ่งแยกแผ่นดินเป็นสอง’ ทว่าทุกสิ่งถูกลิขิตไว้แล้วไม่อาจมีใครเปลี่ยนแปลงได้ เพราะมันคือโชคชะตาที่สองดวงใจต้องเผชิญ!. ปรารถนาแห่งฟาโรห์ : ‘อังค์เนส’ ซ่อนความงามของตนเองไว้ในคราบของหนุ่มน้อย เพียงเพื่อหลีกโชคชะตาที่จะนำพาความวุ่นวายมาสู่ชีวิต สำหรับ เจ้าชายเนเฟอร์คาเร นั้น ‘ขึ้นชื่อสตรีแล้วก็ไม่ต่างจากงูพิษ สิ่งมีชีวิตที่ห้ามไว้ใจเด็ดขาด!’ หากผู้ใดที่ทำให้เจ้าชายเนเฟอร์คาเรทรงไม่พอพระทัย ชีวิตของผู้นั้นก็ไม่ต่างจากมดปลวกที่จะกำจัดทิ้งอย่างง่ายดายเมื่อโชคชะตากำหนดให้พระโอรสต่างมารดาแห่งอียิปต์ ระหว่าง เจ้าชายเนเฟอร์คาเรผู้เป็นเชษฐา และ เจ้าชายอูเซอร์คาเร-อนุชา ต้องแก่งแย่งแข่งขันเพื่อได้มาซึ่งบัลลังก์ทองคำและนางอันเป็นที่รักจึงอุบัติขึ้น คำนายเมื่อสิบห้าปีก่อนจึงเป็นจริงขึ้นมา ‘หนึ่งสตรีงามล้ำแบ่งแยกแผ่นดินเป็นสอง’ ไฟรักบัลลังก์ฟาโรห์ : อูเซอร์คาเร เพลิงแค้นที่สุ่มใจ ทำให้เขาต้องกลับมาเพื่อทวงคืนทุกสิ่งในบัลลังก์แห่งไอยคุปต์! ไฟริษยาและชิงชังที่เผ้าไหม้จิตใจ ‘เจ้าชายอูเซอร์คาเร’ที่แม้จะถูกปลดฐานันดรศักดิ์เป็นเพียงสามัญชนและความพยายามที่จะเอาชนะ ฟาโรห์เนเฟอร์คาเรเพื่อได้ครอบครอง ‘อังค์เนส’นางอันเป็นที่รัก จนกระทำการอันไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมจนแผ่นดินแห่งอียิปต์ร้องร้อนระอุอีกครั้งเพราะศึกสายโลหิต อังค์เนสจะทำเช่นไรเมื่อรู้ตัวว่าเป็นต้นเหตุอันจะเป็นฉนวนแห่งมหาสงครามระหว่างสายเลือด หาก ‘ความรักชนะทุกสิ่ง’ หญิงสาวก็ปรารถนาจะใช้ความรักก็สลายม่านหมอกแห่งความชิงชังในใจให้จงได้ แม้ว่ามันจะต้องแลกด้วยลมหายใจของเธอก็ตาม มีเพียงหยาดฝนแห่งรักเท่านั้นที่จะมิให้แผ่นดินอียิปต์ลุกเป็นไฟ! ทาสรักลำน้ำไนล์ : ‘เมอริอาร์’ มีชีวิตเพื่อที่จะได้แก้แค้นให้ ‘เซราเนีย’ พี่สาวคนเดียวของเธอ ซึ่งยอมตายเพื่อบุรุษที่ไม่เคยเห็นคุณค่าในความรัก เพียงแค่ปักกริชลงที่กลางหัวใจชายโฉดผู้นี้เท่านั้น! ความแค้นทั้งหมดทั้งมวลที่สะสมมานานกว่า 5 ปี ก็จะสลายไปสิ้น! ‘อูเซอร์คาเร’ แม่ทัพหนุ่มแห่งอียิปต์ ผู้ตรอมตรมกับค่ำคืนที่เต็มไปด้วยฝันร้ายถูกเรียกตัวกลับเมืองหลวงโดยด่วนตามพระบัญชาของฟาโรห์เนเฟอร์คาเรผู้เป็นพระเชษฐา เขาไม่เคยคิดว่าจะได้รับของขวัญเป็นหญิงสาวแสนงามและเป็นผู้เดียวกับที่กล้าหาญใช้กริชแทงเขาเพื่อแก้แค้นให้พี่สาวของตนเขายอมรับเมอริอาร์มาเป็นภรรยาเพราะรู้สึกผิดกับความตายของเซราเนีย แต่เมื่อเมื่อความรักได้เข้าครอบครองหัวใจเขาก็รู้สึกถึงสิ่งทีเรียกว่า ‘รักแท้’ เขายอมทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องหญิงสาวผู้เป็นที่รักแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตเขาก็ยินดี ‘ตราบใดที่ข้ายังหายใจความรักของข้าจะเป็นของเจ้าเพียงผู้เดียว’.
เสียงลูกธนูพุ่งผ่านอากาศอย่างแรงแสดงให้เห็นถึงพละกำลังและสายตาที่คมกริบดุจเหยี่ยวของผู้ยิงธนูได้เป็นอย่างดีแดดยามบ่ายในป่าโปร่งสะดุ้งตื่นทันทีที่รู้สึกว่ามีผู้บุกรุก สัตว์น้อยใหญ่ต่างหนีกระเจิดจากเงาแห่งความตาย
“เจ้าชายเนเฟอร์คาเรช่างเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถจริงๆ พะยะคะ”
ดวงเนตรคมกริบปรายตามองคนพูด เพียงแค่นั้นก็นำความเยียบเย็นจนเสียวสันหลังวาบมาสู่ตัวคนพูดเอง
“โมตูไปดูให้ข้าซิ”
น้ำเสียงทรงอำนาจสั่งอย่างเด็ดขาดของเจ้าชายเนเฟอร์คาเร โอรสของฟาโรห์เตติและพระนางอิพูร่า ซึ่งสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ให้กำเนิดพระโอรสน้อย ด้วยเหตุที่ฟาโรห์เตติทรงมีใจ
สิเน่หามเหสีอิพูร่ามากจึงแต่งตั้งเจ้าชายเนเฟอร์คาเรยังเป็นองค์โตผู้ดำรงตำแหน่งองค์รัชทายาทแห่งบัลลังไอยคุปต์อีกด้วย แม้จะมีพระชันษาเก้าปีเท่านั้น แต่ท่วงท่าสง่างามถอดแบบพระบิดามาเลยก็ว่าได้
“พ่ะย่ะค่ะ” โมตูวิ่งไปในพงหญ้าแล้วคว้าเอาร่างกวางน้อยที่ไร้ลมหายใจกลับมาถวาย
โมตูมีอายุมากกว่าเจ้าชายสามปีเป็นบุตรชายของแม่นมชื่อบิเดท์ ซึ่งถวายการรับใช้เจ้าชายเนเฟอร์คาเรตั้งแต่ลืมพระเนตร ครอบครัวของบิเดท์และโมตูได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากมเหสีอิพูร่าอย่างล้นพ้นทำให้ทั้งสองยินดีมอบกายถวายชีวิตเพื่อรับใช้โอรสน้อยๆ พระองค์นี้
อียิปต์หรือไอยคุปต์ในยุคนี้มีการรวมอำนาจทางการเมืองของอียิปต์ตอนเหนือและตอนใต้ ภายใต้ฟาโรห์นาม เตติ พระองค์มีพระโอรสสองพระองค์ จากมเหสีอันเป็นที่รักสองพระองค์เช่นกัน มเหสีที่ฟาโรห์เตติรักใคร่มากที่สุดมีพระนามว่าอิพูร่า แต่พระนางก็สิ้นพระชนม์เมื่อให้กำเนิดกระโอรสนามเนเฟอร์คาเรและมเหสีอีกองค์หนึ่งมีพระนามว่าคูอิ ให้กำเนิดกระโอรสนาม อูเซอร์คาเร
วันนี้ฟาโรห์นำโอรสทั้งสองออกมาล่าสัตว์ป่าเป็นครั้งแรก พระองค์พอพระทัยยิ่งนักเมื่อได้ทอดพระเนตรเห็น
ความสามารถของรัชทายาทผู้เปี่ยมไปด้วยความสง่างาม กล้าแกร่งและเด็ดเดี่ยวยิ่งนักซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เพียบพร้อมของคนที่จะขึ้นเป็นฟาโรห์ในอนาคต
“อูเซอร์คาเรดูความสามารถของพี่ชายเจ้าไว้ให้ดี” ฟาโรห์เตติทรงแสดงความชื่นชมออกมาอย่างเปิดเผย “อีกหน่อยเจ้าก็ต้องคอยดูแลอียิปต์แห่งนี้ช่วยพี่ชายเจ้า เข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วพะยะคะเสด็จพ่อ”
‘แต่ข้าจะไม่มีวันเป็นรองเจ้าเนเฟอร์คาเร และอาณาจักรอียิปต์จะต้องอยู่ในการปกครองของข้าเท่านั้น’
อูเซอร์คาเรได้แต่ประกาศกร้าวอยู่ในใจเท่านั้น ฝีมือการยิงธนูในวันนี้เขาไม่อาจสู้ผู้เป็นพี่ได้เลย และยิ่งเห็นเสด็จพ่อให้ความรักเมตตาเนเฟอร์คาเรมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งทวีความโกรธเกลียดไปที่เนเฟอร์คาเรมากเท่านั้น
‘ทำไมข้าต้องเกิดที่หลังเจ้านะ’ อูเซอร์คาเรสบถหยาบคายอยู่ในใจอีกหลายคำ เขาเกิดหลังเนเฟอร์คาเรเพียงแค่ข้ามคืนเท่านั้น หากเพียงแค่เขาได้ลืมตามองโลกนี้ก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างในอาณาจักรอียิปต์จะต้องอยู่ในกำมือของเขา
“เนเฟอร์คาเร ถึงการแข่งขันครั้งนี้เจ้าจะเป็นผู้ชนะแต่จะประมาทไม่ฝึกฝนก็มิได้ วันหนึ่งข้างหน้าฝีมือของน้องชายเจ้าอาจก้าวหน้ากว่า วันนั้นอียิปต์อาจจะไม่ได้อยู่ในมือเจ้าก็เป็นได้
“ข้าทราบแล้วเสด็จพ่อ” เนเฟอร์คาเรน้อมรับคำสั่งสอน “วันนี้ข้าจะเข้าวังก่อน...พวกเจ้าจะไปเล่นสนุกที่ไหนก็ตามใจเถิด”
นานๆ ครั้งที่พระองค์จะแสดงความใจดีออกมา อูเซอร์คาเรซ่อนความริษยาไว้ภายใต้ใบหน้าที่แย้มยิ้มแล้วเดินทางเข้าวังกลับพร้อมฟาโรห์เตติ แต่เนเฟอร์คาเรยังคงมองเหม่อไปที่แม่น้ำไนล์ตรงหน้า แม่น้ำที่ไหลผ่านหล่อเลี้ยงชีวิตของประชาชนชาวอียิปต์มานานนับพันปี
“เสด็จกลับเลยมั๊ยพะยะคะ” โมตูเอ่ยถามอย่างเกรงๆ
“ข้าใช้ลูกธนูไปกี่ดอก” เนเฟอร์คาเรเอ่ยถาม
“สิบสองพะยะคะ” โมตูงุนงงกับคำถาม “แต่เจ้าชายก็ได้กวาง กระต่าย นกเป็ดน้ำตั้งแปดตัวนะพะยะคะ เจ้าชายอูเซอร์คาเรได้เพียงกระต่ายสองตัวเท่านั้น”
“ลูกธนูสิบสองดอกก็ต้องได้สัตว์สิบสองตัว”
เนเฟอร์คาเรกวาดสายพระเนตรมองไปรอบๆก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้ามุ่งหน้าไปทางริมแม่น้ำ
“เจ้าชายเนเฟอร์คาเร” โมตูเผลอตะโกนเรียกอย่างตกใจแล้ววิ่งตามเจ้าชายทันที
รูปร่างปราดเปรียวและสง่างามดุจพญาราชสีห์ของเนเฟอร์คาเรกระโจนไปที่ก่อหญ้าสูงท่วมศีรษะใบหน้าหล่อเหล่าเผยรอยพระสรวล เมื่อสิ่งที่คาดไว้จริงดังคาด
“เจ้าเป็นใคร เปิดเผยตัวตนของเจ้ามา” พระหัตถ์ทรงอำนาจกระชากผ้าคลุมที่ปกปิดและพยายามซ่อนร่างกายด้วยการขดตัวงอจนแทบกลายเป็นก้อนหินกลมๆ
“กรี๊ด!”
เนเฟอร์คาเรถึงกับชะงักไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงสตรีแต่เพราะความกระหายใคร่รู้ไม่มีความหวาดกลัวใดๆ จึงกระชากไหล่น้อยๆ ที่สั่นสะท้านให้หันมาเผชิญหน้า แต่ผู้ที่ต้องตกตะลึงกลับเป็นเนเฟอร์คาเรเสียเองเขาเคยเห็นนางสนมสวยๆ ของเสด็จพ่อหลายคน ทว่าไม่เคยเห็นใครมีผิวขาวเนียนละเอียดและเส้นผมยาวสลวยสีรัตติกาลเช่นนี้ แม้ว่าหญิงงามตรงหน้าจะเป็นเพียงเด็กเด็กหญิงวัยเก้าขวบทว่ากลับมีความงามที่เปล่งปลั่งจนน่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง
“เจ้าเป็นใคร”
เด็กหญิงส่ายหน้าไปมาจนผมยาวปลิวสยายเธอหวาดกลัวจนริมฝีปากสั่นระริก แต่ในอ้อมอกมีกระต่ายน้อยสีขาวที่เธอปกป้องมันไว้ด้วยชีวิตของเธอ
“กระต่ายน้อย” เนเฟอร์คาเรลากเสียงยาวและยานคางเหมือนจะกวนประสาทเพราะถือว่าตนเองนั้นเหนือกว่า
“เจ้าชาย ทรงปลอดภัยไหมพะยะคะ”
“ข้าเจออะไรดีๆ แหละโมตู”
เนเฟอร์คาเรหันมามองคนสนิทที่วิ่งกระหืดกระหอบตามา เด็กหญิงอาศัยจังหวะเผลอใช้ปากกัดหลังมือของเนเฟอร์คาเรเต็มแรงจนเจ้าชายน้อยต้องสะบัดมือปล่อยเด็กหญิงเป็นอิสระ ทั้งคู่ประสานแววตากันครู่หนึ่งแล้วเด็กหญิงก็อุ้มกระต่ายน้อยสีขาวหนีหายไปในพงหญ้า
“เกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ” โมตูถามทั้งที “แผล...เจ้าชายบาดเจ็บ”
“แค่กระต่ายกัดเท่านั้นหรอก”
เนเฟอร์คาเรยักไหล่แล้วเดินกลับไปที่อาชาของตนเอง เขาเองก็แปลกใจที่ตนเองไม่คิดที่จะไล่ล่าเหยื่อตัวนั้น
แต่สายลมแห่งแม่น้ำไนล์ได้กระซิบบอกเขาว่า ชะตาชีวิตของพวกเขาได้เริ่มอุบัติขึ้นแล้ว.
นางเป็นฮูหยินที่ถูกต้อง แต่เขากลับเฉยชาใส่ มีเพียงบนเตียงเท่านั้นที่เขาเร่าร้อนจนนางแทบมอดไหม้ จ้าวจื่อรั่วอายุเพียงสิบหกปีเป็นลูกอนุของเสนาบดีสกุลจ้าว ถูกสับเปลี่ยนตัวมาเป็นเจ้าสาวมาแต่งงานกับแม่ทัพที่ชายแดนใต้ กู้ตงหยางบุรุษหนุ่มอายุยี่สิบสี่ปีฉายาแม่ทัพปีศาจที่แสนเหี้ยมโหด "เจ้าติดค้างข้า ไม่ว่าจะเล่นลิ้นอย่างไร เจ้าย่อมรู้ดีว่าสกุลจ้าวปลิ้นปล้อน เจ้าอย่าได้หวังว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายเลย" พูดจบชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หญิงสาวได้แต่นั่งเพียงลำพัง แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็อดเศร้าใจไม่ได้ ชีวิตนางจะได้พบความสุขเช่นคนอื่นบ้างไหม.
มันควรเป็นOne night stand แต่เขากลับไม่ยอมให้จบลงแค่นั้น “ก็บอกแล้วไง ถ้าอยากกัดก็กัดผมนี่ อื้ม” ไรอันพูดเสียงพร่าเร่งขยับเอวสอบถี่รัว ร่องรักคับแน่นดูดรัดลำเอ็นจนทำให้เขาอดกลั้นไม่ไหว กระแทกแก่นกายเข้าไปจนสุดปลดปล่อยน้ำรักในกายสาวพร้อมแหงนหน้าคำรามอย่างสุขสม อยากจะบ้า! ไรอันอดสถบไม่ได้ ยัยพนักงานเวอร์จิ้นทำเขาเสียผู้เสียคนจริงๆ จากที่เคยตั้งกฎให้ตัวเองจะไม่ยุ่งกับพนักงาน ไม่มีเซ็กส์ในที่ทำงาน. 4เรื่องสั้น แนวPWP > >หลงสวาท boss คลั่งรัก / คลั่งรัก น้องเมียแสนหวาน/ เมียเด็กของคุณป๋า / เล่นกับไฟ
พันดาว สตั๊นท์เกิร์ลสาววัยยี่สิบหกปี เธอเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุสิบแปดปี แต่ก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตในค่ายมวยเล็กๆ เธอเป็นเด็กที่ถูกแม่เอามาทิ้งให้ลุงทองดีช่วยเลี้ยง แล้วหายไปไม่ส่งข่าว ด้วยความสงสารลุงทองดีจึงเลี้ยงเหมือนลูก แต่เนื่องจากสภาพร่างกายบอบช้ำ จึงผันตัวเองมาครูมวยแทน ประจวบกับรุ่นน้องเปิดโรงเรียนสตั๊นท์แมนให้ลุงทองดีเป็นครูสอนเทคนิกการป้องกันตัว เบื้องหน้าพันดาวจะเป็นสาวห้าญไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่เธอมีคนรักที่คบหาตั้งแต่อยู่โรงเรียนสอนสตั๊นท์แมนด้วยกัน แต่ตอนนี้เขากลายเป็นพระเอกละครสุด Hot ในวันที่ทั้งคู่เดินทางไปเข้าฉากสำคัญที่ประเทศจีน พันดาวได้เห็นภาพบาดตาที่คนรักนอกใจ และวันนั้นเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ระเบิดทำงานผิดพลาดพาให้ดวงจิตของพันดาวทะลุมิติมายังดินแดนที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาตร์ พันดาวฟื้นตื่นมาอยู่ในร่างเด็กสาวอายุสิบหกนามว่า เหมยซิง เมืองที่พันดาวไม่รู้จัก ทุกอย่างประหลาดไปหมด ราวกับตัวเองอยู่ในภาพยนตร์จีนกำลังภายใน พล็อตละครแนวย้อนยุคทะลุมิติเคยเห็นมาเยอะแล้ว แต่ทำไมหญิงสาวอย่างเธอต้องมาดูแลชายร่าง ‘ผัก’ อย่างเขา! รับภารกิจส่งร่างผักกลับเมืองหลวง! บุรุษคนหนึ่งแต่งงานมีภรรยาได้หลายคนเป็นที่ยอมรับได้ แต่สตรีนางหนึ่งจะรักใคร่ชายสองคนไม่ได้ คิดถึงเรื่องนี้นางก็อยากเอาหัวโขกต้นไม้ใหญ่ให้ได้สติ นางไม่ใช่หญิงมากรักสองใจนะ! นางแค่...แค่ไม่รู้ว่าตนเองคิดอย่างไรกันแน่.
หมอสาวสู้ชีวิตแต่อกหักทั้งที่ยังไม่ได้บอกรัก เผลอOne Night Standกับผู้ชายคนหนึ่ง ใครเลยจะรู้ว่าเป็นพรหมลิขิตหรือเวรกรรม ทำให้เธอมาเจอกับมาเฟียหนุ่มที่ไม่ยอมปล่อยให้เรื่องของคืนนั้นผ่านเลยไป . . . . "คุณนี่นะเอาใจผู้หญิงไม่เก่ง" เธอทำจมูกย่นใส่เขา "ผิดแล้วผมเอาใจไม่เก่งแต่เอาเก่งนะ เรื่องนี้ผมมั่นใจ" "อีริค!" เธอขึงตาใส่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ "ให้ตายสิ" เขาพึมพำ "ผมเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้นะ คุณร่ายมนตร์ใส่ผมหรือเปล่า" "คุณเชื่อเรื่องไร้สาระพวกนั้นด้วยหรือคะ?" "แต่ก่อนผมไม่เคยเชื่อเรื่องdestiny แต่การได้พบคุณมันอยู่นอกเหนือความคาดหมาย บางทีพรหมลิขิตอาจมีจริงก็ได้" หญิงสาวได้แต่อมยิ้ม นั้นสิ ผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอได้เจอกับผู้ชายสุดเพอร์เฟกต์อย่างเขาได้ ถ้าวันนั้นก้องภพไม่ประกาศตัวคนรัก เธอคงไม่อกหักจนเสียการควบคุมแล้วได้เจอเขาที่หน้าลิฟต์พอดีอย่างนั้น แถมเจอกันด้วยความบังเอิญอีกด้วย
“เมื่อชะตากำหนดมาให้ทั้งสองครองคู่ ไม่ว่าจะพลัดหลงกันไปทางใดก็ย่อมได้กลับมาพบกันอีกครา” เรื่องราวความรักของหลัวเสี้ยวเวยและหยางเหลาหู่ คู่หมั้นคู่หมายที่มิเคยได้พบหน้า แม้เดิมทีหยางเหลาหู่คิดว่านางตายไปแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่า ‘สาวใช้’ ที่เขารับเข้ามาทำงานนั้นจะเป็นคู่หมั้นของเขาเอง เมื่อชะตากำหนดให้ทั้งสองได้เป็นคู่ชีวิต แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้ต้องมาคอยลุ้นกันว่า สาวใช้ตัวจิ๋วกับคุณชายใหญ่แห่งป้อมพยัคฆ์ทมิฬจะลงเอยอย่างไร ....... “นั้นของข้ามิใช่รึ” เขาปลดสายจูงม้า เห็นนางกินพุทราเชื่อมท่าทางเอร็ดอร่อยจึงอดหยอกล้อนางไม่ได้ “แค่พุทราเชื่อม ท่านจะแย่งข้ารึ” นางทำท่าหวงขึ้นมา มันก็แค่พุทราเชื่อม แต่นางไม่ได้กินนานแล้วนี่ “แต่นั้นมันของๆ ข้า เจ้าควรให้ข้ากินก่อน” เขาไม่ชอบกินขนมของหวาน แต่เห็นนางหวงแบบนี้แล้วนึกอย่างแย่งชิง หลัวเสี้ยวเวยส่ายหน้าไปมา กลัวถูกแย่งของกินจึงอ้าปากงับพุทราเชื่อมลูกสุดท้ายไว้ในปาก เหลือเพียงไม้เสียบเปล่าๆ ในมือ คิดว่าอย่างไรของอยู่ในปากนางแล้วเขาไม่มีทางแย่งชิงเอาไปแน่ ทว่านางกลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะยื่นมือมารั้งท้ายทอยของนางไว้ โน้มหน้าลงมาประกบปากที่เผยอขึ้นอย่าตกใจของนาง เรียวลิ้นหนาตวัดเอาพุทราเชื่อมในปากของนางมาสู่ปากของเขา 'หวานล้ำเกินคาดคิดจริงๆ'
มู่ลี่หยางใช้ชีวิตเป็นพรานป่าหาของป่าไปขายอยู่หลายปี แต่เข้าป่าครั้งนี้เขาได้พบหญิงสาวผู้หนึ่งหมดสติอยู่จึงช่วยนางไว้ ทว่าทันทีที่นางลืมตา นางกลับจำอะไรไม่ได้แม้แต่ชื่อของตัวเอง เขาจึงจำเป็นต้องดูแลนาง แต่ที่ทำให้เขาหนักใจ ก็คือนิสัยนอนละเมอของนาง เหตุใดทุกครั้งที่นางละเมอต้องมาอยู่บนเตียงเขาด้วยเล่า! “พี่ลี่หยาง!” “นอนดีๆ อย่าฟุ้งซ่าน คืนนี้เจ้าต้องพักผ่อน” “ข้ารู้ แต่ไม่ต้องมัดข้าขนาดนี้ก็ได้”" “ไม่ได้” เขาสะบัดมือเพียงคราวเดียว เปลวเทียนในห้องก็ดับลง “หากจะนอนเตียงเดียวกับข้าก็อย่าดื้อ อย่าซุกซน” “พี่ลี่หยาง” เสียงหวานเอ่ยขึ้น “นอนเสีย!” เขาตวาดทีเดียวหญิงสาวก็เงียบเสียงไป แม้ได้เห็นเพียงแผ่นหลังของเขา นางก็มีความสุข ขอเพียงได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ว่าอย่างไร นางก็ยอมทำทุกอย่าง แม้จะถูกมัดเป็นบะจ่างก็ยอม.
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้