บทนำ ทั้งรักทั้งเกลียด เสียงครางกระเส่าพลอดรักกันดังอยู่ด้านในห้องนอน ทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านนอกเนื้อตัวสั่นสะท้าน ดวงหน้าคู่งามเจ็บปวดร้าวราน กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่จนมันไหลอาบพวงแก้ม เธอก้มมองมือของตัวเองที่กำลูกบิด ส่วนอีกข้างถือปืนของสามีที่หยิบติดมือออกมาจากห้องทำงาน ‘น่าสมเพชสิ้นดี’ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ตวาดลั่น! “นางงูพิษ! นางเนรคุณ!” อุษณีย์หัวใจแตกสลาย แรงกำลังแทบไม่มียืนอยู่กลางห้อง มือทั้งสองข้างสั่นระริกกำกระบอกปืนเล็งไปยังร่างเปลือยเปล่าของสาวใช้วัยแค่ยี่สิบปี ไม่คิดเลยว่าเด็กสาวชาวเขาที่เก็บมาเลี้ยง รักเหมือนน้องสาวแท้ๆ จะกลายเป็นงูเห่าย้อนมาฉกกัดทำร้ายร่างกายและหัวใจของตัวเอง “ว้าย! คุณณี อยะ อย่าทำอะไรหนูเลย หนูผิดไปแล้ว” สาวใช้คนสวยที่นอนคร่อมร่างชายวัยเจ็ดสิบปีที่ดูอย่างไรก็เหมือนอายุห้าสิบปี หล่อนตกใจขวัญหนีดีฝ่อ เนื้อตัวสั่นเทาทั้งร่างเมื่อหันหลังไปเห็นนายหญิง “แกมันเลี้ยงไม่เชื่อง คนอย่างแกเลี้ยงเสียข้าวสุก กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ตายเสียเถอะ!” “คุณณี! อย่า!” นายศักดาผลักให้สาวใช้ให้นอนลงข้างๆ ร้องห้ามเมื่อเห็นสิ่งที่อุษณีย์ถืออยู่ “คุณท่านถอยไป ฉันจะฆ่ามัน!!” อุษณีย์ไม่ยอมฟังเหตุผล หลับตาแล้วลั่นไกปืนเก็บเสียง ยิงตรงไปยังร่างผู้หญิงชั่วที่ลืมบุญคุณคนนั้นสามนัดซ้อนติดกัน ปังๆ ๆ!!! “โอ๊ย!” เสียงร้องทำให้อุษณีย์ลืมตามอง หล่อนแทบหายใจไม่ออกเมื่อเห็นนายศักดานอนทับร่างของสาวใช้ แผ่นหลังของชายชราเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด “กรี๊ด! คุณท่าน ณีไม่ได้ตั้งใจจะยิงคุณท่านนะ ทำไมคุณท่านต้องปกป้องมันด้วย!” “คุ คุณณี ผะ ผม” นายศักดาพูดไม่ทันจบประโยคก็สิ้นลมหายใจอยู่บนร่างของสาวใช้ที่นอนสิ้นลมหายใจไปก่อนหน้านั้นแล้ว “ฮือ คุณท่าน คุณท่านทำกับณีแบบนี้ทำไม” อุษณีย์นั่งพร่ำเพ้อเหมือนคนเสียสติ มือที่กำปืนอยู่นั้นรีบวางลง แล้วคลานหนีไปนั่งตั้งสติอยู่ตรงหน้าประตู เมื่อสติกลับคืนมา เธอก็รีบจัดการอำพรางเหตุฆาตกรรมนี้หวังให้ตนพ้นผิด พร้อมทั้งส่งเสียงกรีดร้องให้คนในบ้านได้ยิน “กรี๊ด! ชะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย!” อุษณีย์ที่มีเลือดท่วมตัวคลานกระเสือกกระสนออกจากห้องด้วยอาการเหมือนคนบาดเจ็บสาหัสสากรรจ์… “ฮือ” เสียงร้องร่ำปานใจจะขาดดังอยู่ในห้วงลึกของความฝันของหญิงสาวที่นอนหลับอยู่ภายใต้อ้อมกอดของชายหนุ่มร่างโต ร่างน้อยกระสับกระส่ายหวาดกลัวต่อภาพที่ฝันเห็น เธอผวาตกใจตื่นขึ้นมาแล้วต้องรีบคลานลงจากเตียง วิ่งเข้าห้องน้ำเมื่ออาการวิงเวียนคลื่นไส้จะอาเจียนเล่นงาน “โอ้ก! โอ้ก!!” “เมย์เป็นอะไรครับ?” ชายหนุ่มขยับตัวลุกนั่ง เขาคว้าร่างน้อยไว้แต่ไม่ทันจึงลงจากเตียงเดินไปหาคนที่ส่งเสียงโอ้กอ้ากอยู่ในห้องน้ำ ใบหน้าเรียวรูปไข่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเอียงมองชายคนรัก “พิ พี่พาย เมย์ฝันร้ายค่ะ โอ้ก!!” แล้วรีบหันกลับไปกอดคอชักโครกโก่งคออาเจียนเอาเป็นเอาตายอีกครั้ง “ฝันร้าย? แล้วทำไมมานั่งอาเจียนแบบนี้ล่ะครับ” เพลิงพายยืนมองคนตัวน้อย เขาเป็นห่วงจึงรีบนั่งคุกเข่าข้างหนึ่ง ก่อนจะช้อนอุ้มร่างน้อยขึ้นแนบอก พาเดินไปยังเตียงนอนนั้นแล้วก็ช่วยเธอเช็ดน้ำลายตรงมุมปากให้ “มะ เมย์” เมื่อแผ่นหลังแตะฟูกนุ่ม อารยาก็ขยับตัวจะลุกนั่งแต่ก็ถูกมือใหญ่ดันให้นอนลงเหมือนเดิม เธออยากเล่าความฝันเมื่อครู่นี้ให้ชายหนุ่มได้รับรู้ ‘ทำไมฝันน่ากลัวจัง พี่ณีของเป็นอะไรหรือเปล่านะ’ ได้แต่คิดและหาคำตอบให้ตัวเองอยู่คนเดียว “ทำไมเมย์หน้าซีดจัง ไม่สบายหรือเปล่า?” เพลิงพายยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างเตียง เขาดันขาเรียวสวยให้ขยับเล็กน้อยแล้วนั่งลงบนขอบเตียง ใช้แขนข้างหนึ่งคร่อมร่างบางเอาไว้ ดวงตาดูขรึมลงหลายส่วนเมื่อมองใบหน้าสวยที่ดูอย่างไรก็คล้ายคลึงหญิงสาวอีกคน ซึ่งเมื่อนานมาแล้วจนถึงขณะนี้ หัวใจของเขาก็ยังมีแผลเพราะผู้หญิงร้ายกาจคนนั้น “มะ เมย์ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” อารยาเบี่ยงหน้าหนีเมื่อดวงหน้าของชายหนุ่มโน้มเข้าหา กลิ่นลมหายใจที่ผสมบุหรี่ทำให้เธอรีบยกมือปิดจมูกกลั้นอาการคลื่นไส้ไว้ ส่วนมืออีกข้างแอบลูบหน้าท้องแบนราบ เธอยังไม่แน่ใจดีว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ อยากตรวจให้แน่ใจเสียก่อนถึงจะบอกข่าวดีนี้ให้พี่พายทราบ “พี่พาไปหาหมอเอาไหม วันนี้ พี่ไม่มีงาน” เพลิงพายยิ้มมุมปาก ใบหน้าหล่อฉายความแข็งกระด้างเล็กๆ เมื่อหัวใจฝ่ายหนึ่งที่คอยแต่จะทรยศพร่ำบอกให้รัก แต่อีกฝั่งนั้นบอกให้เกลียดเธออยู่ตลอดเวลา ‘จำไว้เพลิงพาย แกต้องแก้แค้น ชดใช้ให้สิ่งที่แกเจอและต้องเจ็บเจียนตายนั้นให้ได้!’ “แต่วันนี้ เมย์มีเรียนนี่คะ” อารยานอนนิ่ง ไม่ยอมขยับตัวหนี อยากซึมซับเอาความอบอุ่นจากมือหนาที่คอยปัดเส้นผมบนหน้าผาก เขาเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามไรผมออกให้อย่างอ่อนโยนด้วยเรียวปากหยัก “งั้นเลิกเรียนแล้ว พี่พาไปหาหมอนะ” ใบหน้าคมคายโน้มเข้าชิดดวงหน้างาม เรียวปากหนาได้รูปกระซิบกระซาบชิดกลีบปากบาง ก่อนพรมจูบลงทัณฑ์อย่างแสนหวานเจือความเร่าร้อน ไม่ต้องการฟังคำปฏิเสธจากเธอ…
๑
อดีตและปัจจุบัน
กรุงเทพฯ...
ณ..คฤหาสน์สีขาวหลังโตหรูหราสร้างบนพื้นที่หนึ่งไร่ มีรั้วกั้นสูงมิดชิดอยู่ในซอยสุขุมวิทซอย 65 ความมืดสลัวยามพลบค่ำเป็นเวลาหนึ่งทุ่มสามสิบนาที ข้างถนนมีรถสปอร์ต Audi R8 รุ่นใหม่ สีเงินยังไม่ดับเครื่องยนต์จอดอยู่ใกล้ประตูรั้วเข้าบ้าน
‘เพลิงพาย ดาราฉาย’ ชายหนุ่มวัย 40 ปี แต่อายุใช่จะทำให้เขาดูแก่เลยสักนิด ใบหน้าหล่อเหลา คมคาย สูง 183 เซนติเมตร ความสมบูรณ์ของร่างกายทุกส่วนสัดเหมือนรูปปั้นหุ่นเดวิด ชายหนุ่มนั่งหลังพิงเบาะรถ แววตาสีเข้มดุจหินผาอ่อนลงเมื่อได้มองป้ายชื่อเจ้าของบ้านได้อย่างชัดเจนจากโคมไฟบนเสารั้ว ‘ดาราฉาย’ นามสกุลที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานให้ทวดและเทียด สืบทอดกันมาจนถึงมารดาของชายหนุ่ม
ดวงตาดุจพญายมเพ่งมองเพดานรถแล้วถอนหายใจเข้าออกแผ่วเบา เมื่อคำนวณเวลาที่เขาจากที่นี่ไป 12 ปีกับอดีตอันไม่น่าจดจำและไม่มีวันลืมความรักที่มาพร้อมกับความแค้น เขาอุตส่าห์ทุ่มเทให้คำมั่นสัญญาระหว่างกันและกัน แต่สิ่งเหล่านั้นมลายหายไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งขณะนี้ในห้วงลึกของหัวใจที่แกร่งและแข็งแรง พร้อมที่จะทำร้ายล้างผลาญให้หล่อนคนนั้นได้เจ็บอย่างทรมานแสนสาหัส
เรียวปากหยักยิ้มเหี้ยมเกรียมเมื่อย้อนนึกถึงอดีตอันแสนหวานที่ผ่านมา…
“คุณแม่ครับ” เพลิงพายวัยยี่สิบเจ็ดปี เป็นลูกชายคนเดียวของ ‘คุณหญิงแขศรี’ ซึ่งมีเชื้อสายผู้ดีเก่า กับ ‘นายศักดา เทวารักษ์’ นายหัวผู้โด่งดังจากการทำธุรกิจค้าที่ดินและรวยติดอันดับ 3 ในประเทศไทย
“เพลิงลูกแม่” คุณหญิงแขศรีที่นั่งอยู่บนรถเข็น นางเดินได้บ้างไม่ได้บ้างยามป่วยกระเสาะกระแสะแบบนี้ เป็นมานานหลายปีแล้วและช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้นัก พยายามใช้มือที่ไม่มีแรงทั้งสองข้างจับล้อรถเข็นดันให้รถหมุนเพื่อที่จะได้เห็นหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“ผมอุ้มครับ” เพลิงพายปล่อยมือจากคนที่เขาพาด้วย รีบเดินเข้าไปประคองมารดาที่กำลังพยุงตัวลุกออกจากรถเข็น เขาอุ้มคุณหญิงแขศรีพาไปนั่งที่โซฟา ส่วนตนเองก็ย่อกายนั่งลงบนพรมตรงข้างปลายเท้าของท่าน
“อ้าว หนูณียังไม่กลับอีกหรือ?” คุณหญิงแขศรีเปรยเสียงเอ็นดูถามคนให้การพยาบาลส่วนตัว
“ยังค่ะคุณหญิง” ‘อุษณีย์’ หญิงสาวหน้าสวยวัย 26 ปีตอบคำถามแต่ไม่ได้เงยหน้ามองคุณหญิง
“ณีครับ เข้ามานั่งใกล้ๆ ผมสิครับ” เพลิงพายเรียกเธอให้เข้ามาหา แต่เป็นเขาเองที่ลุกขึ้นไปจูงมือสาวเจ้าให้เข้ามานั่งข้างมารดา
“เพลิง ปล่อยมือณีเถอะค่ะ” อุษณีย์พยายามดึงมือของตัวเองออกจากมือของชายหนุ่ม เมื่อเห็นแววตาของคุณหญิงแขศรีมองความสนิทสนมของเธอและเขา
“แม่ครับ ผมมีเรื่องจะบอกคุณแม่ครับ” เป็นเพราะมารดาแท้ๆ ที่ทำให้เขาได้เจอนางฟ้าชุดขาวผู้ใจดี เพลิงพายได้รับหน้าที่จากมารดาให้ไปเป็นประธานเปิดโครงการช่วยเด็กผู้ด้อยโอกาสในบ้านเด็กกำพร้าจึงได้พบรักกับอุษณีย์ที่นั่น
“มีอะไรหรือเพลิง?” ถามลูกชาย แต่แววตาของคุณหญิงแขศรีที่มองอุษณีย์นั้นเอ็นดูรักใคร่เหมือนลูกเหมือนหลานเสียเหลือเกิน นางรู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวตั้งแต่ครั้งที่ลูกชายมาขอร้องให้รับเธอเข้ามาทำงานในบ้าน
“ผมกับณี เรารักกันครับ” เพลิงพายไม่อายมารดา เขากุมมือของอุษณีย์ยกขึ้น แล้วแตะริมฝีปากลงบนหลังมือบาง แสดงให้มารดาเห็นว่าพวกเขาทั้งสองรักกันอย่างที่พูด
“คุณหญิง ณี” เธอใจเต้นตุบตับๆ หวาดกลัวนางแขศรีจึงรีบก้มหน้างุด อุษณีย์เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าพร้อมกับน้องสาววัย 9 ปีที่ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดู และนี่คือจุดที่ทำให้หญิงสาวมุ่งมั่นตั้งใจเรียนจนจบ ม. 6 และได้ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
“คุณแม่จะว่ายังไงครับ ถ้าผมจะหมั้นกับณี”
“เพลิงคะ!” อุษณีย์ตกใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มที่ตัวเองรักและคอยช่วยเหลือมาตลอดจะกล้าขอหมั้นต่อหน้าคุณหญิงแขศรี แต่ก็แอบดีใจอยู่ไม่ใช่น้อยที่เขายังให้เกียรติผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างเธอ
“แม่จะไปห้ามทำไม ในเมื่อหัวใจของลูกทั้งสองตรงกัน รักกัน แม่ดีใจเสียอีกที่เพลิงรักหนูณี” แขศรีมองหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ มือเหี่ยวย่นยื่นเข้าไปลูบกระหม่อมของหญิงสาวที่ก้มกราบตรงปลายเท้า
“ขอบคุณคุณแม่มากครับ” เพลิงพายก็ก้มลงกราบเท้าของมารดาเช่นกัน
“แล้วหนูณีล่ะ ยินยอมจะหมั้นกับพ่อเพลิงของฉันไหม?” ถึงจะรู้ชาติกำเนิดของอุษณีย์ว่ามาจากบ้านเด็กกำพร้า แต่นั่นหาได้ทำให้คุณหญิงแขศรีคิดรังเกียจ นางยิ่งรักและเอ็นดูในความดี ไม่ลืมกำพืดของหญิงสาวเสียมากกว่า
“คุณหญิงคะ ณี” ใบหน้างามอาบน้ำตาพยักหงึกๆ ตอบรับทั้งที่ยังก้มหน้า
คำโปรย ราเชนทร์ เกียรติก้องพิภพ รู้สึกขัดใจเมื่ออยู่ ๆ เขาก็ถูกบังคับให้แต่งงานกับเด็กในบ้าน เด็กที่พ่อแม่ของเขารับมาอุปการะเลี้ยงดู เขาไม่รู้ว่าเธอมีที่ไปที่มายังไง รู้แต่ว่าพ่อแม่รักเธอมาก มากขนาดบังคับให้เขาแต่งงานกับเธอ ทั้ง ๆ ที่เขามีแฟนอยู่แล้ว ใครรักก็รักไป แต่เขา...เกลียดเธอ เขมจิรา กุสุมา เธอเป็นเด็กสาวที่พ่อแม่ของราเชนทร์รับมาอุปการะ ชีวิตเธอเติบใหญ่มาได้เพราะความเมตตาของพวกท่าน แล้วเธอจะขัดขืนได้อย่างไรเมื่อท่านต้องการให้เธอแต่งงานกับลูกชายคนเดียวของท่าน แม้เธอจะรู้ว่าเป็นได้แค่ เงารักเจ้าสาวซ่อนใจ...เท่านั้น ราเชนทร์ปลดปล่อยธาราใส่ในช่อไม้ของหญิงสาว และก่อนที่เขาจะหมดสติหลับบนตัวของหญิงสาวเขาก็ละเมอออกมาว่า “ผมรักคุณ เกศริน รอผมนะ ผมจะหย่าให้เร็วที่สุด” “...” เสียงเข้มละเมอบอกรักแฟนสาวของเขา ช่างเหมือนสายฟ้าผ่าลงมากลางใจอันบอบช้ำของเธอ มันทำให้เขมจิราเจ็บปวดเสียใจ นี่เขาเห็นเธอเป็นตัวสำรองหรอกหรือ ขนาดร่วมรักกับเธอ เขายังพร่ำเพ้อบอกรัก คนรักของเขาไม่ขาดปาก “ทุกลมหายใจของพี่เชนทร์คงมีแต่คุณเกศรินสินะ” บทนำ “นี่เงินห้าล้าน ฉันให้เธอ แล้วไปจากที่นี่ซะ ไปก่อนที่จะมีงานแต่งระหว่างเธอกับฉันจะเกิดขึ้น” ราเชนทร์โยนซองสีน้ำตาลที่ในนั้นมีเงินสดตามจำนวนที่ชายหนุ่มมบอกลงบนโต๊ะรับแขก “พี่เชนทร์..” “เธอก็รู้ฉันไม่ได้รักเธอ และไม่ต้องการแต่งงานกับเธอ รับเงินแล้วออกไปจากชีวิตฉันซะ เขมมจิรา” ราเชนทร์คำรามเสียงเหี้ยม แล้วเดินออกจากห้อง พร้อมทั้งปิดประตูเสียงดัง ปัง! “พี่...” เขมจิรานั่งก้มหน้าร้องไห้ น้ำตาไหลเป็นสายอาบแก้มสองข้าง เธอไม่ได้เสียใจที่ราเชนทร์ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเธอ แต่เธอเสียใจที่เขาดูถูกเธอและไม่ยอมรับฟังเหตุผลของเธอแม้แต่น้อย ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเขา เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ได้รักเธอ แต่เป็นเพราะคุณกันยา แม่ของเขามาขอร้องไห้เธอแต่งงานกับชายหนุ่ม ซึ่งคุณกันยาเป็นผู้มีพระคุณของเธอ รับเธอมาจากสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า คุณกันยาเลี้ยงดูยกย่องเธอให้เป็นเหมือนหลานแท้ๆคนหนึ่งของท่าน เธอได้ที่อยู่ดีๆ ได้เรียนในโรงเรียนที่ดี ซึ่งหากไม่มีคุณกันยาเธอก็ไม่รู้ว่าชีวิตเธอจะเป็นอย่างไร และตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกคนในครอบครัวนี้ก็รักและเมตตาเธอทุกคน โดยไม่เคยขอร้องให้เธอทำอะไรตอบแทนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยกเว้นครั้งนี้.... ‘เข็ม ช่วยแม่สักครั้งเถอะนะ ถือว่าเห็นแก่แม่ได้ไหมลูก เข็มแต่งงานกับพี่เชนทร์ได้ไหมลูก’ คำขอร้องของคุณกันยา ทำให้เขมจิราช็อกไปชั่วขณะ ‘คุณแม่!คะ...คือพี่...’ ครั้งนั้นเธอจะปฏิเสธบอกผู้มีพระคุณท่วมหัวว่า ราเชนทร์มีคนรักอยู่แล้ว และชายหนุ่มก็คงไม่ยอมแต่งงานกับเธอแน่ ‘แม่ไม่เห็นใครเหมาะสมเท่าหนูแล้วนะ ที่จะดูแลตาเชนทร์ได้ดีเท่าเข็ม..’ ‘พี่เชนทร์มีแฟนแล้วนะคะคุณแม่ เธอชื่อเกศริน’ ‘แม่รู้ แม่ถึงอยากให้เข็มแต่งงานกับพี่เขาไง เพราะหล่อนคนนั้นเป็นผู้หญิงไม่ดี แม่ไม่ชอบ จะมีก็แต่ตาเชนทร์เท่านั้นที่ยังคงหูหนวกตาบอดไม่รู้ว่าอะไรเพชร อะไรกรวด ถ้าเข็มรักแม่ เห็นว่าแม่เป็นแม่แท้ๆของหนู เข็มทำตามคำขอของแม่ได้ไหมลูก’ คุณกันยากอดเขมจิราพร้อมกับลูบหัวเธอไปมา ‘นะเข็มนะ ถือว่าช่วยแม่สักครั้งนะลูก’ แล้วแบบนี้มีหรือที่เด็กกำพร้าที่ถูกผู้หญิงใจดีคนนี้นำมาชุบเลี้ยงจะกล้าปฏิเสธ เพราะบุญคุณท่วมหัวที่ท่านเลี้ยงมา ไม่อาจทำให้เธอกล่าวปฏิเสธได้ลง… เขมจิราทรุดนั่งลงบนเตียง เธอมองซองสีน้ำตาลด้วยหัวใจที่สั่นไหว เพราะรู้ว่าพรุ่งนี้ยังไงก็ต้องมีงานแต่งงานเกิดขึ้น เธอไม่สามารถทรยศผู้มีพระคุณได้ แม้จะรู้ว่าจะต้องเจอพายุร้ายโหมกระหน่ำซัดสาดใส่ไม่หยุด “เข็มทำอย่างที่พี่เชนทร์ต้องการไม่ได้จริงๆค่ะ ขอโทษนะคะ” เขมจิราพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินลุกขึ้นเพื่อเข้าห้องน้ำอาบน้ำนอน เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นมาแต่งหน้าทำผมเพื่อเข้าพิธีแต่งงาน แม้จะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เจ้าบ่าวจะมาร่วมพิธีหรือไม่… ด้านราเชนทร์เมื่ออาละวาดข่มขู่หญิงสาวแล้ว เขาก็ขับรถออกจากบ้านไปด้วยความเร็ว จุดมุ่งหมายคือผับหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง เมื่อเดินทางมาถึง เขาก็เข้าไปด้านในนั่งโต๊ะประจำของเขาทันทีพร้อมกับสั่งเครื่องดื่มที่แรงที่สุดของผับมาดื่มอย่างไม่ยั้ง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องนึกถึงเรื่องงานแต่งงานในวันพรุ่งนี้ เสียงเพลงในผับดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่อง ผู้คนชายหญิงต่างพากันเต้นอย่างเมาส์มันโดยไม่สนใจโลกภายนอก และแล้วเกศรินแฟนสาวของเขาก็มาถึงเวลาตามนัด เกศรินมาในชุดแหวกอกสีแดงเพลิงเว้าหลังลึกลงไปถึงสะโพก รูปร่างเธอเย้ายวน อกเป็นอก เอวเป็นเอว ใครเห็นก็ต้องเหลียวหลังมองด้วยความตะลึง “เชนทร์ค่ะ..” เสียงดัดจริตแบบนี้ ทำให้ราเชนทร์ที่นั่งดื่มอยู่นั้นเหลือบตามอง เมื่อเห็นว่าเป็นแฟนสาว เขาก็คว้าหล่อนเข้าไปกอด และพูดว่า “ทำไมคุณมาช้าจัง คุณรู้ไหมผมมานั่งรอคุณนานแล้วนะ..” “นี่คุณเมาเหรอคะ” เกศรินไม่ขัดขืน หล่อนยืนกระแซะนั่งหมิ่นบนขาของชายหนุ่ม “ผมไม่เมา!” ราเชนทร์พูดลิ้นพันกันชิดซอกคอระหง “ไปค่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ นี่คุณเมามากแล้วนะคะ ลุกขึ้นสิคะ” เกศรินประคองชายหนุ่มพาเดินออกไปจากผับทันที “ไปพักที่คอนโดของคุณนะ ผมไม่อยากกลับบ้าน” เมื่อเข้าไปนั่งในรถ ราเชนทร์ก็บอกแฟนสาว “ได้สิคะ เดี๋ยวเกศจะจัดหนักจัดเต็มให้เชนทร์หายเมาเลยดีไหมคะ” หล่อนพูดพลางส่งสายตายั่วยวนให้กับชายหนุ่ม “อย่ายั่วกันสิ ไม่งั้นมันจะไม่ถึงห้องพักนะ” ราเชนทร์พูดพลางรั้งร่างบางยั่วเย้ามาบดขยี้ริมฝีปาก ซึ่งเกศรินก็ตอบสนองกลับอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน “พอก่อนค่ะเชนทร์ เกศว่าเราไปถึงห้องก่อนดีกว่าไหมคะ ตรงนี้มันไม่เหมาะนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าอายเขาตายเลย” เกศรินแกล้งขัดขืน ทำเป็นหญิงไร้เดียงสา “โอเค” ราเชนทร์พยักหน้าชิดทรวงอกอิ่ม เขาผละจากร่างนุ่มนิ่ม ปล่อยให้เกศรินขับรถ.. เมื่อมาถึงห้องทั้งคู่ก็ตรงเข้าไปยังห้องนอน เขาทั้งสองช่วยกันถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็วและกอดจูบกันอย่างเร่าร้อน ซึ่งราเชนทร์ถึงจะเมามากแค่ไหน เขาก็ไม่ลืมที่จะใส่เครื่องป้องกัน “กึกกักๆ” เสียงเตียงกระทบผนังห้องสั
คำโปรย ริชาร์ด เคาน์ซิคาโด้ ชายหนุ่มรูปหล่อตัวใหญ่สูงร้อยแปดสิบห้า พ่อรวยและเป็นลูกผู้ดีเก่า เพราะเขาคือ ลูกชายคนโตของเดวิดกับกล้วยไม้ เขาเติบโตมาด้วยความรักล้นเหลือจากครอบครัวและเขาเจริญรอยตามเดวิดที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสมาแล้ว เขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าสายเลือดไม่สำคัญเท่ากับการเลี้ยงดู หนุ่มหล่อพ่อรวยคนนี้ยังเป็นถึงนายกรัฐมนตรีอายุน้อย จึงมีทั้งคนที่ชื่นชอบ และคนที่เกลียดชัง งานก็ต้องทำให้ทุกคนเห็นความสามารถ เรื่องความรักก็ต้องจัดการ แต่แม้จะมีสาว ๆ มากมายเพียงใด ในหัวใจของเขาก็มีเพียง ยูริ อัชลันบิน คนเดียวเท่านั้น ยูริ พลเมืองไร้สถานะเชื้อชาติ แม่ของเธอเป็นชาวมาเลเซียและเป็นหญิงขายบริการส่วนพ่อไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่จู่ ๆ เธอก็ได้เป็นเพื่อนกับแคทริน นั่นทำให้ได้เจอกับพี่ชายของเพื่อน แม้จะดีใจที่ได้อยู่ใกล้ชิดชายคนที่เธอแอบรัก แต่เพราะรู้ฐานะตัวเองดี ทำให้เธอปิดกั้นหัวใจมาตลอดจนกระทั่ง… ตอนนี้ เธอคือ ยูริ เคาน์ซิคาโด้ (มาร์โก) น้องสาวต่างพ่อของแม่ แมทธิว มาร์โก มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ของอิตาลีที่เป็นน้องเขยของริชาร์ด แถมเธอยังเป็นหลานของเดวิดอีกด้วย นั่น ทำให้กวางตัวน้อยของริชาร์ด กลายเป็นลูกเสือที่พ่อเสืออย่าง แมทธิวหวงมาก แต่ริชาร์ถือคติว่า ไม่เข้าถ้ำลูกเสือแล้วจะได้ลูกเสือมาได้อย่างไร แต่ตอนนี้เขาจะต้องจัดการทั้งงานและสาว ๆ คนเก่าออกไปให้หมดก่อน.. แล้วเขาจะใช้ทุกเล่ห์ที่มีพากวางน้อยกลับมาให้ได้…..
“นี่เป็นยาคุมฉุกเฉิน กินซะ ถ้าไม่อยากอุ้มท้องโดยที่ไม่มีพ่อและเรียนไม่จบ.เพราะเมื่อคืนฉันไม่ได้ป้องกัน เพราะทนความร่านของเธอไม่ไหวเลยปล่อยในไปหลายครั้ง” เธออ่านข้อความนั้น ก่อนที่จะ... “ถ้าฉันท้อง ฉันก็จะเอาไอ้มารหัวขนนี่ออก คุณไม่ต้องห่วงว่าฉันจะขอร้องให้คุณมารับผิดชอบ สบายใจได้” แคทรินหยิบยามาถือไว้ในมือ มืออีกข้างก็เขียนข้อความตอบโต้ด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไปเช่นกัน ไม่มีคำว่า พี่ หรือแคท อีกแล้ว ต่อไปนี้พวกเราจะเป็นคนที่เคยเจอกันเท่านั้น
เพี้ยะ เพี้ยะ...!! กังสดาลยังยืนจ้องหน้าเมษา แล้วยกเรียวมือกางออกข่วน และตบลงไปบนผิวแก้มสีแทนนั่น สองสามที สลับซ้ายขวา “กังสดาล!!” ใบหน้าเข้มสะบัดหันไปตามแรงตบ เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบรอยนิ้วมือบนผิวไปมา ลิ้นเรียวใหญ่เลียเลือดตรงมุมปาก แววตาสีนิลเปล่งประกายแดงโรจน์ ค่อยๆ หันมองร่างบางที่ยืนตัวสั่นเทา “กะ…เกลียดนัก คนใจเลว!” ทำใจกล้าเปล่งเสียงเขียวสะบัดใส่ พร้อมทั้งไม่ยอมขยับร่างถอยหนี ถึงจะมีความหวาดกลัวต่อสายตาเพชฌฆาตคู่นั้น “คำก็เลว สองคำก็เกลียด ดี… ฉันจะทำให้เธอเกลียดฉันไปจนตลอดชีวิต ยัยเด็กร่าน!!!” คนร่างโตก้าวเดินย่างสามขุมเข้าไปหาหญิงสาวที่ยังยืนอวดดีปากเก่ง “ยะ…อย่าเข้ามานะ” ใบหน้าซีดกลัวคนตรงหน้า กังสดาลขยับปลายเท้าก้าวเดินถอยหนี เบี่ยงตัวหวังจะวิ่งหนีเขาไปยังห้องของมารดา “มานี่! วันนี้ฉันจะเลวให้เธอเห็น” เมษาเดือดดาล ใบหน้าถมึงทึง ยามนี้หลานสาวไม่คิดที่จะเอ่ยชื่อของเขาเอาเสียเลย คนตัวโตเดินตามรอยเท้าของเจ้าหล่อน แววตาสีนิลเปล่งประกายแดงโรจน์จับจ้องอยู่ที่ร่างบางด้วยความโกรธ ขืนเขามองนานๆ ร่างบางตรงหน้าอาจจะเป็นเถ้าถ่านแน่ เขารีบคว้าข้อมือเรียวบางกำกระชับแน่น ออกแรงกระชากให้หญิงสาวเข้ามาปะทะหน้าอก พร้อมทั้งโน้มใบหน้าลงบนช่วงลำคอระหง เรียวปากหยักซุกไซ้จูบสัมผัสไปตามผิวขาวนวลบนหัวไหล่ ปลายจมูกโด่งคมสันดมดอมกลิ่นจากผิวหอมตรงร่องทรวงอกอย่างบ้าคลั่ง “กรี๊ดดดด... ปล่อยเดี๋ยวนี้! คนเลว…เลวที่สุด ได้ยินไหม… ฮือออๆ” กังสดาลส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เธอหวาดกลัวเขา “เธอตายแน่ กังสดาล!” เสียงอันทรงพลังเปล่งออกมาอย่างน่ากลัว ตุ้บตับๆ… ผลั๊วะๆ… มือเรียวสวยข้างขวายกขึ้นผลักดันใบหน้าเขาให้ออกจากทรวงอก และอีกข้างก็ตบตีขีดข่วนไปตามหัวไหล่ ลำตัวและแผ่นหลังของเขา “หึๆ ฉันเลวได้แน่ คืนนี้แหละ... ฉันจะยัดเยียดความเลวร้ายให้กับเธอ ยัยผู้หญิงร่าน!!” เมษาเค้นเสียงเยือกเย็นจนสาวเจ้าหนาวเยือกเข้าไปในกระดูกสันหลัง เรียวปากหนายังซุกไซ้สัมผัสทั้งดูด ทั้งเล็มผิวขาวตามต้นคอระหง และยังไล่เลียผิวผ่องไปตามเรียวคางงาม
“ฮืออ ฉันเจ็บ ไอ้คนสารเลว!! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!” ความสาวบริสุทธิ์ถูกทำร้ายทำให้เธอเจ็บร้าวหัวใจไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นและออกคำสั่งแกมขอร้องเขา “เก่งนักไม่ใช่เหรอ ร้องไห้ทำไม” แม้จะรู้สึกสะใจ แต่ลึกๆ แล้วก็อดสงสารและรู้สึกผิดไม่ได้ ทีแรก ไอศูรย์คิดว่าเธอจะช่ำชองเสียอีก ไม่คิดว่าจะยังบริสุทธิ์ผุดผ่องแบบนี้ “ฉันเกลียดคุณ ไอ้สารเลว ชาติชั่ว!!” ทันทีที่พูดจบ ขวัญฤดีก็ต้องกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน เมื่อไอศูรย์กระแทกความใหญ่โตใส่โดยที่ไม่มีคำว่าปรานีจนเธอสลบไปในที่สุด “อย่าเพิ่งตายนะ ตื่นขึ้นมารับรู้สิว่าฉันกำลังย่ำยีเธอ” ไอศูรย์หยุดชะงักเมื่อเห็นร่างน้อยไม่ตอบสนอง ไม่เข้าใจว่าทำไมอยากอ่อนโยนกับเธอ เขาจึงนอนทับโน้มหน้าเข้าหา จับหน้าเธอแล้วจูบริมฝีปากอิ่ม ปลายลิ้นลากไล้ลงมาที่ซอกคอระหงก่อนจะขบเม้มฝากรอยรักไว้ จากนั้นจึงลากลิ้นเลียลงมารอบดอกบัวคู่งาม ‘อื้อ ทุกส่วนสัดของเธอหอมหวานเหลือเกินขวัญฤดี’ เขาคิดพลางดูดดอกบัวคู่งามอย่างกระหายหิว แล้วลากลิ้นลงมาชิมกุหลาบงาม ‘ทำไมถึงได้หวานจับใจขนาดนี้นะ’ ชายหนุ่มสูดดมกลิ่นสาบสาวแล้วกลืนกินน้ำหวานผสม ผสานเลือดสาวบริสุทธิ์รสชาติละมุนทุกหยาดหยด “อยะ อย่า” และถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่รู้สึกตัว แต่ร่างกายกลับตอบรับสัมผัสเขาได้ดีทุกสัดส่วน ไอศูรย์กินน้ำหวานสีใสจากกุหลาบงามอยู่เช่นนั้นนานนับชั่วโมงอย่างเอร็ดอร่อย แล้วจึงค่อยขยับกายลุกขึ้นนั่ง จับความแข็งแรงถูไถตามร่องเนื้อบวมเป่ง ดันเบาๆ เข้าไปในตัวเธออย่างอ่อนนุ่มละมุน ก่อนขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ จากนั้นก็ถี่ขึ้นเร็วขึ้นตามแรงอารมณ์ สุดท้ายก็ปล่อยธารรักสีขาวขุ่นเข้าไปในร่างบางทุกหยาดหยดอย่างลืมตัว...
“ไอ้คนเลว! ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!” ด้านนุดีเมื่อเห็นหน้าวัลลภ เธอก็พ่นวาจาด่าหยาบคายใส่ทันที “จะลงนรกอยู่แล้วยังจะมาทำปากดีอีกนะ” วัลลภดันร่างบางให้หันหลังแล้วแก้เชือกที่มัดมือของเธอออก บังคับด้วยดวงตาถมึงทึงให้นุดีลุกขึ้น แต่กลับเป็นเขาเองที่อุ้มเธอออกจากรถ “โอ๊ยย!! ไอ้บ้า!! ฉันเจ็บนะ!!” เมื่อถูกปล่อยให้ยืน นุดีที่ไม่ทันได้ทรงตัวดีก็เซถลาชนข้างรถล้มลงไปกองบนพื้นดินแข็งๆ “อย่ามาทำสำออย ลุกขึ้น!!” วัลลภไม่ได้สนใจว่าหญิงสาวจะเจ็บไหม เขาจับแขนเล็กกระชากอย่างแรงให้เธอยืนขึ้น “นายพาฉันมาทำอะไรในกลางป่าน่ากลัวแบบนี้” ดงป่าเขียวจนครึ้ม ต้นไม้สูงใหญ่ดำทมิฬหนาทึบ กิ่งก้านใบไหวไปตามลมผสมเสียงแปลกประหลาดร้องและวิ่งไล่กัดกันอยู่ในป่าหญ้าคาข้างทางทำให้นุดีกลัวจนหน้าซีด “นรกอเวจีไง อยากลงไปเล่นน้ำในกระทะทองแดงไหม” วัลลภก้มๆ เงยๆ อยู่หลังรถจึงไม่ได้ทันระวังภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง นุดีเป็นอิสระจากสายตาของชายหนุ่ม เธอยิ้มหยันเมื่อเห็นไม้กำลังเหมาะมือ แล้วจับท่อนไม้ขึ้นมาฟาดใส่กลางหลังและหัวของชายหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย “แกไปคนเดียวเถอะ ไอ้คนถ่อย!! นี่แน่ะ!!” “โอ๊ยย!! ยัยบ้าเอ๊ย!! นี่เธอกล้าตีหัวฉันเหรอฮะ!!” วัลลภยกมือกุมหัว เขาเดือดเป็นน้ำร้อนเมื่อเห็นเลือดเปรอะมือทั้งสองข้าง “ฉันฆ่าแกแน่ ถ้าเข้ามาหาฉันแม้แต่ก้าวเดียว” นุดีกลัวเมื่อเห็นเลือดแดงฉานซึมออกมาจากศีรษะเขา ไหลเป็นทางผ่านหัวคิ้วเป็นปื้นหยดลงใส่เสื้อยืด เธอเสียงดัง ใช้ไม้ชี้หน้าขู่ชายหนุ่ม “เธอหรือฉันจะถูกฆ่ากันแน่!!” เลือดจากหัวไหลเป็นทางผ่านหน้าผากเข้าตา วัลลภจึงใช้หลังมือเช็ดออก เขาแสยะยิ้มร้ายกาจเมื่อเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้หญิงสาววิ่งหัวซุกหัวซุนหนีเข้าป่า “กรี๊ดดด!!” นุดีวิ่งผ่านต้นไม้ใบหญ้าโดยที่ไม่ได้ดูหน้าดูหลังทำให้สะดุดขาตัวเองล้มกลิ้งไปกองบนพื้นดิน “ฉันว่าจะไม่รุนแรงกับเธอแล้วนะ!! นุดี แต่เธอรนหาเรื่องเอง” วัลลภกระโจนเข้าไปยืนดักหน้าหญิงสาวที่กำลังคลานหนี เขาคว้าแขนเล็กแล้วกระชากให้เธอลุกยืนเผชิญหน้ากัน “ถุย!! ไอ้ขยะ กะ...แกจะทำอะไรฉัน!!” นุดีก็ใช่จะยอม เมื่อได้ยืนอยู่ในอ้อมแขนกำยำ ใบหน้าของเธออยู่แค่ระดับราวนมของชายหนุ่ม หญิงสาวขัดขืน หยิกข่วนตามตัววัลลภ เขย่งปลายเท้าให้สูงจนดวงหน้าของเขาและเธออยู่ในระดับเดียวกันแล้วก็พ่นน้ำลายใส่หน้าหล่อ วัลลภกลายเป็นคนดุร้าย มือหนาหยาบกร้านเช็ดของเหลวออกจากแก้ม แล้วกางมือออกเหวี่ยงใส่ใบหน้างามซ้อนกันขวาซ้ายสุดแรงเกิด เผียะ!! เผียะ!! “กรี๊ดดด!!” ด้านนุดีไม่ทันตั้งตัว ถูกตบจนล้มกลิ้งไปนอนกองบนพื้นดินอีกครั้ง เธอเจ็บจนน้ำตาไหลจึงยกมือกุมแก้มที่แดงเป็นรอยนิ้วมือทั้งห้าแล้วค่อยๆ หันมองหน้าผู้ชายใจชั่ว ทำร้ายผู้หญิงไม่มีทางสู้ “ไอ้หน้าตัวเมีย!! แกตบฉันทำไม!!” “วันนี้แหละ ฉันจะทำให้เธอไม่มีศักดิ์ศรีของความเป็นคน” เสียงของปีศาจคำรามดังก้องป่า มือเพชฌฆาตคว้าข้อมือน้อยกระชากลากถูไปตามทางเล็กๆ ที่ข้างทางมีแต่ต้นหนามกับใบหญ้า “กรี๊ดดด!! ไอ้ผู้ชายป่าเถื่อน!! ทำไมแกต้องทำกับฉันแบบนี้!! ปล่อยฉันนะ!! ไอ้ชั่ว!! ฮืออ” นุดีถูกฉุดลากทั้งที่กึ่งนั่งกึ่งนอนไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยดินแข็งและหินก้อนเล็กๆ เสียงร้องโหยหวนของหญิงสาวดังก้องทั่วป่าทำให้คนงานชายสี่คนที่ได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้มารอที่กลางป่าแห่งนี้มองหน้ากัน แล้วหันไปมองเงาดำทมิฬสูงใหญ่เดินลากอะไรบางอย่างตรงมาหาพวกมัน “นะ นาย!!” พวกมันทั้งสี่ยืนตาค้างเมื่อสิ่งที่ฟุบอยู่ตรงหน้ามันนั้นเป็นหญิงสาว ขนาดถูกวัลลภทำร้ายเช่นนี้ก็ยังดูออกว่าเธอสวยและเซ็กซี่มาก “พวกมึงมีโทรศัพท์ไหม?” วัลลภยืนมือเท้าสะเอวมองนุดีกำลังช่วยตัวเองดึงชายกระโปรงผ้าลูกไม้ที่ถลกขึ้นจนเห็นต้นขาขาวผ่องสองข้างลงปิดเนื้อเปลือยของตัวเอง “มะ มีครับ” ไอ้ลูกน้องสี่คนไม่ได้มองหน้าวัลลภเวลาพูด เพราะจุดสนใจของพวกมันคือผู้หญิงของเจ้านาย ซึ่งเวลานี้ เธอคลานหนีไปนั่งชันเข่าอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ “พวกมึงถ่ายคลิปผู้หญิงคนนี้ไว้ ทำแบบนี้สิวะ ไอ้ห่า” วัลลภแยกเขี้ยวใส่นุดี เขาแย่งโทรศัพท์ของลูกน้องมาถือไว้ด้วยมือเดียวแล้วย่อตัวนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ มือข้างที่ว่างยื่นเข้าไปจับคางน้อยบีบจนปากของหญิงสาวห่อแล้วดันให้หันมาสู้กล้อง “คะ ครับ” พวกลูกน้องพากันทำหน้าหื่นเหมือนเจ้านายแล้วจ่อกล้องโทรศัพท์ทำตามคำสั่งของนาย “ไอ้ลภ!! แกบอกให้พวกสวะนี้หยุดถ่ายฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” นุดีแย่งโทรศัพท์จากมือของวัลลภได้ก็เหวี่ยงเครื่องสื่อสารเฉียดหน้าของชายหนุ่มไปกระทบต้นไม้เสียงดัง เพล้งง!! “พวกมึงเตรียมเก็บภาพทุกช็อตไว้เลยนะ กูจะเล่นเป็นพระเอกคาวบอยควบม้าให้พวกมึงดู” แววตาดุจเสือร้ายหันขวับมองไอโฟนรุ่นใหม่กองเป็นเศษขยะอยู่ข้างต้นไม้ วัลลภกระตุกยิ้ม หันกลับมามองมือสองข้างที่กำกระชับคอเสื้อเปิดไหล่ของนุดี แล้วกระชากจนขาดเป็นสองส่วนเผยให้เห็นอกอิ่มขาวผ่องล้นออกมาจากบราไร้สาย “ว้ายย!! อย่าทำฉัน ฮืออ” นุดีรีบยกแขนข้างเดียวกอดตัวเองไว้ ส่วนอีกข้างทุบตี หยิกข่วนไปตามตัวของเขาอย่างบ้าคลั่ง “พวกมึงอย่าลืมถ่ายวิดีโอนะโว้ย!! กูจะแสดงหนังสดกับยัยนี่ในกระท่อม” สายตาของลูกน้องมองนุดีอย่างหื่นกระหายทำให้วัลลภรีบฉุดให้เธอเข้ามาซบหน้าอก แล้วอุ้มคนตัวน้อยขึ้นพาดบ่า “ไอ้คนเลว!! ฉันเกลียดแก!! ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!!” นุดีอับอายจนอยากจะทำให้ชายหนุ่มเจ็บปวดมากที่สุด จึงทำร้ายเขาโดยการทุบๆ ที่หัวไหล่และจะกัดหลังเขาอีกครั้ง “ถ้าเธอกัดฉันอีก เธอได้มีผัวเป็นกรรมกรแบกหามหลายคนแน่!!” โครมม!! ก่อนที่วัลลภจะถีบประตูกระท่อมให้เปิดกว้างนั่นเขาได้คำรามเสียงเหี้ยมขู่เธอ
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ