ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / มหาเศรษฐี / บ่วงเสน่ห์ เล่ห์ดวงใจ
บ่วงเสน่ห์ เล่ห์ดวงใจ

บ่วงเสน่ห์ เล่ห์ดวงใจ

5.0
98 บท
266.4K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

เมื่อจู่ๆ ‘คริสโตเฟอร์ เมสัน’ ผู้บริหารหนุ่มหล่อจอมเฮี้ยบของแม็กนามีเดีย ตัดสินใจที่จะยุบนิตยสารแม่บ้านตกยุคที่ไม่เคยทำกำไรมานาน แน่นอนว่ามันรวมไปถึงการลอยแพพนักงานด้วยการจ้างออกทั้งแผนก ‘อลิสา สิปปา’ บ.ก.สาวไทยผู้แสนจะเชยไม่แพ้นิตยสารที่เธอดูแลอยู่จึงหมดทางเลือก นอกจากบุกไปพบเจ้านายคนใหม่เพื่อขอให้เขายืดเวลา แต่ว่าก็ว่าเถอะ แค่การแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูเฟี้ยวฟ้าวเหมือนผู้หญิงปกติในสังคมเธอยังทำไม่ได้ ประสาอะไรจะปรับปรุงนิตยสารใหม่ทั้งเล่มแล้วปลุกยอดขายให้เขาได้ล่ะ ถ้าอยากได้โอกาสนักล่ะก็ ก่อนอื่นลองทำตัวสวยจนเขารู้สึกพอใจก่อนจะดีไหม “ถ้าเธอไม่ตื่นเดี๋ยวนี้ล่ะก็... เราคงไม่ได้ลุกจากเตียงกันอีกจนกว่าจะถึงเที่ยงของวันนี้นะ” ไม่ขู่เปล่า แต่คริสโตเฟอร์ยังคงกดจมูกลงที่ข้างขมับของเธอ ก่อนที่จะใช้กลีบปากแกร่งค่อยๆ ไล่จูบหนักๆ ไปตามผิวแก้มนวล เล่นเอาคนที่ตั้งท่าจะดึงดันเมื่อครู่เปิดเปลือกตาทันควัน “ตื่นแล้วค่ะ!” หญิงสาวร้องบอก แล้วผลักอกกว้างให้ออกห่าง ตั้งท่าจะถลาลงจากเตียงเมื่อเขาทำท่าว่าจะปล้ำเธอเข้าจริงๆ หากทว่าเขากลับดึงแขนเธอไว้ไม่ยอมให้ลงจากเตียงไปง่ายๆ “ตื่นแล้วก็มามอร์นิ่งคิสกันก่อนสิ” ชายหนุ่มพูดอย่างเจ้าเล่ห์ “ไม่เอาค่ะ!” อลิสาสั่นหน้าปฏิเสธ ขืนจูบเขาล่ะก็... เธอกลัวว่ามันจะไม่หยุดเพียงแค่จูบน่ะสิ และเธอเองก็คงอดที่จะปล่อยให้อารมณ์เตลิดตามเขาไปไม่ได้ด้วยแน่ๆ “เพิ่งตื่นก็ต้องแปรงฟันแล้วก็ทำความสะอาดร่างกายก่อนสิคะ” “ถ้าแปรงฟันแล้วเขาจะเรียกมอร์นิ่งคิสได้ยังไงล่ะ?” คริสโตเฟอร์ถามด้วยน้ำเสียงเง้างอนน้อยๆ ก่อนยื่นข้อเสนอให้ “เลือกเอาว่าเธอจะเป็นคนจูบฉัน หรือจะให้ฉันเป็นคนจูบเธอ?”

บทที่ 1 Prologue

เสียงจอแจของพนักงานบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ขนาดใหญ่ ที่มีนิตยสารในเครือหลายหัว ดังเซ็งแซ่ ต่างไถ่ถามกันถึงสาเหตุที่พวกตนถูกเรียกเข้าประชุมอย่างกะทันหันโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าเช่นนี้ แต่ทว่าก็ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ กระทั่งเสียงบานประตูห้องประชุมถูกเปิดออกอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงทรงเสน่ห์ของชายหนุ่มชาวอเมริกันผู้ที่สาวๆ หลายคนรู้จักกันดี จะเดินเข้ามาพร้อมทั้งบอดี้การ์ดส่วนตัวทั้งสี่คน ที่อยู่ในชุดสีดำสนิทไปทั้งตัว ทั้งเสื้อเชิ้ตตัวใน เสื้อสูทตัวนอก กางเกงผ้าขายาว หรือแม้กระทั่งรองเท้าหนังที่สวมใส่ สร้างความแตกตื่นให้กับบรรดาพนักงานที่มาร่วมนั่งประชุมในห้องประชุมใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นระดับหัวหน้ากอ

งบรรณาธิการของนิตยสารแต่ละฉบับ ที่บางคนอาจจะพ่วงเอาลูกน้องคนสนิทมาด้วย

ร่างสูงในชุดสูทผ้าไหมสีเทา ด้านในสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ผูกด้วยเนกไทผ้าไหมสีฟ้าเข้ม กลัดกระดุมเสื้อสูทเป็นที่เรียบร้อย เดินไปหยุดยืนที่บริเวณหัวโต๊ะประชุม ที่มีลักษณะเป็นรูปตัวยู แผ่นหลังเหยียดตรงดูสง่างามและทรงอำนาจ เสียจนหลายคนต้องมองด้วยความเกรงขาม ส่วนอีกหลายคน... โดยเฉพาะสาวๆ มองเขาด้วยแววตาประหนึ่งว่าจะกลืนกินร่างสูงของชายที่ใครหลายคนรู้จักเขาผ่านหน้านิตยสาร

“ที่ผมเรียกพวกคุณมาประชุมในวันนี้” เขาพูดขึ้นเสียงทรงอำนาจ ก้องกังวานไปทั่วห้องประชุมโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องขยายเสียงเลยด้วยซ้ำ ทุกคนต่างตั้งใจฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อไป เจ้าของดวงตาสีฟ้า กวาดสายตามองพนักงานที่มาร่วมประชุมนิ่งๆ ก่อนเอ่ยต่อ “เพื่อที่จะแจ้งให้ทุกคนทราบว่า... ผมจะเข้ามารับหน้าที่ดูแลบริษัทนี้ต่อจากคุณจอห์น โคลตัน เจ้าของเดิม”

“ว่าไงนะ? เป็นไปได้ไง?” เสียงพนักงานแต่งละคนหันไปถามเพื่อนที่นั่งข้างตัวเองด้วยความตกใจ และงุนงงกับข่าวใหม่ที่ไม่เคยได้ระแคะระคายมาก่อนหน้า

ปัง!!

“เงียบ!” เสียงตบโต๊ะดังขึ้น พร้อมกับน้ำเสียงออกคำสั่งที่เขาไม่จำเป็นต้องตะคอกด้วยซ้ำ เสียงคุยกันอื้ออึงราวกับนกแตกรังก็เงียบลงแล้วมองคนที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของคนใหม่เป็นตาเดียวกัน “ผมไม่ชอบให้ใครพูดแทรกขณะที่ผมยังพูดไม่จบ!”

เขาบอกแล้วใช้ดวงตาสีฟ้าอมแสนเย็นชาราวกับน้ำแข็งกวาดมองพนักงานแต่ละคน ที่บางคนเกรงเขามากจนต้องหลบสายตาวูบ ส่วนบางคนยังทำใจดีสู้เสือเหลือบตาสบกับเขาบ้างเป็นจังหวะ ริมฝีปากหยักแบบผู้ชายบิดยิ้มอย่างพอใจก่อนเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ดี!” ชายหนุ่มเอ่ยชมอย่างพึงใจ แต่กลับทำให้พนักงานทุกคนรู้สึกเสียววาบไปทั่วกระดูกสันหลัง “ผมได้สรุปยอดรายรับรายจ่ายของบริษัท ในรอบห้าปีให้หลังนี่มาเรียบร้อยแล้ว และคิดว่าคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้บริษัททำกำไรให้ได้มากขึ้น” เขาพูดช้าๆ จากข้อมูลที่ได้รับมาเมื่อสามวันก่อน และจัดการอ่านศึกษาข้อมูลรายได้ของบริษัทแห่งนี้มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะเรียกประชุมในวันนี้ “ตัวแทนนิตยสาร Housewives อยู่ที่ไหน?”

“เอ่อ... อยู่นี่ค่ะ” หญิงวัยสี่สิบกว่ายกมือขึ้นพร้อมขานรับอย่างกล้าๆ กลัวๆ ข้างๆ กันนั้นเป็นลูกน้องคนสนิทที่เธอพามาร่วมประชุมด้วย

“จากข้อมูลที่ผมได้อ่าน ทำให้ผมรู้ว่านิตยสารหัวนี้ทำกำไรได้ไม่ดีเท่าที่ควร...” ชายหนุ่มบอกแล้วหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะแก้คำพูดของตัวเองใหม่ “ไม่สิ... ต้องบอกว่าทำกำไรไม่ได้เลยติดต่อกันมาห้าปีแล้ว ผมจึงมีความเห็นว่าจะยุบนิตยสารหัวนี้ และจ้างพนักงานที่เป็นกองบรรณาธิการของนิตยสารฉบับนี้ออก เพื่อลดต้นทุนการผลิตให้น้อยลง”

“ไม่... ไม่นะ...” ผู้ช่วยของหัวหน้ากองบรรณาธิการนิตยสาร Housewives พึมพำไม่พ้นริมฝีปากของตัวเอง แทบช็อกกับข่าวร้ายที่ได้รับอย่างไม่ทันได้เตรียมใจแม้สักนิด

“เอาล่ะ... เรื่องที่ผมจะแจ้งก็มีเพียงเท่านี้ เลิกประชุมได้” ชายหนุ่มบอก แต่ยังไม่ทันที่จะหมุนตัวเดินออกไป เสียงร้องห้ามสั่นเครือก็ดังขึ้น

“ไม่ได้นะ! คุณจะยุบนิตยสารอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด!” เสียงหวานเกรี้ยวกราดและสั่นเครือดังก้อง ทุกคนในห้องต่างตกตะลึงกับอาการสติแตกของหญิงสาวที่อาจหาญต่อกรกับเจ้าของบริษัทคนใหม่

“ทำไมจะไม่ได้?” เขาหันกลับมามองคนที่กล้าโต้แย้งเขา พอหันกลับมาก็เจอกับหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีพื้นลายดอกไม้เล็กๆ ติดกระดุมจนถึงคอ สวมกระโปรงสีน้ำตาลยาวคลุมเข่า ดวงตาเกรี้ยวกราดของเธอวาวโรจน์อยู่ในใต้แว่นตากรอบสีดำหนาเตอะ ร่างสูงหันมามองผู้หญิงเอเชียผิวสีน้ำผึ้ง ซุกมือไว้ในกระเป๋ากางเกง ดวงตาฉายแววท้าทายปนเยาะหยันอีกฝ่าย “ในเมื่อผมเป็นเจ้าของบริษัทนี้แล้ว ผมมีสิทธิตามกฎหมายทุกประการที่จะกระทำการใดๆ ก็ตาม เพื่อที่จะทำให้บริษัททำกำไรได้มากขึ้น และการตัดนิตยสารที่ไม่ทำเงินเลยมากว่าห้าปีทิ้ง ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะช่วยลดต้นทุนการผลิต ผมหวังว่าคุณคงฉลาดพอที่จะเข้าใจนะครับ... มิสซิส”

คนที่ตั้งท่าจะแย้งนิ่งงัน จนด้วยเหตุผลที่เขายกมาอ้าง เธอและทุกคนในบริษัทนี้ต่างรู้ดีว่านิตยสาร Housewives ทำกำไรไม่ได้มานานแล้ว แต่กระนั้นเจ้าของเดิมก็ยังไม่ยอมยุบนิตยสารดังกล่าวด้วยเหตุผลส่วนตัว ทำให้บริษัทต้องสิ้นเปลืองต้นทุนการผลิตโดยใช่เหตุ การตัดสินใจของเจ้าของคนใหม่นั้นก็ถือว่าถูกต้องแล้ว เพียงแต่... นี่เป็นแหล่งรายได้เดียวของเธอ เธอจะยอมเสียมันไปง่ายๆ ไม่ได้หรอก งานในสหรัฐหาง่ายเสียที่ไหนกันเล่า!

“เดี๋ยวสิคุณ!” หญิงสาวร้องตามหลังคนที่กำลังจะเดินพ้นประตูห้องประชุมออกไป เท้าบางก้าวเร็วๆ อ้อมโต๊ะประชุมใหญ่ไป หมายจะเข้าไปประชิดตัวเขาเพื่อขอร้องให้เขาเปลี่ยนใจ “คุณคะ! หยุดก่อนสิ! ฟังฉันก่อน!! ฉันขอร้อง...” เธอยังไม่ทันที่จะได้เข้าใกล้เขาแม้แต่ปลายเล็บด้วยซ้ำ ก็ถูกบอดี้การ์ดอีกสองคนที่ยืนเฝ้าประตูอยู่เมื่อครู่ขวางเอาไว้ “นี่! หลีกทางสิ! ฉันต้องคุยกับเขา!”

“หยุดครับมิสซิส! ผมไม่อยากทำร้ายคุณ” บอดี้การ์ดหนึ่งในสองคนที่กำลังขัดขวางเธออยู่เตือนด้วยความหวังดี หากแต่หญิงสาวกับดื้อดึงเหลือเกิน

“ปล่อยฉันสิ! ฉันต้องคุยกับเขานะ!” เธอหันไปตวาดใส่บอดี้การ์ดร่างใหญ่อย่างไม่ยี่หระกับขนาดร่างกายที่ต่างกันหลายเท่าตัว เธอโกรธ... และกลัวที่จะเสียงาน จนลืมที่จะกลัวบอดี้การ์ดทั้งสองคนของเจ้าของบริษัทคนใหม่ไปเสียสนิท

“ผมขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย... หากคุณไม่อยากถูกจับข้อหาพยายามทำร้ายร่างกายเจ้านายของผม กรุณาเลิกยุ่งกับเขา” บอดี้การ์ดอีกคนเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจังเสียจนหญิงสาวคนงามชะงักงัน เธอไม่อยากตกงาน... แต่ก็ไม่อยากติดคุก รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่ใช่แค่ขู่แน่ๆ และเขามีอำนาจพอที่จะทำอย่างที่บอดี้การ์ดของเขาขู่เอาไว้

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY