กอหญ้า: คุณตำรวจฉันขอแจ้งความค่ะ ฉันถูกละเมิดสิทธิของการเป็นประชาชน นายคนนี้ลวนลามฉันค่ะ ตำรวจ: เดี๋ยวคุณใจเย็นๆก่อนนะครับ กอหญ้า: ทำไมค่ะ หวังว่าคุณตำรวจคงจะไม่ปฎิบัติหน้าที่สองมาตราฐานหรอกนะคะ ฉันเป็นประชาชนที่เสียภาษีคนหนึ่งฉันมีสิทธิ เสรีภาพ ที่จะเข้าแจ้งความจับนายคนนี้ ขอหาลวนลามฉันค่ะ ตำรวจ: OK ครับ ผมจะลงบันทึกประจำวัน รบกวนคุณผู้หญิงให้รายละเอียดด้วยครับว่า ผู้ชายคนนี้ลวนลามคุณยังไง? กอหญ้า: ลวนลามค่ะ ก็คือลวนลาม ตำรวจ: ผมต้องขอรายละเอียดที่มากกว่านี่ครับ กอหญ้า: เอ่อ!!! .... มัน มัน จูบฉันค่ะ!!!!! ตำรวจ: ครับ จูบนะครับ จูบตรงไหนครับ? กอหญ้า: คุณตำรวจค่ะ มันต้องละเอียดแค่ไหนค่ะ คริสต์ที่นั่งเงียบมาตลอด รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าทันทีพร้อมกับสายตาเหลือบมองกอหญ้าที่ตอนนี้ใบหน้าแดงก่ำ ตำรวจ: ต้องระเอียดครับ ผมต้องลงบันทึกประจำวัน และต่อจากนั้นต้องสืบพยานและหลักฐานต่อนะครับ กอหญ้า: .....เอ่อ..... คริสต์: ให้ผมช่วยบอกรายละเอียดให้ก็ได้ครับ ว่าผมจูบเธอยังไง ตรงไหน และใช้เวลาจูบเธอนานแค่ไหน กอหญ้าหันไปมองคริสต์ด้วยดวงตาที่โตมากกว่าเดิม
‘... วันประชุมของสถานีโทรทัศน์...’
‘...เช้าตรู่...ณ ห้องชุดคอนโด ชั้นสูงสุด ย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา กรุงเทพมหานคร’
ร่างเปลือยเปล่าของชายและหญิงที่ร่วมมือรวมร่างดั่งเสมือนเป็นคนคนเดียวกัน ของกิจกรรมสร้างความหวาบหวามให้กันและกัน
“อ้า...อ้า...” เสียงครางของริต้าดังออกมาไม่ขาด เมื่อเธอเป็นฝ่ายรับอารมณ์ความรุนแรงของคริสต์ที่ทุ่มแรงไม่มีกักเก็บไว้ให้กับริต้า ที่ปล่อยเสียงครางออกมาบ่งบอกถึงความสุขกายที่ได้รับอย่างล้นเหลือ ริต้าปฎิเสธไม่ได้ว่า เธอหลงใหลการเสพเซ็กส์ของชายผู้นี้เหลือเกิน
คริสต์ยังคงมอบพลังความต้องการของตนเองให้กับเธอผู้นี้ ตอบสนองให้กับเธอต้องการอย่างถึงใจ เป็นการหยุดและปิดฉากความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอเป็นการถาวร เพราะนี้จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของผู้หญิงคนนี้ คนในอดีตที่ผู้ชายแบบเขาคิดว่า เขา‘รัก’เธอ...
“คริสต์ ถ้าคุณรักฉันจริง! คุณก็ควรจะปล่อยฉันไป ให้ฉันไปมีชีวิตที่ดีกว่า” คำพูดสุดท้ายของริต้า ที่ทิ้งเขาไปตอนที่เขายังเรียนปริญญาโทที่อเมริกา
“อืมมมม....” เสียงครางในคอของคริสต์ที่ดังออกมาในที่สุด เมื่อถึงจุดปลดปล่อย คริสต์ถอดถอนแก่นกายที่ยังคงความแข็งแรงสมชายด้วยวัยเพียงสามสิบหมาดๆ มือใหญ่ดึงเครื่องป้องกันออกจากความแข็งแรงทิ้งลงถังขยะ และเดินเข้าห้องน้ำไปทันที โดยที่ไม่หันมามองริต้าที่นอนหอบหายใจหมดแรงอยู่บนเตียงใหญ่ของเขา...
ยี่สิบนาทีต่อมา คริสต์เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่เขาชำระร่างกายของตัวเองแล้ว เขาสวมเพียงเสื้อคลุมที่ห่อหุ้มร่างกายไว้ และเดินไปเปิดลิ้นชักเล็กที่หัวเตียงและหยิบบางอย่างออกมา...
“รับเงินนี้ไป...และไม่ต้องกลับมาทีนี้อีก” คริสต์โยนเงินสดที่เป็นแบ้งค์พันจำนวนสองปึกให้กับริต้าที่ยังคงนอนหอบหายใจบนเตียงใหญ่ที่มีผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าอยู่
“อะ...อะไรคะ...คริสต์...ริต้าไม่เข้าใจ” ริต้าที่สายตามองเงินสดบนเตียงกับชายตรงหน้าสลับกัน
“เวลาของเธอหมดแล้ว...มันถึงเวลาที่เธอต้องออกไปจากชีวิตฉัน...อย่างถาวร...” คริสต์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
“คริสต์!...”
“ออ!...เธอมีเวลาหนึ่งชั่วโมง...เพราะเดี๋ยวแม่บ้านจะมาทำความสะอาดและรื้อเตียงเซตนี้ออกจากที่นี่”
“คริสต์!....ไม่จริงใช่มั้ย...ก็เราสองคนเข้าใจกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ?...” ริต้าที่ช็อคกับสถานการณ์ปัจจุบัน พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ เพราะสถานการณ์ตอนนี้ของเธอไม่ได้แตกต่างกับหญิงสาวที่ผ่านๆมาของชายตรงหน้าเลย
“ถูก!...ฉันเข้าใจเธอเป็นอย่างดี...แต่เราสองคนก็จบกันเพียงเท่านี้...ฉันก็ทำตามข้อเสนอของเธอไงว่า ‘ลอง’ ให้โอกาสเธอ...และฉันก็ให้แล้ว...แต่สุดท้ายเราสองคนก็ไปต่อกันไม่ได้...”
“ไม่จริง!!!...คุณแก้แค้นริต้าใช่มั้ยคะ...ที่ริต้าเคยทิ้งคุณไป” ริต้าพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ถึงแม้เธอจะรับรู้ได้ว่าชายตรงหน้าเปลี่ยนไป จาก ‘ผม’ เป็น ‘ฉัน’ จาก ‘คุณ’ เป็น ‘เธอ’ สรรพนามที่ใช้ก็ห่างเหินและไม่มีให้เกียรติเธอเลย เพียงแค่ช่วงเวลายี่สิบนาทีที่เขาเข้าห้องน้ำและกลับมาเขากลายเป็น คริสต์อีกคนที่เธอไม่เคยรู้จัก
“ฉันไม่ได้แก้แค้นอะไรทั้งนั้น...อย่าสำคัญตัวเองมากไป...ผู้หญิงหิวเงินอย่างเธอไม่มีความหมายกับฉันเลยสักนิด” คริสต์โกหกคำโตกับหญิงสาวตรงหน้า เพราะตลอดเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมาที่เขา ‘ลอง’ ให้โอกาสเธอนั้น ก็เพราะว่าเขาต้องการเอาคืนเธอที่’ทิ้ง’เขาไปหาผู้ชายคนอื่นที่เธอคิดว่ามีมากกว่าเขา สุดท้ายธาตุแท้ของผู้ชายคนนั้นก็ออกมา....ทำให้ริต้าต้องกลับเมืองไทยและพบกับความจริงว่า แท้จริงแล้วเขาเป็นใคร เพราะตลอดเวลาที่เขาได้รู้จักและคบเธอเขาไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นใคร
“คริสต์!!!...คุณเลวมาก!!...สักวันหนึ่งคุณจะต้องเสียใจที่วันนี้คุณทำกับ ริต้าแบบนี้...” ริต้าเสียใจและคาดไม่ถึงว่าชายตรงหน้าจะใช้วาจาหยามเธอได้ถึงเพียงนี้
“เสียใจ!...ฮึม!...เธอคงลืมไปว่าฉันผ่านและมาไกลความรู้สึกนั้นแล้ว...กับผู้หญิงแบบเธอฉันไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นกับฉันแน่ๆ...” คริสต์พูดพร้อมด้วยรอยยิ้ม สายตามองริต้าอย่างที่เขาไม่เคยให้มันกับใครมาก่อน ผู้หญิงคนนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่ไว้วางใจผู้หญิงคนไหนอีกเลย ยกเว้นแม่เขาเพียงคนเดียว
“ฮือ ฮือ ฮือ....” ริต้าได้แต่ร้องไห้ฟูมฟาย เพราะสำหรับเธอทำได้เพียงเท่านี้ เธอเป็นใคร แล้วเขาเป็นใคร ตอนนี้ก็ชัดเจนแล้ว
คริสต์แสยะยิ้มมองหญิงสาวที่ก้มหน้าร้องไห้กับหมอนที่เธอหนุนนอน ก่อนที่จะเดินไปเพื่อแต่งตัว เพราะวันนี้เขามีประชุมกับทีมงานที่เกี่ยวข้องที่ทางช่องของแม่เขาจะนำนวนิยายที่กำลังเป็นที่ต้องการของช่องต่างๆที่จะนำไปทำเป็นละคร รวมถึงเจ้าของบทประพันธ์ที่ยินยอมเพียงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่ช่องของแม่เขาจะได้บทประพันธ์เรื่อง ‘พ่ายกลซาตาน’ มาร่วมเข้าประชุม เพื่อขอดูตัวนักแสดงและรับฟังแนวทางของผู้กำกับ
รวมเรื่องสั้น_เรื่องราวความรัก อ่านเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ -- เมื่อเขาต้องการ -- มายผู้ที่ไม่เคยปฎิเสธยามเมื่อคุณอาหนุ่มต้องการ ซึ่งเธอไม่ปฎิเสธเขาอยู่แล้ว เพราะไม่รู้จะทำไปทำไม เสแสร้งแกล้งเล่นตัวทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่เหลือความสดใหม่ให้ค้นหาอีกต่อไปแล้ว ทำได้เพียงร่วมมือกับเขาอย่างเร้าร้อนในทุกที่ทุกเวลา ‘เมื่อเขาต้องการ’ -- ชนท้องน้องสาว -- หากน้องสาวที่ผมหวังจะท้องชนกัน กำลังจะมีความรักกับผู้ชายคนอื่น...คุณจะทำอย่างไร? -- ค่าคุ้มครองมาเฟีย -- กานต์ จะว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มก็ได้ ชายหนุ่มวัยขบเผาะก็ไม่ผิด เมื่อเขากลายเป็นค่าตอบแทนชดเชยการล้างแค้น อันแสนเร้าใจ ให้กับ คุณเชอร์รี่ พี่สาวที่มักจะปรากฎตัวในชุดรัดรูปอวดส่วนเว้าส่วนโค้ง ต่อหน้าเขา... เอือก!...เสียงลูกกระเดือกขยับเมื่อกานต์พยายามกลืนน้ำลายไม่ให้ไหลออกมา -- ผู้ชายแพร่พันธุ์ -- “หากภรรยาที่แต่งงานกันมาได้ 5 ปี บอกกับคุณว่า จะให้คุณทำกับผู้หญิงอื่น เพื่อมีลูกให้กับเธอ...คุณจะทำอย่างไร?
...ความรู้สึกที่เธอมีให้กับเขามันหยั่งรากแก้วไปถึงกระดูกทุกมวลในร่างกายเธอแล้ว ถ้าให้เธอถอนมันตอนนี้มันจะต่างอะไรกับการเลาะกระดูกกันเล่า! 🌼 🌼 🌼 ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายคนไหนที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันมาก่อน มันไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้นแต่มันค่อยๆ เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงต่างหาก ความรู้สึกที่เธอมีให้กับเขามันหยั่งรากแก้วไปถึงกระดูกทุกมวลในร่างกายเธอแล้ว ถ้าให้เธอถอนมันตอนนี้มันจะต่างอะไรกับการเลาะกระดูกกันเล่า! ปิ้ง! นั่งอยู่แบบนี้นานแค่ไหนเธอแทบไม่รู้ตัวจนมีข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ ‘พี่จะออกไปข้างนอก อยากได้อะไรอยากกินอะไรส่งข้อความมานะ’ ลำธารมองประโยคที่ปรากฎบนหน้าจอด้วยใบหน้าซีดเผือก ‘...ส่งข้อความมานะ’ ไม่มีช่องโหว่ตรงไหนให้เธอได้มีความหวังเลยว่าเขาจะชวนเธอไปด้วย “พี่หัสพาลำธารไปด้วย” หญิงสาวพร่ำเพ้อเพียงลำพัง แม้ได้ไปแล้วจะต้องเจ็บปวดยามที่ต้องเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนนั้น แต่ถ้าเธอได้ไปด้วยช่วงกลับเวลาตรงนั้นก็จะเป็นของเธอกับเขาเพียงลำพังสักนิดก็ยังดี แต่เธอก็ได้แต่หลับตาและเอาความต้องการนี้ไปยังความฝัน
พันธะรักวิวาห์จำเป็น [Bond of Love - Wedding] #รุ่งอรุโณทัย เขาเรโนลต์ที่ต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียวตามคำสั่งพ่อ ซึ่งทำให้เขาต้องเสียทั้งเงินและเสียสถานะโสด เพราะฉะนั้นเขาไม่มีทางที่จะต้องแต่งเมียคนนี้แล้วเอาขึ้นหิ้งบูชาเป็นแน่ พ่อจะจัดหนักให้อย่างไม่แทงกั๊กในทุกๆ ทั้งเรื่องXXXทั้งแสวงหาผลประโยชน์จากเมียที่ได้มาจากวิวาห์จำเป็นคนนี้เท่าทบทวีเงินที่เขาต้องลงทุนจ่ายไปไม่น้อยคืนมาจนครบพร้อมดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่าย... คำโปรย:: … เรโนลต์ เงียบ! เขาประธานผู้มากด้วยอำนาจ เพียบพร้อมไปด้วยรูปร่างหน้าตาที่สามารถขึ้นแท่นสามีแห่งชาติได้อย่างไร้ข้อกังขา ฐานะการเงินแม้ตอนนี้จะเหลือเพียงอสังหาริมทรัพย์กับรถสามคันและเงินเดือนแต่ก็ยังน่าสนใจอยู่ในหมู่สาวๆ และเหล่าไก่วัดที่เต็มใจให้สมภารอย่างเขากัดแทะเล่นเป็นครั้งคราว คนโสดทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดไม่ผิด แต่จากคำพูดล่าสุดของคุณพ่อไม่กี่คำ เขาที่เป็นฝ่ายกระดิกนิ้วเรียกสาวๆ กลายมาเป็นคนที่ถูกกระดิกนิ้วเรียกไปแล้วอย่างงั้นเหรอ “เธอเป็นหม่อมเจ้าหรือครับ...ผมหมายถึงว่าที่สะใภ้นะครับ” เขาขยายความเมื่อจู่ๆ เขาเงียบไปนานและเอ่ยขึ้นมาคุณพ่อจึงมุ่นคิ้วไม่เข้าใจในตอนแรก คุณอำพลส่ายหน้า “นางสาวธรรมดา” “เธอเป็นลูกนักการเมืองใหญ่หรือเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของผู้ทรงอิทธิพล” เรโนลต์ยังพยายามต่อ “คุณอำพลส่ายหน้า “กำพร้า” … เรโนลต์ เงียบ! “เป็นผู้มีพระคุณของคุณพ่อ” เรโนลต์ไม่ละความพยายาม “แกดูละครมากไปมั้ย” … เรโนลต์ เงียบ! ======================= SET : Bond Of Love พันธะรักโดยไม่ตั้ง [Bond Of Love - Accidence] พันธะรักวิวาห์จำเป็น [Bond Of Love - Wedding] พันธะรักราคีแค้น [Bond Of Love - Revenge]
“ถอยไปนะ!!!” “ไม่สู้แล้วเหรอ” น้ำใสกำปมผ้าขนหนูไว้แน่น ดวงตากลมจดจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาของเขาเขม็ง แม้ตัวเองจะเสียเปรียบแต่เธอไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ “จะเอายังไง” “นั่นสินะ! ไม่อยากเชื่อเลยว่าอย่างเราสองคนจะมาถึงจุดนี้ได้เหมือนกัน...ใครกันนะที่บอกรักกันได้ทุกเวลา...ไม่อายปากบ้างเหรอ” คำเย้ยหยันที่ถูกพ่นออกมามันไม่ได้แค่ทำร้ายจิตใจคนฟังเพียงฝ่ายเดียว ในทางตรงข้ามคนพูดน่าจะอาการสาหัสยิ่งกว่า “แล้วไง! คุณก็เหมือนของกินมีใครบ้างที่กินของเดิมซ้ำๆกันทุกวัน คำแรกมันก็ชื่นมื่นน่าลิ้มลองเป็นธรรมดา คำที่สองก็ยังน่าพิสมัย แต่คำต่อๆไปใครจะยังกลืนมันลงละในเมื่อรู้รสชาติแล้ว เมื่อถึงเวลาก็ต้องหารสชาติใหม่ๆมาลอง...ใช่มั้ย” แววตาของเอ็ดเวิร์ดเปลี่ยนไป สีหน้าและแววตาของน้ำใสมันช่างเข้าได้กับคำพูดของเธอเสียจริง นี่เขาเกิดหวั่นไหวใช่เหรอเปล่าว่าเธอคิดอย่างที่พูดจริงๆ ความเบื่อหน่ายอย่างงั้นเหรอ... “ได้!!! ในเมื่อเธอเบื่อรสชาติที่ฉันอุตส่าห์ปรุงแต่งมันเพื่อเธอคนเดียว งั้นลองรสชาติใหม่ก็...แล้ว...กัน!” อร้ายยยย!!! น้ำใสร้องดังลั่นเมื่อเอ็ดเวิร์ดกระชากผ้าขนหนูออกจากการปกป้องเรือนกายเปลือย ควับ!!! แรงเขากับแรงเธอมันเทียบกันไม่ได้หรอก ควับ!!! และอีกผืนที่หลุดล่วงไปคือของเขา สองร่างเปลือยเปล่าแนบชิดกัน เมื่อน้ำใสพยายามจะหนีให้พ้นจากรัศมีไอร้อนของร่างกายเขาที่พวยพุ่งออกมากระทบพื้นผิวเนียนของเธอ
“พามาที่นี่ทำไม” “กินมื้อเช้า” ณิชาเบิกตากว้างมองเขา นี่เขาไปรับเธอมากินมื้อเช้า ดวงตากลมมองนาฬิกาด้านหน้ารถ และหันกลับมามองเขา เขาอยู่ในชุดกึ่งสูท เป็นทางการมาก โอ้! นี่เขาอายุเท่าไหร่กัน ปกติเขาตื่นกี่โมงกัน เพราะตอนนี้พึ่งจะเจ็ดโมงเช้า “ปกติคุณตื่นกี่โมง” “ตีห้าเป็นประจำทุกวัน” “ทุกวันเลยเหรอ” ภีมะพยักหน้า “แล้วนอนกี่โมง” “ก็แล้วแต่...อยากรู้ไปทำไม” “สงสัยบ้างไม่ได้เหรอ...” พวกเขาแปลกหรือเปล่านะ พี่เหนือก็เป็นคนตื่นเช้าเช่นกัน “คุณออกกำลังตอนเช้าทุกวันเลยใช่มั้ยคะ” ภีมะพยักหน้าอีกครั้ง “คนในตระกูลเราไม่สอนให้ลูกหลานนอนตื่นสาย...แต่สะใภ้อย่างเธอฉันจะให้เวลาค่อยๆปรับตัว”
ฉันเป็น ขวัญชนก วงศ์ษา ตั้งแต่อายุ 1 วัน ถึง อายุ 18 ปี 1 วัน อายุ 18 ปี 2 วัน ฉันเป็น ขวัญชนก ฟง เขาคือ ดีแลน ฟง อายุอานามก็ 30 ปี ชายร่างสูงเมื่อสามปีก่อน ปัจจุบันเขาคือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย ขอย้ำว่าถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น คำโปรย : “ห้าแสน!” “เจ็ดแสน!” เสียงประมูลราคาจากคนด้านล่างเวทีดังแข่งกัน “หนึ่งล้าน” การประมูลยังคงดำเนินกันต่อไปเรื่อยๆ ขวัญชนก สาวน้อยวัยใสวัยย่างสิบเก้าสอดส่ายสายตามองไปยังกลุ่มคนด้านหน้า “หนึ่งล้านสองแสน” เอาสิ! ถ้าเขาไม่มา เธอก็...ขวัญชนกยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ กระตุ้นราคาประมูลจนสูงลิ่วถึงสองล้าน “สองล้านครั้งที่หนึ่ง...” ในมุมมืดชายร่างสูงยกยิ้มมุมปากอีกครั้ง เมื่อเห็นดวงตากลมโตแสดงความหวาดหวั่นในที่สุด “ห้าล้าน!” ก่อนที่ราคาสองล้านจะถูกเคาะครั้งที่สาม เสียงบอกราคาใหม่สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนในงาน แต่กลับสร้างรอยยิ้มให้หญิงสาวบนเวที เธอไม่เคยลืมเสียงของเขา “ชนะแล้ว” ขวัญคิดในใจ “ห้าล้านครั้งที่สาม...ขาย!”
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง