อุษาจะทำเช่นไร เมื่อการหวนกลับมาของชายผู้เป็นรักแรกอัดแน่นไปด้วยไฟแค้น! “ตอนนี้ปัจจุบันเท่านั้นที่คุณควรจะนึกถึง ปัจจุบันที่ผมคือเตชิน รักษ์สุทธิสาร เป็นเจ้าหนี้ของคุณ...” อุษาสะอึกสะอื้นทรมาน ในขณะที่เตชินยิ้มเยาะสะใจ “และก็เป็นผัวของคุณด้วย” แก้มสาวร้อนจัด ความน้อยใจเปลี่ยนแปลงความอับอายให้กลายเป็นการต่อต้าน หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา มองคนใจร้ายด้วยความเสียใจ “แต่คุณจะไม่ใช่ผัวคนเดียวของฉันหรอกค่ะ” หวังว่าเขาจะเจ็บปวดบ้าง แต่เปล่าเลย เขาไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด “ถึงอนาคตอาจจะไม่ได้เป็นคนเดียว แต่ผมก็เป็นผัวคนแรกของคุณ” เขาขยับเข้ามาหา โน้มหน้าต่ำลงมาใกล้ ใกล้จนหล่อนได้กลิ่นลมหายใจแสนเซ็กซี่ของเขา “จริงไหมครับ คุณหนูอุษา” หญิงสาวกัดฟันแน่น กำมือทั้งข้างเป็นกำปั้น พร้อมกับเชิดหน้าสบประสานสายตากับคนใจร้าย “คุณเข้าใจผิดไปแล้วล่ะค่ะ” เขาจ้องหน้าหล่อนเขม็ง “ฉัน... ไม่ใช่สาวพรหมจรรย์” คนที่ทำหน้านิ่ง ระบายยิ้มหยันออกมา ก่อนจะไหวไหล่เปลือยน้อยๆ อย่างไม่แยแส “ผมไม่สนใจอยู่แล้วว่าคุณจะซิงหรือไม่ซิง สิ่งที่สนก็คือการตอบสนองราวกับไฟลุกของคุณต่างหาก” แล้วเขาก็ก้มหน้าลงมาหาพร้อมกับดูดปากของหล่อนแรงเร็ว และถอยออกห่าง “ผมอนุญาตให้นอนบนเตียงต่อไปได้จนถึงเช้า”
หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาจากอก นัยน์ตากลมโตสีดำขลับเบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง หญิงสาวยืนนิ่งหยุดเดินราวกับถูกสาปด้วยมนต์ขลัง โลกทั้งใบเหมือนหยุดหมุน มีเพียงหัวใจของหล่อนเท่านั้นที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่
แถมเต้นแรง... แรงเหลือเกิน
“หยุดเดินทำไมอุษา ฉันทั้งร้อนทั้งเหนียวตัว รีบกลับบ้านกันเถอะ”
เสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกใจระคนหงุดหงิดของสายใจที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและญาติห่างๆ ทำให้อุษาสะดุ้งและได้สติ
นี่หล่อนเป็นอะไรไปนะ ทำไมถึงได้หัวใจเต้นแรงแบบนี้ เข่าก็แทบทรุดเพียงแค่เห็นผู้ชายคนนั้นเดินผ่านไปเท่านั้น
“ปละ เปล่าหรอก”
แม้จะตอบว่าเปล่า ไม่มีอะไร แต่สายตาของหล่อนก็ยังคงชะเง้อมองร่างสูงใหญ่ในชุดเก่าๆ นั้นตลอดเวลา สายใจมองตามสายตาของเพื่อนไปก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“อย่าบอกนะว่าชอบผู้ชายคนนั่นน่ะ”
คนถูกถามแก้มแดงก่ำ พยายามกลบเกลื่อน“ชอบ? ชอบอะไรกัน... ไม่มี ฉันไม่ได้ชอบใครสักหน่อย” อุษาพูดแล้วก็ออกเดิน ความขัดเขินยังแน่นเต็มอก หล่อนพยายามเดินตามเขาไป แต่เขากลับหายไปจนหาไม่เจอ
“ก็เธอมองผู้ชายคนนั้นแทบจะกินเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว นี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าดาวมหาลัยแบบเธอที่มีผู้ชายรุมจีบวันละเป็นสิบๆ คนจะมาสนใจผู้ชายกระจอกๆ ทำงานในตลาดอย่างนี้”
อุษาไม่สนใจคำพูดเหยียดหยามของเพื่อน แต่สิ่งที่หล่อนสนใจกลับเป็นเรื่องของผู้ชายคนนั้นมากกว่า “นี่เธอรู้จักผู้ชายคนนั้นด้วยเหรอสายใจ”
สายใจเบ้หน้า พลางมองเพื่อนอย่างแปลกใจระคนเวทนา
“ไม่ได้รู้จงรู้จักอะไรหรอก แค่เคยเห็นขายผักอยู่ในตลาดบ่อยๆ น่ะ”
คนฟังยิ้มแก้มแทบปริ อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมจะต้องรู้สึกลิงโลดมากมายขนาดนี้
“งั้นก็แสดงว่าเขาทำงานในตลาดของแม่ฉันจริงๆ น่ะสิ”
“คงใช่แหละ เพราะเห็นมาสองเดือนกว่าแล้ว นี่ถามจริงๆ เถอะ เธอสนใจผู้ชายสกปรก จนๆ คนนี้ได้ยังไงกันน่ะ พี่แน๊ตทั้งรวยทั้งหล่อ แต่เธอกลับไม่ยอมมอง เธอมันบ้ามากรู้ไหมเนี่ย อุษา”
“ฉัน... ฉันไม่ได้สนใจสักหน่อย... ก็แค่...”
“อย่ามาริอ่านโกหกหน่อยเลย แค่เห็นสายตาที่เธอมองตามหลังผู้ชายคนนั้นไป ฉันก็รู้แล้วว่าเธอตกหลุมรักเข้าเต็มเปาเลยทีเดียว” สายใจพูดอย่างรู้ทัน และนั่นก็ทำให้อุษาแก้มแดงระเรื่อ
“นี่ฉันแสดงออกไปมากขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ เด็กมันยังมองออกเลย”
สายใจพูดอย่างหมั่นไส้ และเดินนำหน้าไป อุษาวดียืนนิ่ง ก่อนจะรีบวิ่งตามร่างของเพื่อนไป
“รอฉันก่อนสิสายใจ” วิ่งไปทันก็ดึงแขนให้เพื่อนหยุดเดิน
“มีอะไรอีกล่ะแม่คนสวย นี่มันเย็นมากแล้วนะ เดี๋ยวแม่เธอก็มาหาว่าฉันพาเธอไปเถลไถลอีกหรอก”
“ยังไม่เห็นเย็นสักหน่อย นี่แค่บ่ายสี่โมงเอง”
อุษาทำตาวิงวอนใส่เพื่อน
“ช่วยฉันหน่อยนะสายใจ”
คนฟังเริ่มเอะใจ และรู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาทันที
“ช่วยอะไร อย่าบอกนะว่า...”
อุษาระบายยิ้มกว้าง
“พาฉันไปแอบดูบ้านของผู้ชายคนนั้นหน่อยสิ นะสายใจนะ ฉันอยากเห็นน่ะ”
“ไม่ได้! เราต้องรีบกลับบ้าน”
อุษาผิดหวังแต่ก็ยังคงพยายามอ้อนวอนต่อไป
“น่านะ... สายใจคนสวย ถือว่าช่วยเด็กน้อยตาดำๆ อย่างฉันเถอะนะ ฉันขอร้องล่ะ”
“ไม่... บอกแล้วไงว่าไม่มีทาง กลับบ้านได้แล้วอุษา”
สายใจส่ายหน้า และหมุนตัวจะเดินหนี แต่อุษาไม่ยอม รีบวิ่งไปขวางหน้า และยกมือไหว้
“ฉันไหว้ล่ะสายใจ ช่วยฉันหน่อยนะ ฉัน... ฉันคงจะนอนไม่หลับแน่ๆ ถ้าไม่ได้รู้ว่าบ้านของผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน ฉันอยากเห็นเขาอีกสักครั้ง”
“ก็บอกว่าไม่ไง”
“ก็ได้... งั้นฉันไปถามคนในตลาดเองก็ได้”
อุษาหมุนตัวจะเดินหนีไป แต่สายใจดึงเอาไว้เสียก่อนอย่างไม่มีทางเลือก
“นี่เธอบ้าไปแล้วหรือไง อุษา ผู้ชายคนนั้นต่างกับเธอราวฟ้ากับเหว เธอทั้งสวยทั้งมีการศึกษา แถมแม่ก็เป็นถึงเจ้าของตลาดใหญ่โต แต่ผู้ชายคนนั้นเป็นแค่พ่อค้าขายผักขายหญ้าในตลาดเท่านั้นเอง มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก ถ้าแม่ของเธอรู้เข้า มีหวังอกแตกตายแน่”
คำเตือนของสายใจหาได้หยุดยั้งความรู้สึกที่มีเกิดขึ้นภายในใจของหล่อนได้ หล่อนไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกรุนแรงแบบนี้ รู้เพียงแต่ว่าเขาคือคนที่หล่อนตามหามานาน หัวใจของหล่อนบอกแบบนั้นจริงๆ
“สายใจ... ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ฉันอยากเห็นเขาจริงๆ นะ... ช่วยฉันหน่อยเถอะ”
สายใจระบายลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้าและไม่มีทางเลือก
“ก็ได้”
“ขอบใจนะสายใจ ขอบใจมาก”
อุษากระโดดจนตัวลอยด้วยความดีใจ แต่สายใจยังพูดไม่จบ
“แต่เธอต้องสัญญาว่าจะแค่แอบมองเท่านั้น ห้ามจริงจังกับผู้ชายคนนั้นเด็ดขาด ฉันไม่อยากฟังแม่เธอบ่น”
“ฉันสัญญา... ฉันคิดว่าตัวเองคงชื่นชมความหล่อ ความเท่ห์ของเขาเท่านั้น อีกไม่นานฉันก็จะหยุดปลื้มไปเอง เหมือนกับที่ฉันเลิกปลื้มนักร้องเกาหลียังไงล่ะ”
“แหม... ตานี่มันต่างจากนักร้องเกาหลีราวฟ้ากับเหว ฉันว่าเหมือนพวกคนป่าที่ดิบๆ เถื่อนมากกว่า ผิวก็แทนแทบจะดำแบบนั้นน่ะ” สายใจเบ้ปากอย่างไม่เห็นด้วย
“ก็ฉันเบื่อสีขาวซีดๆ นี่ เอาน่า ฉันก็แค่แอบปลื้มเท่านั้นเอง เดี๋ยวพอฉันหายบ้าหายเห่อ ฉันก็จะเลิกเองนั่นแหละ”
“ให้มันแน่เถอะ”
นั่นสิ... หล่อนรับปากสายใจไป แต่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะสามารถหยุดยั้งความรู้สึกได้หรือเปล่า หล่อนจะสามารถหยุดพร่ำเพ้อถึงผู้ชายคนนั้นได้ไหม
อุษาวดีเต็มไปด้วยความหนักใจ แต่ก็ไม่คิดจะบอกความรู้สึกแท้จริงของตัวเองให้กับเพื่อนสนิทได้รับรู้ หล่อนทำได้แค่ยิ้มบางๆ เท่านั้น
“แล้วจะพาฉันไปหาผู้ชายคนนั้นได้หรือยังล่ะ เดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อนนะ”
“ทีนี้ทำเป็นเร่ง ตามมาสิ”
สายใจมองค้อนเพื่อนรัก ก่อนจะตัดสินใจเดินนำไปยังเส้นทางที่ตัวเองรู้จักอย่างไม่มีทางเลือก
หนทางที่สายใจพาเดินเข้ามานั้นช่างแคบและเล็กเหลือเกิน อุษา มองไปรอบๆ ตัวด้วยความแปลกตา หล่อนไม่เคยมาแถวนี้มาก่อนเลย เพราะแม่สั่งห้ามตลอด นี่เป็นครั้งแรกเลยทีเดียว
“เป็นไงล่ะ อุษา ถอดใจหรือยัง”
สายใจเห็นหน้าตาซีดๆ ของเพื่อนก็อดกระแหนะกระแหนอย่างหมั่นไส้ไม่ได้
“เป็นอะไรเหรอสายใจ”
“ยังจะมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก ก็เห็นสภาพแวดล้อมของผู้ชายที่เธอแอบปลื้มยังไงล่ะ”
อุษาพยักหน้ารับ ในขณะที่สายใจหยุดเดินและหันหน้ามาจ้องมอง “เห็นแล้ว ก็ไม่มีอะไรนี่”
“จะไม่มีได้ยังไง สลัมนะยายอุษา ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น”
แม้รอบตัวจะเหม็นฟุ้งไปด้วยน้ำครำสีคล้ำข้น แต่อุษาก็ไม่คิดจะสนใจ หล่อนสนใจที่ผู้ชายคนนั้นมากกว่า
“ฉันรู้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น”
“ถ้างั้นก็กลับกันเถอะ ฉันก็ขี้เกียจเดินเข้าไปแล้วล่ะ”
“ไม่ได้นะสายใจ ฉันยังไม่ได้เห็นบ้านของพี่เค้าเลย อย่าลืมสิเธอรับปากกับฉันแล้วนะ”
สายใจถอนใจพร้อมกับเท้าสะเอว “นี่เธอไม่ถอดใจจริงๆ เหรออุษา สลัม น้ำครำ แถมคนในนี้ก็มีแต่ขี้ยาทั้งนั้น เธอจะทนได้สักกี่น้ำกันเชียว”
หล่อนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้อยากเห็นอยากรู้จักผู้ชายคนนั้นนักหนา รู้เพียงแต่ว่าหัวใจมันสั่ง และร่างกายของหล่อนก็ไม่อาจจะห้ามปรามได้ด้วย
“ฉันทนได้สิ ขอฉันเห็นแค่หลังคาบ้านพี่เค้าก็ได้”
“อุษา” สายใจขานชื่อเพื่ออย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“นะสายใจ ฉันขอร้องล่ะ”
แม้จะไม่เห็นด้วยแม้แต่นิดเดียวแต่สายใจก็ไม่มีทางเลือก นอกจากถอนใจแรงๆ และพาแม่อุษาคนงามเดินลึกเข้าไปในซอยแคบๆ ตรงหน้าต่อไป “แล้วอย่าบอกแม่เธอเชียวนะว่าฉันพามาน่ะ” ระหว่างทางก็อดที่จะกำชับเพื่อนรักไม่ได้
“ไม่บอกหรอกจ้ะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอต้องเดือดร้อน สายใจเพื่อนรัก”
สายใจหันมามองค้อน ก่อนจะประชดขึ้น “ก็เพื่อนรักเอาตอนที่จะพาไปหาผู้ชายนี่แหละ”
“ไม่เอาอย่าพูดแบบนี้สิสายใจ เธอก็รู้ว่าฉันน่ะรักเธอมากแคไหน เราเป็นเพื่อนรักกันนะ”
“จ้า” ก็เพราะเป็นเพื่อนรักกันไง หล่อนถึงไม่อาจจะขัดความต้องการของอุษาได้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเพื่อนรักกับผู้ชายยากจนคนนั้นไม่มีทางลงเอ่ยกันได้ เพราะต่างกันราวฟ้ากับเหว!
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
แรกเริ่มเขา 'ซื้อ' เธอมาเพื่อบำบัดความใคร่ เมียชั่วคราวที่มีไว้แก้เหงา แต่สุดท้ายแล้ว...เมียชั่วคราวนั่นแหละ ที่อยากได้เป็นเมียจริงๆ ผู้หญิงสู้ชีวิตอย่างนับดาว...ไม่ยอมแพ้โชคชะตาที่นำพาตนเองไปรับบทน่าอดสู เธอถูกหลอกจากคนที่ไว้ใจที่สุด!! กับการ 'ขายตัว' เขาเหยียดหยามสารพัด ดุถูกจนเธอเจ็บช้ำเจียนตาย เธอเลือกทางหนี เพื่อจบปัญหาน่าปวดหัวครั้งนี้.... ขอเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตแบบใหม่ แต่ทำไมล่ะ?...ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยเธอ ในเมื่อเขาชิงชังเธอนักหนานี่นา?????
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"