“คุณพลประภัทร คุณมันเป็นเจ้าหนี้ที่เผด็จการมากที่สุด ทำไมจะต้องให้ฉันไปถ่ายโฆษณากับหมอนั่นด้วย” ...นายอลัน...นายเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณพลประภัทร... แล้วเธอจะรู้หรือเปล่า...ว่าความจริงแล้วสองคนนี้เป็นคนๆ เดียวกัน “คงถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มคิดดอกเบี้ยเธอแล้วนะสาวน้อย” “ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด คุณมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อลันรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาทันที และรู้สึกโมโหคนใต้ร่างมากขึ้น จึงใช้กำลังข่มเหงรุกรานหญิงสาวอีกครั้ง เขาบดขยี้เรียวปากอิ่มสีกุลาบอย่างไม่ปรานี... แล้วเมื่อความจริงปรากฏ สมองของดุจดาวก็พร่าเลือนไปหมด แต่ไฟปรารถนาที่กำลังลุกโชนท่วมร่างแกร่งกำยำของเขา มันกำลังพร้อมที่จะแผดเผาร่างของเธอให้หลอมละลาย อะไรก็หยุดเขาไม่ได้! “คุณพลประภัทร อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัว” “ผมกำลังจะมอบความสุขให้กับคุณ จะกลัวทำไม” แต่คุณกำลังจะข่มขืนฉันอยู่นะ” คนไม่มีทางสู้เริ่มขึ้นเสียง “ผมไม่ได้ข่มขืนคุณสักหน่อย เขาเรียกว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างหาก อย่าลืมสิว่าคุณเป็นลูกหนี้ผม และคุณทำผิดสัญญา คุณก็ต้องชดใช้”
เมื่อรถประจำทางแล่นเข้าสู่อำเภอไชยปราการจังหวัดเชียงใหม่ผ่านเทือกเขาที่สลับซับซ้อนมากมาย เบื้องหน้าที่อยู่สองข้างทางในตอนเช้าตรู่ของวันใหม่ มีสายหมอกสีขาวจางๆ พาดผ่านบนยอดไม้สีเขียวขจีเป็นแนวยาวดูแล้วช่างคล้ายกับมังกรสีขาวกำลังลงมาหยอกเย้ากับสายธารเบื้องล่าง
พอรถแล่นมาถึงอำเภอแม่อายและหมู่บ้านเล็กๆ ที่เรียงรายกันอยู่ สายตาคู่สวยทอดมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขสดใสตลอดเวลาเมื่อเริ่มก้าวเข้าสู่เส้นทางไปหมู่บ้านของตนเอง
ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ดุจดาวก็มีความสุขทุกครั้งเมื่อได้กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดของตนเอง ทุกอย่างที่นี่ยังคงดูสวยงามและอบอุ่นใจเสมอเมื่อได้เหยียบเท้าลงสูงผืนดินแห่งนี้ และการกลับมาบ้านปีนี้สาวน้อยได้หอบเอาข่าวดีมาบอกพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่เธอรักอีกด้วย
สองเท้าเล็กพอลงจากรถประจำทางได้เท่านั้น ก็รีบซอยเท้าแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านของตนเอง ด้วยหัวใจที่ตื่นเต้นจนแทบจะทะลุออกมาจากอกด้วยความดีใจ
“พ่อจ๋า! แม่จ๋า! น้ำกลับมาแล้วจ้า!” สาวน้อยร้องเรียกพ่อแม่ของเธอด้วยภาษาพื้นบ้าน ส่งผลให้หญิงชายชราทั้งคู่ที่กำลังง่วนอยู่กับการเอาอาหารให้เป็ดไก่ที่เลี้ยงเอาไว้ในบ้านหันมามองตามเสียงใสๆ ที่เจื้อยแจ้วมาแต่ไกล
“น้ำ!” ผู้สูงวัยทั้งสองเรียกชื่อลูกสาวออกมาพร้อมกันด้วยความดีใจท่วมท้นจนยากที่จะเอ่ย ดวงตาที่คลอหน่วยต่างจับจ้องซึ่งกันและกันด้วยความรักความคิดถึง
ร่างบางโผเข้าหาอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของผู้ให้กำเนิดทั้งสองทันทีด้วยความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลที่ถวิลหามาตลอดระยะเวลาที่ห่างกัน นางรำภากับนายบุญส่งต่างปีติยินดีที่เห็นบุตรสาวคนโตกลับมาบ้าน หลังจากที่ดุจดาวต้องไปเรียนหนังสือที่บ้านญาติที่อยู่ห่างจากเมืองกรุงออกมาเล็กน้อยเป็นปีสุดท้าย
“พ่อจ๋าแม่จ๋า น้ำเรียนจบแล้วจ้ะ” ร่างบางยิ้มแป้นเมื่อบอกกล่าวถึงความสำเร็จขั้นหนึ่งของชีวิตด้วยความภาคภูมิใจ
“จริงเหรอน้ำ แม่ดีใจกับน้ำด้วยนะลูก”
“พ่อก็ดีใจด้วยจ้ะน้ำ”
“ต่อไปน้ำจะได้ทำงานหาเงินมาเลี้ยงพ่อกับแม่ได้แล้วนะจ้ะ แล้วน้ำก็จะหาเงินช่วยพ่อกับแม่ส่งน้องเรียนด้วยจ้า”
“เออ ดีๆ แล้วล่ะลูก แต่ว่าน้ำมาเหนื่อยๆ เข้าไปพักผ่อนในบ้านก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะหาข้าวหาปลาให้กิน” นางรำภาบอกกับลูกสาวด้วยความเอื้ออาทร
“จ้ะแม่”
ทั้งสองคนที่ยืนนิ่งอยู่ มองตามหลังร่างเพรียวบางจนสาวน้อยเดินหายเข้าไปในบ้านด้วยความภาคภูมิใจในตัวบุตรสาวของพวกเขา พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาเหมือนกับได้ยกภูเขาออกจากอกไปแล้วหนึ่งลูก
ที่นี้ก็เหลือแค่เพียงลูกสาวคนเล็กเท่านั้นที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก ซึ่งพวกเขาทั้งสองยังกลุ้มใจอยู่เลยว่าจะมีปัญญาส่งลูกสาวคนเล็กให้เรียนจนจบมหาวิทยาลัยได้หรือเปล่า
หลังทานอาหารเช้าด้วยกันเรียบร้อยแล้ว ดุจดาวก็มานั่งคุยกับแม่ของเธอที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ส่วนพ่อของเธอล่วงหน้าไปสวนก่อนแล้ว
ที่จริงนางรำภาก็จะออกไปสวนส้มพร้อมกันกับสามี แต่เห็นว่าลูกสาวเพิ่งกลับมาก็เลยขอพักเพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบให้หายคิดถึงกันสักหน่อยแล้วค่อยไปทำงานในสวนต่อ
“เรียนจบแล้ว น้ำคิดจะไปทำงานอะไรล่ะลูก” นางรำภาถามบุตรสาว ขณะที่เอามือสากๆ ที่ผ่านการทำงานหนักมาอย่างโชกโชนกุมมือเล็กบางเอาไว้
“น้ำก็จะหางานดีๆ ทำ ตามที่ได้เรียนจบมาจ้ะแม่ น้ำอยากเป็นนางฟ้าที่ทำงานอยู่บนเครื่องบิน เงินเดือนเยอะด้วยนะแม่ นี่ถ้าน้ำสมัครเป็นแอร์โฮสเตสได้นะ น้ำจะดีใจมากๆ เลยแหละ” ดวงตาของสาวน้อยเป็นประกายยามที่บอกเล่าถึงอาชีพในฝันของเธอให้กับมารดาฟัง ทำให้นางรำภาต้องมองใบหน้าสวยหวานนั้นด้วยความเอ็นดู
“แม่เชื่อว่าลูกสาวของแม่ต้องทำได้จ้ะ น้ำเป็นเด็กดีแล้วก็ขยันมีความตั้งใจ พยายามนะลูกแม่เอาใจช่วย”
“ขอบคุณค่ะแม่” ร่างบางกอดร่างอวบของมารดาเอาไว้แน่น คงถึงเวลาแล้วที่ลูกสาวอย่างเธอจะต้องตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่ชุบเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กจนโตเสียที และเธอก็อยากจะสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับพ่อแม่อยู่
เพราะบ้านหลังที่อาศัยอยู่นี้เก่าเต็มที สังกะสีก็เริ่มผุกร่อนบ้างแล้ว ฝนตกทีไรต้องเอาด้ามช้อนหรือไม่ก็ด้ามไม้ไผ่ไปสอดไว้ใต้แผ่นสังกะสีเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนหยดลงมาทุกที หรือไม่ก็ต้องเอาหมากฝรั่งที่เคี้ยวแล้วไปแปะที่รูโหว่ของสังกะสีเพื่อป้องกันน้ำรั่วลงสู่พื้นบ้าน
นางรำภากอดร่างเล็กโยกตัวไปมา ในใจของนางก็กำลังคิดถึงเรื่องทุกข์ใจมากมายที่ไม่กล้าบอกกล่าวแก่ลูกสาวในเวลานี้ ด้วยเห็นว่าดุจดาวเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ คงต้องรอให้บุตรสาวได้พักผ่อนสักสองสามวันก่อนแล้วค่อยบอกถึงปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่
เพราะถึงยังไงเรื่องพวกนี้มันปิดกันไม่ได้อยู่แล้ว อีกอย่างดุจดาวก็เรียนจบแล้ว นางเชื่อว่าลูกสาวคนโตของนางคนนี้คงจะพอรับฟังปัญหาต่างๆ ของครอบครัวได้
“น้ำ”
“จ๋าแม่”
“อยากออกไปดูสวนส้มของเรามั้ยลูก ตอนนี้มันยังมีดอกมีผลอยู่เลยนะ”
“ไปค่ะแม่ ถ้างั้นน้ำขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บหนึ่งนะแม่ เดี๋ยวมา” สาวน้อยบอกด้วยความตื่นเต้น เพราะอยากไปดูสวนส้มของพ่อกับแม่เต็มที นางรำภาเพียงพยักหน้ารับพร้อมยิ้มตามร่างเล็กไป
ไม่กี่นาทีต่อมาสาวน้อยบ้านนาก็มาอยู่ในชุดกางเกงยีนส์ขายาว เสื้อเชิ้ตตาหมากรุกแขนยาว พร้อมผ้าขาวม้าลายเดียวกันกับเสื้อเดินยิ้มแป้นออกมาจากห้อง นางรำภาเดินไปหยิบหมวกปีกกว้างใบใหญ่พร้อมรองเท้าบูทสำหรับใส่เดินลุยสวนมาให้ลูกสาว
“นี่จ้ะลูก สวมหมวกแล้วก็ใส่รองเท้านี่ก่อน”
“ขอบคุณค่ะแม่” ร่างบางหยิบหมวกจากมือเหี่ยวๆ ไปสวม และก้มลงสวมรองเท้าบูทสีดำที่ขอบรองเท้าสูงมาถึงหัวเข่าทั้งสองข้างเสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้น
“พร้อมแล้วค่ะแม่ ไปเลย!”
แล้วร่างเล็กในชุดทะมัดมะแมงก็กอดเอวหนาของมารดาเดินไปสวนส้มด้วยกัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของพวกเธอนัก ระหว่างทางก็ยังมีวัวควายที่ชาวบ้านเดินจูงเอาไปเลี้ยงที่นาที่ไร่กันหลายตัวเดินตามๆ กันไป
ดุจดาวมองอย่างเพลิดเพลิน เมื่อก่อนครอบครัวของเธอก็เคยเลี้ยงสัตว์พวกนี้ แต่พ่อกับแม่ของเธอก็ขายไปหมดแล้ว เพราะต้องนำเงินไปส่งลูกสาวทั้งสองคนเรียนหนังสือ
เมื่อเดินใกล้ไปถึงสวนส้มของตนเอง ดุจดาวก็มองเห็นสวนส้มของเพื่อนบ้านคนอื่นๆ เต็มไปหมด ไล่ตั้งแต่เชิงเขายันเนินเขาสูงแต่ก็ไม่ถึงกับสูงชันมากสามารถเดินเท้าขึ้นไปได้ แต่ส่วนใหญ่ชาวสวนก็จะขับรถสิบล้อ หรือไม่ก็รถกระบะหรือรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปสำหรับสวนส้มที่อยู่ลึกเข้าไปอีก
ส่วนใหญ่พื้นที่ปลูกสวนส้มแถวนี้ถูกนายทุนกว้านซื้อไปจนเกือบหมดแล้ว ก็เหลือเพียงชาวบ้านไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังพอมีสวนส้มเป็นของตนเอง แต่ก็เป็นเพียงพื้นที่เล็กน้อยพอที่จะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในครอบครัวได้เท่านั้น
สวนส้มที่นี่ส่วนใหญ่ชาวสวนนิยมปลูกส้มพันธุ์สายน้ำผึ้งกัน เพราะให้รสชาติที่หวานและผลก็สวยด้วย ได้ราคาดีเป็นที่ต้องการของตลาด แต่บางครั้งในบางฤดูกาล ส้มสายน้ำผึ้งก็กลายมาเป็นส้มสายน้ำตาสำหรับชาวบ้านที่ขาดทุนเนื่องจากฟ้าฝนไม่เป็นใจ ทำให้ดอกร่วงไม่ติดผลและแมลงศัตรูพืชเยอะ หรือส้มที่ได้มีรสชาติและขนาดของผลไม่ได้ตรงตามมาตรฐานที่ตลาดต้องการ
“ว้าว! ถึงสวนส้มของเราแล้ว” ร่างบอบบางกระโดดโลดเต้นเข้าไปในสวนส้มเหมือนเด็กๆ ได้ของเล่นถูกใจ แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับขนาดของผลส้มที่ได้เห็น
“แม่ๆ!” เสียงใสๆ ร้องตะโกนขึ้น
“มีอะไรน้ำ เสียงดังเชียว” นางรำภารีบเดินเข้ามาหาบุตรสาว
“แม่ดูนี่สิ ทำไมส้มมันลูกเล็กจัง ไหนลองแกะกินดูซิ” แล้วมือเล็กก็รีบปลอกเปลือกและแกะกินเนื้อในทันที
“อื้อหือ ทำไมมันเปรี้ยวแบบนี้ล่ะแม่” ดวงตาคู่สวยหลิ่วตาเพราะความเปรี้ยวจี๊ดของผลไม้ที่ขึ้นชื่อว่าหวานที่สุด
นางรำภาต้องถอนหายใจยาวก่อนที่จะเล่าเกี่ยวกับผลผลิตของส้มสายน้ำผึ้งปีนี้ให้ลูกสาวฟังด้วยใบหน้าที่หม่นลงเล็กน้อย
“ปีนี้ฝนตกชุก ทำให้น้ำท่วมขังหลายวัน ส่งผลให้ผลผลิตที่ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย พอปุ๋ยที่เราให้ถูกชะล้างออกไปก็ทำให้ส้มไม่ค่อยมีคุณภาพ ราคาก็ต่ำลงจนไม่ได้ทุนคืน ส้มที่เหลือก็ขายออกแทบไม่ได้ ที่พอขายได้บ้างก็ต้องคัดแล้วคัดอีก แล้วที่เห็นนี่ก็คงขายไม่ค่อยได้ราคาเท่าไหร่”
1 พ่ายปรารถนาเจ้ารัตติกาล 2 กระหายรักใต้เงาจันทร์ 3 พิศวาสหวามข้ามกาลเวลา(ภาคจบ) ร่างสูงเคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดรวดเร็ว จับบ่าบอบบางสองข้างเอาไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ทั้งกล้าหาญและหวาดหวั่น “คุณเลือกทางของคุณเองนะ ณิชา เกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษผม” “ฉะ...ฉันไม่กลัว” “คุณกำลังกลัวมากที่สุดต่างหากล่ะณิชา” ร่างเล็กถูกกระชากเข้ามาบดจูบด้วยความกระหาย ‘ณิชา ยอดรักของข้า’ เขาไม่พูดคำว่ารักออกมาให้เธอได้ยิน แต่ส่งผ่านความรู้สึกนั้นด้วยเซ็กส์ที่ทรงพลัง... เขาทะยานไปข้างหน้ารุนแรง ตอกย้ำกายใหญ่เข้าหาราวกับจะแทงทะลุให้ถึงจิตวิญญาณ ราตรีนี้ความต้องการทางกายของแวมไพร์หนุ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า เขาหลอกล่อเธอด้วยไฟพิศวาสร้อนแรง เพื่อจะดับไฟแค้นในหัวใจ ส่วนเธอทั้งรักทั้งหลงเขา ไม่อาจห้ามใจสักครั้งเมื่อได้ชิดใกล้ แต่เมื่อรู้ความจริงว่าเขาคือใคร ดวงตะวันจะเลือนหายไปจากเธอและเขาหรือเปล่า วันเวลาหมุนเวียน ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนผัน มีเพียงดวงจิตที่ผูกพัน ร้อยปีผันผ่านยังเฝ้าคอย ‘เชอร์ลีน ยอดรักของข้า “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เชอร์ลีน ฉันชื่อกิรณา และฉันไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เคยรู้จักคุณ แล้วคุณจับฉันมาทำไม”
‘ทั้งๆ ที่รักแต่ไม่อาจครอบครอง ของของเขา เธอจะแย่งมาได้อย่างไร’ “เลิกคิดเถอะ คุณไม่เหมาะสมกับผมสักนิด และสเปคผู้หญิงของผมก็คงไม่ใช่เด็กสาวกะโปโลอย่างคุณ กลับไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมีคนอื่นไปซะ ไม่ต้องมายั่วผมอีก เข้าใจที่ผมพูดมั้ย” เธอเข้าใจ... จึงเดินวกกลับมาจูบเขาอย่างยั่วยวนอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “ถ้าเรียนจบแล้ว แพรจะกลับมา อย่าเพิ่งแต่งงานนะคะ...” ทว่าเมื่อเรียนจบกลับมาหาเขาอีกครั้ง ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มอีกหน ครานี้เธอ ‘ยั่ว’ เขาหนักขึ้น แต่... เธอก็ต้องมาพบกับความร้ายกาจของผู้หญิงของเขา ที่ต้องการจะ ‘เอาเธอให้ถึงตาย!’ ลูกแพรจึงต้อง ‘ร้าย’ กลับบ้าง ‘ร้ายเพราะรัก มันต้องร้ายให้ลึกที่สุด!’
“ผมจะยอมแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนสามข้อ คุณจะยอมรับได้ไหมแต่คุณต้องผ่านการทดสอบของผมในคืนนี้ให้ได้ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาตกลงกัน” ความเป็นชายของเขาก็กำลังร้อนเป็นไฟ เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เธอกำลังกลัว กลัวมากที่สุด! “อย่ากลัวผมเลยนะ คุณรู้มั้ยว่าคุณน่ารักไปทั้งตัว คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว แล้วก็หอมหวานจนผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว” กฤตภพเก่งกาจเกินกว่าที่เธอจะต้านทานไหว เขาใช้ประสบการณ์อันช่ำชองพาให้เธอเคลิบเคลิ้ม และคล้อยตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะดึงขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงนรก เธอก็โบยบินตามเขาไปทุกที่ ตามที่เขาปรารถนา อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากเรียวขาเมื่อไหร่ไม่ทันได้รู้สึกตัว แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเห็นร่างกายกำยำของเขายืนตรงปลายเตียง
ฟรานซิส ฟาร์นองเดซ เจ้าพ่อธุรกิจไวน์รายใหญ่ที่สุดแห่งอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เขาไม่ต่างกับอสูรร้ายที่ร้ายกาจ ป่าเถื่อน เพียงเพื่อจะกำจัด ‘ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัด’ อัญญาลิน ทายาทสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทไวน์เนอรี่ชั้นแนวหน้าของไทย เธอตั้งใจไปเที่ยวฝรั่งเศส เพียงเพื่อจะหาความรู้เรื่องการผลิตไวน์มาบริหารงานช่วยผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอ ‘น้องชายของเขา’ “คุณกำลังเข้าใจผิด” “เปล่า ผมกำลังเข้าใจถูกต่างหาก และผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเองก็คงแอบมีใจให้ผมไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคุณจะยั่วผมท้าทายผม ด้วยการขัดคำสั่งผมเหรอ เพราะคุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าเวลาที่คุณขัดคำสั่งผมแล้ว ผมจะลงโทษคุณอย่างไรบ้าง ต้องการแบบนี้ใช่มั้ย ได้...ผมจะจัดให้” ศีรษะดกดำโน้มต่ำลงมาทันที อัญญาลินคิดเสมอว่าฟรานซิสรังเกียจเธอ หญิงสาวอยากจะรู้จังว่า ในสมองของเขาเคยคิดถึงเธอในแง่ดีบ้างหรือเปล่า หรือคิดแต่จะหาเรื่องทำให้เธอเป็นคนผิดที่คิดขัดคำสั่งเขาแล้วหาทางลงโทษเธอตามอำเภอใจ ‘ผู้ชายไม่มีหัวใจ’ อัญญาลินคิดได้แค่นี้ แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงทันที “ก็ได้! ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นผมเป็นคนดีในสายตา ผมก็จะขอเป็นคนเลวอย่างที่คุณประณามก็แล้วกัน” ฟรานซิสสะกดเสียงต่ำลอดไรฟัน มองหน้าคนดื้อรั้นไม่ยอมฟังเหตุผลด้วยประกายตาแข็งกร้าววาววับ ด้วยอารมรณ์คุกรุ่นผสมผสานกับอารมณ์ปรารถนาของร่างกายที่อัดแน่นมานานแล้ว เขาผลักร่างบอบบางที่มีเพียงผ้าแพรปกปิดร่างกายให้นอนราบลงไปกับที่นอน ก่อนที่จะคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ สวมบทอสูรร้ายบ้ากามทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องอ้อนวอนใดๆ จากหญิงสาวอีกต่อไป
ด้วยอำนาจแห่งมนตรา หรือเพราะพรหมลิขิต ชักนำเธอเข้าสู่อ้อมกอดแห่งรัตติกาล ที่ทั้ง ‘เร่าร้อน’ และ ‘เหน็บหนาว’ ในคราวเดียวกัน ครั้งแรกที่สบตากับเขา ‘รุ้งราตรี’ ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ทันทีที่ได้ใกล้ชิด โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดหมุน และแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส เธอก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง แต่ทำไมถึงได้หวั่นไหวนัก แค่เพียงจุมพิตแรก หัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็งมานานของ ‘แดเนียล’ ก็เริ่มสั่นคลอน แค่จูบเดียวก็เหมาเอาว่า เธอเป็น ‘เนื้อคู่’ ของเขา แล้วใครจะเชื่อ เธอไม่อยากเข้าใกล้เขานัก แต่ความจำเป็นบางอย่าง เธอจึงพาตัวองเข้าสู่ ‘คฤหาสน์ที่น่าสะพรึงกลัว’ เป็นหนที่สอง
ทุกสัมผัสของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเรียกร้องต้องการ ทั้งอ่อนหวานนุ่มนวลแต่บางครั้งก็หนักหน่วงดุดัน ร่างนุ่มสะท้านแล้วสะท้านอีก ชายหนุ่มมอมเมาเธอจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ทั้งวาบหวามทั้งตื่นตระหนก เพราะจุมพิตครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้วมากเหลือเกิน เสียงครางกระหึ่มในลำคอทำให้สาวน้อยหวาดหวั่นมากที่สุดเพราะมันเหมือนเสียงคำรามของเจ้าป่าที่กำลงจะขย้ำเหยื่อไม่มีผิด แต่แม้จะรู้สึกหวาดหวั่นมากเพียงใด ร่างกายของเธอก็ตอบสนองเขาแล้ว ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ควร ทั้งที่รู้ว่ามันอาจจะเกิดปัญหาตามมา โอ...พระเจ้า ทำไมเธอถึงได้รู้สึกต้องการเขามากมายแบบนี้ ร่างกายทุกอณูของเธอกำลังสั่นระริกไปด้วยความเสียวซ่านรัญจวนใจ นาทีนี้ความเหน็บหนาวเปล่าเปลี่ยวของหญิงสาว กำลังถูกความเร่าร้อนลามเลียไปทั่วร่างและแทรกผ่านซึมลึกเข้าสู่หัวใจ ทว่าเมื่อลมหนาวกำลังจะผ่านพ้น ความเหน็บหนาวอ้างว้าง กลับเดินทางมาเยือนหัวใจของเขา พู่กันทองถูกนำมาเก็บไว้ที่เดิม เมื่อเจ้าของภาพวาดภาพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ห้วงเวลาเหมันต์ใกล้จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความรักที่เขามีต่อเธอยังคงอยู่ที่เดิม เขาจะรอ...จนกว่า...
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!