ตรัยไม่เคยรู้ตัวว่ารักเด็กหญิงตัวน้อยตอนไหน พอรู้ตัวก็รักไปเสียแล้ว แถมยังรักหมดหัวใจ ยิ่งโตยิ่งหวง ยิ่งหึงยิ่งรัก เขาจะทำอย่างไรดีเล่า ในเมื่อเด็กหญิงพราวมุกตัวน้อย ที่เจริญวัยเป็นสาวสะพรั่ง ดันคิดกับเขาเพียงแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น แบบนี้เขาจึงต้องใช้หัวใจทั้งดวงพิสูจน์ให้เธอรู้ว่าเขารักเธอมากแค่ไหน เพื่อพิชิตหัวใจของเธอ!!!
“ถ้าเพื่อนพี่สนใจเราจริงๆ เราจะรับไว้พิจารณารึเปล่าล่ะ” พายัพเอ่ยถามน้องสาวที่อยู่ในชุดนักศึกษาด้วยท่าทีจริงจัง ไร้ท่าทีล้อเล่นแม้แต่น้อย
“เพื่อนคนไหนคะพี่พาย” พราวมุกยิ้มหวานให้พี่ชายขณะเอ่ยถาม เพื่อนๆ ของพี่ชาย ต่างก็มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลัง อีกอย่างเธอก็ไม่ได้คิดกับใครเกินเลยไปถึงขั้นคนรัก เธอรักและนับถือพี่ชายเช่นไร ก็นับถือเพื่อนของพี่ชายเช่นนั้น พายัพพี่ชายของเธอเองออกจะหวงๆ ไม่ชอบให้เพื่อนมาเกาะแกะเธอด้วย หลายครั้งที่เอ่ยเตือนเพื่อนตัวเอง แถมยังด่าเพื่อนเจ็บๆ แสบๆ จนเธอหัวเราะท้องแข็งตั้งหลายครั้ง แล้วรอบนี้มาแปลก กลับมาถามเธอแบบนี้
“เจ้าตรัยมันสนใจเราน่ะ เห็นบอกว่าชอบเรา” พายัพบอกน้องสาวตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ในบรรดาเพื่อนเขาทั้งหมด ตรัยดูจะไม่สนใจผู้หญิงคนไหน หรือเจ้าชู้ประตูดิน
“ยี้... ไม่เอาหรอกค่ะ พวกเพื่อนๆ ของพี่พายมีผู้หญิงเยอะแยะ ฝากบอกพี่ตรัยด้วยนะคะว่าพราวนับถือพี่ตรัยเหมือนพี่ชาย ปล่อยให้พราวมีอนาคตที่ดีเถอะค่ะ คิกๆ” พราวมุกพูดขำๆ กับพี่ชาย จริงๆ เธอเองก็รู้ว่าตรัยแตกต่างจากคนอื่น แต่เธอนับถือตรัยเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น ไม่เคยคิดเกินเลยเป็นอื่น อีกอย่างตรัยเองก็เอ็นดูเธอ ไม่คิดว่าจะอยากจีบเธอด้วย มันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ที่เขามาคิดแบบนี้กับเธอได้ แม้ส่วนลึกของจิตใจจะเทิดทูนบูชาเขาเป็นฮีโร่ก็ตามที แต่เธออยากเก็บความรู้สึกดีๆ แบบนี้เอาไว้ หากคบกันเป็นคนรัก ถ้าเลิกรากันไป เธอกลัวจะมีปัญหา หรือมองหน้ากันไม่ติด เธออยากให้ตรัยเป็นพี่ชายที่น่ารักเป็นฮีโร่ในใจของเธอต่อไป ตอนเด็กๆ นอกจากพายัพพี่ชายของเธอแล้ว ก็มีตรัยนี่แหละที่คอยปกป้องดูแลเธอ ไม่ให้ใครมารังแก
“โอเค แล้วจะบอกมันให้” พายัพโยกศีรษะน้องสาวคนเดียวไปมาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเดินออกไปนอกบ้าน เขาไม่เคยบังคับน้องสาวตัวเอง รักและดูแลกันมาตลอด อะไรที่เป็นความสุขของน้อง คนเป็นพี่อย่างเขาไม่เคยขัด
พราวมุกอมยิ้ม เดินขึ้นห้องไปด้วยความเหนื่อยเพราะเธอเรียนอยู่ปีสุดท้าย กำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัยอีกไม่กี่เดือน เหลือแค่ฝึกงานเท่านั้น แล้วเธอก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีกในคำพูดของพี่ชาย เพราะคิดว่าพี่ชายอาจจะถามเล่นๆ เท่านั้นเอง
หลังจากที่บิดามารดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน พายัพก็ดูแลเธอมาตลอด เขาเปิดบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้าง ซึ่งกิจการเป็นไปได้ด้วยดี เพิ่งมาปีนี้แหละที่เศรษฐกิจประเทศตกต่ำ พี่ชายจะบ่นๆ กับเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน เธอแอบได้ยินถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่กระนั้นก็ยังพยุงกิจการไปได้
“นายได้ยินที่น้องฉันพูดแล้วใช่ไหมไอ้ตรัย” พอคล้อยหลังมาได้ พายัพก็กรอกเสียงเข้าไปในโทรศัพท์
“ได้ยินชัดเต็มสองรูหูเลยเว้ย!” ตรัยตอบกลับไป จำได้ว่าตัวเองนั่งอึ้งอยู่นานเมื่อได้ยินการสนทนาโต้ตอบระหว่างพี่น้อง นี่พราวมุกเห็นเขาเป็นพี่ชายเท่านั้นเองน่ะรึ ถ้าเธอลองเปิดใจสักนิด เขาก็คงจะไม่นั่งหดหู่อยู่แบบนี้ แถมเธอยังพูดปิดท้ายด้วยว่าปล่อยให้เธอมีอนาคตที่ดีเถอะ เกิดมายังไม่เคยโดนผู้หญิงว่าขนาดนี้ ถึงจะเข้าข้างตัวเองว่าเธอพูดเล่นขำๆ ก็ตามที แต่ใจฝ่อไปไม่น้อย
ที่สำคัญเธอเป็นผู้หญิงที่เขาแอบชอบตั้งแต่เด็กๆ ฟันน้ำนมยังไม่หลุด ฟันแท้ยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำ เพราะเขากับพายัพบ้านอยู่ใกล้กัน เรียนมาด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจึงสนิทกันมาก
“ยายพราวไม่ชอบนาย จบนะไอ้ตรัย ฉันไม่เคยบังคับน้องตัวเอง” คนขี้หวงเอ่ยบอก แต่ถึงจะหวงขนาดไหน เขาก็ไม่เคยขัดใจน้องสาวได้เลยสักครั้ง ถ้าพราวมุกชอบเพื่อนของเขาจริง เขาก็จะไม่ขัดขวางแต่จะคอยดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ หากมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือได้ทัน คนเป็นพี่อย่างเขาไม่ได้หวังอะไรมากมายในชีวิต ขอแค่น้องสาวมีความสุข แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“รู้แล้วน่า ฉันรักพราวจริงๆ แต่ถ้าน้องนายไม่รักไม่ชอบฉัน ฉันก็ไม่บังคับใจใครหรอกว่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะ” ตรัยเคาะนิ้วไปมา อย่างใช้ความคิด เขาอาจจะยอมถอยออกมาก่อน แต่ใช่ว่าจะถอยตลอดไป คนอย่างเขาทำอะไรมีแผนการ และรอบคอบเสมอ บางทีนี่อาจจะเป็นบทพิสูจน์ตัวเขา ให้พราวมุกได้เห็นว่าเขารักเธอคนเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหน
ระยะเวลาอาจจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น ในเมื่อตอนนี้ พราวมุกเองยังไม่มีใคร เขาก็ยังมีความหวัง
“เออๆ เดี๋ยวพาไปกินเหล้า” พายัพรีบพูดเอาใจเพื่อน นึกเห็นใจตรัยอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าให้เขาเลือกระหว่างเพื่อนกับน้อง เขาก็ต้องเลือกน้องสาวที่คลานตามกันมาอยู่แล้ว
“กินทำไมวะ” ตรัยถามกลับ
“แก้อกหัก” พายัพตอบแล้วหัวเราะ
“เออๆ นายต้องเลี้ยงนะเว้ย ฉันเป็นหม้ายขันหมากแบบนี้ พวกนายต้องช่วยปลอบใจ” ตรัยพูดติดตลก ทั้งๆ ที่ใบหน้าเครียดเขม็ง ในสมองขบคิดแผนการมากมายเต็มไปหมด
“บ้าแล้ว! ยังไม่ได้สู่ขอ จะเป็นหม้ายขันหมากได้ยังไงวะ” พายัพหัวเราะลงลูกคอ แต่โล่งใจที่เพื่อนเข้าใจและไม่คิดจะเซ้าซี้ให้น้องสาวของเขาต้องรำคาญใจ ถ้าเป็นแบบนั้นเขานี่แหละจะขัดขวาง ในเมื่อตอบว่าไม่ ก็คือไม่ เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่พูดมากไร้สาระ
ตรัยวางโทรศัพท์จากเพื่อนรักก่อนจะเคาะนิ้วไปมาบนโต๊ะทำงานของตัวเองอย่างครุ่นคิด เขารู้ดีว่าพายัพหวงน้องสาว แต่เขารักจริงหวังแต่ง ตอนนี้คงต้องทำให้ใครๆ ตายใจไปก่อน แล้วค่อยรุกทีเดียว เขาคงต้องทำตัวกลมกลืนและสนิทสนมกับพราวมุกเหมือนเคย
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น เพราะผู้ใหญ่ เธอถูกสามีรังเกียจ ก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะเกลียดเธอไปได้สักกี่น้ำ เธอจะแกล้งเขาให้หนำใจ ทำหน้าที่เมียให้สาสมกับที่เขาเกลียด!
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
วามสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ทำให้เธอ...ท้องไม่มีพ่อ .................... “คูน...คุณ” ชมพลอยทรุดตัวนั่งใกล้ร่างหนาที่หันมองเธอด้วยสายตาแปลกใจ เธอทักทายเขาด้วยภาษาสากล “คูณนอนกับช้านม้าย ฉันซิงนะ” บุรุษที่ชมพลอยเข้าไปทักคือ ภาคินทร์ ภักดีธำรง หรือหมอธาม ในวัยสามสิบปีที่มาเรียนแพทย์เฉพาะทางเพิ่มเติมในประเทศเยอรมัน เขายังคงมองหน้าคนเสนอตัวให้ด้วยสายตาตกใจปนประหลาดใจ เขาพบเจอผู้หญิงที่ชวนไปหลับนอนหลายคน ทว่ากลับไม่มีใครสักคนที่บอกให้รู้ว่า ครองพรหมจรรย์ ในตอนนั้นภาคินทร์คิดว่า สาวสวยตรงหน้าเมาจึงพูดในเรื่องตรงกันข้ามกับการกระทำ ผู้หญิงบริสุทธิ์คงไม่ชวนผู้ชายหลับนอนด้วย “วันไนท์สแตนด์งาย...สนใจไหม” “ได้สิ” ภาคินทร์ยิ้มและตอบรับทันที อาจเป็นเพราะเขาถูกใจในความสวยงามบนใบหน้า ผิวขาวลออตา และรูปร่างที่น่าฟัดอย่าบอกใคร ภาคินทร์เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป กิเลสตัณหาเกิดขึ้นได้หากเจอคนถูกใจ
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
‘ลู่ซิงเหยียน’ ไม่คิดเลยว่าการอาสาช่วยโจรผู้หนึ่งหลบหนีออกจากจวนเจ้าเมืองเพื่อแลกกับชีวิตของตนเองนั้น จะทำให้โชคชะตาของนางผูกติดกับ ‘เขา’อย่างไม่มีวันแยกจาก ********************* ลู่ซิงเหยียนทำงานอยู่ภายในจวนเจ้าเมืองหลิวลี่ซือในฐานะสาวใช้ เพื่อสืบหาคนร้ายที่ทำให้ตระกูลลู่ของนางถูกประหารทั้งตระกูล ทว่าวันหนึ่งมีชายชุดดำบุกเข้ามาขโมยของในจวนเจ้าเมือง เพื่อแลกกับชีวิตของตนเอง ลู่ซิงเหยียนจึงอาสาช่วยเหลือโจรผู้นี้หลบหนี นางเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเขา นอกจากจะไม่ได้รับคำขอบคุณ เขากลับตามตอแย วนเวียนอยู่รอบกายนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่ไม่รู้เป็นเพราะซาบซึ้งใจหรือชิงชังที่นางบังคับให้เขาหลบซ่อนอยู่ในถังอาจมกันแน่!!! ************************** “หมายความว่าอย่างไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ดวงตาเขียวปัด ฟังจากโทนเสียงคล้ายกับเป็นเสียงคำรามในลำคอเสียมากกว่า ส่วนเจ้าของคำถามบัดนี้จับจ้องสตรีตรงหน้าด้วยความโกรธจัดจนแทบอยากจะกระโจนเข้ามาบีบคอ “ปัดโธ่ ท่านมีทางเลือกมากนักหรือ นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าคิดได้แล้ว หากอยากหนีออกไปโดยไม่ถูกจับได้ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น” แม้ปากจะกล่าวไปเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับหดเล็กยิ่งกว่าฝ่ามือ ลู่ซิงเหยียนเหลือบมองร่างสูงสลับกับถังไม้ขนาดใหญ่บนรถเข็นที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็น ยามนี้เมื่อเปิดฝาที่ปิดอยู่ออกก็ยิ่งส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนจนรู้สึกคลื่นเหียนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด นางเห็นร่างสูงยืนแข็งค้างอยู่ในเงามืดหลังพุ่มไม้หนาทึบ มือข้างที่จับมีดกำแน่นขึ้นกว่าเดิมจนน่าหวาดหวั่น ท่าทางโกรธจัดของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต คาดว่าภายในใจตอนนี้คงอยากปาดคอนางแล้วจับหมกลงไปในถังอาจมเป็นแน่ "ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ************************************** สวัสดีค่ะ ไรท์กลับมาแล้ววววว เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องยาวนะคะ แนวโรแมนติกดราม่านิดๆ + เกมการเมืองหน่อยๆ ไม่ทะลุมิติ ไม่ย้อนเวลาค่ะ ไม่อิงประวัติศาสตร์และยุคสมัยใดๆ นะคะ ตัวละครและสถานที่เกิดขึ้นจากจินตนาการทั้งหมดของไรท์ค่ะ
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!