เขาจับตัวเธอมาเพราะอยากแก้แค้นที่เธอเคยทำกับเขาเอาไว้อย่างเจ็บแสบ เธอตกเป็นเมียของคนเถื่อนอย่างเขาแบบงงๆ แล้วเรื่องราวของคนทั้งคู่จะลงเอยยังไง ติดตามอ่านในเล่มเลยจ้า
เหมือนฝันค่อยๆ ปรือตาขึ้นอย่างมึนงง เธอมองกระท่อมเก่าๆ อย่างงุนงง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ
โครม!!!
เสียงเปิดประตูกระท่อมโครมใหญ่ทำให้เธอสะดุ้งสุดตัว เบิกตากว้างมองคนแปลกหน้าที่เดินดุ่มๆ เข้ามาอย่างตกใจ
“กรี๊ด!” เธอกรีดร้องสุดเสียงเมื่อเขาย่างสามขุมเข้ามาหาร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร หนวดเครารกรุงรังน่ากลัวอย่างที่สุด
เขากระชากแขนเธอขึ้นจากพื้นแคร่ไม้ไผ่ มองเธอไม่วางตา เธอยกมือขึ้นไหว้เขาปรกๆ หวาดกลัวเขาจับใจ
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
“กลัวเหรอ เวลาทำคนอื่นไม่เห็นกลัว” เขากระชากเธอให้เดินออกมาจากกระท่อม เหมือนฝันมองทะเลเบื้องหน้า และรอบกายอย่างตกใจ
เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงนะ?
ถามตัวเองและพยายามนึก เธอเดินทางกลับมาจากต่างประเทศแล้วจู่ๆ มาโผล่ที่นี่ได้ยังไงกัน
“นายเป็นใคร แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เป็นคนบ้า ฆ่าคนไม่เลือก!” เขาตะคอกใส่ เธอสะดุ้งสุดตัว ทำท่าหนีเขา แต่เขากระชากเข้าไปหา
“คนบ้าเหรอ?” เธอเบิกตากว้าง
“ใช่”
“ล้อเล่นใช่ไหม จับมาเรียกค่าไถ่หรือเปล่า บ้านฉันรวยนะ จะให้พ่อแม่ส่งเงินมาให้ คะ... แค่โทร. ไปบอก ป่านนี้พ่อแม่ฉันคงเป็นห่วง” เธอกลับมาจากต่างประเทศก่อนกำหนดเพราะอยากเซอร์ไพรส์ ไม่ได้บอกคนที่บ้านเลย ป่านนี้คงไม่มีใครรู้ว่าเธอหายตัวไป
“พูดจริง ฉันทั้งบ้าทั้งหื่นกาม” เขายื่นหน้าเข้ามาหา เหมือนฝันเบี่ยงหน้าหลบ ตัวสั่นระริก แต่ก็ยังทำเป็นใจดีสู้เสือ
“ไม่หรอก ไม่มีคนบ้าที่ไหนยอมรับว่าตัวเองบ้า”
“ฉันกินยาระงับประสาทก็เลยสติดี แต่ถ้าลืมกินยาก็เคยฆ่าคนตายมาแล้ว”
“จะ... จริงเหรอ”
“แล้วแต่จะคิด” เขาลากเธอให้เดินตาม
“จะพาไปไหน ปล่อยนะ”
“ตามมาก็แล้วกันน่า” เขาลากเธอเข้าป่า ที่นี่เป็นเกาะ เธอมองรอบกายแล้วหน้าเสีย จะหนีออกไปได้ต้องมีเรือ มันไม่มีเรือสักลำ
“คิดหนีใช่ไหม ฉันแนะนำให้เอาไหม”
“คะ?” เธอหันมองหน้าเขา สีหน้าแตกตื่น
“ว่ายน้ำหนีออกไปสิ รับรองว่าถ้าไม่โดนฉลามกิน เธอรอดแน่”
“บ้าเหรอ ใครจะว่ายน้ำออกไปแบบนั้น” เธอแหวใส่
“โอ๊ย!” เขาผลักเธอกองลงกับพื้น หญิงสาวกุมสะโพกลูบป้อยๆ
“เจ็บนะ”
“ก็ทำให้เจ็บไง เวลาทำคนอื่นไม่รู้จักคิด เห็นนั่นไหม” เขาชี้ไปรอบตัวเธอ เหมือนฝันมองตามก่อนทำหน้างง
“อะไร”
“โง่” เธอเม้มปากเมื่อโดนด่าว่าโง่
“เศษไม้พวกนี้เธอเก็บและมัดแบกกลับกระท่อมด้วย”
“เอาไปทำไม”
“มีสมองหรือเปล่า”
“ถามดีๆ” เธออุบอิบบ่น เขาทำท่าจะก้าวเข้าหา เธอรีบหันรีหันขวาง รวบไม้ฟืนมากองๆ เอาไว้อย่างลนลาน คนบ้าอำนาจยืนกอดอกมองไม่วางตา
“โอ๊ย!” เหมือนฝันร้องเสียงหลงเพราะมัดแล้วเชือกหลุด มือโดนไม้แหลมๆ เจ็บจนเลือดซิบ
“คุณหนูอย่างเธอคงไม่เคยลำบากสินะ ดีเหมือนกัน ฉันจะเพิ่มงานให้เธอทำเยอะๆ เลย”
“นี่นาย จู่ๆ มาใช้แรงงานฉัน บอกมาหน่อยว่าฉันไปทำอะไรให้นาย” เหมือนฝันลุกขึ้นจ้องเขา ก่อนจะถอยหนีเมื่อสบตาวาวโรจน์ดุดันคู่นั้น
“เดี๋ยวก็รู้เอง แบกไม้ฟืนกลับมาด้วย”
“บ้าเหรอ ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะให้แบกไม้ฟืนกลับนี่นะ!” เธอถามอย่างตกใจ มองร่างสูงที่กอดอกมองเธออย่างวางอำนาจ
“ไม่ทำก็ได้นะ แต่คืนนี้เธอนอนนอกกระท่อมแล้วกัน” เขาพูดเสร็จแล้วเดินดุ่มๆ กลับกระท่อม เธอมองตามก่อนหันไปยกไม้ฟืนกองใหญ่มาถือเอาไว้
“โอ๊ย!” มันหนักมาก เธอพยายามเดินตามสะดุดจนล้มไม่เป็นท่า
“โง่ชะมัด”
“คนบ้าป่าเถื่อน” เกลียดเขาจับใจ แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้นะ บ้าบอที่สุด
เขาดึงเธอกลับกระท่อม ใช้มืออีกข้างหิ้วเชือกที่ผูกกับเถาวัลย์พาไม้ฟืนกลับบ้าน
เธออ้าปากค้าง เขาหิ้วสบายๆ ไม่หนักสักนิด แล้วใช้แรงงานเธอทำไมนี่!
“บอกได้ไหม จับฉันมาทำไม นายอาจจะจับมาผิดตัวก็ได้”
“เธอชื่อนามสกุลอะไรล่ะ” เขาเอ่ยถาม
“เหมือนฝัน ประเสริฐสิริ” เธอรีบบอกเขาอย่างกระตือรือร้น คิดว่าจะ ทำให้เขาตกใจ เพราะเธออาจจะถูกเขาจับมาผิดตัวหรือเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง
“ก็ถูกแล้วนี่”
“ถูกแล้วคืออะไร”
“เธอเคยเป็นแฟนกับน้องชายฉันไงเหมือนฝัน จำชยุตได้ไหมล่ะ”
“ชยุตไหน” เธอทำหน้างง เขากระแทกไม้ฟืนลงบนพื้น หันมามองเธอด้วยสายตาวาวโรจน์ คนถูกมองกลืนน้ำลายลงคอฝืดเคือง มองเขาอย่างตกใจ
“หรือมั่วผู้ชายหลายคนจนจำไม่ได้”
“บ้าเหรอ ฉันอยู่เมืองนอก”
“เธอทิ้งน้องชายฉันก่อนไปอยู่เมืองนอก อยู่โน้นเจอไซซ์ฝรั่ง ป่านนี้หลวมโพรกแล้วมั้ง” เขาก้มมองอย่างหยาบคาย คนถูกมองหน้าร้อนเห่อแดงจัด
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น เพราะผู้ใหญ่ เธอถูกสามีรังเกียจ ก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะเกลียดเธอไปได้สักกี่น้ำ เธอจะแกล้งเขาให้หนำใจ ทำหน้าที่เมียให้สาสมกับที่เขาเกลียด!
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
"หัวใจ ความรัก และภักดี เขาจะเลือกอย่างไหน" “ไอ้เพชรแกเอาไป นี่เมียแก!” หญิงสาวที่อยู่ในชุดนอนมีร่องรอยฉีกขาด ถูกผลักเข้าไปในกระท่อมเก่าซอมซ่อของพัชระหรือทุกคนเรียกกันว่า เพชร ซึ่งเป็นเพียงช่างคนหนึ่งในไร่ชาของที่นี่ “คุณจันทร์นี่มันอะไรกันครับ” เจ้าของหนวดเคราครอบหน้าหันไปมองคนบนพื้นแล้วหันมาถามนางจันทร์นิล ด้านหลังก็มีลูกน้องของเจ้านายอีกสองคน “นังอ้อนมันร่านไง มันมาอ่อยผัวลูกสาวฉัน ไอ้เพชรฉันยกนังอ้อนให้แกจัดการ” นางจันทร์นิลชี้นิ้วใส่ลูกเมียน้อยของสามีอย่างจงเกลียดจงชัง “จัดการยังไงครับคุณจันทร์” พัชระได้ยินว่าคนที่ตนแอบรักถูกทำร้าย แววตาของเขาก็ประกายแข็งกร้าวขึ้นด้วยความโกรธ “ก็จัดการมันให้เป็นเมียแกซะ เดี๋ยวนี้เลย!” (เมียร้อนจำยอมรัก)
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
"คุณเข้ามาในห้องของฉันทำไม" "นี่อะไร" ศิวัฒน์ชูเอกสารในมือขึ้น "คุณก็เห็นว่ามันคืออะไร" เธอตอบโดยไม่ใส่ใจมากนัก เพราะเกี่ยวกับเขาถึงยังไงเขาก็ต้องรู้ "หึ" เขาเดินเข้าไปใกล้เธอ "เธอคิดว่าเล่นขายของอยู่หรือไง ที่จะเลิกเล่นตอนไหนก็ได้" "คุณเองไม่ใช่เหรอที่อยากหย่าตั้งแต่แรก ตอนนี้ฉันก็ยอมเซ็นใบหย่าให้คุณแล้วเราไปอำเภอกันพรุ่งนี้เลยฉันเตรียมเอกสารครบแล้ว" "มันสายไปแล้ว" เขาบีบต้นแขนเธอแน่น "อยากเป็นเมียก็จะให้เป็น" "ฉันเจ็บนะคุณไตร" เธอพยายามแกะมือของเขาออก "อยากหย่ากับฉันมากละสิ เสียใจด้วยตอนนี้ฉันไม่อยากหย่าแล้ว" น้ำเสียงของเขาเหมือนคนที่กำลังโกรธ ซึ่งฉัตรนลินทร์ก็ไม่เขาใจว่าทำไมเขาถึงได้โกรธขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอพยายามทำในสิ่งที่เขาต้องการตั้งแต่แรกแล้วแท้ ๆ "คุณจะทำอะไร" ฉัตรนลินทร์ร้องถามพลางเอามือดันอกเขาไว้ เมื่ออยู่ ๆ เขาก็พยายามกอดเธอ ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำจิตใจของเธอ "ทำหน้าที่สามีไง จะทำทุกคืนให้คุ้มค่ากับเงินที่แม่ของฉันจ่ายให้เธอ" แม้จะเห็นใบหน้านวลตรงหน้านั้นกำลังซีดเผือดแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ "ไม่นะ...ปล่อยฉันลงสิคุณไตร" เธอร้องสุดเสียงเมื่อโดนศิวัฒน์อุ้มขึ้นพาดบ่าแล้วพาไปที่เตียงนอน อึก!! ................................ "เธออยากหย่าขนาดนั้นเลย" "ใช่ค่ะ ไม่หย่าวันนี้วันหน้าก็ต้องหย่าอยู่ดี" ................................. "ถอยไปดิ อย่ามาขวาง" เธอไม่สนใจลูกชาย "อ้อ เอกสารของบริษัททั้งหมดอยู่ในห้องทำงานนะ ฉันยกให้แกหมดเลย" "แม่!!" "ไม่ต้องเรียก ฉันไม่มีลูกโง่อย่างแก" ................................. "เราไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้วนะ เรามาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดกันเถอะ" เธอหันไปเผชิญหน้ากับศิวัฒน์ "ฉันขอโทษที่ไม่ยอมปฏิเสธแม่ของคุณในวันนั้น ขอโทษที่ไม่ยอมรับข้อเสนอของคุณ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันไม่อยากให้เรารู้จักกันด้วยซ้ำ แต่เมื่อมันย้อนไม่ได้เราก็เดินไปข้างหน้าเพื่อลืมเรื่องราวของกันและกันเถอะ" ....................................