โลกใบนี้ถูกกำหนดด้วยชนชั้น... ชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง และชนชั้นล่าง ทว่าชนชั้นไม่ได้ถูกแบ่งแยกโดยชาติตระกูล ทว่าแบ่งแยกโดย ‘เพศ’ อัลฟ่า [ α ] ...ชนชั้นสูงที่มีสิทธิ์แทบจะในทุกอย่าง เบต้า [ β ] ...ชนชั้นกลางที่มีชีวิตล่องลอยไปวันๆ โอเมก้า [ Ω ] ...ชนชั้นล่างที่แทบจะไม่ถูกเรียกว่ามนุษย์ ...เศษสวะในสังคม ชิ้นเนื้อไร้ค่าที่สังคมตัดทิ้งไม่ได้จึงต้องเอาไปใช้ ประโยชน์ในการเล่นสนุกของเหล่าชนชั้นสูงที่เรียกว่า ‘เกม’ เมื่อคนที่เกิดมาในชนชั้นสูงอย่าง ‘เจเรมี เมอร์ซี’ บุตรชายโทนของหนึ่งในตระกูลผู้นำเกิดอาการฮีท ความจริงที่ว่าเขาเป็นโอเมก้า ไม่ใช่อัลฟ่าทำให้เขาถูกลดลำดับชนชั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมวายร้ายอย่างเขาจะไปยืดอกยอมรับได้อย่างไร ความดื้อดึงทำให้คนที่พยายามปกป้องเขาถูกจับเป็นตัวประกัน เจเรมีจึงต้องกระโจนลงไปในเกมที่มีชีวิตเป็นเดิมพันอย่างไร้ทางเลือก การตัดสินใจบ้าคลั่งนั้นทำให้เขาได้เจอกับ ‘คริส ฟ็อกซ์’ อัลฟ่าตระกูลผู้นำจากแดนอื่นที่ถูกจองจำในข้อหากบฏ เป้าหมายของคริสมีอย่างเดียวคือแย่งชิงโอเมก้ามาเป็นของตัวเองให้ได้ ชัยชนะจะทวงคืนอิสระของเขาที่ถูกริดรอนไปแต่การครอบครองโอเมก้าอย่างเจเรมีนั้นไม่ง่ายเลย …เหมือนกำลังสู้กับปีศาจอยู่ก็ไม่ปาน เจเรมีจะเลือกฆ่าทุกคนเพื่อที่จะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ หรือยอมตกเป็นสมบัติของอัลฟ่าสักคนเพื่อแลกกับชีวิตของคนที่รัก เป็นสิ่งที่ใครก็คาดเดาไม่ได้จริงๆ...
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม มีความหลากหลาย มีอัตลักษณ์เป็นของตนเอง ทว่าบางครั้งความหลากหลายเหล่านั้นก็ก่อให้เกิดปัญหา หนทางที่จะขจัดปัญหาเหล่านั้นออกไป ดูเหมือนจะมีเพียงหนทางเดียว... ควบคุมระบบความคิดของมนุษย์ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
การจำแนกลักษณะทางกายภาพของมนุษย์จึงถือกำเนิดขึ้น การจัดลำดับทางชนชั้นเพื่อให้สมาชิกในสังคมปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ที่พึงมีของตนถูกนำมาใช้เป็นรากฐานในการดำรงชีวิตอยู่ร่วมกัน การผลักดันให้กลุ่มคนที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นตัวปัญหาหลักของสังคมลงไปอยู่ชั้นล่างสุดของห่วงโซ่อาหารเป็นเรื่องที่ควรกระทำ กลุ่มคนที่มีจำนวนมากทว่าไร้ความสามารถถูกนับเป็นประชากรส่วนใหญ่ ขณะที่กลุ่มคนจำนวนมากที่สุดเป็นลำดับสองและมีความสามารถมากเป็นกลุ่มผู้มีอำนาจในการถือครองสิทธิ์และควบคุมปัจจัยต่างๆ แนวความคิดจารีตประเพณีของสังคมล้วนกลั่นกรองออกจากมันสมองของคนกลุ่มนี้ แน่นอนว่าเป็นความคิดที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและประเสริฐที่สุดแล้วสำหรับทุกชีวิต
ทุกคนจำเป็นต้องปฏิบัติตาม จำเป็นต้องยอมรับอย่างไร้เงื่อนไข การกระทำตามบทบาทหน้าที่ทุกอย่างต้องไปในแนวทางเดียวกันตามสถานะทางสังคมของตนเอง ทั้งหมดก็เพื่อ...ความสงบเรียบร้อย
หากแต่การจัดลำดับชนชั้นของกลุ่มคนจากยอดพีระมิดออกจะแปลกเสียหน่อย พวกเขาไม่ได้วัดค่าคนจากความสามารถหรือจำแนกบุคคลจากต้นกำเนิดและวงศ์ตระกูล หากแต่เป็น... เพศ
ในโลกนี้มีเพศสรีระที่มองเห็นได้ด้วยตาอยู่สองลักษณะซึ่งก็คือเพศชายและเพศหญิง ทว่าเพศที่เป็นเครื่องมือในการแบ่งชนชั้นกลับเป็นเพศอีกรูปแบบหนึ่งที่แยกออกมาจากเพศสรีระ
อัลฟ่า [ α ] ...เพศที่ถือครองสิทธิ์ทุกอย่างในสังคม ความสามารถอันโดดเด่นทำให้ได้รับการยกย่องเป็นชนชั้นสูงของสังคม
เบต้า [ β ] ...เพศส่วนมากของประชากรทั่วไป ชนชั้นกลางของสังคมที่มีชีวิตตามครรลองที่อัลฟ่ากำหนดให้
และโอเมก้า [ Ω ] ...เพศที่ถูกบีบให้เป็นชนชั้นล่างและแทบจะไม่ถูกเรียกว่ามนุษย์ด้วยถูกขนานนามว่าเป็น ‘ตัวปัญหาของสังคม’
ชนชั้นสุดท้ายเป็นประชากรชั้นสองที่มีจำนวนน้อยที่สุดชนิดเรียกได้ว่ามีเพียงหยิบมือและที่ถูกเรียกว่าเป็นตัวปัญหามีสาเหตุมาจากเหล่าอัลฟ่าเห็นว่าพวกโอเมก้ามีอำนาจบางอย่างที่ได้จากธรรมชาติในการทำให้อัลฟ่าแตกคอกันเอง ในภาษาทางการเรียกว่าการ ‘ฮีท (Heat)’ อาการอันเป็นสัญลักษณ์ของการเรียกร้องการสืบพันธุ์ซึ่งจะมีการปล่อยฟีโรโมนออกมาในแต่ละช่วงของทุกเดือน และสารเคมีจากร่างกายของโอเมก้านั้นมีผลต่อปฏิกิริยาคลุ้มคลั่งของอัลฟ่า
กี่ทศวรรษแล้วที่เหล่าอัลฟ่าต้องเปิดศึกนองเลือดฆ่ากันเองเพียงเพราะแย่งชิงโอเมก้า เพื่อไม่ให้เสียบุคลากรในกลุ่มอัลฟ่าไปอย่างไร้ประโยชน์ การจำกัดการขยายพันธุ์ของโอเมก้าจึงเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด การกวาดล้างครั้งใหญ่ก่อกำเนิดขึ้นเมื่อไม่ช้านานนี้ เด็กที่เกิดมาพร้อมกับเพศนี้มักจะถูกสังหารตั้งแต่ลืมตาเป็นทารก หากแต่ในระยะหลังการสังหารเริ่มจะเบาบางลงเมื่อมีเรื่องของเงินตราเข้ามาเกี่ยวข้อง
จาก ‘สิ่งมีชีวิตที่ควรกำจัด’ กลายเป็นชิ้นเนื้อไร้ค่าที่มีดีแค่ตอบสนอง ‘ความต้องการ’ ให้กับอัลฟ่าเท่านั้น แต่มีหลายครั้งเช่นกันที่โอเมก้ากลายเป็น ‘เครื่องจักรผลิตทายาท’ ตามแต่จุดประสงค์ของอัลฟ่าผู้ถือครองแต่ละคน
และใช่... เพศโอเมก้า ไม่ว่าสรีระจะเป็นชายหรือหญิงต่างสามารถให้กำเนิดทายาทได้ หากแต่ถ้าตั้งท้องให้กับอัลฟ่าแล้วเด็กที่เกิดมาเป็นโอเมก้า ชีวิตเล็กๆ นั่นจะไม่ได้รับการไยดี อาจถูกสังหารหรือส่งขายทอดตลาดมืดก็เป็นเรื่องที่อัลฟ่าผู้เป็นเจ้าของจะตัดสินใจ ถึงจะเป็นผู้สืบสายเลือด แต่ถ้าหากเป็นโอเมก้าแล้ว ชนชั้นสูงอย่างอัลฟ่าก็ไม่มีทางยอมรับ สายเลือดบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะได้รับการนับญาติ แม้ความจริงจะเกิดจากเศษสวะชั้นต่ำของสังคม แต่อัลฟ่าก็คืออัลฟ่า และอัลฟ่าก็จะไม่มีทางเป็นโอเมก้าเด็ดขาด
ไม่มีวัน...
บทเรียนในชั้นเรียนของสถาบันพัฒนาบุคลากรของชนชั้นสูงแห่งมหานครเพิร์ลสร้างความเบื่อหน่ายให้กับชายหนุ่มผมบลอนด์ไม่น้อย เขาจำไม่ได้ดีนักว่าตนได้ยินผู้เป็นอาจารย์สาธยายความสูงส่งของอัลฟ่าและสาเหตุที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกชนชั้นมากี่ครั้งแล้ว แต่จำได้ว่าได้ยินเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่จำความได้ ระบบความคิดว่าอัลฟ่าเป็นเพศที่สูงส่ง ส่วนโอเมก้าเป็นเพศที่ต่ำช้าเข้าหูเขานับครั้งไม่ถ้วน หากชายหนุ่มกลับไม่เห็นว่าจะสมเหตุสมผลตรงไหนเลย นอกจากคิดว่ามันไม่ยุติธรรม
ถูกแล้ว... ไม่ยุติธรรมสำหรับพวกโอเมก้าหรือแม้แต่เบต้าที่เรียกได้ว่าเป็นแรงงานสำคัญของระบบเศรษฐกิจเอง ถึงระบบความคิดนี้จะเอื้อให้อัลฟ่าอย่างเขาได้รับผลประโยชน์สูงสุด แต่หากมองในมุมของเขา เขากลับคิดว่าถึงความยุติธรรมจะมีไม่เท่าเทียมกัน อย่างน้อยพวกโอเมก้าก็สมควรได้รับการมองว่าเป็น ‘มนุษย์’ บ้าง ไม่ใช่เครื่องมือผลิตทายาท สิ่งของบำบัดความใคร่ หรือของเล่นในเการเรียนการสอนปัญญาอ่อนอย่างที่เขาเห็นตรงหน้านี้
ดวงตาสีฟ้าสว่างกลอกขึ้นบนเล็กน้อยเมื่อเห็นโอเมก้าชายคนหนึ่งในสภาพเปลือยท่อนบนถูกมัดติดกับเก้าอี้หน้าชั้นเรียน สีหน้าของอีกฝ่ายดูทุกข์ทรมาน เนื้อตัวแดงเรื่อให้พอรู้ได้ว่าเลือดภายในสูบฉีดเพียงใด ดวงตาเรียวหรี่ปรือ หายใจหอบหนักและดูไม่ค่อยจะมีสติสักเท่าไหร่ ดูท่าอีกไม่นาน สติสัมปชัญญะคงจะหลุดเป็นแน่
“เพราะโอเมก้ามีกลิ่นฟีโรโมนที่มีฤทธิ์ในการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศซึ่งส่งผลกระทบต่ออัลฟ่าโดยตรง เราจึงจำเป็นต้องควบคุมจำนวนอย่างที่พวกคุณรู้กันเพราะไม่อย่างนั้นมันจะเป็นปัญหา ผมเชื่อว่าพวกคุณบางคนคงเคยเห็นโอเมก้ามากันบ้าง แต่บางคนอาจจะไม่เคยรู้ว่าฤทธิ์ของกลิ่นฟีโรโมนมันรุนแรงขนาดไหน ต่อให้พวกคุณอัดยาต่อต้านการตอบสนองต่อฟีโรโมนของโอเมก้าเข้าไป แต่ถ้าโอเมก้าปล่อยฟีโรโมนออกมาถึงขีดสุด ยาอะไรก็ยากที่จะระงับ เหมือนอย่างตอนนี้ที่ผมให้ยากระตุ้นฟีโรโมนกับโอเมก้าเข้าไป พวกคุณจะรู้สึกตื่นเต้นโดยไม่มีสาเหตุ ส่วนโอเมก้าก็จะมีอาการประมาณนี้”
ผู้สอนประจำคลาสอธิบายพลางใช้เลเซอร์พอยเตอร์ส่องไปยังร่างกายของโอเมก้าคนนั้น ขณะที่บรรดานักศึกษาในชั้นเรียนที่ผ่านการทานยาต่อต้านการตอบสนองต่อฟีโรโมนของโอเมก้าเข้าไปแล้วมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเมื่อจมูกได้กลิ่นหอมหวานแปลกๆ ลอยโชยมา อัลฟ่าชายบางคนมีอาการตอบสนองขึ้นมาเล็กน้อยด้วยซ้ำ
สายตาของหนุ่มผมบลอนด์เหลือบมองยังเป้ากางเกงของเพื่อนร่วมชั้นที่มีรอยนูนขึ้นมาพลันหัวเราะหึในลำคอ
น่าสมเพช!
อาจจะมีแค่เขาคนเดียวที่คิดว่าแนวความคิดที่ถูกยัดเยียดฝังหัวในสังคมนี้มันเป็นเรื่องทุเรศ
“ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมบางครั้งพวกเราต้องกำจัดโอเมก้าทิ้ง เพื่อรักษาจำนวนของอัลฟ่าและความสงบสุขของสังคมเอาไว้ ต่อให้การกระทำนั้นมันโหดร้ายไปหน่อยก็ต้องทำ”
พอได้ยินศาสตราจารย์อธิบายต่ออย่างนั้น คนที่มองเหตุการณ์อยู่ตลอดก็ผินหน้าหนี ยกแขนขึ้นเท้าคาง ทำหูทวนลมด้วยความระอา
รักษาความสงบสุขของสังคมงั้นเหรอ... ตั้งแต่เกิดมาเห็นจะมีแต่อัลฟ่านี่แหละที่รังแกโอเมก้า ไม่เคยเห็นโอเมก้าคนไหนก่อความวุ่นวายเลย ดูอย่างตอนนี้สิ มีแต่โอเมก้าที่ถูกรังแก ไหนว่าเป็นตัวปัญหาไง ย้อนแย้งชะมัด
แนวความคิดทุเรศจนไม่อยากจะได้ยินได้ฟังอีก หากแต่ปฏิเสธไปก็เท่านั้นเมื่อผู้สอนเห็นว่าลูกศิษย์ในคลาสคนหนึ่งออกอาการเมินต่างจากคนอื่นๆ ที่ตื่นเต้นกันจนเนื้อตัวสั่น
“ตั้งใจฟังหน่อยคุณเมอร์ซี ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่คลาสของผมจะพาโอเมก้าตัวเป็นๆ มาให้พวกคุณศึกษาอย่างใกล้ชิดได้”
คนถูกเรียกว่าเมอร์ซี หรือชื่อเต็มๆ เจเรมี เมอร์ซี เหลือบสายตากลับไปยังชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่กลางห้อง คำพูดนั้นทำให้เขาต้องแสยะยิ้มออกมา
“ก็คุณไม่พาเขาออกมาจากห้องนอนของคุณ แล้วผมจะศึกษาอย่างใกล้ชิดได้ไงล่ะศาสตราจารย์ วันหลังก็รู้จักพาเขาออกจากห้องบ้าง ไม่ใช่ให้อยู่แต่บนเตียง”
คนถูกย้อนหน้าม้าน จริงอยู่ที่โอเมก้าซึ่งใช้เป็นตัวอย่างในการศึกษาเป็น ‘คนของเขา’ แต่จะเป็นไปเพื่ออะไรนั้นก็ไม่เห็นต้องพูดออกมาเลยนี่ รู้กันอยู่แก่ใจแล้ว การพูดออกมาโต้งๆ แบบนี้มันไร้มารยาทชะมัด
“ระวังคำพูดด้วย สำหรับผม เขาก็แค่เพื่อการศึกษา”
“ระวังอย่าหักโหมก็แล้วกันครับ คุณอายุมากแล้ว” เจเรมียังคงยอกย้อน
ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่ได้สอน ชายหนุ่มคนนี้มักแสดงท่าทีกระด้างกระเดื่องออกมาเสมอ ต่างจากอัลฟ่าคนอื่นๆ ที่เห็นดีเห็นงามด้วย และไม่ใช่แค่กับเขาคนเดียว กับผู้สอนคนอื่นๆ ก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน หากคิดถึงตรงนี้ก็ไม่แปลกใจนักเมื่อตระหนักได้ว่าคนคนนี้มาจากตระกูล ‘เมอร์ซี’
...ตระกูลหนึ่งในสี่ของกลุ่มผู้มีอำนาจในการปกครองมหานครแห่งนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ฝ่ายค้าน’ ของสภา
ถึงจะเป็นพวกชอบค้านกันตั้งแต่ต้นตระกูลยันรุ่นลูกหลาน กระนั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เจเรมีจะมาอวดเบ่งในคลาสเรียนของเขาอย่างนี้ ก่อนศาสตราจารย์จะยกมือขึ้นกอดอก พูดอย่างจริงจัง
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณไม่ชอบหน้าผมเพราะอะไร แต่อยากจะขอแนะนำว่าคุณควรตั้งใจให้มากกว่านี้ ต่อให้เหม็นขี้หน้าหรือหัวข้อประวัติศาสตร์การปกครองของผมจะน่าเบื่อ มันก็เป็นสิ่งที่อัลฟ่าต้องเรียนรู้ไว้โดยเฉพาะคนที่มาจากตระกูลนักปกครองอย่างคุณ”
ใจก็แค่อยากจะเตือนให้อีกฝ่ายตระหนักถึงหน้าที่ของตน หากแต่เจเรมีไม่ได้สนใจสักนิด ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มพราย
“การสอนของคุณก็ใช่ว่ามันจะห่วยแตกหรอกนะ แต่ผมคิดว่าแนวความคิดการปกครองอะไรนั่นมันฟังดูล้าหลังไปหน่อย”
ถูกปรามาสไม่พอ ยังโดนลูบคม คนฟังถึงกับหน้าตึง สูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงแล้วถามออกมา
“ล้าหลังยังไง ลองพูดมาสิ”
อยากจะแลกเปลี่ยนความคิดงั้นเหรอ ก็ได้ เขาจะลองรับฟังดูสักหน่อย อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่เอาแต่ต่อต้านไปเสียทุกเรื่องจะพูดอะไรได้บ้าง
ในเมื่อเปิดโอกาสให้แล้ว เจเรมีก็ยืดตัวขึ้น ว่าด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“ผมคิดว่าไอ้ความคิดเรื่องโอเมก้าต้องถูกกำจัดถ้ามีปริมาณเยอะขึ้นมันทุเรศน่ะ เอาจริงๆ พวกนั้นมันก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเราใช่ไหมล่ะ ทำไมถึงถูกกำหนดให้เป็นเหยื่อ ในเมื่อเลือกเกิดไม่ได้ เลือกเพศก็ไม่ได้ อย่างน้อยก็น่าจะมีสิทธิ์เลือกวิถีชีวิตตัวเองสิจริงไหม ผมว่าจริงๆ แล้วตัวปัญหาของสังคมอะไรที่คุณพูดนั่นไม่น่าจะใช่โอเมก้าด้วยซ้ำไปนะ แต่เป็นพวกอัลฟ่าอย่างคุณกับผมนี่แหละ”
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"