“เรื่องมิ่งขวัญว่าไงเฮีย” อธิปไตยเปลี่ยนเรื่อง เห็นพี่ชายโมโหก็เลยไม่อยากพูดเรื่องเขียนฟ้าอีก “ว่าไงอะไรยังไง” “เฮียยัดเยียดความเป็นผัวให้เด็กมันแล้ว จะไม่รับผิดชอบหรือไง” “ก็ให้แม่ดูแลไป” “แม่จะส่งมิ่งขวัญไปเรียนในเมือง” “ก็ดีแล้ว ยังเด็กอยู่ ควรจะเรียนหนังสือ” “เฮียรู้ด้วยนะว่ามิ่งขวัญยังเด็ก” อธิไตยประชดพี่ชายหน่อยๆ “เออ... มีตานะโว้ย” “อ้อ... ผมก็ไม่ได้ว่าเฮียตาบอด” “ไอ้นี่กวนส้นรองเท้า” “แม่บอกว่ามิ่งขวัญเรียนจบกลับมา จะให้แต่งงานกับเฮีย” “แค่กๆๆๆ” คนเมาสำลัก ไอติดกันหลายครั้ง ตบอกไปมา มองน้องชายเหมือนเห็นสิ่งแปลกประหลาด “ไหนบอกรับมาเป็นน้อง” “ตอนแรกก็คิดอย่างงั้น แต่เฮียดันไปกินตับเด็กมันซะก่อน” “คืนนั้นมันเมา” “มิ่งขวัญนิสัยดีนะเฮีย อยู่บ้านเราเดือนนึงใครๆ ก็รุมรัก เข้ากับทุกคนได้ดี มีน้ำใจ พูดเพราะ ขยันขันแข็ง แม่นี่ปลื้มมากกว่าใครเพื่อน ทำอาหารอร่อยมากเลยเฮีย” “ขี้เหร่จะตายไป” คนเมาพูดแล้วเสมองไปทางอื่น... ซะเมื่อไหร่ล่ะ เด็กนั่นน่ารักจะตายไป แต่คนอย่างเขาเหรอจะยอมรับ! “เห้อ...” “ถอนใจอะไรของแก” “จู่ๆ ก็นึกสงสาร” “แกสงสารฉันล่ะสิ จู่ๆ ก็ได้เมียขี้เหร่” “เปล่า สงสารเด็กมัน หมดอนาคตกับเฮียนี่แหละ” “แค่กๆๆๆๆ” อธิราชสำลักหูตาแดงไปหมด “ไอ้!” เขาหันมาจะด่าน้องชายแต่ด่าไม่ออก “เด็กมันเพิ่งสิบแปด แล้วดูเฮียสิแก่งั่ก มิ่งขวัญจบปริญญาตรี อีกสี่ปีเฮียเกือบสี่สิบ สงสารเด็กมัน” “ไอ้!” คนด่ามือไม้สั่น ไอ้น้องเวรตะไลมันหาว่าเขาแก่ “มาบอกเฮียแค่นี้แหละ” “ไม่จำเป็นก็ได้” “เปล่า แม่ให้มาดูว่าตายหรือไง หนวดเคราโกนบ้างนะ โจรยังดูดีกว่าเฮียอีก” “ไอ้โซ่” “อือ... เฮียว่าไง” “มึงเคยโดนเตะไหมวะ” “ไม่เคย” “อยากโดนไหม” “แก่ๆ แบบเฮียวิ่งเตะผมไหวเหรอ” “ไอ้โซ่มึง มึง มึง!” ภาษาพ่อขุนหลุดออกมาเต็มเหนี่ยว อธิปไตยเผ่นแนบ
บทนำ
มณีรัตน์กระแทกก้นลงบนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้าหงิกงอ จนคนเป็นสามีต้องหันไปมองหน้าลูกชายทั้งสองตาปริบๆ รู้เลยว่าภรรยาต้องไปหงุดหงิดใจอะไรมาอย่างแน่นอน
“คุณแม่เป็นอะไรครับ” อธิปไตย วสุธิกุล ลูกชายคนเล็กวัยสามสิบเอ่ยถามมารดาเสียงนุ่ม
“หมั่นไส้ยายกำไลนัก เวลาแม่ไปซื้ออะไร มันชอบมาซื้อตัดหน้าแม่อยู่เรื่อย” กำไลที่มณีรัตน์เอ่ยถึงคือกชกร อดีตเพื่อนรักของเธอนั่นเอง
ในอดีตนั้นเธอกับกชกรรักกันมาก แต่มาผิดใจกันเรื่องผู้ชาย ก็อธิวัฒน์สามีคนปัจจุบันของเธอเองนี่แหละ เขากับเธอรักกัน แต่กชกรแอบรักอธิวัฒน์ด้วย แต่ผู้ชายไม่เล่นด้วย เขาเลือกเธอ กชกรเลยโกรธ หาว่าเธอแย่งผู้ชายที่แอบชอบไปครองต่อหน้าต่อตา หลังจากนั้นหล่อนก็ไปแต่งงานกับนภดล เพื่อนของอธิวัฒน์แทน เวลาเจอกันก็จะชอบพูดจาแดกดันหาเรื่องประชดประชันอยู่เรื่อย แรกๆ เธอก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอหลายปีเข้าชักจะหนักข้อขึ้น ทุกวัน ที่ร้ายไปกว่านั้นเจ้าลูกชายคนโตของเธอดันไปชอบ เขียนฟ้า ลูกสาวคนเดียวของกชกรเสียอีก
“คุณแม่ก็ชอบไปมีเรื่องกับน้ากำไล” อธิราชส่ายหน้าไปมา เลยได้ดวงตาเขียวปั้ดจากมารดาตอบกลับมาในทันที
อธิราช วสุธิกุล วัยสามสิบห้าปีเป็นลูกชายคนโตของคุณ มณีรัตน์และคุณอธิวัฒน์ ครอบครัวนี้ทำสวนทำไร่เพราะมีที่ดินมากเป็นพันไร่
ส่วนครอบครัวของกชกรกับนภดลนั้นค้าขาย ฐานะทางบ้านมีฐานะร่ำรวยไม่ต่างกัน
“เจ้าแซน แกไปชอบลูกสาวนังกำไลได้ยังไงกัน ผู้หญิงสวยออกเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ทำไมแกเลือกเอาสักคน ฉันละหนักใจกับแกจริงๆ เลย”
มณีรัตน์พูดด้วยความหงุดหงิดใจ โบกพัดในมือไปมาให้หายจากความร้อนรุ่มในอก
“ความรักมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะครับคุณแม่”
“ห้ามได้สิ ฉันไม่อยากไปดองหรือนับญาติกับมัน”
“แต่ถ้าคุณแม่ไม่ไปขอเขียนฟ้าให้เฮีย รับรองเลยว่าคุณแม่จะโดนนินทา หาว่าจน ไม่มีปัญญาไปสู่ขอลูกสาวเขานะครับ ป้ากำไลพูดไปทั่วตลาดว่าคุณแม่ประกาศไปแล้วว่าสินสอดลูกชายสองคนถึงไหนถึงกัน” อธิปไตยพูด แล้วกลั้นขำ บางทีพวกผู้ใหญ่ก็ทะเลาะกันเรื่องไร้สาระ
“เจ้าโซ่ แกก็เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องตลกไปหมด แกเถอะ สามสิบแล้ว ชาตินี้จะมีเมียไหม จะมีผู้หญิงโชคร้ายคนไหนได้แกเป็นผัว ห้ะ!”
“โอ๊ย! แรงอะคุณแม่ ผมไม่ได้ชั่วช้าสารเลวขนาดนั้น พูดซะผมไม่มีอะไรดีเลย”
“น้อยไปสิไม่ว่า”
“คุณแม่ก็หาให้ผมสิครับ หาให้แต่เฮีย ผมก็รอให้คุณแม่หาผู้หญิงดีๆ ให้ผมเหมือนกัน”
“โอ๊ย! ฉันไม่อยากเอาหนังหน้าไปรับประกันอะไรให้แกหรอก เกิดแกไปทำลูกสาวเขาน้ำตาเช็ดหัวเข่าขึ้นมา ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“ไว้บนบ่าเหมือนเดิมไงครับ”
“เพื่อนเล่นแกรึ”
“ขอโทษครับ”
“ฉันล่ะอ่อนใจกับแกเหลือเกิน”
“โหย... คุณแม่พูดซะผมนี่ชั่วเลยนะครับ แล้วเฮียแซนดูเป็นเทวดาขึ้นมาเลย” อธิปไตยแกล้งโอดครวญ
“แกน่าจะสำนึกบ้างนะ” มณีรัตน์จิกกัดลูกชาย ในขณะที่อธิราชนั่งฟังน้องชายกับมารดาเถียงกันไปมา ส่วนบิดานั้นไม่ต้องพูดถึง เป็นผู้ฟังที่ดีตลอดปีตลอดชาติ
“ผมไปข้างนอกดีกว่าครับ”
“แกจะไปไหนเจ้าแซน”
“ไม่บอกครับ”
“ไอ้ๆๆ ไอ้เจ้าลูกคนนี้นี่” มณีรัตน์ชี้นิ้วสั่นระริก มองตามลูกชายคนโตไปอย่างหงุดหงิดใจ
“เฮียคงไปหาว่าที่เมียแหละครับ”
“รู้ดี แกตามไปดูหน่อยสิ”
“ไม่ครับ ผมไม่ว่าง เฮียแซนโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว ปล่อยไปเถอะครับ”
“ไม่รู้ว่าจะไปรักไปชอบอะไรนักหนากับลูกนังกำไลมัน ไม่เห็นจะสวย สักนิด”
“ถ้าเขียนฟ้าไม่สวย ผู้หญิงทุกคนบนโลกคงขี้เหร่กันหมดแล้วละครับ คุณแม่”
“ขาวซีดขนาดนั้นมันสวยยังไง ผอมอย่างกับกุ้งแห้ง พี่ชายแกไม่รู้จักผู้หญิงที่มีน้ำมีนวลหรือไง”
“อ้วนๆ น่ะเฮียไม่เอาหรอกคุณแม่ เฮียชอบผู้หญิงแขนเล็ก ขาเล็ก นมใหญ่ เอวคอด สะโพกสะบึม”
“ผู้หญิงแบบนั้นเอามาทำไม มานั่งชี้นิ้วเป็นคุณนายน่ะรึ บ้านเราทำไร่ไม่ใช่เปิดห้างสรรพสินค้า”
“แล้วแม่จะให้เมียเฮียมาทำไร่ไถนาหรือไง เฮียโตแล้วแม่ ปล่อยเฮียไปบ้างเถอะ ไม่กลัวเฮียมีปัญหาชีวิตหรือไง”
“ปัญหาชีวิตบ้าบอคอแตกอะไรของแก พูดซะฉันเป็นพวกเผด็จการ”
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
เธอต้องหมั้นหมายกับหลานชายของเขา แต่เพราะประสบอุบัติเหตุทำให้เกิดผลข้างเคียงกลายเป็นผู้หญิงอ้วนสุดแสนอัปลักษณ์ หลานชายของเขาจึงขอถอนหมั้น แต่เธอไม่คิดว่าเขาผู้มีศักดิ์เป็นอาจะเป็นคนหมั้นหมายกับเธอแทน คุณอาหนุ่ม เพื่อนรุ่นน้องของบิดามารดาที่เธอแอบชอบมานานหลายปีแล้ว ในที่สุดจะได้เป็นสามีของเธอจริงๆ
พิมพ์ลภัสโดนมารดาเลี้ยงกับน้องสาวใจร้ายโยนออกจากบ้านท่ามกลางสายฝน และโพทะนาไปว่าเธอหนีตามผู้ชายไป เพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ กลับมาอีกครั้ง พิมพ์ลภัสจึงเปลี่ยนจากบทนางเอกกลายเป็นนางร้ายเอาคืนคนที่ทำเอาไว้กับเธออย่างสาสม!
หวังจื่อหลินอ่านนิยายจบด้วยความโมโหที่นางเอกในนิยายโดนทำร้ายจนตาย เธอเดินข้ามถนนไม่ทันระวังจึงโดนรถชน หลิวเหวินจงเพื่อนชายคนสนิทที่แอบรักเธอจึงเข้ามาช่วยเอาไว้ แต่ทั้งสองก็โดนรถชนอยู่ดี สองหนุ่มสาวกลายเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงนิทรานอนหลับไม่ฟื้น แต่ขณะเดียวกันก็ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายเล่มที่ตัวเองอ่าน และเข้าไปแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นให้แปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"