ความรัก ความแค้นและครอบครัวที่เขาต้องดูแล ซีรีส์เพลิงแค้นในแดนเดือดเล่มจบ สุริยันต์ ภาคต่อแดนตะวันนะคะ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “ไปนอนได้แล้ว มันดึกแล้ว” เขาไล่เธอตรงๆ จริงๆ แล้วจิตใจของเขากระวนกระวายทุกครั้งที่เธอเข้ามาชิดใกล้ “ค่ะ เฮียอย่านอนดึกนะคะ” พิมพ์รดาเอ่ยบอกเสียงเบาหวิว เธอกลั้นใจมองแก้มสากของเขาไม่วาง ยืนเล็งอยู่แบบนั้นเหมือนเล็งเป้ายิงปืน เธอหลับตาก้มลงไปหา อยากหอมแก้มเขาสักฟอดก่อนนอน แต่มันไม่ใช่แก้มนี่สิ เนื่องจากเขาหันหน้ามาหาพอดีเพราะรู้สึกว่าเธอยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จึงจะหันไปถามว่ามีอะไรอีกไหม กลายเป็นว่าเธอก้มลงไปจูบปากของเขาเต็มๆ พิมพ์รดารีบลืมตามองเพราะตอนจะหอมแก้มเขา เธอหลับตารวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีประทับริมฝีปากลงไปหา จึงไม่เห็นว่าสิ่งที่กำลังประทับลงไปหานั้นไม่ใช่แก้ม แต่เป็นปากของเขานั่นเอง เธอตาโตมองเขาในระยะกระชั้นชิดขยับใบหน้าออกห่างแต่สุริยันต์รวบท้ายทอยของเธอเอาไว้ ก่อนจะบดจูบอย่างดุดัน เขารั้งร่างน้อยมานั่งบนตักเลื่อนมือไปสัมผัสลูบไล้เนื้อตัวหอมกรุ่น สอดแทรกลิ้นเข้าไปพัวพันกับลิ้นน้อยอย่างเร่าร้อน เธอหอบหายใจสะท้านเบือนหน้าหนีเพราะต้องการสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เบี่ยงหลบไม่ทันไรเขาก็บดจูบลงมาใหม่ เธอกำจิกคอเสื้อของเขาเอาไว้แน่น หอบหายใจสะท้านยามที่เขาถอนริมฝีปากออกห่าง สุริยันต์มองใบหน้าเนียนใสของสาวน้อยบนตัก มือของเขาวางทาบอยู่กับทรวงอกอวบอิ่ม ทั้งสองหอบหายใจประสานกันระรัว พวงแก้มสาวแดงเรื่อลามไปถึงใบหู เขามองสบตาของเธอด้วยดวงตาหม่นมัวไปด้วยไฟเสน่หา แต่ไม่พูดอันใดออกมา ทำเอาหัวใจของเธอสะท้านยามได้สบสายตาคมเข้มคู่นั้น
สุริยันต์ สมุทรากร เสี่ยหนุ่มวัยสี่สิบสอง เจ้าของธุรกิจสถานบันเทิงและอาบ อบ นวด ชื่อดังสบถอย่างหัวเสียเมื่อมีคนขับรถตามประกบยิง
เขาสั่งให้ลูกน้องคู่ใจเพิ่มความเร็วรถให้มากขึ้น นักรบเหยียบคันเร่งจนมิด แต่รถที่ขับออกมาจากทางแยกด้านหน้าทำเอานักรบต้องหักหลบกะทันหัน จนรถเสียหลักพุ่งลงข้างทาง ตกลงไปตรงไหล่เขา
สุริยันต์ตะกายร่างออกมาจากรถ ก่อนที่รถจะระเบิด เขายิงต่อสู้กับคนร้าย ร่างสูงใหญ่วิ่งหนีก่อนจะสะดุดล้มกลิ้งลงไปจนศีรษะกระแทกกับก้อนหินสลบคาที เหตุการณ์มันรวดเร็วมากในขณะที่นักรบยิงต่อสู้กับคนร้ายจนพลาดท่าเสียทีอีกคน ลูกน้องคนอื่นๆ ไม่มีใครรอดเลยสักรายโดนยิงตายกันหมด
หลังจากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นอีกระลอกใหญ่ ร่างของหญิงสาวชุดดำคนหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้น ก่อนจะยิงต่อสู้กับคนร้ายที่ติดตามมาราวกองทัพ ฝีมือการยิงปืนที่แสนแม่นยำทำให้คนร้ายโดนยิงเรียงตัว เสียชีวิตทันที
“คุณหยกพาเสี่ยหนีไปก่อนค่ะ ทางนี้เหมยจะจัดการเอง” ดอกเหมยตะโกนบอก ก่อนจะรัวปืนใส่คนร้ายอย่างบ้าคลั่ง พิมพ์รดาพยักหน้าให้คนของเธอ ก่อนจัดการหิ้วปีกของสุริยันต์หนีเข้าป่าไปพร้อมกับคนของเธออีกหนึ่งคน
ร่างสูงใหญ่ผวาขึ้นจากที่นอนด้วยเหงื่อโซมกาย เขาร้องโอดโอยกุมศีรษะที่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด กะพริบตาให้สายตาปรับเข้ากับแสงสว่างภายในห้อง ก่อนจะทอดมองไปรอบกายด้วยท่าทีระแวดระวังตามนิสัยของตน
“ที่ไหน” คนจำอะไรไม่ได้เพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือนหลุดเสียงครางออกมาเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง เพื่อให้สายตาชินกับแสงไฟในห้องมากยิ่งขึ้น เขายกมือขึ้นกุมขมับ รู้สึกปวดร้าวไปหมดทั้งหัว
“เฮียฟื้นแล้ว เป็นยังไงบ้าง” พิมพ์รดามองพ่อของลูกอย่างดีใจ เธอให้คนตามติดเขาอยู่ตลอด เพราะอยากรู้ความเคลื่อนไหวของเขา ดีที่ไปช่วยเขาได้ทัน ไม่อย่างงั้นลูกของเธอต้องกำพร้าพ่อแน่ๆ เธอดีใจที่เขาฟื้นเพราะเขาสลบไปนานมาก
“เธอเป็นใคร” คนถามหลุดเสียงครางออกมาเบาๆ กุมศีรษะด้วยความมึนงง พิมพ์รดานิ่งอึ้งไป เธอตั้งสติ เขาคงไม่ได้ความจำเสื่อมหรอกนะ
“เฮียจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”
“ไม่ได้” เขาตอบเสียงแข็งตามนิสัยโดยไม่รู้ตัว ยกมือขึ้นจับใบหน้าที่พันด้วยผ้าสีขาวทั้งหัว
“พันหน้าพันหัวฉันเอาไว้ทำไม” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดระคนอ่อนแรงอยู่มาก
“เฮียสลบไปนานมากเลยรู้ไหม” เขานอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่นานมาก จนเธอแทบจะถอดใจ สิ่งเดียวที่ทำให้มีกำลังใจคือลมหายใจของเขาที่ยังมีอยู่
“นานแค่ไหน”
“นานนับเดือนเลยค่ะ” เธอตอบเสียงนุ่ม
“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น” คนอยากรู้เอ่ยถาม ปวดหัวและตื้อไปหมด เขาจำอะไรไม่ได้เลย
“เฮียใจเย็นๆ ก่อนนะคะ เฮียประสบอุบัติเหตุใบหน้ากระแทกกับหินจนเสียโฉม เลยต้องศัลยกรรมใหม่” พิมพ์รดาตอบเสียงนิ่ง จริงๆ เธอศัลยธรรมใบหน้าของเขาทั้งหน้าเลยด้วยซ้ำ พอเขาฟื้นขึ้นมา เธอจะบอกเขาว่าใบหน้าของเขาเสียโฉมเลยต้องศัลยกรรม แต่ไม่คิดว่าเขาจะความจำเสื่อมแบบนี้
เหตุผลที่เธอทำแบบนี้เพราะสุริยันต์มีอันตราย เขาจะต้องหายสาบสูญไปจากโลกใบนี้ เขาต้องหายไปในสายตาของทุกคน ต้องไม่มีใครได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาอีก เธอเลยจัดการเปลี่ยนชื่อนามสกุลของเขาด้วยทั้งหมด เธอเป็นห่วงเขา อยากให้เขาปลอดภัยและอยู่กับเธอไปนานๆ เป็นพ่อของลูก เป็นสามีของเธอ เป็นคนธรรมดาที่ไม่ต้องมีศัตรูตามฆ่าแกงเหมือนเช่นเก่าก่อน
“แล้วเธอเป็นใคร” สุริยันต์เอ่ยถาม เขาทอดสายตามองหญิงสาวแปลกหน้าอย่างสงสัย
“หยกเป็นเมียเฮียไง” จริงๆ แล้วเขาความจำเสื่อมก็ดีเหมือนกัน พิมพ์รดาแอบคิดในใจคนเดียว
“เมียอย่างนั้นเหรอ” เขาทวนประโยคของเธอ
“ใช่” เธอพยักหน้าให้เขา สุริยันต์นิ่วหน้ากุมศีรษะเพราะรู้สึกปวดหัว
“ปวดหัว” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหลับตาลงอย่างอ่อนแรง ร่างกายของเขาไม่มีแรงแม้แต่จะขยับ
“เดี๋ยวให้หมอมาตรวจนะคะ” เธอดีใจที่เขาฟื้น จะจำอะไรได้หรือไม่ได้ก็ช่างมันก่อน แค่เขาไม่ตายและไม่เป็นเจ้าชายนิทราไปตลอดชีวิตแค่นี้เธอก็ดีใจที่สุดแล้ว
พิมพ์รดาพูดแค่นั้นก่อนจะหายลับออกไปจากห้องสีขาวกว้างขวาง สุริยันต์หลับตาลงอีกครั้งเพราะอาการปวดหัว ก่อนที่หมอคนหนึ่งจะเดินเข้ามาในห้องและตรวจอาการ
พิมพ์รดาตามคุณหมอออกไปครู่ใหญ่ก่อนเดินกลับมาในห้องพักของสุริยันต์อีกครั้ง
“เฮียความจำเสื่อมน่ะค่ะ แต่ไม่เป็นไร กินยาเดี๋ยวก็หาย” พิมพ์รดานั่งลงข้างเตียง มองคนตัวโตที่มีสีหน้าหงุดหงิดเหมือนไม่ได้ดั่งใจ
“ทำไมฉันถึงความจำเสื่อม” น้ำเสียงกระโชกโฮกฮากตามนิสัยไม่เคยเปลี่ยนแม้จะจำอะไรไม่ได้ก็ทำเอาพิมพ์รดาค้อนให้เสียหนึ่งที
“เฮียมีเมียน้อย แล้วไอ้เมียน้อยก็มีผัวแล้ว ผัวมันเลยไล่ยิงเฮีย จนเฮียต้องวิ่งหนี ล้มลงหัวกระแทกพื้น หน้ากระแทกหินจนเสียโฉม” พิมพ์รดาประชด คนบนเตียงหรี่ตามอง ท่าทางไม่เชื่อถือ
“ฉันเจ้าชู้ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ ดีที่ไม่เป็นเอดส์ตาย” เธอพูดประชดเขาอีก ยังน้อยใจที่โดนเขาไล่ในตอนนั้น
“แล้วเป็นไหมล่ะ” คนป่วยพูดกวนโมโห พิมพ์รดาค้อนให้อีกวง ขนาดความจำเสื่อมแต่นิสัยยังเหมือนเดิม มันน่าแกล้งให้ความจำเสื่อมแบบนี้ไปนานๆ
“ไม่ได้เป็นหรอกค่ะ ตอนนี้เฮียมีลูกมีเมียต้องดูแล จำเอาไว้ให้ดีด้วย” เธอค้อน
“ไหนลูก” คนป่วยเลิกคิ้วขึ้นถาม อยากเห็นหน้าตาลูกที่เธอเอ่ยอ้าง
“อยู่ในนี้ค่ะ” เธอดึงมือหนามาวางทาบทับบนหน้าท้องที่ยังไม่นูนมากนัก เขาชะงักมองสบตาเธอนิ่งเหมือนใช้ความคิด
“คนเดียวเหรอ” เขาถามเสียงแข็งไร้ความนุ่มนวล
“ค่ะ” พิมพ์รดาตอบรับ หัวใจสั่นระริกยามที่มือหนาสัมผัสหน้าท้องของเธอ
“กี่เดือนแล้ว” คำถามของเขาทำเอาพิมพ์รดาน้ำตาซึม ถ้าเขาไม่ได้ความจำเสื่อมเขาคงไม่ถามแบบนี้ แต่คงพูดว่าไปเอาเด็กออกซะ!
“สามเดือนกว่าแล้วค่ะ” เธอตอบทั้งน้ำตา ตอนจากเขามาเธอท้องได้สองเดือน ท้องสาวเลยไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงมากนัก หลังจากที่เธอพาคนไปช่วยเขาตอนถูกลอบยิง เขาก็นอนสลบไม่ได้สติไปนานนับเดือน ตอนแรกเธอใจเสียคิดว่าเขาจะเป็นเจ้าชายนิทราเสียแล้ว
“ร้องไห้ทำไม” คนป่วยตกใจ รีบเช็ดน้ำตาให้ คิดไปว่าเขาคงเจ้าชู้มาก ทอดทิ้งลูกเมียจนทำให้เธอเสียน้ำตาเช่นนี้
“เปล่าค่ะ” เธอรีบปาดน้ำตาทิ้ง
“เมื่อก่อนฉันไม่ดี ทอดทิ้งเธอกับลูกเหรอถึงได้ร้องไห้แบบนี้” เขายังไม่ได้ละความสนใจกับข้อสนทนาที่คุยกันอยู่ ความรู้สึกของเขาในตอนนี้คือต้องการหาความจริงในอดีต
“เฮียไล่หยกกับลูกให้ไปไกลๆ” เธอพูดทั้งน้ำตา
“ฉันไล่เธอ ไล่ทำไม” คนถามอึ้งไป สีหน้าไม่ค่อยดีนัก ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนชั่วร้ายสารเลวขนาดนั้น
“เฮียไม่ต้องการลูก” เธอตอบตามจริง
“ขอโทษแล้วกัน แต่ฉันจำอะไรไม่ได้ ต่อไปจะไม่ไล่แล้ว เพราะเธอช่วยชีวิตฉันเอาไว้” เขาให้คำมั่นสัญญา
“ถ้าเฮียความจำกลับมาจะไล่หยกอีกไหม” เธอเอ่ยถามย้ำ ได้ยินคำสัญญาแล้วไม่แน่ใจนัก แต่คนแบบสุริยันต์จะยึดถือคำมั่นสัญญาเสมอ
“ไม่ไล่ สัญญา” เขาย้ำอย่างหนักแน่น
“สัญญาแล้วนะ” เธอพูดแล้วดึงนิ้วก้อยของเขามาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของเธอ สุริยันต์ขมวดคิ้วเข้าหากัน สีหน้าไม่ชอบใจที่เธอทำอะไรเหมือนเด็กๆ แต่เขาก็ไม่ได้ดึงมือหนี
“อือ...” เขาครางรับ หลับตาเพราะปวดศีรษะ
“แล้วฉันชื่ออะไร” เหมือนเขาเพิ่งนึกออกเลยเอ่ยถามชื่อตัวเองออกไป
“ทรงกลดค่ะ” นี่คือชื่อใหม่ที่เธอเปลี่ยนให้เขา ถ้าสุริยันต์รู้ความจริง เธอคงโดนแหกอกเป็นแน่ แต่เธอชอบชื่อนี้
“แล้วเธอล่ะชื่ออะไร”
“พิมพ์รดาค่ะ เฮียเรียกว่าหยก”
“พ่อแม่เธอล่ะ” เขาเอ่ยถามถึงบิดามารดาของเธอ
“พ่อแม่หยกเหรอคะ ท่านไม่อยู่แล้วค่ะ” คนตอบชะงัก มองสบตาเขา รอยเศร้าในดวงตาทำให้สุริยันต์สะท้อนใจเหลือจะกล่าว
เขาเจอเธอเมื่อวันก่อน ทำให้เขาตกหลุมรักเธอในทันที เขาได้เจอเธออีกครั้งในสภาพบาดเจ็บและความจำเสื่อม โดยไม่รู้ว่าแท้ที่จริงเธอคือคู่หมั้นวัยเด็กของเขา แต่เพราะเขาตกหลุมรักเธอ จึงโกหกเธอไปว่าเขาคือสามี!
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น เพราะผู้ใหญ่ เธอถูกสามีรังเกียจ ก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะเกลียดเธอไปได้สักกี่น้ำ เธอจะแกล้งเขาให้หนำใจ ทำหน้าที่เมียให้สาสมกับที่เขาเกลียด!
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"