“ลูกศัตรูอย่างเธอที่โซฟานี่ก็พอมั้ง! เพราะว่าเตียงนั่นฉันเก็บเอาไว้ให้ เมีย ในอนาคตของฉัน!” เขาเน้นย้ำถึงคำว่า เมีย อย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะโยนคนที่เอาแต่นิ่งเงียบลงโซฟาอย่างไม่ออมมือนัก “โอ้ย! บุญเจ็บค่ะ…”
“คุณบุญสิตามาขอพบอีกแล้วครับนาย” คำบอกกล่าวนั้นแม้จะเรียกรอยยิ้มแก่คนที่เฝ้ารอเวลานี้มาตลอดหลายวันได้ในทันทีที่ได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยทำให้ ‘เขา’ ตอบอะไรกลับไป กระทั่งคนสนิทตัดสินใจเอ่ยขึ้นอีกครั้ง และหวังว่าครั้งนี้จะได้รับคำตอบจากผู้เป็นนายเพื่อที่ว่าเขา จะได้นำมันไปบอกต่อกับคนที่รออยู่ข้างล่างนั้นอีกที
“นายครับ…”
”บอกให้เธอกลับไป! วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์พบใคร” คำตอบเด็ดขาดที่ใครก็รู้กันดีว่าหากได้เอ่ยมันออกมาแล้วนั้น จะไม่มีใครหรืออะไรมาเปลี่ยนใจได้ทำให้คนฟังรู้สึกหนักใจไม่น้อย ด้วยเพราะคนที่กำลังนั่งรอผู้เป็นนายของเขาอย่างกระวนกระวายใจอยู่ด้านล่างของบ้านนั้นคิดถูกเรื่องที่ว่าเจ้านายของเขาไม่มีทางยอมลงไปเจอเธอง่ายๆ เมื่อคิดถูก ‘แขก’ ของเจ้านายจึงไหว้วานฝากถ้อยคำบางอย่างมาด้วย
“คุณบุญเธอยืนกรานว่าจะรอจนกว่านายจะยอมลงไปพบให้ได้ครับ” และแน่นอนว่าเมื่อจบคำพูดนั้น ดวงตาดุดันของอีกคนก็เปลี่ยนเป็นเข้มจัดแทบจะทันที ก่อนที่รอยยิ้มหยักจะเผยขึ้นจนเขารู้สึกเสียวสันหลัง เพราะรู้ดีว่าเมื่อใดก็ตามที่รอยยิ้มนี้เผยขึ้น สิ่งที่จะตามหลังมาติดๆ นั้น แทบไม่ต่างอะไรจากคลื่นยักษ์ใต้น้ำเลยสักนิด!
“นั่นเป็นปัญหาของแกที่จะทำยังไงให้หล่อนไสหัวกลับไป! หรือถ้าทำไม่ได้ แกคงรู้ใช่ไหมว่าควรทำยังไงต่อ!” คนถูกสั่งพยักหน้ารับอย่างจำนน ก่อนจะยอมตัดใจถอยออกมาจากห้องอย่างไม่มีทางเลือก
เขาพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วจริงๆ
“เป็นยังไงบ้างคะคุณบรรจง พี่…คุณดินเขายอมลงมาพบบุญรึเปล่าคะ” คำถามที่เต็มไปด้วยความหวังของคนที่รออยู่ทำให้บรรจงรู้สึกผิดไม่น้อยที่เขาไม่สามารถทำให้เจ้านายยอมลงมาพบเธอตามที่ขอได้ แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อเขามันก็แค่ลูกจ้างกินเงินเดือนคนหนึ่ง ไอ้ครั้นจะให้ไปบีบบังคับเจ้านายนั้นลืมไปได้เลย เขาไม่มีสิทธิ์ถึงขนาดนั้น
ถึงต่อให้มีเขาก็ไม่กล้าทำ
ด้วยกลัวว่าตัวเองอาจอยู่ไม่ถึงวันที่ลูกโต!
“ผมขอโทษครับคุณบุญ” คำตอบนั้นเรียกความผิดหวังแก่คนที่สู่อุตส่าห์เฝ้ารอที่จะพบ ‘เจ้าหนี้’ รายใหญ่ของครอบครัวทันทีเมื่อได้ยิน
“คุณบรรจงได้บอกเขารึเปล่าคะว่าบุญจะรอเขาอยู่ตรงนี้จนกว่าเขาจะยอมลงมาพบบุญ” กระนั้นเธอก็ไม่คิดยอมแพ้ เป็นตายร้ายดีอย่างไรวันนี้ก็ต้องพบกับเขาให้ได้ ต่อให้ต้องรอต่อไปทั้งวันก็ช่าง
“บอกครับ แต่ถ้าคุณบุญทำแบบนั้นจริงๆ ผมอาจถูกไล่ออก” คำพูดนั้นไม่เพียงแต่ทำให้คนฟังตกใจ แม้แต่เจ้าของคำพูดเองก็เริ่มชักหวั่นๆ บ้างแล้วเหมือนกันว่าการที่เขาให้ความช่วยเหลือหญิงสาวตรงหน้าคนนี้ มันจะทำให้ชีวิตของเขาต้องพบกับความลำบากในไม่ช้า
เขามันใจร้าย!
บุญสิตาร้องประท้วงขึ้นกับตัวเองภายในใจ นึกอยากจะเกลียดคนใจร้ายข้างบนนั้นแต่ก็ทำไม่ลง ด้วยรู้ดีว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเริ่มต้นมาจากใคร ใครที่เปลี่ยนเขาให้ต้องกลายมาเป็นอีกคนที่เธอแทบไม่รู้จัก
“บุญขอโทษค่ะ แต่ว่าบุญมีความจำเป็นที่ต้องพบเขาให้ได้ คุณบรรจงช่วย…”
“ต่อให้พระเจ้าลงมาจุติที่นี่ก็ไม่มีใครหน้าไหนช่วยเธอได้ทั้งนั้น!” ทว่าก่อนที่จะได้ทันขอร้องอะไรออกไปเสียงเข้มขัดที่แสนคุ้นหูของใครบางคนกลับดังขึ้นขัดเข้าซะก่อน มันทำให้เธอยิ้มได้เมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงเมื่อครู่นั้น เป็นคนเดียวกับคนที่ปล่อยให้เธอนั่งรอมาทั้งวัน
“แกจะไปไหนก็ไปไอ้จง!” คณิน รมณีย์เอ่ยขึ้นกับคนสนิทก่อนจะปรายตามองแม่ตัวดีที่ดูเหมือนวันนี้หล่อนจะมีความกล้ามากกว่าทุกครั้งที่เจอกัน ทว่าเขานั้นกลับไม่รู้สึกแปลกใจกับท่าทีของหล่อนเลยสักนิดเพราะรู้ดีแก่ใจว่าอะไรคือต้นเหตุของความกล้าเหล่านี้ของหล่อน
“ทำแบบนี้ทำไมคะ ไหนว่าเราตกลงกันว่า…”
“สามวัน! เท่าที่จำได้ฉันกับเธอตกลงกันแค่นั้น ฉันต่อเวลาในการใช้หนี้ให้กับครอบครัวของเธอมามากพอแล้วบุญสิตา! แล้วเธอยังจะมีหน้ามาเรียกร้องเอาอะไรอีก หรือคิดว่าการที่เธออุตส่าห์เอาตัวเข้าแลกมันจะเปลี่ยนอะไรได้” คำถามนั้นกัดกินใจคนฟังจนน้ำตาตก เพราะเขาทำให้รู้ว่าสิ่งที่เธอเสียไปสำหรับเขามันไม่ได้มีค่าอะไรเลย ต่างจากเธอที่ต้องสูญเสีย หมดสิ้นทุกสิ่งด้วยน้ำมือเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความสาวที่เสียให้เขาไปไม่มีความหมายสักนิด ไม่มีเลยจริงๆ
“ถ้าคุณยึดที่ดินกับบ้านบุญกับน้องจะไปอยู่ที่ไหนคะ” บ้านที่ตอนนี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ และเธอจะทำทุกทางเพื่อรักษามันไว้ด้วยชีวิต ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีสกปรกแค่ไหนเธอจะโต้กลับสุดแรงเช่นกัน
“นั่นดูเหมือนจะเป็นปัญหาของพวกเธอ ไม่ใช่ฉัน!” คำตอบนั้นให้ความรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าก็ไม่ผิด มันทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าคนใจร้ายตรงหน้าคนนี้ จะเป็นคนเดียวกับพี่ดินที่แสนใจดีเมื่อสี่ปีก่อน
มันคือสี่ปีที่เธอมีความสุขที่สุดจนนึกอยากจะหยุดเวลานั้นไว้ ก่อนที่ทุกๆ อย่างจะเปลี่ยนไปเมื่อพ่อของเธอทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยกับครอบครัวของเขา แม้เธอเองจะเคยอ้อนวอนขอร้องให้ท่านหยุดแต่ก็ไม่เกิดผล สุดท้ายสองครอบครัวที่เคยไปมาหาสู่กันก็กลายเป็นศัตรูกัน
และที่แย่กว่านั้น…
ยังปิดฉากสถานะคู่หมั้นระหว่างเธอกับเขาให้จบลงพร้อมๆ กัน
“พี่นุยังรักลินอยู่ไหม...” คำถามที่ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าเธอจะต้องเป็นคนถามมันกับเขาดังขึ้น มันคือคำถามที่เธอไม่เคยอยากได้คำตอบ เพราะกลัวว่าถ้ามันเกิดไม่ตรงใจขึ้นมาเธอคงเจ็บปวดเจียนตายน่าดู แต่เธอทนไม่ไหวอีกแล้ว ทนอยู่กับความรู้สึกบ้าๆ พวกนี้ไม่ไหวแล้ว “ลิน ใจเย็นๆ แล้วฟังพี่ก่อน…” ปรเมศวร์เองก็เริ่มได้สติหลังจากได้เห็นแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความปวดร้าวของอีกคนเข้า มันทำให้เขาคิดได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้นเหตุมันมาจากตรงไหน และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง เขาเองที่ผิด ผิดที่พาช่อลดามาที่นี่
“เทียนไม่หวังสูงขนาดนั้นหรอกค่ะ ที่พูดเพราะเป็นห่วงเท่านั้น” พลอยบุหลันตอบเสียงแผ่วก่อนจะพาตัวเองเดินหนีกลับมาที่ห้อง เพราะไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตา หรือสร้างความรำคาญให้กับเขาอีก หญิงสาวนั่งลงบนเตียงก่อนจะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกคืน ไม่นานก็ทิ้งตัวลงนอน และไม่ลืมที่จะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ “ฝันดีนะคะตัวเล็กของแม่…”
“กล้าดียังไงเที่ยวไปให้ท่าไอ้สารวัตรนั่น!” ชรัสตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา สิ่งที่หล่อนทำลงไปในวันนี้มันหักหน้าเขาเป็นอย่างมาก เขาไม่ชอบให้เธอทำเรื่องพวกนี้ขณะที่ยังเป็นเมียเขาอยู่! “อินทำอย่างนั้นตอนไหนอย่างนั้นเหรอคะ”
“ทะ…ทำไมคุณไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยล่ะคะ” คนได้ยินไม่ได้นึกตำหนิอะไรคนช่างถาม เขายิ้มก่อนจะเอ่ยตอบไปตามความจริง “จะต้องใส่ให้เสียเวลาทำไมล่ะครับ เพราะอีกเดี๋ยว…ก็ต้องถอดออกอยู่ดี” คำตอบที่มาพร้อมจูบหนักๆ ที่แก้มขวาทำเอาคนที่ยังเตรียมใจรับกับสิ่งเหล่านี้ไม่ไหว ย่นคอหลบหนีความซาบซ่านพัลวัน “คะ…คุณลูซคะ คะ…ว่าภัส…”
“ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องลูกในวันที่แกวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกฉันว่าคุณป่านตอบตกลงจะแต่งงานกับแก!” ความจริงที่ได้รู้กลับกลายเป็นธเนศเสียเองที่พูดอะไรไม่ออก เขายังจำภาพของเอื้องทรายที่กอดเขาร้องไห้ปานจะขาดใจในวันนั้นที่ว่าได้ดี แต่เพราะมัวหลงดีใจมากไปเลยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอไม่ได้ร้องไห้เพราะดีใจที่เขาสมหวังกับอดีตคนรัก แต่มันคือความเสียใจ...ความเสียใจที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ที่ต้องมารับฟังมันจากปากของเธอเอง ความโกรธก่อนหน้าค่อยๆ หายไปอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจในที่สุด
“ผมไม่หย่า! ต่อให้คุณจะเกลียดผมไปจนวันตายยังไงผมก็ไม่หย่า” “ทำไมล่ะคะ คุณจะเก็บฉันเอาไว้ทำไมในเมื่อคุณไม่สามารถทำให้ฉันมีความสุขได้เลยสักวันเดียว! เป็นฉันเองที่ต้องทนอยู่กับคนใจร้ายที่ไม่เคยมีฉันอยู่ในสายตา ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาคุณรู้บ้างไหมคะวาฉันต้องเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหนที่ต้องฝืนทนอยู่กับคนไม่มีหัวใจอย่างคุณ อ๊ะ!!” คำต่อว่าที่รุนแรงทำให้ตรีภพเป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป มือทั้งสองกระชากใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ก่อนจะกระแทกริมฝีปากเข้าหาอย่างรุนแรงแม้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ทำเช่นนั้นได้ไม่นานเท่าไหร่ สุดท้ายเธอก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเขาอยู่ดี รสสัมผัสที่รุนแรงหยาบกระด้างค่อยๆ แผ่วเบาลงตามลำดับแต่พอได้เห็นหยดน้ำตาใสที่ไหลรินออกมาจากแก้มเนียนทุกๆ สิ่งถึงได้หยุดลงพร้อมๆ กับใบหน้าคมคายที่ผละตัวออกห่าง... “ผมขอโทษ ขอโทษที่ใจร้ายกับคุณมาตลอด แต่ขอโอกาสให้ผมอีกสักครั้งได้ไหม ผมจะไม่มีวันทำให้คุณต้องเสียใจอีก”
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ