บุญคุณต้องชดใช้ก็จริง แต่ถ้าหัวใจเขาไม่ปรารถนา คำขอของผู้ใหญ่ก็ไม่อาจเป็นจริงได้ แต่นั่นก็ไม่ยากเท่ากับการทำให้เธอรัก หรือสุดท้าย เขาจะต้องปล่อยให้เธอทำอย่างใจต้องการ...จริงๆ คมน์เงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยที่กำหัวใจเอาไว้ตั้งแต่แรกที่เขาเติบโตเป็นหนุ่ม เริ่มที่จะรู้จักความรัก ไม่เคยที่จะมอบหัวใจให้กับผู้หญิงคนไหนเลยนอกจากคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าจะตัดสินใจแล้ว แต่พอถึงเวลาที่จะต้องพูดจริงๆ มันเหมือนกับมีหินหนักๆ มาถ่วงเอาไว้ บวกกับดวงตาเป็นประกายเอาเรื่องคู่นั้นอีก มันทำให้เขา...ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี “ต้นหลิว...พี่จะคืนอิสระให้เรานะ เรา...หย่ากันเถอะ”
ตอนที่ 1
“อะไรนะคะ!” เสียงแหลมเล็กดังมาจากหญิงสาวร่างบอบบางที่อารมณ์คุกรุ่นด้วยโทสะ เพราะคำพูดจากคนเป็นย่า
“คุณย่าคงจะไม่หมายความอย่างที่พูดจริงๆ หรอกนะคะ”
หญิงสาวนามพรรณธรถามย้ำอีกครั้ง เธอขบเม้มกลีบปากเข้าหากัน ใบหน้านวลผ่องแดงระเรื่อ ดวงตาวาวจ้าด้วยไม่พอใจอย่างรุนแรงมองหญิงสาวมองไปยังคนเป็นย่าอย่างคนหัวเสีย ก่อนความโกรธเกรี้ยวจะส่งไปถึงคนที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาด้วย
คนเป็นย่ามองหลานสาวด้วยสายตาแน่วนิ่งและมุ่งมั่น ใบหน้าแม้จะแย้มยิ้มอย่างใจดี หากฉายแววเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น
ปล่อยให้พรรณธรร่าเริงมานานแล้ว ถึงเวลาจะแล้วที่ต้องจัดการให้อยู่ในกรอบในระเบียบเสียที
“คุณย่าขา...คิดผิดคิดใหม่ได้นะคะ คุณย่าก็รู้อยู่ หนูกับอีตาพี่คมน์ไม่ถูกกัน ขืนให้แต่งกันไป มีหวังได้ทะเลาะกันทุกวันแน่เลย คุณย่าคงไม่สบายใจ ถ้าหากหนูกับพี่คมน์อยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข”
พรรณธรชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมผู้เป็นย่าให้เปลี่ยนใจ หากเมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้เป็นย่า เธอได้แต่หนักใจ คราวนี้คนเป็นย่าคงจะเอาจริง ไม่ได้พูดทีเล่นทีจริงเหมือนกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา
กมลพรรณเคยเปรยเรื่องการแต่งงานของเธอกับอีตาคมน์มีดคมหอกคมดาบมาหลายครั้งแล้ว ตอนแรกเธอเพียงแค่รับฟังเฉยๆ ปล่อยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่เก็บเอาไปคิดและใส่ใจ ยังเคยเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ตฤณฟังอย่างสนุกสนาน หากชายหนุ่มกลับไม่คิดอย่างนั้น ถึงได้เร่งเร้าเธอ...
“ถ้าอย่างนั้น...ผมให้แม่รีบไปขอต้นหลิวดีกว่า”
“จะรีบไปไหนละคะ อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว ต้นหลิวยังเด็กอยู่เลยนะ”
“แต่ผมไม่ไว้ใจย่าต้นหลิวนี่น่า ท่านเป็นคนพูดจริงทำจริงและไม่ชอบผมเอามากๆ ด้วย ถ้าเกิดท่านทำจริง ผมก็กินแห้วนะสิ”
ตฤณจับมือพรรณธรเอาไว้มั่น เขามองเข้าไปในดวงตากลมโต “นะครับต้นหลิว ยอมตกลงให้พ่อกับแม่ขอผมไปคุยกับคุณย่าเรื่องของเรานะครับ”
แม้จะยังรักชีวิตโสด แต่เมื่อถูกคาดคั้นบ่อยๆ เธอก็เริ่มคล้อยตาม จึงนัดกับตฤณให้มาเจรจากับคุณย่าก่อนจะนัดวันนำผู้ใหญ่มาพูดตกลงกันให้เรียบร้อย เพราะเธอดูออกว่าย่าไม่ค่อยชอบแฟนหนุ่ม สืบเนื่องมาจากชายหนุ่มชอบทำตัวลอยไปลอยมาไม่ยอมทำงานทำการให้เป็นกิจะลักษณะ
พรรณธรดึงความคิดกลับมา เธอข่มความโกรธและน้อยใจเอาไว้ ทั้งที่อกแทบจะระเบิดออกมา
“คุณย่าไม่รักต้นหลิวแล้วใช่ไหมคะ ถึงได้ผลักไสให้ไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ ไปให้เขารังแกหลานคุณย่าหรือเปล่าก็ไม่รู้”
กมลพรรณยังคงยิ้มหวานๆ วงหน้าเหี่ยวย่นยังคงดูอิ่มเอิบ สดใสและใจเย็น ดวงตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และเอ็นดูหลานสาวเพียงคนเดียวที่เลี้ยงมาตั้งแต่อายุได้เพียงแค่ห้าขวบกว่าๆ เพราะลูกชายและลูกสะใภ้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยอุบัติเหตุ น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมายังไพเราะและนุ่มลื่นหู
“ย่าเพียงแค่ต้องการให้ต้นหลิวมีผู้ชายดีๆ คุ้มครองดูแล คมน์เป็นคนที่ย่ามั่นใจ จะรับหน้าที่นี่ได้และทำได้ดีด้วย”
“คุณย่า!” พรรณธรเรียกผู้เป็นย่าเสียงดังลั่นบ้าน กลมพรรณไม่ฟังอะไรเลย ถึงได้ตัดสินใจเรื่องสำคัญนี้แทนเธอ
เท้าเล็กพาร่างอรชรอ้อนแอ้นเดินวนไปเวียนมา บ้างก็หยุดกระทืบเท้าแรงๆ อย่างคนต้องการระบายเพลิงโทสะที่มี ในสมองมีแต่คำถามว่าทำไมย่าถึงต้องบังคับให้เธอแต่งงานกับอีตาคมน์มีดนั่นให้ได้ ชายหนุ่มมีอะไรดีนักหนา
พรรณธรขบกัดฟันบนกลีบปากจนเจ็บ “เป็นเพราะอีตาคมน์บ้านั่นคนเดียว อยากให้เจอตัวนะ จะด่าให้สามวันไม่ซ้ำคำเชียว”
หญิงสาวข่มกัดฟันกรอดๆ ‘อีตาคมน์บ้า ทำไมต้องเข้ามาทำให้ชีวิตของเธอวุ่นวายด้วยก็ไม่รู้ ทำไมย่าถึงต้องการให้เธอแต่งงานกับอีตานี่นัก หาเมียเองไม่ได้หรือไง หรือว่าอีตาคมน์มีดนั่นเป็นเกย์ เพราะเท่าที่ได้รู้มาชายหนุ่มไม่เคยมีข่าวคราวกับผู้หญิงคนไหนเลยนี่น่า’
พรรณธรยิ้มหวาน ใช่...ต้องใช่แน่ๆ อีตาคมมีดคมหอกคมดาบจะต้องเป็นเกย์แน่ๆ ถึงได้ยอมทำตามคำขอร้องของคุณย่าง่ายๆ คงเพราะต้องการทำให้คนอื่นคิดว่าตัวเองเป็นชายทั้งแท่ง แหม...คิดแล้วก็เสียดายจริงๆ เท่าที่ได้เห็นภาพคมน์จากนิตยสาร ต้องยอมรับว่าชายหนุ่มหน้าตาดี ทำให้เธอสะดุดตาสะดุดใจ จนต้องเหลียวมองอยู่บ่อยครั้ง
เค้าโครงหน้าเข้มออกเค้าไปทางฝรั่งนิดๆ ถึงจะเห็นเพียงแค่ผิวเผินจากภาพถ่ายครึ่งตัว ชายหนุ่มร่างใหญ่ นัยน์ตาคมดุแต่แฝงไว้ด้วยเสน่ห์เร่าร้อนและเรียกร้องให้เข้าหา ทำเอาใจเธอเต้นแรงเร็วอยู่บ่อยครั้ง พรรณธรตำหนิตัวเองอยู่ในใจและพยายามดึงเอาข้อเสียที่หาได้มาหักล้างจุดเด่น
พรรณธรเบะปากพลางย่นจมูก อีตาคมน์ถ่านไฟจะสู้ตฤณของเธอได้ยังไงกัน ตฤณมีคิ้วดกหนา ดวงตามีแววหวานอยู่เป็นนิจ จมูกโด่งได้สันรับกับริมฝีปากหนาใหญ่สีแดงอมชมพูอย่างคนที่ไม่กินเหล้าเมายา
“คุณย่าแน่ใจได้ยังไงกันคะ อีตาคมหอกคมดาบนั่นดีจริง คนอะไร อายุตั้งเยอะแล้วยังไม่มีแฟนเลย อาจจะเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันก็ได้ คุณย่าคิดใหม่ดีกว่านะคะ”
สำหรับเธอ คมน์มีดีก็คือฐานะทางบ้านและหน้าที่การงาน เพราะเป็นถึงเจ้าของโรงแรมใหญ่ทางภาคใต้ และแว่วๆ มาว่าชายหนุ่มมีฟาร์มหอยมุกและสวนปาล์มอีกนับร้อยไร่ แต่ครอบครัวของตฤณก็ไม่น้อยหน้า เพราะชายหนุ่มเป็นลูกชายของนักธุรกิจนำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของประเทศเทศ
พรรณธรยังคิดเข้าข้างคนรัก ทั้งที่เธอเองก็รู้แก่ใจดีว่าคมน์เหนือกว่าตฤณในทุกๆ ด้าน
“คมน์เป็นลูกผู้ชายแท้ ๆ ที่รู้หน้าที่ของตัวเองดี รู้ว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำ และสิ่งใดต้องทำ”
พรรณธรสบถ พลางกระทืบเท้าแรงๆ ทำเอานางแก้วหญิงรับใช้วัยใกล้เคียงกับเจ้าของบ้านรุ่นใหญ่ที่นำน้ำชาและของว่างมาให้ถึงกับสะดุ้ง นางมองสองย่าหลานสลับกันไปมาอย่างเพื่อเตรียมพร้อมที่จะต้องเจอกับฤทธิ์เดชของพรรณธรที่จะต้องอาละวาดด้วยความไม่ยอม
พรรณธรอัดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ อยู่หลายครั้ง ก่อนจะถามผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงแหบเครือ
“คุณย่าทำอย่างนี้ได้ไงคะ คุณย่าก็รู้ว่าหนูมีแฟนอยู่แล้ว และเราก็รักกันมากด้วย แล้วคุณย่า...” น้ำตาเอ่อล้นคลอหน่วยตา เธอรู้ว่าการใช้ไม้แข็งกับย่านั้นไม่ได้ผล สิ่งที่ใช้ได้คือน้ำตาและคำพูดออดอ้อนหวานหู แต่ในกรณีนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสองสิ่งนี้จะยังใช้ได้ผลหรือเปล่า
ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นซับน้ำตา ที่มาพร้อมเสียงสะอื้น ใบหน้านวลก้มมองพื้นห้อง “คุณย่าขา คุณย่าจะบังคับให้หนูแต่งงานกับนาย...พี่คมน์นั่นจริงๆ หรือคะ หนูกับเขายังไม่เคยพูดจากันเลยนะคะ นิสัยใจคอก็ไม่รู้ว่าจะเข้ากันได้หรือเปล่า ถ้าเกิดว่าเป็นคนวิกลจริตและทำร้ายหนูขึ้นมาละคะ” พรรณธรพยายามหาคำพูดร้ายๆ มาใส่ความคมน์ เพื่อให้ย่ายกเลิกงานแต่งงานในครั้งนี้
“คิดมากเกินไปแล้วนะต้นหลิว พี่คมน์เป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ แล้วก็ขยันทำมาหากินด้วย” กมลพรรณเอ่ยยิ้มๆ เพราะรู้ทันหลานสาว ใช่ว่านางเองอยากบังคับพรรณธรให้ห่างไปจากอก แต่เพราะเหตุการณ์มันบังคับ ทำให้ต้องเลือกทางนี้
เพราะตอนนี้ครอบครัวตฤณกำลังย่ำแย่ คงจะไม่เกินหกเดือนนี้น่าจะมีข่าวครอบครัวครรลองถูกตามทวงหนี้ ดังนั้นตฤณจะต้องทำทุกอย่างทุกทาง เพื่อให้พรรณธรตกลงแต่งงานด้วย ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล แล้วนางก็ทนเห็นหลานสาวต้องไปตกทุกข์กับชายหนุ่มที่ไม่จริงใจ หวังแต่ปอกลอกและหลอกลวงอย่างครอบครัวนั้นไม่ได้ จึงต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้ นั่นคือ...
เมื่อเพื่อนถามถึงสถานะ... "พวกแก...เชี่ย! แล้วไหมล่ะ อย่าบอกกูนะไอ้ลูกเต่า ที่มึงพูดไปวันนั้นเป็นเรื่องจริง มึงด้วยไอ้ยอด...มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาด้วยใช่ไหม" "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยชี้แจงเรื่องของมึงสองตัวกับพี่สองคนให้กูฟังหน่อย...เร็ว ๆ อย่าชักช้าร่ำไร" "คนที่นั่งข้าง ๆ กูชื่อพี่คาย...กูอาศัยอยู่กับพี่เขาแล้วก็คอยดูแลซีโร่ให้" ศรวัณบอกสั้น ๆ เพราะยังไม่ค่อยกล้าบอกสถานะของตัวเอง เขากลัวเพื่อนจะรับไม่ได้ "ช่วยบอกสถานะให้กูรู้ด้วย...แค่แฟนหรือเป็นผัวมึง!"
ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”
ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”
เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง
กฎของหมู่บ้าน ทำให้สองศรีพี่น้องต้องเร่งหา...ผัว! ให้ได้ “ตัวสั่นเชียว กลัวหรือจ๊ะฟองจ๋า” “โถ...น่าสงสารจริง เมียของผัว” มือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลนุ่มลื่นขณะเดียวกันก็เกี่ยวเอาชายเสื้อของหญิงสาวดึงมันออกไปจากกายสาวก่อนจะแนบฝ่ามือลงบนทรวงอกอวบใหญ่ เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากกลีบปากเล็ก “ร้องได้เลยจ้ะฟองจ๋า ผัวอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของฟองที่สุด” “โถ่...จะปิดทำไมละจ๊ะสร้อยจ๋า” แม่เจ้าโว้ย! ใหญ่ฉิบหายเลย ใหญ่จนเขาอยากเห็นใกล้ ๆ อยากได้ลิ้มลองรสชาติในตอนนี้เลย “เดี๋ยวเราสองคนจะไม่เพียงแค่ได้เห็นทุกซอก...ทุกมุมของสร้อยแล้ว เราสองคนจะทั้งจับ...ทั้งเลีย แล้วก็อัดกระแทกให้ร่องสวาทของสร้อยแทบพังไปเลยจ๊ะ” ตรวนสวาทนางไพร : ใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่า ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ แน่ใจหรือว่าแพรพลอยคือเหยื่อให้ห้าหนุ่มอย่างพวกเขาเสพสวาทอย่างเร่าร้อน “ไม่เอาอย่างนี้นะโรม...อย่าทำแพรเลยนะ” แพรพลอยร้องห้ามเสียงสั่นพร่าเมื่อรู้ว่าโรมรันจะทำอะไร ไหนจะหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ทำให้เธอได้เห็นอาวุธของแต่ละคนที่มันช่าง...ใหญ่! ไหนจะคำพูดที่บอกก่อนหน้านี้ที่บอกว่า...จะอัดกระแทกเธอให้ยับ! ทำเอาเธอถึงกับกับหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ยิ่งตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมรอบเธอแล้วด้วย “พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมจ๊ะ...ที่น้องแพรบอกว่าอย่าช้า ให้พวกเรารีบเอาน้องแพรเร็ว ๆ นะ”
เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------