เมื่อคุณอาหล่อกระชากใจ และ 'แซ่บ' สุดติ่ง ไม่กินคงไม่ได้ +++++ ก้าวพรวดเดียวก็คว้าร่างมันไว้ได้ ทว่าเสียงหวีดร้องเล็กๆ อย่างตกใจก็ทำให้เขาเลื่อนฝ่ามือที่ล็อกคอขึ้นมาทาบไว้ที่ริมฝีปาก ‘นางแมวสาว’ ในทันที นี่มันคือการต้อนรับกลับบ้านใช่ไหม ถึงได้มีเรื่องตื่นเต้นปนสยิวเกิดขึ้นกับเขา ใครจะรู้ว่าแค่ย่างเท้าเข้าบ้านก็ต้องเจอกับขโมยซะแล้ว หนำซ้ำยังเป็นนางแมวเสียด้วย และนางแมวที่ดิ้นรนสู้สุดฤทธิ์ก็ทำให้เขาต้องกระชากเธอให้หันมาเผชิญหน้า กดแผ่นหลังกับข้างฝาด้านข้างของห้องครัวเพื่อกักกั้นไม่ให้ร่างนี้หลุดหนีไปทางไหนได้
บ้านเดี่ยว 2 ชั้น บนเนื้อที่ 100 ตารางวา ที่มองเห็นอยู่ตรงหน้าทำให้คนที่ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ทำสีหน้าราวกับจะซาบซึ้งและคิดถึงสถานที่แห่งนี้เหลือเกิน คงจะเป็นเช่นนั้นสินะ ในเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมานี้ นี่คือครั้งแรกที่ได้กลับมาเยือน
ช่วงขายาวเคลื่อนไปข้างหน้าบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งในยามที่ฝ่าเท้าเหยียบย่างก้าวเข้าสู่สถานที่ ที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยความสุขของเขาอย่างมั่นคง แม้ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแล้วแต่เขาก็อยากจะจดจำภาพแห่งความทรงจำนั้นไว้ ให้ประทับอยู่ในห้วงหัวใจไม่ลืม
เพื่อเป็นกำลังใจหากในวันหนึ่งเขาจะกลับไปท้อถอยเหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่พ่อพาเขากลับไปอเมริกาหลังจากแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตลง
ในวันนั้นเขาเป็นเพียงหนุ่มลูกครึ่ง ‘อเมริกัน - กาฬสินธุ์’ เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีหมาดๆ ยังไม่ทันได้เริ่มงานในเมืองไทยเลยด้วยซ้ำ ต้องตามไปดูแลสภาพจิตใจของพ่อ ทั้งที่ตัวเขาเองก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน แต่วันนี้ถึงเวลาที่เขาได้กลับมาเยือนเมืองไทยสักที เพราะพ่อนั้นมีคนมารักษาหัวใจแล้ว และพ่อที่ครองตัวเป็นโสดมาได้ตั้งเกือบ 10 ปี มีเหตุผลอะไรล่ะที่เขาจะไปขัดขวางความสุขของท่าน สู้เขายินดีและขอกลับมาสานความฝันของแม่จะดีเสียกว่า หลังจากสานฝันให้พ่อเรียบร้อยแล้ว
ร้าน ‘แซ่บ อินดี้’ ร้านอาหารไทย-อีสาน ยอดฮิตของฟลอริดา คือหลักประกันว่าพ่อจะได้พบเจอกับแม่อยู่ทุกวัน เพราะเมื่อใดก็ตามที่พ่อมองอาหาร พ่อจะรู้ว่าแม่ไม่ได้จากไปไหน เพราะทุกสูตรที่คัดสรรมาเป็นเมนูประจำร้าน นั่นคือ ต้นตำรับของแม่ทั้งสิ้น
อาหารอีสานเลิศรสไม่ว่าจะเป็น ลาบ, ก้อย (ซอยถี่หรือห่าง), ส้มตำ, น้ำตก, ต้มแซ่บ, หรือแม้กระทั่งอาหารไทยสร้างชื่อเสียง เช่น ผัดไท, ต้มยำ, แกงเขียวหวาน เขาก็จะสร้างความฝันของแม่ให้เป็นจริงให้ได้ นั่นคือการเปิด ‘แซ่บ อินดี้’ สาขา 2 ที่เมืองไทย
ดวงตาคมเข้มสะท้อนลูกแก้วสีเขียวสดใสมองตรงฝ่าความสลัวเข้าไป ก่อนจะเดินลัดเลาะไปตามแนวสวนที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่มีเจ้าของบ้านอยู่อาศัยก็ตาม ร่างสูงใหญ่ตามสไตล์ชาติตะวันตกมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู พลางย่อกายลงนั่ง มือควานไปใต้พรมในจุดที่ยืนอยู่เพื่อหาบางสิ่ง เพราะจะเข้าไปในบ้านได้ต้องอาศัยสิ่งนี้ ทว่า... ไม่มี!
ไม่มีกุญแจอยู่ใต้พื้นพรม ไม่รอช้าฝ่ามือแกร่งขยับไปคว้าเอาลูกบิดประตูในทันที และก็พบว่ามันถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันครุ่นคิด ลูกแก้วสีเขียวฉายแววกร้าวมองตรงเข้าไปในความสลัวจากไฟตามที่ถูกติดตั้งไว้ตามมุมบ้านด้านนอก ก่อนจะค่อยๆ วางเป้สะพายใบใหญ่ลงแล้วพาตัวเองเข้าไปหาจุดหมายในทันที
ห้องหับที่มีไม่มากด้านล่างถูกสำรวจอย่างเงียบเชียบแต่กลับไม่พบความผิดปกติใด คงมีแต่ด้านบนที่เขาต้องขึ้นไปหา หากเป็นไปตามข้อสันนิษฐานว่ามีหัวขโมยเข้ามาในบ้าน ไม่ใช่ว่าแม่บ้านอาจลืมล็อกประตูจริง เขาต้องได้เจอมันแน่ ทว่าเสียงก๊อกแก๊กที่ดังเบามาจากห้องครัวทำให้ฝ่าเท้าต้องชะงักอีกครั้ง
หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่แน่ใจ หูเงี่ยฟังว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นการเคลื่อนไหวของคนกำลังหยิบจับสิ่งของไปมา ไม่ใช่ว่าเป็นหนูหรือแมวมาขโมยอาหาร และเขาก็แน่ใจว่าจังหวะหยิบจับสิ่งของนั้นเป็นคนแน่ ฝ่าเท้าค่อยๆ ยกออกจากขั้นบันไดโดยแผ่วเบาที่สุด พาร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ย่องมาสู่แหล่งที่มาของเสียง
เงาตะคุ่มที่ก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าตู้เย็น อันเป็นศูนย์รวมแสงสว่างแห่งเดียวภายในบ้านแห่งนี้ ทำให้เจ้าของบ้านต้องยิ้มเย็น ก่อนจะย่างสามขุมเข้าหาเพื่อล็อกตัวจากด้านหลัง
‘ขโมยของในครัวน่ะเรอะ’ นั่นสิ น่างงไหมล่ะ ในเมื่อแค่ของตกแต่งบ้านเพียงชิ้นเดียวก็คงขายได้หลักหลายพันบาท แล้วทำไมเจ้าขโมยมักน้อยนี่อยากได้แค่ของกินหรือของใช้ในครัวล่ะ
ความคิดขัดแย้งกับสิ่งที่เห็น แต่เขาก็ต้องจัดการกับมัน แม้ว่าจะเป็นเพียงเด็กหรือคนตัวน้อยๆ ที่ต้องการเพียงขโมยอาหารไปกิน และเขาก็ไม่ขัดข้องที่จะแบ่งปัน แต่นั่นมันต้องได้รับการตักเตือนกันก่อน และถ้านี่ไม่ใช่ครั้งแรก เห็นทีว่าเขาต้องเปลี่ยนกุญแจบ้านยกชุด แต่ว่า... มันรู้ได้ยังไงว่าเขาซ่อนกุญแจไว้ตรงนั้น เพราะถ้ามันรู้ดีอย่างนี้ก็ต้องเป็นคนใน ใครล่ะ? แม่บ้าน คนสวน หรือใครที่เขาไม่คาดคิด
ก้าวพรวดเดียวก็คว้าร่างมันไว้ได้ ทว่าเสียงหวีดร้องเล็กๆ อย่างตกใจก็ทำให้เขาเลื่อนฝ่ามือที่ล็อกคอขึ้นมาทาบไว้บนริมฝีปาก ‘นางแมวสาว’ ในทันที นี่มันคือการต้อนรับกลับบ้านใช่ไหม ถึงได้มีเรื่องตื่นเต้นปนสยิวเกิดขึ้นกับเขา
ใครจะรู้ว่าแค่ย่างเท้าเข้าบ้านก็ต้องเจอกับขโมยซะแล้ว หนำซ้ำยังเป็นนางแมวเสียด้วย และนางแมวที่ดิ้นรนสู้สุดฤทธิ์ทำให้เขาต้องกระชากเธอให้หันมาเผชิญหน้า กดแผ่นหลังกับข้างฝาด้านข้างของห้องครัวเพื่อกักกั้นไม่ให้ร่างนี้หลุดหนีไปทางไหนได้
ทว่าดวงตาสุกสกาวราวกับดวงดาวบนฟ้าที่ตกมาอยู่ตรงหน้ากำลังตะลึงมองดูเขาไม่ต่างจากกัน ทำให้ฝ่ามือที่ปิดกั้นริมฝีปากต้องคลายออก เพราะแค่ดวงตาเขายังเห็นว่าสวยงามมากขนาดนั้นและหากเป็นทั้งใบหน้าเล่าจะงดงามได้เพียงไหน โดยเฉพาะริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอค้างน้อยๆ ราวกับตกใจที่เห็นใบหน้าของเขาเหมือนกัน ทำให้ความยับยั้งของเขาขาดผึงในทันที
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"