“ฉันรักนายนะ” “ผมก็รักคุณคีครับ” ชนนหันกลับมาบอกแล้วดึงหล่อนมากอดแนบแน่น “ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างและขอบคุณที่ให้โอกาสผมแก้ตัวอีกครั้ง ผมไม่สัญญาว่าจะรักและดูแลคุณตลอดไปแต่ผมจะทำให้เห็นว่าผมรักคุณมากแค่ไหน รักที่เป็นคุณคีคนนี้ไม่ใช่รักเพราะคุณเป็นแม่ของลูกผม จริงๆ แล้วตั้งแต่วันนั้นใบหน้าคุณก็ติดอยู่ในหัวผมตลอดเวลา” “จริงหรือ ทำไมละ” หล่อนอยากรู้ “เพราะคุณสวยไง สวยมากสวยไปทั้งตัวจนผมจำติดตา ถ้าคุณไม่เมาหลับผมก็อยากให้บริการจริงๆ” “เอ๊ะ นายลักหลับฉันหรือเปล่า” คีติกาเอียงคอถาม “หือ หรือคุณจำความรู้สึกคืนเข้าหอไม่ได้” ชนนจ้องสายตากรุ้มกริ่ม “ขอบใจ” “ขอบใจผมเรื่องอะไรครับ” “ขอบใจที่ไม่ลักหลับ ขอบใจที่ทำให้ฉันจดจำคืนเข้าหอครั้งแรกในชีวิตได้นะสิ” คีติกาหลุบตาเพราะอายจนหน้าแดง ชนนรีบจูบแก้มหล่อนแรงๆ แล้วพูด “ทำไมขี้เขินจังครับ คุณคีที่ไปฮันนีมูนกับผมไปไหนซะแล้ว คุณเดินแก้ผ้าในบ้าน ขึ้นขี่ผม..” “พอแล้ว ลงไปกินข้าว ตาคอยอยู่นะ” หล่อนรีบปิดปากหยุดคำพูดชนนเอาไว้ ชนนดึงมือหล่อนมาจูบแล้วกระซิบถามให้จักจี้รูหู “คืนนี้ขอคุณคีคนนั้นกลับมานะครับ ที่รัก” คีติกานิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนทำเสียงอือออและพยักหน้าเบาๆ “อือ”
บทนำ
หญิงสาวที่นั่งเอนกายบนเตียงสาดน้ำสีชมพูอ่อนซึ่งเป็นเครื่องดื่มมึนเมาราคาแพงเข้าปากครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อมอมเมาตนเองจนหมดขวด พร้อมกับถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นโดยไม่อับอายสายตาชายหนุ่มอายุน้อยกว่าที่ยืนหลุบตาเขินอายเสียเองตรงใกล้ประตูห้องน้ำ และเมื่อหล่อนโยนอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายที่ถอดออกจากตัวลงพื้นเขาก็ปิดไฟกลางห้องเสียทันที
“ปิดทำไม” เสียงถามอ้อแอ้เพราะกำลังเมาได้ที่พลางพลิกตัวลงจากเตียง แต่เพราะความมึนเมาทำให้ทรงตัวไม่มั่นคงทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นจนเกิดเสียงโครมคราม
“นี่มาช่วยหน่อยสิ ฉันซื้อนายมาให้บริการนะ มาปรนนิบัติเดี๋ยวนี้” หญิงสาวตวาดอย่างขัดเคือง พร้อมตะเกียกตะกายขึ้นเตียง ไม่นานก็มีมือเย็นๆ จับหมับตรงต้นแขนแล้วลากหล่อนมาทิ้งลงบนกลางเตียงก่อนจะผละออกห่างแต่หล่อนกลับคว้ามือเขาไว้ดึงมาวางทาบทรวงอกตัวเอง
“รังเกียจฉันหรือไง ฉันน่ารังเกียจตรงไหน ฉันยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเชียวนะ ฉันเป็นอีโง่ต้องการเก็บสิ่งมีค่าที่สุดของผู้หญิงไว้ให้เจ้าบ่าวในวันเข้าหอ โบราณนะว่ามั้ย” หญิงสาวทิ้งท้ายเหมือนขอความเห็นก่อนหัวเราะขื่นๆ หากไฟสว่างชายหนุ่มที่จำใจกุมหน้าอกหล่อนจนใบหน้าแดงซ่านคงเห็นน้ำในตา
ห้องเงียบไปพักใหญ่ก่อนหญิงสาวที่ตั้งใจหยิบยื่นพรหมจารีตนเองให้คนแปลกหน้าเพื่อประชดอดีตคนรักพูดขึ้นเสียงอ้อแอ้
“ทำให้คุ้มค่าเงินฉันหน่อยเข้าใจมั้ย เสร็จแล้วก็กลับไปเลยอย่ารอให้เช้านะ จำไว้อย่าให้ใครเห็นว่าออกจากห้องฉัน เอ้า! ทำสิ เงินนะฉันโอนเข้าบัญชีเธอแล้ว อย่ามาโกงนะ ฉันเกลียดคนขี้โกงที่สุด โกงทั้งความรักโกงทั้งหัวใจ เอาคืนมานะไอ้บ้า ไอ้พี่นัทบ้า” หล่อนกรีดเสียงร้องอย่างเจ็บปวดออกมาพร้อมผลักร่างที่คร่อมอยู่จนหงายหลัง เปลี่ยนไปทับร่างเขาแทนแล้วฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกจากตัวชายหนุ่มเหมือนคนบ้าคลั่ง
หนึ่งสัปดาห์ก่อน
หญิงสาวนั่งเคาะปากกาที่กำลังลงลายมือชื่อในเอกสารต่างๆ ของบริษัทในฐานะประธานกรรมการบริษัทส่งออกเสื้อผ้าและสิ่งทอชั้นนำของประเทศ รอยยิ้มต้อนรับค่อยๆ ขยายกว้างขึ้นเมื่อบานประตูห้องทำงานเปิดช้าๆ ก่อนจะหุบยิ้มทันทีที่เห็นบุคคลที่ไม่อยากต้อนรับเดินเคียงคู่มากับชายคนรักที่แจ้งว่าจะมาหาในตอนพักกลางวัน
“มาทำไม ใครชวน เราจะไปกินข้าวกันเธอคงไม่อยากไปเป็นกอขอคอนะ” เจ้าของห้องว่าเมื่อลุกขึ้นเหมือนต้อนรับคนมาใหม่แต่เป็นการเอ่ยปากไล่อ้อมๆ
คนถูกไล่ไม่ได้ระคายผิวแม้จะถูกยัดเยียดตำแหน่งก้างให้ ทั้งยังกอดแขนชายหนุ่มข้างกายอย่างท้าทาย
“ยายตาปล่อยมือนะ” หล่อนไม่ได้ตวาดเปล่าแต่ตบโต๊ะเสียงดังพร้อมเดินอ้อมไปกระชากแขนดนัทธ์คู่รักของตนออกจากการเกาะกุมของผริตาญาติผู้น้อง
“เธอแหละปล่อยแล้วรับเกียรตินี่ไป” ผริตาว่าแล้วหยิบซองสีชมพูหวานจากกระเป๋าเสื้อสูทของชายหนุ่มที่ยังกอดแขนแน่นมาเคาะหลังมืออีกฝ่าย
คีติการีบดึงมือหนีมองอย่างงุนงงเพราะรู้ดีว่าซองสีแบบนี้คือการ์ดเชิญงานมงคล
“เอ้า รับไปสิ ฉันกับพี่นัทอุตส่าห์มาเชิญด้วยตัวเอง นี่ให้เกียรติเธอสุดๆ เลยนะพี่คี” ผริตาทิ้งช่วงแล้วเปิดซองหยิบแต่การ์ดข้างในส่งให้ก่อนพูดต่อ
“ในฐานะแฟนเก่าเจ้าบ่าว” ผริตาหัวเราะร่วนสาแก่ใจก่อนหยุดกึกเมื่อคีติกาเงื้อฝ่ามือขึ้นสูง ทว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายไม่ใช่ใบหน้าตนแต่กลับเป็นแก้มของว่าที่เจ้าบ่าวที่ยืนทำหน้าปั้นยากอยู่ใกล้ๆ
คีติกาตบดนัทธ์แรงจนหน้าสะบัดได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อชัดเจนแตมือหล่อนก็เจ็บไม่เบาทีเดียว เมื่อเขาหันกลับมาก็ปรากฏรอยฝ่ามือแดงเป็นปื้น ร้อนถึงผริตาต้องเข้าปกป้องว่าที่เจ้าบ่าวของตนโดยการผลักหล่อนจนเซล้มบนพื้น
“มากไปแล้วนะคี นี่น้องเขยตัวนะ”
“พี่นัท! นี่มันอะไรกัน คีต้องการคำอธิบาย” คีติกาว่าแล้วพยายามลุกขึ้นยืน ดนัทธ์จะเข้าไปช่วยพยุงแต่ผริตาดึงแขนเขาไว้พร้อมตอบคำถามญาติผู้พี่เสียเอง
“แม่คนฉลาดคนเก่งของคุณปู่ทำไมถึงถามอะไรได้โง่ขนาดนี้ละ ก็เห็นอยู่แล้วว่าเรามาเชิญไปงานแต่งงาน ดูปากฉันนะคี ฉันกับพี่นัทจะแต่งงานกัน ชัดมั้ย” ผริตาชี้ที่ปากและเน้นทุกคำพูดที่เป็นเหมือนมีดกรีดหัวใจคนฟัง จนหมดเรี่ยวแรงล้มลงไปนั่งกับพื้นอีกครั้ง
คีติกาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองดนัทธ์น้ำตาคลอหน่วย ดูเหมือนอีกฝ่ายคงสงสารตนไม่น้อยจนไม่อาจทนมองได้หรือบางทีอาจเป็นความละอายใจจึงหลบตาแล้วพูดเบาๆ
“เชิญไปร่วมงานพี่ด้วยนะคี”
‘กูไม่ไป’
และในวันแต่งงานของดนัทธ์กับผริตา คีติกาก็ประชดชีวิตด้วยวิธีการโง่ๆ อย่างไม่เคยคิดว่านักธุรกิจสาวชื่อดังอย่างตนจะทำลงไปได้
แม้ไม่มีแผ่นดิน หากแต่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ ถึงสิ้นชาติหากแต่รักของเรามิได้สิ้นลง บราลี เป็นบอดี้การ์ดมือใหม่ ที่ทำงานพลาดจนถูกไล่ออกจากงาน ในวันเดียวกันนั้น บ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ แม่ถูกไฟคลอกบาดเจ็บ พ่อตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อเธอจะหันไปพึ่งแฟนหนุ่มที่รักกันมาหลายปี กลับพบเขากำลังคลุกวงในกับผู้ชายอีกคน!! เมื่อชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย ... และทำจริง!! แต่ไม่ตาย มีคนมาช่วยไว้ ... พอรอดตายก็มีคนยื่นข้อเสนอแปลกประหลาด ... ให้เธอไปเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้านาย แลกกับเงินมหาศาล และกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร บราลีกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ก็ได้ข้ามเวลาย้อนอดีตไปซะแล้ว
เมื่อความรักที่มีมากเหลือล้น ไวกูณฐ์นั้นอยากแต่งงานเสียทันทีที่เดินทางกลับมาจากเรียนต่อ หากแต่ จิรัฐิติกาลกลับกลัวการใช้ชีวิตคู่จึงปฏิเสธไป แต่เพราะอุบัติเหตุที่บังเกิดขึ้นทำให้ไวกูณฐ์ตาบอด จิรัฐิติกาลจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาในทันทีเพื่อเป็นการรับผิดชอบ เพราะการแต่งงานที่ไม่พร้อมทำให้อุปสรรคแห่งรักนั้นมีมาให้พิสูจน์หัวใจกันเนืองๆ
เจ้าฟ้าหญิงจิรัฐิติกาลในคราบชายหนุ่มดูจะเกษมสำราญเป็นอันมากเมื่อได้ออกมาท่องโลกกว้าง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่บ้างที่มี 'ผู้คุม' เป็นไวกูณฐ์ ชายหนุ่มอ่อนแอ เจ้าหนอนหนังสือใส่แว่นลูกชายองครักษ์คนสนิทของพระบิดา แต่ถ้าไม่ยินยอมร่วมทางไปกับเขา เจ้าพ่อก็คงไม่ปล่อยออกจากกรงทอง เธอจำใจร่วมทางและสร้างความยุ่งยากเป็นภาระใหญ่หลวงให้เขา แต่ในคราเดียวกันความใกล้ชิด ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไร เมื่อเธอฝังใจว่าเขาไม่ใช่ "ชายจริง" นิยายภาคต่อของ ลิขิตรักบัลลังก์หัวใจ
เมื่อต้องเสียแผ่นดินจากการช่วงชิงของพระเจ้าอา ทรรศินากัลยามาส เจ้าฟ้าหญิงรัชทายาทแห่งมธุรรัฐจำต้องเสด็จหนีจากแผ่นดินเกิด แฝงกายเข้าไปในสิงขรรัฐ จากที่คิดจะปลอมตัวเป็นนางกำนัล กลับตกกระไดพลอยโจนถวายตัวเป็นสนมของเจ้าหลวงรัฐสิงห์สีหนาทในนามลูกของศัตรู!? รอจนถึงวันทวงบัลลังก์คืน กล้วยไม้ป่าแรกแย้มเพิ่งผลิรับฤดูฝน เจ้าหลวงเอื้อมไปหมายจะเด็ด ก็ถูกพระหัตถ์เล็กๆ ตีเผียะลงบนหลังมือ "ดอกไม้จะสวยงามที่สุดเมื่ออยู่กับต้นเพคะ" ดำรัสขึงขัง "แต่พี่จะเก็บให้เธอ" รับสั่งกลับอ่อนโยน "ท่าจะเด็ดดอกไม้แรกแย้มเสียจนเคย" เจ้าฟ้าหญิงประชดตรงๆ เจ้าหลวงยกพระหัตถ์ในท่าสาบาน "สาบาน ต่อไปพี่จะไม่เด็ดดอกไม้ ไม่ว่าดอกไหน จะรอดอกฟ้าตรงหน้านี้ดอกเดียวเท่านั้น"
เมื่อซากีน่าน้องสาวอันเป็นที่รักถูกฆ่าข่มขืน หลักฐานในมือคือแผ่นเงินฉลุลวดลายสวยงาม ซาห์ราจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งนี้ การตามล้างแค้นจึงเกิดขึ้น ชีคฮาซัน บินญาบิร อัล บุสตานีย์ กลายเป็นเหยื่อความแค้นที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกหล่อนทรมานต่างๆ นานาและต้องสูญเสียเมียสาวในคืนวันแต่งงานจากน้ำมือซาห์รา แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริง ซาห์ราจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปให้แก่เขาด้วยชีวิต ตามกฏชีวิตแลกชีวิต แต่ชีคฮาซันกลับต้องการให้หลอนชดใช้ด้วย หัวใจ
เมื่อธิดาองค์น้อยเริ่มเติบโต ชีคกาเบรียนที่อยากให้ลูกรู้จักภาษาของแม่บังเกิดเกล้า จึงมองหาครูสอนภาษาชาวไทย แต่กลับได้ทโมนไพรไปแทน นางสาวกฤติกา หรือแม่ดาวลูกไก่ นอกจากสอนภาษาไทยให้ธิดาองค์น้อยของชีคแล้ว ยังสอนปีนต้นไม้กลายเป็นลิงเป็นค่าง จนพระนมของชีคเอือมระอา ทว่าท่าทางแก่นกะโหลกของดาวลูกไก่กลับจับใจต้องตาชีคกาเบรียนจนกลายเป็นความรัก แต่ปัญหาสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศยังไม่สงบ เมื่อดาวลูกไก่ถูกจับตัวไปเพื่อต่อรอง แม้พระองค์ไม่อาจยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผู้หญิงที่รักได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนครั้งที่เสียสนมคนอื่นไป ทรงลอบออกจากวังเพื่อไปช่วยหญิงอันเป็นที่รักด้วยตนเอง
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"