พเยีย ศุภกานต์ เลขาสาวแสนเชย หญิงสาวทำงานอยู่กับ เดนนิส โอซิล เจ้านายลูกครึ่งไทย-เยอรมันอยู่ในบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ติดหนึ่งในห้าของบริษัทที่ดีที่สุดในทวีปเอเชีย เขาเป็นผู้ชายรูปหล่อ โปรไฟล์เลิศ แสนร่ำรวย แต่ที่น่าเสียดายก็คือเขาไม่เคยมองผู้หญิงเป็นคนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถึงกระนั้นพเยียก็อดแอบปลื้มเจ้านายหนุ่มอยู่ภายในใจไม่ได้ ก็เขาหล่อมากอยู่ใกล้แล้วหัวใจแทบละลายนี่น่า มาร์คอส โรเจอริโอ มหาเศรษฐีชาวบราซิล คู่แข่งคนสำคัญของ เดนนิส โอซิล เขาขัดเคืองใจไม่น้อยที่ถูกเดนนิสผู้แย่งชิงสัญญามูลค่ากว่าแสนล้านไปจากเขา ดังนั้นเขาจึงวางแผนการเอาคืนด้วยการลากพเยียที่ตัวเองคิดว่าเป็นเมียเก็บของศัตรูตัวฉกาจขึ้นเตียง โดยหารู้ไม่ว่าตัวเองจะดิ้นไม่พ้นจากบ่วงสวาทรัดรึงนี้ไปตลอดกาล
นครเซาเปาโล,
สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล
นิตยสาร Forbes ได้จัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกขึ้นอีกครั้ง ซึ่งสุดยอดมหาเศรษฐีปีนี้ก็ได้แก่แชมป์ห้าสมัยซ้อน มาร์คอส โรเจอริโอ มหาเศรษฐีชาวบราซิล เจ้าพ่อธุรกิจก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่สุดในยุโรปและติดหนึ่งในห้าของโลก มีทรัพย์สินอยู่ที่ 74,000 ล้านเหรียญ และตามมาด้วย เดนนิส โอซิล หนุ่มลูกครึ่งไทย-เยอรมนี เจ้าของบริษัทธุรกิจก่อสร้างยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียและก็ติดหนึ่งในห้าของโลกเช่นเดียวกับ มาร์คอส โรเจอริโอ เช่นกัน โดยมีทรัพย์สินทั้งหมด 56,000 ล้านเหรียญ
แต่คาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เดนนิส โอซิล อาจจะสามารถโค่นยักษ์ใหญ่แชมป์เก่าอย่าง มาร์คอส โรเจอริโอ ลงก็เป็นได้ ดังเช่นการประมูลการก่อสร้างตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกนามว่า สเตท โอเชี่ยนวัน ที่มีมูลค่าการลงทุนจำนวนมหาศาลคือราวๆ แสนล้านเหรียญสหรัฐ ที่มีตัวเก็งอันดับหนึ่งอย่าง มาร์คอส คิงดอม แต่สุดท้ายแล้ว มาร์คอส คิงดอม ก็ต้องพลาดท่าให้กับ โอซิล กรุ๊ป ไปอย่างน่าแคลงใจที่สุด และจนถึงขณะนี้ผมก็ยังมั่นใจว่าทุกคนทั่วโลกก็ยังสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการตัดสินใจเปลี่ยนผู้รับเหมาก่อสร้างตึกระฟ้า สเตท โอเชี่ยนวัน อยู่อย่างแน่นอน
“ระยำ!”
หนังสือพิมพ์ชื่อดังของประเทศบราซิลถูกเหวี่ยงใส่ผนังห้องที่ปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนสีสวยอย่างแรง พร้อมๆ กับคำสบถหยาบคายที่ตามติดออกมาจากลำคอแกร่งสีแทนของ มาร์คอส โรเจอริโอ ครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาสีทองอร่ามวาวโรจน์ด้วยความโทสะแรงกล้า กรามสี่เหลี่ยมที่ดูแข็งกระด้างอำมหิตขบกันจนขึ้นสันนูนเป่ง ริมฝีปากสีสดบางเฉียบเม้มกันสนิท ความขัดเคืองทะลักทลายออกมาไม่หยุด
ให้ตายเถอะ ไม่ใช่แค่คนทั่วโลกหรอกที่ไม่อยากเชื่อว่า มาร์คอส คิงดอมจะพ่ายแพ้ให้แก่ โอซิล กรุ๊ป แบบนี้ ขนาดตัวเขาเอง มาร์คอส โรเจอริโอ ก็ยังแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองได้รับความปราชัยมาไว้ในมือ และเขาไม่มีทางเชื่อแน่ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมันจะเที่ยงตรง เดนนิส โอซิล จะต้องใช้แผนสกปรกกับการประมูลนี้อย่างแน่นอน
“ถ้าฉันรู้ ฉันฆ่านายแน่ เดนนิส...”
มือใหญ่หยิบโทรศัพท์มือถือราคาแพงระยับขึ้นมากดหา อแมนด้า พาลิตต้า บุตรสาวคนงามของ แซนโด้ พาลิตต้า เจ้าของโปรเจ็คยักษ์ สเตท โอเชี่ยนวัน ด้วยความข้องใจสุดขีด และเมื่อสาวน้อยรับสาย หนุ่มหล่อปานเทพบุตรที่ได้รับการโหวตจากผู้หญิงทั่วโลกว่าเป็นชายหนุ่มที่เซ็กซี่ และมีผู้หญิงอยากขึ้นเตียงด้วยมากที่สุดจากนิตยสาร Forbes ก็เค้นเสียงถามออกไปทันที
“ผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อแมนด้า...”
เสียงหัวเราะจากคู่สนทนาสาวยิ่งทำให้มาร์คอสหงุดหงิดเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า มือใหญ่สีแทนอีกข้างยกขึ้นเสยผมสีน้ำตาลเข้มของตัวเองให้ออกจากหน้าผากด้วยความขัดเคืองใจ
“ผมถาม... และต้องการคำตอบ”
ชายหนุ่มเค้นเสียงคำรามใส่ ความอดทนใกล้สิ้นสุดลงทุกขณะ ความจริงเขาอยากจะบีบคอเจ้าหล่อนให้ตายคามือต่างหาก
“ถ้าอยากได้งานนี้ ฉันช่วยคุณได้นะคะ ทุกอย่างยังแก้ไขได้ ขอแค่เพียง...”
แม่อดีตคู่ขาของเขาทำสุ่มเสียงหวานฉ่ำมาตามสาย แถมยังเว้นช่วงให้เขาได้ซึมซับคำพูดของเจ้าหล่อนเป็นเวลานานอีกต่างหาก นี่เขาควรหัวเราะออกมาให้ดังๆ กับความเมตตาของหล่อนใช่ไหม มาร์คอสประชดตัวเองอยู่ภายในใจอย่างเดือดดาล
“คุณกลับมาหาฉัน... กลับมาทำให้เตียงของฉันร้อนระอุทุกคืน และฉันสัญญาว่าจะให้คุณพ่อยกเลิกทุกอย่างกับโอซิล กรุ๊ป ฉันทำได้น่า คุณก็รู้นี่คะมาร์คอส ฉันต้องการคุณ...”
เสียงของอแมนด้า พาลิตต้า ช่างกระเส่านักในตอนท้ายของประโยค จนคนฟังอย่างมาร์คอสแทบจะกลั้นอาเจียนเอาไว้ไม่อยู่
“ขอแค่คุณกลับมา... เท่านั้น มาร์คอส...”
“ผมไม่มีนโยบายนำของที่หมดอายุแล้วกลับมาใช้ซ้ำอีก ดังนั้นคุณเลิกคิดถึงเรื่องนั้นไปได้เลย อแมนด้า”
เหี้ยมโหด อำมหิต ไม่มีการประนีประนอม นี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของ มาร์คอส โรเจอริโอ หนุ่มหล่อชาวบราซิเลี่ยนผู้เลือดเย็นคนนี้ เขาไม่เคยคิดจะทะนุถนอมจิตใจของใคร แม้ว่าคนๆ นั้นจะสามารถช่วยให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการก็ตามที
เขาจะไม่มีทางฝืนใจตัวเองอย่างเด็ดขาด พอๆ กับที่เขาจะไม่มีวันลากผู้หญิงที่ตัวเองปลดระวางไปแล้วกลับมาขึ้นเตียงอีกนั่นแหละ
“คุณใช้วิธีนี้กับผมไม่ได้หรอกอแมนด้า ผมเป็นคนยังไงคุณก็น่าจะรู้ดี...”
“ใช่ค่ะ ฉันรู้ดี แต่หากคุณอยากได้ สเตท โอเชี่ยนวัน คุณก็ต้องยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงซะบ้าง เพราะมีฉันคนเดียวที่สามารถช่วยคุณได้นะมาร์คอส”
เสียงอแมนด้าโต้ตอบออกมาด้วยความขัดเคืองใจไม่แพ้กัน แต่ผู้ชายที่ถูกจัดอันดับว่าร่ำรวยที่สุดในโลกถึงห้าปีซ้อนอย่างมาร์คอสไม่มีทางยอมลดตัวลงไปอย่างแน่นอน แม้จะอยากสร้างชื่อกับ สเตท โอเชี่ยนวัน ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลกมากแค่ไหนก็ตาม
“บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช้ของรียูส ดังนั้นเลิกพูดสักทีเถอะมันน่ารำคาญ”
“งั้นคุณก็จะไม่มีทางได้ สเตท โอเชี่ยนวัน” อแมนด้าพยายามข่มขู่ แต่คนอย่างมาร์คอส โรเจอริโอ ไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว
“ผมไม่แคร์ ไม่ได้มันผมก็อยู่ได้”
คำพูดไม่แยแสของคู่สนทนาทำเอา อแมนด้าถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยโทสะ หล่อนรักและต้องการมาร์คอสมาก ถึงได้สร้างเงื่อนไขนี้ขึ้นมา คิดว่าเขาจะยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงบ้าง แต่เปล่าเลย มาร์คอสก็ยังเป็นมาร์คอสวันยังค่ำ เขายังใจเด็ด อำมหิต และเหี้ยมโหดเช่นเคย
“แล้วคุณโทรมาทำไมคะ... ถ้าไม่อยากได้มัน...”
“ผมแค่อยากรู้ว่าคุณกับไอ้เดนนิส โอซิลเล่นอะไรกันก็เท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะว่าพวกคุณเล่นอะไรกัน”
น้ำเสียงของมาร์คอสอัดแน่นไปด้วยความขัดเคือง และแน่นอนว่าคนฟังอย่างอแมนด้าก็ยังอดเสียวสันหลังวาบไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้หญิงสาวหยุดถ้อยคำร้ายกาจที่โป้ปดขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว หล่อนพูดออกไปโดยไม่คิดถึงคนอื่นเลยว่าเขาจะเดือดร้อนยังไงบ้าง
“ใช่ค่ะ ฉันกับเดนนิสกำลังเล่นปั่นหัวของคุณอยู่ยังไงล่ะ และเขาก็คือคู่ควงคนใหม่ของฉัน คุณน่ะเป็นหมาหัวเน่าสำหรับฉันแล้วล่ะค่ะ มาร์คอส...”
มาร์คอสยังไม่ได้จะโต้ตอบอะไรออกไปแม่อแมนด้า พาลิตต้าก็รีบชิงวางสายไปก่อนอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หนุ่มหล่อยืนกัดฟันแน่นอยู่ริมหน้าต่างด้วยความคลั่งแค้นใจ
“ระยำ! ปั่นหัวฉันหรือ...”
มือใหญ่จัดการขว้างเจ้ามือถือราคาแพงเข้ากับผนังห้องอีกครั้งหนึ่งด้วยความเจ็บใจ ชิ้นส่วนของตัวเครื่องแตกกระจายแต่คนเจ้าอารมณ์กลับไม่แยแสเลยสักนิด เอาแต่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยโทสะแรงกล้าอยู่บนเพ้นเฮ้าส์สุดหรูราคา เกือบพันล้านบาทของตัวเองอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
ให้ตายเถอะ เขากำลังโกรธ กำลังหัวเสียอย่างมากมายเชียวแหละ
“รู้จักมาร์คอส โรเจอริโอ น้อยไปไหม เดนนิส โอซิล...”
ดวงตาคมกริบสีทองอร่ามวาววับน่ากลัว กรามแกร่งที่มีไรหนวดสีเขียวขึ้นประปรายขบกันแน่นจนเนื้อข้างแก้มกระตุกอย่างรุนแรง
“ฉันจะต้องทำให้นายรู้จักรสชาติของคำว่า ‘พ่ายแพ้’ บ้าง เดนนิส โอซิล”
มาร์คอสคำรามในลำคอด้วยความคลั่งแค้น ทั้งชิงชังอแมนด้า ทั้งขัดเคืองใจเดนนิส โอซิล ที่พวกนั้นบังอาจยัดเยียดความพ่ายแพ้ใส่มือมาโดยที่เขาไม่ต้องการ
“เกมนี้ยังอีกยาว... เดนนิส โอซิล”
หนุ่มหล่อปานเทพปั้นแต่งอาฆาตอยู่ภายในอกด้วยความเจ็บแค้น หากทุกอย่างมันเป็นไปตามกติกาเขาคงไม่แค้นจนจุกอกแบบนี้หรอก คนตัวโตเกินหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานไม้ราคาแสนแพง ตวัดตาสีทองมองเศษโทรศัพท์มือถือราคา 4 แสนเรียลบราซิล (Real) ด้วยความขัดเคืองใจ ก่อนจะเอื้อมมือใหญ่ไปกระชากกระบอกโทรศัพท์พื้นฐานขึ้นมาแนบหู นิ้วใหญ่กดต่อหาบุคคลเป้าหมายทันที และเมื่อคู่สนทนารับสายหนุ่มหล่อสุดเซ็กซี่แห่งปีก็รีบออกคำสั่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ผมต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ เดนนิส โอซิล เจ้าของโอซิล กรุ๊ป ไม่เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง... เอ่อ แล้วผมต้องการโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เอาขึ้นมาให้ผมในอีก 15 นาทีข้างหน้า...”
เมื่อคู่สนทนารับคำด้วยความนอบน้อมแล้ว มาร์คอสจึงกระแทกกระบอกโทรศัพท์ลงกับแป้นตามเดิม แม้ทุกอย่างที่คิดเอาไว้ในหัวจะได้กระทำลงไปแล้ว แต่กระนั้นมันก็ยังไม่สามารถฉุดรั้งโทสะให้ลดต่ำลงมาได้เลย
ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงได้หงุดหงิดงุ่นง่านถึงเพียงนี้นะ ก็แค่ไม่ได้โปรเจ็คยักษ์อย่าง สเตท โอเชี่ยนวัน แค่นั้นเอง
ก็เสียหน้ายังไงล่ะ
ความคิดหนึ่งในสมองร้องตอบออกมา และนี่มันก็เป็นคำตอบของการกระทำทุกอย่างของเขาได้เป็นอย่างดี ใช่ เสียหน้า เสียหน้าเป็นอย่างมาก คนอย่างมาร์คอสไม่เคยรู้จักคำว่า ‘ปราชัย’ มาก่อนเลยตั้งแต่ลืมตาดูโลก แต่เดนนิส โอซิล กับอแมนด้าทำให้เขาต้องลิ้มรสชาติของมัน และคอยดูเถอะว่าเขาเอาคืนอย่างสาสมแน่
ร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้หนังราคาแพงสีดำของตัวเองอีกครั้ง ช่วงขากำยำในกางเกงขายาวเนื้อดีเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมา มุ่งหน้าตรงไปหยุดยืนอยู่บานกระจกกันกระสุนขนาดใหญ่ วิวเบื้องล่างของนครเซาเปาโลชัดเต็มสองตา แต่กระนั้นมันก็ไม่สามารถทำให้มาร์คอสอารมณ์เย็นลงได้เลย ชายหนุ่มยังคงร้อนระอุดั่งไฟ และมันคงไม่ดับลงง่ายๆ แน่หากคนที่ทำให้เขาเจ็บใจมันยังอยู่เย็นเป็นสุข
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก