โคตรแมนแสนหื่น เป็นการรวมนิยาย 10 เรื่อง แซ่บๆ ดังนี้ 1. โคตรแมนแสนหื่น 2. ยั่วให้รัก 3. สวาท 4. คุณป๋าเพื่อน 5. คู่กัดสวาท 6. แอบสวาทคนสวนหนุ่ม 7. เผด็จสวาท 8. หวาม 9. สืบสวาท 10. ทาสสวาทเพลิงอสูร
ซีรีส์ โคตรแมน แสนหื่น
เล่ม 1 โคตรแมน แสนหื่น
“พี่นัต พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านแล้วนะ”
ขวัญจิตไลน์ไปบอกแฟนหนุ่มข้างบ้านที่แอบคบหากับเธอตั้งแต่วัยรุ่น
นัตเป็นรุ่นพี่อายุมากกว่าเธอปีหนึ่ง เธอกับเขาแอบลักลอบได้เสียกันเพราะวัยคึกคะนอง แต่นัตรักจริงหวังแต่ง และเธอก็ตกหลุมรักแบบไม่รู้ตัว เลยตัดสินใจคบกันเรื่อยมา แถมบ้านก็อยู่ติดกันอีกด้วย
“เดี๋ยวไปหาจ้ะ”
นัตรับคำไม่ถึงสิบนาทีเขาก็มาถึงหน้าบ้านของเธอ ขวัญจิตรีบเปิดประตูให้เขาเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็ว จะพูดอย่างไรดีล่ะ บ้านเขากับบ้านเธอไม่ญาติดีต่อกัน พ่อของเธอกับพ่อของเขาทะเลาะกันจนหมางใจเรื่องผู้หญิง
แต่สุดท้ายพ่อเธอและพ่อเขาก็ไม่ได้ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นเมีย แต่ได้ผู้หญิงอีกคนซึ่งก็คือแม่ของเธอและแม่ของเขานั่นเอง
“คิดถึงจังเลย”
ขวัญจิตโผเข้ากอดสามีโดยพฤตินัยหรือเรียกง่ายๆ ว่าแฟนหนุ่มที่แอบคบกันอยู่ ที่ต้องแอบเพราะบิดาของพวกเราไม่กินเส้นกัน มารดานั้นไม่เท่าไหร่
“พี่ก็คิดถึงขวัญจ้ะ”
เขาจูบตอบหญิงสาวอย่างดูดดื่ม พอเขาผละออกห่างเธอก็หอบหายใจสะท้าน จิกคอเสื้อเขาแน่น
“พี่นัตค้างที่นี่ไหมคะ” เธอเอ่ยชวนสีหน้าอมยิ้ม
“รอให้ชวนอยู่พอดีเลย พี่ซื้อของโปรดมาฝากขวัญด้วยนะ”
“อะไรเอ่ย”
“ไก่ย่าง ส้มตำ ลาบ น้ำตก คอหมูย่างเจ้าเก่าไง”
“วันนี้ได้แซ่บ”
“คืนนี้ก็ได้แซ่บ”
“บ้า! พูดอะไรก็ไม่รู้”
เธอทำท่าขวยเขิน กระแทกไหล่เขาอย่างอายๆ
“เดี๋ยวขวัญไปเอาจานชามมานะจ๊ะ เรากินกันหน้าทีวีแล้วกัน วันนี้ขวัญจะดูซี่รี่ส์เกาหลี”
“ตามสบายเลยจ้ะ”
คนตามใจแฟนพยักหน้าอย่างน่ารัก ปีนี้เขาเพิ่งเรียนจบ และได้ทำงานธนาคารแห่งหนึ่ง ส่วนขวัญจิตนั้นกำลังเรียนอยู่เทอมสุดท้าย เขาอยากให้เธอไปทำงานที่เดียวกับเขา จะได้เจอกันทุกวัน
เขาไม่ได้ร่ำรวยอะไร บิดามารดาเองก็เช่นกัน แต่ก็เหลือกินเหลือใช้ไม่ได้ขัดสน และเป็นลูกคนเดียว ส่วนขวัญจิตเองก็เป็นลูกคนเดียวเช่นกัน
นัตช่วยแกะของกินใส่จานชาม มีข้าวเหนียวร้อนๆ อีกสองห่ออยู่ก้นถุง
“สองห่อพอไหม”
“พอแล้วค่ะ ไม่อยากกินเยอะเดี๋ยวอ้วน”
“ถึงอ้วนก็รักนะ”
เขาโยกศีรษะของเธอไปมา เธออมยิ้ม ซบที่บ่าของเขาอย่างมีความสุข
อาหารอีสานรสแซ่บร้านนี้ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ แซ่บจนต้องร้องขอชีวิต รสชาติสุดยอด อร่อยถึงพริกถึงขิง
เธอซู๊ดปากด้วยความเผ็ด หูตาแดงไปหมด เขามองแล้วยิ้ม แตะลิ้นเลียริมฝีปาก
“พี่นัตอย่าทำท่าหื่นสิคะ”
“อยากซอยเมียให้น้ำแตก”
“คนบ้า!”
เธอว่าเขา แต่ร่องสาวเยิ้มเพียงแค่เขาพูดแบบนั้น
“คืนนี้โดนจัดหนักแน่ๆ”
เขาพูดแล้วแตะลิ้นเลียริมฝีปากอีก เธอค้อนคนตัวโต
“ที่ทำงานพี่นัตสาวๆ สวยรึเปล่า”
“สวยแค่ไหนก็ไม่สนหรอก มีแฟนอยู่แล้วทั้งคน”
“ปากหวาน”
เขารักจริงหวังแต่ง ไม่ได้เล่นๆ และไม่เคยชายตาแลผู้หญิงคนไหนเลย
“อย่างอื่นก็หวานด้วยนะ”
“อะไรคะ”
คนถามอมยิ้ม พอจะรู้แหละว่าเขาต้องพูดเรื่องใต้สะดือแหงๆ แต่คุยกันแล้วก็ขำ ฟิน ดีแท้ แถมยังสยิวๆ กิ้ว อีกด้วย เธอไม่เคยต่อว่าเขา พูดกันได้ทุกเรื่อง เขาเคยบอกเธอว่าชอบที่เธอคุยได้ทุกเรื่อง เหมือนพี่น้อง เหมือนเพื่อน เป็นกำลังใจให้กันเสมอมา ตอนสมัยเขาเรียน เธอก็ช่วยเขาทำรายงาน เขาก็ช่วยเธอติววิชาที่ไม่ค่อยเข้าใจ สลับกันไป มันรู้สึกว่าอบอุ่นและพึ่งพิงได้
เขาเป็นผู้ชายมีแรงเยอะกว่า อะไรที่ต้องใช้แรงเขาจะทำให้หมด อะไรที่เบาๆ ใช้สมองเธอก็จัดการไป
นัตคิดว่าเขากับเธอเป็นคู่ที่ลงตัว ติดแค่อย่างเดียวพ่อของเธอกับพ่อของเขาไม่ถูกกันนี่แหละ
“น้องชายพี่ก็หวานนะครับ”
“แหวะ!”
“ทำมาเป็นแหวะ คืนนี้จะไม่ดูดว่างั้น”
“เชอะ!” เธอแกล้งทำเป็นเมิน เขาหัวเราะเบาๆ
“อร่อยจังเลยค่ะ กี่ปีๆ รสชาติก็ยังเหมือนเดิม”
เธอกับเขาแอบนัดไปเจอกันที่ร้านส้มตำร้านนี้เสมอ หนีบิดาออกไปข้างนอก บอกว่านัดเพื่อนเอาไว้ เพราะขืนให้รู้บ้านแตกแน่ๆ แค่อีกเทอมเดียวเธอก็จะเรียนจบแล้ว เธอกับเขาคุยตกลงกันแล้วว่า จะพูดความจริงกับที่บ้าน เพราะความรักมันจุกอกจริงๆ
บิดามารดาของเธอกับเขาไปต่างจังหวัด ไปประชุมสัมมนานั่นแหละ เพราะพวกท่านทำธุรกิจขายตรง ธุรกิจนี้เป็นอะไรที่ใครๆ ก็เบือนหน้าหนีเวลามีคนมาชักชวน แต่บิดามารดาของเขากับเธอ กลับทำได้จนประสบความสำเร็จ อาจเพราะความอยากเอาชนะนั่นเอง
หลังเก็บจานชามไปล้าง เขาก็ตวัดแขนขึ้นอุ้มเธอเข้าห้องนอน เขาเคยชินกับบ้านของเธอเหมือนบ้านของตัวเอง เพราะแอบมาหาเธอบ่อยตอนพ่อแม่เธอไม่อยู่
ทั้งสองอาบน้ำอาบท่าแปรงฟันเรียบร้อย ก่อนจะขึ้นมานอนบนเตียงกว้าง ห้องของเธอเป็นโทนสีชมพูฟ้า น่ารักสดใสสมวัย ในห้องสะอาดเรียบร้อย ข้าวของเป็นระเบียบเข้าที่เข้าทาง และหอมกรุ่นไปทั่ว เพราะเธอเป็นคนน่ารัก และรักความสะอาด
เขาขยับขึ้นมาคร่อมทับร่างหอมกรุ่น ดูดปากอ่อนหวานของเธอเบาๆ แล้วจุ๊บ หยอกล้อกับคนที่นอนหน้าแดงอยู่ใต้ร่าง
มือร้อนผ่าวของเขาลากไล้ไปกับเรือนร่างของเธอ ชุดนอนบางเบาอ่อนหวานที่เขาเคยซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด เธอสวมมันทุกครั้งที่เขาปีนห้องมาหา
“ซื้อชุดใหม่ให้ ไม่ยอมใส่ ใส่แต่ชุดนี้”
เขาพูดยิ้มๆ แต่แอบดีใจที่เธอชอบชุดที่เขาซื้อให้ในวันพิเศษ
“ชุดนี้พิเศษกว่าชุดอื่นๆ นี่คะ”
เธอลูบใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างแสนรักใคร่
“พิเศษยังไง”
“ก็โดนเปิดซิงกับชุดนี้ แถมยังเป็นของขวัญวันเกิดที่พี่นัตซื้อให้ขวัญด้วย”
“จำแม่น”
เขายกมือเธอมาจุมพิตหลังมือของเธอหนักๆ ก่อนจะแบฝ่ามือของเธอออก แล้วดูดทีละนิ้วๆ
“คิกๆ พี่นัตน่ะ จั๊กจี้”
เธอหัวเราะคิกคักเมื่อเขาลามเลียมือของเธอด้วยปลายลิ้นสากร้อน
“จะเอาให้ครางลั่นเตียงเลยคอยดู”
เขาพูดเสียงแหบพร่า ร่องเธอเยิ้มไปหมดเมื่อได้ยินคำพูดนั้นของเขา
“ร่องเยิ้มหรือยัง อยากจะเสียบให้มิด”
“บ้า! ดูพูดเข้า”
“ไหนถ่างขาให้ดูหน่อย อยากเลีย”
เขาพูดขณะแตะลิ้นเลียริมฝีปาก สายตาเป็นประกายด้วยความกระหายอยาก
“คนบ้า ชอบพูดอะไรแบบนี้ อ่ะ!”
ขณะที่เธอพูด เขาก็จับเธอแยกขาออกจากกัน นิ้วกลางยาวเหยียดของเขาซุกเข้าไปหลังจากเกลี่ยเบาๆ จนเธอครางซี๊ด
เขาจ้วงนิ้วออกในร่องรัก ใช้มืออีกข้างแยกแบะกลีบสาวออกจากกัน ก่อนจะก้มลงไปตวัดลิ้นกับติ่งไตสีแดงจัด
“อ่า...”
เธอครางเสียงโหย ผงกหัวขึ้นมองนิ้วที่วิ่งเข้าออกในโพรงสวาท ก่อนจะทิ้งศีรษะลงอย่างอ่อนแรง ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความเสียวซ่านที่เขามอบให้
“อ่ะ!”
เธอหลุดอุทานเมื่อเขาเม้มดูดปุ่มเสียวกลางกายแรงๆ ติ่งไตของเธอบวมเป่งแดงฉ่ำเพราะเกิดอารมณ์เสน่หาอย่างรุนแรง
“พี่นัต ขวัญเสียว อี้...”
เธอบิดสะโพกเร่าๆ เสียวจนแทบขาดใจจริงๆ
“ก็อยากให้เสียว”
เขาลามเลียแหย่นิ้วเข้าโพรงถ้ำสวาทซอยเป็นจังหวะเร็วขึ้น ลึกขึ้น ระรัวจนน้ำเธอเยิ้มเต็มร่อง ไหลเปื้อนเต็มผ้าปูเตียง ก่อนที่ร่างน้อยจะกระตุก หยัดสะโพกขึ้นเกร็งค้างด้วยความเสียวซ่านสุดใจ
“อ่า อ่ะ อื้อ..”
ขวัญจิตครางยาวหยัดสะโพกค้างอยู่เพียงครู่ก็ทิ้งสะโพกลงบนที่นอนกว้าง นอนหอบหายใจระรวยด้วยความสุขสม ตัวเบาที่ได้ปลดปล่อย
“ดูดให้พี่บ้างสิ”
นัตลงไปนอนหงายก่อนจะดึงกางเกงออกจากท่อนล่าง มือรูดท่อนเนื้ออวบใหญ่ไปมา เขาเป็นคนที่ค่อนข้างรักสุขภาพ รักษาความสะอาดอย่างดีเยี่ยมและชอบออกกำลังกาย ไม่เคยเที่ยวผู้หญิงหรือเที่ยวเตร่ตอนกลางคืน นั่นทำให้เธอมีความสุขและมั่นใจที่จะดูดกลืนเขาอย่างแนบชิดด้วยปาก
ขวัญจิตคิดคนเดียวตามประสาผู้หญิง ถ้าแฟนไปเที่ยวผู้หญิงหรือเที่ยวอาบอบนวด ต้องไปแหย่เนื้อกายในร่องของผู้หญิงที่ผ่านอะไรมาเยอะ เสี่ยงต่อโรคติดต่อหรืออะไร เธอก็ไม่กล้าดูดให้หรอก อีกทั้งยังรังเกียจอย่างที่สุด
ปานวาดตื่นขึ้นมาด้วยอาการอ่อนเพลียและปวดหัวอย่างรุนแรง เธอค้นพบว่าไม่ได้นอนอยู่คนเดียว กวาดสายตามองรอบตัวก็เห็นเพียงห้องไม่คุ้นตา แต่ที่ทำให้เธอตกใจแทบช็อกก็เพราะว่าร่างเปลือยเปล่าของผู้ชายข้าง ๆ “กรี๊ด!!!” ปานวาดกรีดร้องสุดเสียง ปลุกให้เชนที่นอนอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตื่น เขารีบคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ ก่อนที่จะจัดการอุดปากของเธออย่างตกใจเช่นกัน “กรีดร้องทำไมแม่ตัวดี เดี๋ยวคนก็แห่กันมาหรอก” “อื้อ ๆ ๆ” เธอร้องประท้วง อึก ๆ อัก ๆ อยู่ใต้ร่างหนาหนัก ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ “ถ้าเธอไม่ร้องพี่จะปล่อยเธอ เข้าใจไหม” เธอรีบพยักหน้า แต่พอเชนปล่อยมือเธอก็กรีดร้องอีก “กะ.. กรี๊ด! อื้อ...” เชนอุดปากของเธอเอาไว้ กอดปล้ำกันจนเตียงสั่นไปหมด สุดท้ายเชนก็กระแทกริมฝีปากลงไปหา บดจูบเพื่อปิดเสียงร้องของเธอ แต่จูบไปจูบมาดันมามีอารมณ์ อาจเพราะเบื้องล่างไม่มีอะไรสวมใส่อยู่เลย ทำให้แก่นกายชายของเขาเสียดสีกับน้องสาวของเธอถนัดถนี่ “ไม่เงียบใช่ไหม งั้นพี่คงต้องหาอะไรอุดปากของเธอซะ”
โปรย คลั่งรักเมียทาส เพราะพี่สาวขโมยเงินและเครื่องเพชรหนีไป เขาจึงต้องจับเธอเอาไว้เป็นตัวประกัน เป็นทาสบำเรอรักบนเตียงกว้างอันแสนเร่าร้อน เหนือสิ่งอื่นใดยังมีบางอย่างแอบแฝงที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน ว่าเขาอยากได้เธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น และคลั่งรักเธอมากเพียงใด ตัวอย่างบางช่วงบางตอน มยุรินมองเขาอย่างชื่นชม เขาหล่อ ดูดี ร่ำรวย และเซ็กซี่เหลือร้าย แต่เขาก็ร้ายกาจมากเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะหลงรักผู้ชายร้ายกาจคนนี้ได้ เด็กสาวอยากที่จะเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อใจเจ้ากรรมดันตกหลุมคนใจร้ายอย่างเขาไปเสียแล้ว "อาบน้ำให้ฉันหน่อย" เขาเชยคางสาวให้แหงนขึ้นมาสบตา ก่อนที่ก้มลงมาบดจูบอย่างร้อนแรง "คุณชัชคะ หนูเหนื่อยจังค่ะ" เธอประท้วงน้อย ๆ ในชณะที่ชัชมองเด็กสาวด้วยสายตาร้อนแรง "เธอเป็นทาสของฉันจำไม่ได้หรือไง ถ้าเธอทำตัวดี ๆ เจอพี่สาวเธอเมื่อไหร่ฉันจะไว้ชีวิต หรือเธออยากให้พี่สาวของเธอตาย" "ไม่ค่ะ" มยุรินรีบส่ายหน้าไปมา "ก็อย่าขัดใจฉันสิ" ชัชพูดเสียงกร้าว มองเด็กสาวเหมือนจะกลืนกิน "หนูแค่เหนื่อยน่ะค่ะ" เขาตื่นมาตอนเที่ยงแล้วลากเธอขึ้นเตียงจนเกือบเย็น ก้นของเธอปวดเมื่อยระบบไปหมดแล้ว ช่องคลอดเหมือนจะฉีกขาดเสียให้ได้ ชัชกระแทกไม่ยั้งจนช่วงล่างของเธอแทบพัง เธอตกเป็นของเขาในครั้งแรกยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เขายิ่งรู้ก็ยิ่งเอา ไม่ได้บันยะบันยังตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา "นอนอ้าขาเฉย ๆ เหนื่อยด้วยเหรอ บอกให้ตอดก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง" เขาสลัดผ้าห่มที่คลุมกายของเธอออก มยุรินร้องเบา ๆ เพราะตอนนี้ร่างเปลือยเปล่าเปิดเผยต่อสายตาของเขาอีกครั้ง "หนูจะขาดใจแล้วค่ะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น กอดอกหน้าแดง แต่เขากระชากแขนที่กอดอกของเธอออก ทำให้ปทุมถันอวบเต็มเด้งไปมาจากแรงขยับ ริมฝีปากหน้าร้ายกาจก้มลงงับดูดอย่างเร่าร้อน
เธอแอบรักเขา จึงยอมเขาทุกอย่าง จนกระทั่งวันที่เธอตั้่งท้อง เธอต้องเลือกระหว่างการทนอยู่กับคนที่ไม่รัก หรือจากไปพร้อมกับลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก
"วันนี้เธอมาหาฉันทำไม" พายัพเอ่ยถามพลางไล่สายตามองร่างสมส่วนไม่วางตา "หนูจะมาขอผัดผ่อนหนี้สินของคุณพ่อไปก่อนจะได้ไหมคะ" เธอบอกเขาเสียงสั่น "ได้สิ มีอะไรแลกเปลี่ยนไหม" เขาแตะลิ้นเลียริมฝีปาก "ตัวหนูพอจะแลกเปลี่ยได้ไหมคะ" เธอรู้ว่าเขาอยากได้เธอ แม้จะรังเกียจเขาเพียงใด แต่เธอก็ต้องทำเพื่อครอบครัว "ก็พอได้นะ" เขายกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มแบบนี้ทำให้เธอต้องกัดปากตัวเอง เขาชอบยิ้มแบบนี้เสมอ ผู้ชายตรงหน้าคือมาเฟียตัวร้าย เขามีเงิน มีอำนาจ ยิ่งใหญ่คับบ้านคับเมืองเสียเหลือเกิน เธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวที่ไม่สามารถต่อกรอะไรกับเขาได้เลย "ไหนลองช่วยตัวเองให้ฉันดูหน่อยสิ" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาด้วยความอาย ฃ เพี้ยะ!!! เธอตบหน้าเขาจนหน้าหัน ไม่รู้เหมือนกันว่ากล้าตบหน้าเขาแบบนี้ได้อย่างไรกัน ใบหน้าของพายัพกระด้าง เขาดุนดันกระพุ่งแก้มเบา ๆ คล้ายเจ็บ ๆ คัน ๆ ดวงตาคมกริบของเขามองเธอไม่วาง "ชอบตบจูบอย่างนั้นเหรอ" เขากระชากเธอเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน "ปล่อยหนูนะ" "ไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าฉันมาก่อน" พายัพดันร่างของเด็กสาวไปจนชิดกับผนัง กวาดสายตามองเธอไม่วาง "ถ้าฉันยังไม่ได้ทดสอบสินค้าจะรู้ได้ยังไงว่ามันคุ้มกับการแลกเปลี่ยนหรือเปล่า เพราะไอ้แฟนของเธอคงไม่ปล่อยให้เธอยังเวอร์จิ้นอยู่กระมัง" ประโยคของเขาทำให้ข้าวหอมหน้าชาอีกครั้ง ทั้งอับอาย ทั้งโกรธเกลียดเขาอย่างเหลือล้น เจ้าหนี้หน้าเลือดของบิดา!!!
เธอปลอมตัวไปเป็นเลขาของเขาเพื่อจะจับผิดว่าเขานอกใจเธอหรือเปล่า เพราะแท้ที่จริงเขาคือคู่หมั้นของเธอที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่ปลอมตัวอย่างไรไม่ทราบ ดันไปตกเป็นเมียของเขาเสียนี่ ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “ต่อไปผมจะมารับคุณไปทำงานทุกวัน” “รับทำไมคะ” พิมพ์พิศาอุทานออกมา กำลังคิดอยู่เชียว เขาเหมือนรู้ว่าเธอคิดอะไรเลยพูดดักคอออกมาแบบนี้ “คุณเป็นเลขา เผื่อผมมีงานด่วนอะไรต้องเรียกใช้คุณ คุณก็ต้องพร้อมทุกสถานการณ์ คุณไปทำงานพร้อมผมน่ะดีแล้ว” “เจ้านายคนอื่นเขามารับเลขาไปทำงานด้วยกันแบบนี้ไหมคะ” เธอประชด “รับ” คำสั้น ๆ ของเขาทำให้เธอค้อนเขาเสียวงใหญ่ “เพิ่งรู้นะคะนี่” “คุณกินอาหารเช้าหรือยัง” เสียงท้องของเธอเป็นคำตอบ ทำเอาพิมพ์พิศาต้องลูบท้องตัวเองอย่างเขินอาย “ผมคงไม่ต้องถามคุณซ้ำหรอกนะว่าคุณหิวหรือไม่หิว” ระยะทางที่ขับรถมาถึงคอนโดฯ ของเขาไกลพอสมควร เธอเหลือบมองเขาพลางคิดในใจว่าเขาขับรถจากคอนโดฯ มารับเธอไกลขนาดนี้เชียวหรือ พิมพ์พิศารีบเสไปมองข้างทางเมื่อเขาหันมาสบตากับเธอเข้าพอดี เธอกำลังมองเขาเพลินเชียว เวลาอยู่กับเปรม เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองพอสมควร สมบูรณ์จอดรถหน้าคอนโดฯ หรูของเปรม ก่อนจะรีบลงไปเปิดประตูให้คนทั้งสอง ในขณะที่พิมพ์พิศากำลังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่นั้น เปรมก็แตะข้อศอกของเธอเบา ๆ ทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง “ตามผมมาสิ” เขาเอ่ยกับเธอก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านใน พิมพ์พิศาเริ่มลังเลว่าจะตามเขาขึ้นไปดีไหม เธอเป็นผู้หญิงจะขึ้นห้องไปกับผู้ชายมันก็ดูไม่ดี “เร็วสิคุณ เดี๋ยวไปทำงานสายนะ เรามีเวลาไม่มาก” เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เร่งเร้าให้เธอเดินตามเขาไป พิมพ์พิศาจึงต้องรีบตามเขาขึ้นไปบนห้องพัก “เชิญครับ” เขาเปิดประตูห้องให้เธอ ก่อนจะผายมือให้เธอเข้าไปด้านในก่อน เธอยืนอึ้ง ๆ ทำตัวไม่ถูกอยู่หน้าประตู แต่ก็โดนเขาดันร่างเข้ามาภายในห้องโดยไม่ทันตั้งตัว เพียงแค่ประตูปิดลง เปรมก็กดร่างของเธอไปกับผนังห้อง ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะบดจูบเข้าหาปากของเธออย่างเร่าร้อน “อื้อ... ท่านประธานทำอะไรคะ” พิมพ์พิศาดิ้นรน แต่มือหนาของเขากดมือเธอไปกับผนังห้องไม่ยอมปล่อย “ผมหิว” “หิวอะไรคะ อื้อ... พอก่อนค่ะ” ถามอีกก็ถูกจูบอีก จูบจนปากแทบช้ำ “หิว” เขาตอบสั้นน้ำเสียงอ้อยอิ่ง มองริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอไม่วาง สายตาของเธอนั้นทำให้ท้องไส้ของเธอปั่นป่วนยิ่งนัก “ท่านประธาน อย่าค่ะ” เธอเบี่ยงหลบเมื่อเขาทำท่าจะประทับจุมพิตลงมาอีกครั้ง “ทำไมเรียกพี่เสียห่างเหินแบบนั้นล่ะ” “คะ” พิมพ์พิศาหลุดอุทานออกมา มองเขาตาปริบ ๆ พลางกัดปากตัวเองด้วยความรู้สึกใจสั่นสะท้าน อย่าบอกนะว่าเขารู้ความจริงหมดแล้ว “อุตส่าห์นั่งรถไปตั้งไกล เหนื่อยไหม”
ตัวอย่างบางช่วงบางตอน “เดี๋ยวบ่าวไปเอาขมิ้นกับมะขามเปียกก่อนนะเจ้าคะ คุณบัวรออยู่ที่ท่าน้ำก่อนนะเจ้าคะ” “จ้ะพี่” กลีบบัวตอบรับ นั่งรออยู่ที่ท่าน้ำด้วยจิตใจเลื่อนลอย “พี่พุดซ้อนมาแล้วเหรอจ๊ะ อุ๊ย! พี่พฤกษ์” หล่อนร้องอุทานเมื่อหันไปก็เจอเข้ากับพฤกษ์ที่วางมือร้อนๆ อยู่ตรงไหล่บอบบางของหล่อน “จะอาบน้ำเหรอ” เขาเอ่ยถาม “ค่ะพี่พฤกษ์” คนพูดมีท่าทีเขินอาย เสียงสั่นสะท้าน ก้มงุดเพราะตัวเองอยู่ในสภาพอันล่อแหลมนัก “ตัวหอมอยู่แล้ว ไม่ต้องอาบก็ได้” เขากระซิบลงตรงริมหู ใช้ริมฝีปากดุนดันกลีบปากของหล่อนเบาๆ พอหล่อนเบี่ยงหลบเขาก็หอมแก้ม ขบเม้มติ่งหูสาวอย่างมีชั้นเชิง “อย่าเจ้าค่ะพี่พฤกษ์ เดี๋ยวบ่าวในเรือนมาเห็นเข้า” “ไม่มีใครมาเห็นหรอก ข้าสั่งไอ้เข้มเอาไว้แล้วว่าไม่ให้ใครเข้ามา” “ตรงนี้เป็นท่าน้ำนะเจ้าค่ะ มันไม่เหมาะสม” “ท่าน้ำแล้วทำไม” เขาปลดอาภรณ์ออกจากกาย ไม่ได้สนใจเสียงประท้วงของหล่อนอีก เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ และเวลานี้เขาต้องได้หล่อนให้สมใจอยาก
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว