สกาวลากเสียงยาว หล่อนทำท่าไม่ยี่หระ...ท่าทางหล่อนร้ายเหลือ...ด้วยวัยเพียงแค่สิบหกเท่านั้นเอง หล่อนค่อนข้างอวบอัดและสูง มองเผินๆ หล่อนไม่ใช่สาวสิบหก...หล่อนเหมือนสาวอายุเกินยี่สิบไปแล้วหลายปี และสกาวยังเป็นสาวสวย หน้าของหล่อนอิ่มเอิบ ผิวนวลปลั่ง แต่หล่อนกำลังเอาความอับอายขายหน้ามาฝากวงศ์ตระกูล...หล่อนร้ายกาจนัก...หล่อนทำให้คุณศรีนวลอยากจะบ้าตาย...นับจากสกาวออกอาการอย่างคนแพ้ท้องมาได้สักสามสี่วัน สกาวก็ยอมสารภาพว่าตัวเองท้อง
สกาวบอกว่าประจำเดือนขาดไปสามเดือนแล้ว
แต่หน้าท้องของหล่อนยังไม่ปรากฏ...
“ใครๆ ก็รู้จักคุณศรีนวล ผู้กว้างขวาง...”
“แกอย่ามาประชดฉันนะ สกาว...แกจะเกินไปละ”
“แม่ก็...ใจเย็นๆ ซิ”
“ฉันจะทำยังไงกับแกดี”
“ไม่รู้” สกาวไร้ความเดือดร้อน หล่อนจิ้มเอามะยมดิบๆ ใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ “กาวจะลาออกจากโรงเรียน...ดี...กาวไม่อยากเรียนหนังสือนักหรอก เรียนไม่เห็นสนุกอะไรเลย น่าเบื่อ...”
“แกนะแก...” คุณศรีนวลทรุดตัวลงนั่ง น้ำตาคลออยู่ในดวงตา ผิดหวังและอับอายระคนกัน อยากจะบีบคอสกาวให้ตายไปซะ...แต่เธอก็ไม่กล้า...สกาวคงไม่อยากให้เธอบีบคอง่ายๆ สกาวเอาแต่ใจตัวเอง...เธอไม่โทษตัวเอง แต่โทษไปถึงนายเสกสรรสามีที่ตามใจสกาวมาอย่างหนัก เพราะสกาวเป็นลูกคนเดียวในหมู่พี่น้องสามชายด้วยกัน สกาวเลยไม่คุ้นกับระบบระเบียบ วินัยของบ้านไม่เคยครอบงำสกาวได้
“กาว...แกไม่อายบ้างหรือ...ทำไมแกหน้าด้านนัก แล้วลูกแกมันลูกใคร...หน้าไหนเป็นพ่อมัน”
สกาวชะงักเล็กน้อย ดวงตาของหล่อนปรากฏแววไหววูบ แล้วหล่อนก็เอ่ยตอบอย่างไม่สนใจอะไรเหมือนเดิม
“ไม่รู้”
“อะไรนะ กาว
คุณศรีนวลทะลึ่งพรวดขึ้นมาแล้วทิ้งตัวลงไปใหม่
“มันหลายคนน่ะ แม่...กาวไม่รู้ว่าใครเริ่มก่อน...กาวจะเอาใครดีละ แม่ว่าใครเหมาะ...แม่จะเลือกใครมาเป็นเขย...โชคไหม...โชคลูกลุงกำนัน...พี่เทอด...หรือจะให้เป็นเจ้าขวัญ”
มีเสียงเหมือนลมตีเอิ้กมาจากคอของคุณศรีนวล และเธอก็หมดสติ...สกาวมองหน้าตาเฉย หล่อนร้องบอกนางมะลิแค่ว่า
“น้าลิดูแม่หน่อย เป็นลมซะแล้ว โธ่เอ๊ย...ใจเสาะจัง...”
แล้วสกาวก็กระดิกเท้ากินมะยมดิบๆ จิ้มเกลือต่อ หน้าตาแสนจะปกติอย่างยิ่ง แต่จะมีใครบ้างรู้ใจของสกาว...
ใจที่กำลังเคียดแค้น...เพราะอาทิตย์ก่อนหน้า หล่อนเจอกับผู้ชายที่หล่อนเอ่ยเรียกอย่างประชดว่าเจ้าขวัญ...หล่อนมั่นใจว่าเขาเป็นพ่อของลูกหล่อน แต่เจ้าขวัญปฏิเสธ...เขาไม่ยอมรับลูกของเขาเอง...ขวัญอ่อนแอเกินไป...เขาทำท่าตระหนกอกสั่นราวกับเขาทำบาปมหาศาลกระนั้นแหละ...
และเขาบังเอิญเป็นคนที่สกาวรักมากที่สุด สกาวเลยแบกความแค้นแน่นอก ขวัญทำให้หล่อนเจ็บ...และคนอย่างสกาวเป็นคนรุนแรง...หล่อนจะขอจำจนวันตาย หล่อนจะไม่ยอมให้อภัยต่อเขาเป็นอันขาด...และสกาวจะไม่ระบุชื่อเขาเป็นพ่อของลูก...
หล่อนจะแบกแค้นนี้เอาไว้
จนกว่าหล่อนจะได้สะสาง
นายเสกสรรรับรู้เรื่องราวของสกาวเมื่อเขากลับมาจากกรุงเทพฯ คุณศรีนวลแซ่วบนเตียงในห้อง เธอร้องไห้ฟ้องกับเขา
“ลูกพี่เสกทำเอาฉันเจ็บปวดจนอยากจะตาย...”
“กาวหรือ...”
เขายังไม่รู้รายละเอียด...แต่เขากลับบ้านคราวนี้ เขาไม่เห็นหน้าสกาวเลย สกาวเคยกระโดดโลดเต้นเสมอเมื่อเขาถึงบ้าน...แต่เขากลับคิดว่าสกาวคงจะออกไปหาเพื่อนฝูง สกาวเป็นคนกว้างขวาง...หล่อนเป็นสาวน้อยสวยที่สุดของหมู่บ้านนี้ ความสวยของหล่อน ความมั่งคั่งของทางบ้านทำให้สกาวเหมือนนางฟ้ามากกว่าเด็กสาวธรรมดาสามัญ
คุณศรีนวลเล่าให้เขาฟัง นายเสกสรรก็ทรุดฮวบลง
“กาวน่ะรึ...กาวท้อง...กับใคร!”
แม้เธอจะรู้ว่าเขาเจ็บปวดมาก แต่เธอก็ต้องบอกเขา...
“กาวมันว่าไม่รู้ มันมั่วหลายคน...”
ความจริงที่ถูกถ่ายทอดจากปากของภรรยา ทำเอานายเสกสรรมีสีหน้าประหลาด และเขาก็สุดจะระงับความเครียดของตัวเอง...เขาเบิกตากว้าง หายใจแบบตะกุยตะกายเอาอากาศเข้าทรวงอก แล้วต่อจากนั้นเขาก็ล้มฟาดลง
คุณศรีนวลร้องกรี๊ด...เมื่อเห็นร่างสามีล้มลงเหยียดยาว...หมดสติสมประดีไปต่อหน้าต่อตา...
นางมะลิถลันเข้ามาแล้วพลอยหวีดร้องประสาน...
นายเสกสรรเส้นโลหิตในสมองแตก ร่างกายซีกขวาของเขาไม่อาจจะขยับได้ตลอดตัว...