ทิพย์อัปสรนางฟ้าผู้งามละไม ได้เป็นที่รักแห่งเทพผู้ใหญ่อย่างพระเสาร์ เรื่องราวเกือบจะราบรื่นแล้ว ถ้านางจะไม่เป็นที่รักแห่งองค์พระอังคารเทพแห่งสงครามผู้แกร่งกร้าวด้วย ดังนั้นสงครามแห่งสวรรค์จึงบันเกิด!
ทิพย์อัปสรนางฟ้าผู้งามละไม ได้เป็นที่รักแห่งเทพผู้ใหญ่อย่างพระเสาร์ เรื่องราวเกือบจะราบรื่นแล้ว ถ้านางจะไม่เป็นที่รักแห่งองค์พระอังคารเทพแห่งสงครามผู้แกร่งกร้าวด้วย ดังนั้นสงครามแห่งสวรรค์จึงบันเกิด!
สูงขึ้นไป...ในห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล กล่าวกันว่า อีกฟากหนึ่งของทางช้างเผือกที่ดารดาษดวงดาวคือดาวดึงส์...อันเป็นดินแดนสวรรค์ซึ่งพรั่งพร้อมด้วยความสุขสนุกสนาน ความงดงามวิจิตรตระการตานั้น จะครึกครื้นเป็นพิเศษเมื่อถึงเทศกาลดอกอาสาวดีบาน ที่พันปีจึงบานเพียงครั้งเดียว และมีอยู่ในสวนจิตรลดาวันบนดาวดึงส์เท่านั้น
เนื่องจากยามที่พวงระย้าของดอกอาสาวดีประดับไปทั่ว อาณาบริเวณอุทยานสวรรค์จะแลดูอร่ามราว
พลิ้วม่านทองคำ ส่งกลิ่นหอมกรุ่นอบอวลกำจายไปทั่วทุกอณูอากาศ
องค์อมรินทร์จอมเทพแห่งดาวดึงส์จึงทรงเลือกบรรยากาศน่ารื่นรมยิ่งนี้ เป็นโอกาสจัดงานเฉลิมฉลองสวรรค์ขึ้นเป็นประจำในสวนจิตรลดาวันอย่างเอิกเกริก โดยทรงเชิญปวงเทพผู้ใหญ่มาร่วมงานรื่นเริงนี้ด้วย
เหล่าเทพบุตรเทพธิดาทั้งมวลก็พากันเตรียมต้อนรับงานฉลองสวรรค์อย่างคึกคัก มีการคัดเลือกเทพธิดาผู้ที่มีความงดงามที่สุดให้เป็น “นาฏนารี” เพื่อฟ้อนนำในระบำที่จัดถวายแด่ปวงเทพผู้ใหญ่
และในงานเฉลิมฉลองสวรรค์ครั้งนี้ ผู้ที่ได้รับเลือกว่ามีความงามเป็นเลิศคือ เทพธิดาสุลักษณา...ด้วยความงามหยาดเยิ้มและท่วงท่าอันแช่มช้อยของนาง ที่ร่ายรำอยู่ท่ามกลางเหล่านางฟ้าซึ่งกำลังจับระบำ ณ เบื้องหน้าปวงเทพทั้งหลาย ได้สะกดให้ผู้เห็นต่างเพลิดเพลินจนแทบจะไม่อาจละสายตาแม้แต่วินาทีเดียว
เว้นแต่องค์พระเสาร์ !
ด้วยทรงมีพระอัธยาศัยรักสงบสันโดษ จึงไม่ใส่พระทัยในงานรื่นเริงนัก ระบำยังไม่ทันจบชุดก็ดำริจะเสด็จออกจากงานฉลองไป
“อ้าว! ศนิท่านจะกลับแล้วหรือ”
พระราหูซึ่งประทับอยู่ใกล้ๆตรัสทัก เมื่อเหลือบเห็นร่างสูงสง่าของพระสหายสนิทลุกจากราชอาสน์
“อืม...” พระเสาร์รับคำอย่างคุ้นเคย
“มีกิจสำคัญใดเร่งเร้าท่าน...” สุรเสียงกังวานก้องซักถามต่อคิ้วรูปกนกบนพระพักตร์ดุร้ายอย่างพระยายักษ์ของพระราหูเลิกขึ้นด้วยความสงสัย พลางเหยียดขนดหางออกช้าๆราวเกียจคร้าน
“ไม่มี...เราเพียงแต่เบื่อที่พลุกพล่านเท่านั้น”
“ท่านนี่แปลก! นางฟ้าที่งามเลิศอยู่ตรงหน้ายังบอกว่าเบื่อได้...แล้วก็ไม่เคยเห็นท่านสนใจในสตรีนางใดเลย เฮ้อ...ดูท่าองค์กามเทพคงไม่โปรดท่านละมัง”
พระเสาร์เพียงแต่สรวลเบาๆ ต่อคำสันนิษฐานหยอกเย้าของพระสหายผู้มีรูปกายครึ่งยักษ์ครึ่งนาค แล้วเสด็จ
จากไปอย่างไม่ใส่พระทัยนัก...
ผ่านเทือกทิวเขาสลับซับซ้อนสูงชัดเสียดฟ้า ห้วงน้ำมหึมากว้างใหญ่...สู่ดินแดนหิมพานต์ที่กั้นกลางระหว่างสรวงสวรรค์กับถิ่นที่อยู่ของมนุษย์
หิมพานต์...ป่าอาถรรพณ์ที่อุดมไปด้วยมวลพฤกษา ภูผา สายธาร และเหล่าสัตว์แปลกตาหลากหลาย
แต่ในความงดงามแห่งธรรมชาติก็แฝงไว้ด้วยภยันตรายนานาทั้งจากสัตว์ป่าดุร้ายและยักษ์มารผู้สัญจรผ่าน
ดินแดนที่มนุษย์สามัญไม่สามารถอาศัยอยู่ได้นี้กลับเป็นที่ทรงสำราญแห่งองค์พระเสาร์
ร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีม่วงเข้มประดับด้วยรัตนมณีนิลจึงปรากฏเด่นอยู่กลางป่าอาถรรพณ์...ดุจดั่งเคย พระเสาร์ทรงปกปิดรัศมีเจิดจ้าที่แผ่ออกรอบพระวรกายไว้ ด้วยทรงไม่ต้องการจะทำให้เกิดความแตกตื่นตกใจแก่ผู้ที่บังเอิญพานพบพระองค์เข้า
หลังจากได้ชื่นชมดื่มด่ำกับความสุขสงบของป่าเขาและธรรมชาติเป็นที่เพียงพอแล้ว พระองค์ก็ทรงนั่งเล่นอยู่
ใต้ร่มไทรใหญ่ต้นหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันนี้ ที่ขอบฟ้าทิศตะวันตกซึ่งดวงอาทิตย์สีส้มสดคล้อยต่ำจวนจรด ปรากฏร่างกินรีสามนางสวมอาภรณ์วาวระยับประดับอัญมณีอย่างธิดากษัตริย์ ต่างมีดอกไม้หลากชนิดอยู่ในอ้อมแขน บินเกาะกลุ่มหยอกล้อกัน
ใกล้เข้ามาทุกขณะ
“กุหลาบสีขาวของพี่หญิงงามมากเพคะ” กินรีน้องน้อยเอ่ยเสียงอ่อนหวาน
“น้องเกศกัลยาชอบหรือจ๊ะ เอ้า! พี่แบ่งให้ เกศสุดาซึ่งเป็นพี่หญิงใหญ่ยิ้ม พลางเลือกกุหลาบดอกโตส่งให้
“ขอบพระทัยเพคะ อุ๊ย!...” เกศกัลยาอุทาน เพราะขณะที่นางยื่นมือรับ ก้านกุหลาบได้เกี่ยวถูกสร้อยข้อมือของนางหลุดร่วงหล่นลงไปเบื้องล่าง
“น้องเกศประภารอก่อนจ๊ะ” เกศสุดาเรียกน้องหญิงคนรองซึ่งบินล้ำหน้าไปเล็กน้อยจึงไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่กิดขึ้น
“มีอะไรหรือเพคะ พี่หญิง” เกศประภาหันมาถาม พลางชะลอร่างไว้กลางเวหา
“สร้อยข้อมือของน้องเกศกัลยาตกลงไปข้างล่าง คงอยู่แถวๆต้นไทรนั่น” เกศสุดาตอบ พร้อมกับชี้ไปที่ต้นไทรซึ่งอยู่ต่ำลงไป
“อย่างนั้น...พวกเรารีบลงไปหากันเถิดเพคะ เดี๋ยวจะมืดเสียก่อน” เกศประภาออกความเห็น
กินรีทั้งสามจึงบินลงสู่พื้นดิน ในบริเวณต้นไทรนั้น...
...พระเสาร์ทรงหยิบสร้อยบุษราคัมเส้นเล็กๆ ซึ่งหล่นลอดใบดกหนาของต้นไทรลงมาบนพระเพลาของพระองค์อย่างบังเอิญขึ้นพิศดูพร้อมกับทรงลุกขึ้นยืน
แล้วครู่ต่อมา พระองค์ก็ได้เห็น...กินรีน้อยผู้งามพิลาสล้ำสามนางร่อนลงมาในบริเวณใกล้ๆ
ภาพที่ปรากฏแก่สายตานี้สะกดให้พระเสาร์ต้องชมดูอย่างตะลึงงัน ด้วยทรงตรึงใจว่านางหนึ่งในจำนวนนั้น งามซึ้งไร้ที่ติ...คิ้วโค้งเรียว นัยน์ตาคมหวาน จมูกน้อยโด่งเป็นสัน และริมฝีปากอิ่มสวย ทุกอย่างช่างรับกันเหมาะเจาะ
บนใบหน้ารูปไข่นวลเนียน ตลอดจนเรือนร่างที่อรชรสมส่วน
ขณะเดียวกัน นางกินรีทั้งสามชะงักยืนนิ่งไปเช่นกัน ที่เพิ่งถึงพื้นดินก็ต่าง เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีผู้อื่นอยู่ในบริเวณนั้นด้วย...แม้เขาจะเป็นชายหนุ่มที่มีรูปลักษณ์งามนัก...ร่างสูงสง่า แข็งแรง ผิวคล้ำเนียน และดวงหน้างามราวกับบรรจงปั้นก็ตาม...
แต่ประกายที่คมกล้าจนดูดุดันของบุรุษแปลกหน้าผู้อยู่ในอาภรณ์สีม่วงและมีนิลเป็นเครื่องประดับกาย ก็ทำให้นางกินรีน้อยเกศประภาและเกศกัลยารู้สึกตระหนกกลัว
“โอ...” เสียงอุทานแผ่วเบาอย่างตกใจ แล้วเกศประภากับเกศกัลยาผู้เป็นน้องทั้งสอง ก็คว้ามือพี่หญิงใหญ่เกศสุดาซึ่งยังยืนนิ่งไว้มั่นคนละข้าง พาทะยานบินขึ้นสู่ท้องฟ้า...เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
พระเสาร์ทอดพระเนตรตามร่างน้อยๆที่กำลังบินลับไปทางทิศตะวันออก พลางดำริว่า..ที่แท้พวกนางเป็นเผ่าพันธุ์เทพกินนร ซึ่งมีถิ่นอาศัยอยู่ในเทือกเขาวินธัย ใจกลางหิมพานต์นี่เอง...พวกวิหคกึ่งเทพ มิน่าล่ะ! นางจึงมีรูปกายงดงามอย่างเทพธิดาทุกประการเว้นแต่ยามบินไปในเวหาเท่านั้นที่ปีกบางเบาใสราวแก้วผลึกจะงอกออกมาจากไหล่ทั้งสองข้าง และทันทีที่เท้าสัมผัสถูกพื้นดิน ปีกทิพย์ของพวกนี้ก็จะหดหายไป ไม่เหลือร่องรอยใดๆให้สังเกตบนผิวเนื้อบริเวณนั้น
“กินรีน้อยที่งามซึ้งนางนั้นคือใคร...นางมีคู่หมายหมั่นหรือยัง” นี่คือคำถามที่พระเสาร์ทรงต้องการจะรู้คำตอบ แต่ยังไม่ทันได้ไต่ถามเนื่องจากว่าพอพระองค์ทรงหายจากอาการตะลึง พวกนางก็พากันบินหนีไปแล้ว
พระเสาร์จึงดำริจะเสด็จกลับวิมานก่อน แล้วใช้อมรเทพผู้เป็นเทพบริวารของพระองค์มาสืบเรื่องราวนี้แทน เพราะหากพระองค์ไปติดตามสืบถามด้วยตัวเอง คงได้สร้างความตื่นตระหนกตกใจแก่ผู้อื่นอีกมากมาย เนื่องจากบารมีแห่งเทพผู้ใหญ่ของพระองค์
และเหตุผลอีกประการหนึ่งคือ พระเสาร์ไม่ต้องการจะใช้อำนาจหยั่งรู้ ด้วยทรงระลึกเสมอว่า ทุกชีวิตย่อมมีบางเรื่องที่อยากเก็บไว้เป็นการส่วนตัว ดังนั้นถ้าไม่มีความจำเป็นอย่างถึงที่สุดแล้ว พระองค์ก็ไม่ปรารถนาจะใช้อำนาจที่เหนือกว่านี้ก้าวก่ายในจิตสำนึกของผู้ใด
อาเฟย เป็นเด็กกำพร้าที่ไม่รู้ว่า พ่อแม่เป็นใคร เขาถูกทิ้งไว้ในพงหญ้าข้างทางตั้งแต่แรกเกิด และถูกชาวบ้านเก็บได้ ก่อนที่จะกลายเป็นเหยื่อของสัตว์ใหญ่น้อย ทว่าชาวบ้านที่เก็บเขาได้ก็ไม่มีปัญญาจะเลี้ยงดูเขา จึงนำเด็กน้อยไปขายให้แก่จวนชินอ๋อง ด้วยราคา 20 ตำลึงเงิน นับแต่นั้น...อาเฟยก็เติบโตขึ้นมาพร้อมกับปณิธานว่า จะเก็บเงินไถ่ตัวของตนเอง และสร้างเนื้อสร้างตัว เป็นอิสระและแข็งแกร่ง!!! แต่อนิจจา...ปณิธานของอาเฟยถูกอ๋องสี่ ผู้มีร่างสูงใหญ่แข็งแรง กล้ามเนื้อทรงพลัง คอยบั่นทอน ด้วยการจับอาเฟยหนีบรักแร้!!! อาเฟย เป็นนิยายเน้นฮา ไม่เน้นสาระ รี้ดทุกท่านถ้าพร้อมแล้ว เชิญอ่านกันเลยค่ะ
เพราะเป็นลูกอนุที่ไร้ค่า บิดาบังเกิดเกล้าจึงยกเขาให้เป็นชายบำเรอของมหาอำมาตย์ แต่มหาอำมาตย์เกิดหัวใจวายตายในคืนเข้าหอ ทำให้เขาถูกตราหน้าว่าร่านราคะ และจะจับเขาฝังทั้งเป็น!
จ้าวชิงเฟิงคือองค์ชายปลายแถวของแคว้นเป่ย ที่ถูกส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการชิ้นหนึ่งแก่แคว้นหนาน ถูกเหยียดหยามให้เป็นแค่อนุชายาของชินอ๋องผู้ทรงอำนาจ แม้จะเป็นชายก็ยังไม่วายถูกริษยา กลั้นแกล้งต่างๆนานา เคราะห์ซ้ำกรรมซัดยังถูกใส่ร้ายว่าคบชู้ ต้องโทษโบยยี่สิบไม้ และไม้ที่ยี่สิบนั้นผู้โบยจงใจฟาดใส่ศีรษะ ของเขา กะให้ถึงตาย!
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เมื่อความเสียใจมันทำให้เธออยากลอง!!! "เรามาลอง...กันไหมค่ะ" ประโยคบ้าระห่ำที่ฉันพูดกับคนแปลกหน้าในคืนนั้น ฉันไม่นึกว่ามันจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของชีวิต... เส้นทางชะตาชีวิตที่เล่นตลก เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียว... การโดนทรยศ และ การเจอกันโดยบัญเอิญ จนทำให้เกิดการเดิมพันท้าทายเล่นเกมบ้าๆ กันขึ้นมา โดยที่สาวเจ้าไม่รู้ตัวเลยว่า...มันจะนำพาให้ชีวิตเธอเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!!! ------------------------------------------------------------------------------------------------ ...เธอจำต้องอยู่ต่อไป หรือ ตายเพื่อชดใช้เวรกรรม...ที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น ------------------------------------------------------------------------------------------------ เรื่องย่อ: เอลิซ : หญิงสาวแสนสวยที่แสนซื่อจนถูกคนที่รัก "หักหลัง" จนทำให้ชีวิตของเธอปัดเป๋ และเพียงเพราะเธอแค่ต้องการที่จะประชดชีวิตเท่านั้น แต่การกระทำนั้นก็ดันพาเธอหลงเข้าไปยังเกมสวาทที่เธอเป็นผู้เดิมพัน เซฟ : ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศ เจ้าของธุรกิจทั้งขาวและเทา เบื้องหลังเขาคือมาเฟียอันดับหนึ่ง เขาที่โชคชะตานำพามาให้เจอกับหญิงสาวคนนั้นแถมยังถูกท้าทายจากเกมเดิมพันอันล่อแหลม และมีหรือที่ผู้ชายอย่างเขาจะยอมปฏิเสธ ฝากกดติดตามและเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ⚠️คำเตือน⚠️ เนื้อเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป มีฉากติดเรท เนื้อหาไม่เหมาะสม ความรุนแรงเพศ และการใช้ภาษา ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น!!!
คำโปรย : .....ใครจะไปคิด! ว่าไก่ย่างเพียงไม้เดียว มันจะทำให้ชีวิตของเธอถึงจุดจบ! และนำพาเธอย้อนเวลาไปเกิดใหม่ในร่างของคนที่อยู่ในยุคประวัติศาสตร์ และที่สำคัญ เธอได้สามีเป็นของแถม! **** อารัมภบท : .....เรื่องราวของนักศึกษาสาวที่ชีวิตพลิกผันอย่างไม่คาดฝัน เมื่อเธอหมดลมหายใจเพราะไก่ย่างเพียงไม้เดียว! แต่เธอกลับได้ย้อนเวลาเกิดใหม่ในร่างของลูกสาวเจ้าพระยาที่อยู่ในยุคก่อน แถมร่างนั้นก็ยังมีสามีแล้ว แต่เป็นสามีแสนจะเย็นชา ที่ไม่เคยสนใจหรือใส่ใจให้ความรักกับภรรยาที่เป็นเจ้าของร่างเดิมเลย แล้วใครสน? สำหรับเธอ คิดเพียงว่าได้มาเกิดใหม่อีกครั้ง ก็ดีแค่ไหนแล้ว ใครจะไม่รักก็ช่างเขาสิ ..โนสน ..โนแคร์จ้า แต่ทว่า! ยิ่งเธอไม่สนใจเขามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหันกลับมาสนใจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะความแปลกใหม่ของเธอทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจในเวลาเดียวกัน จนกระทั่งคนที่เคยเย็นชามาตลอด จู่ๆ ก็กลายเป็นคนคลั่งรักในที่สุด.. #ตัวละครหลัก : *พระยาพิพัฒน์พงศ์ หรือ เจ้าคุณพิพัฒน์ อายุ 36 ปี มีบรรดาศักดิ์เป็นขุนนางระดับสูง รูปหน้าหล่อขั้นเทพ ฉลาด สุขุมรอบคอบ เงียบขรึม มีเสน่ห์ ผิวขาว รูปร่างกำยำ * จันทร์วรา อุษาวิบูลย์ หรือ เจ้าจันทร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาปี 4 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาออกแบบ ภายใน สวยหวาน ร่าเริง กล้าพูดกล้าทำ ตากลมโต ปากจิ้มลิ้ม ผิวขาว รูปร่างผอมเพียว อกอวบอิ่ม _____________________ นิยายเรื่องนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ห้ามทำการคัดลอด เลียนแบบ หรือดัดแปลงเนื้อหาส่วน ใดส่วนหนึ่งของงานเขียนนี้ รวมทั้งการจัดเก็บ ถ่ายทอด บันทึก ถ่ายภาพ ไม่ว่ารูปแบบหรือวิธีการใดๆ ในกระบวนการอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น ผู้เขียน : รดามณีนัฐฐ์ ภาพปก : Onlyboy ปรับแต่งภาพปก : Dayny_white ปกอิมเมจ : เยเรมีย์ ________💫________
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เมื่อหลุดเข้าไปในนิยาย ได้เป็นถึงนางเอกของเรื่องเรื่อง การจะกลับออกไปคือต้องให้จบแบบ happy ending แต่ทำไม๊ พระเอกกลับบอกว่าฉันจืดชืด ไร้รสนิยม แต่เขาดันไปต้องใจยัยตัวร้ายซะงั้น
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY