‘หมาเห่าใบตองแห้ง’ มีความหมายว่า ดีแต่ปาก แต่ไม่กล้าทำจริง ตอนนี้ ‘ปีขาล’ รู้สึกว่าตัวเองเป็นดั่งสุภาษิตคำพังเพยทุกกระเบียดนิ้ว เพราะตั้งแต่เจอกับ ‘ใบตอง’ สาวน้อยลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนสนิทในบ้านสวน เขาก็ได้แต่จ้องมองเธอ ไม่กล้าขยับเขยื้อนกาย กลายเป็นแมวเชื่องๆ แทนที่จะเป็นเสือแสนเจ้าเล่ห์ ตะปบผู้หญิงเก่ง ล่าเหยื่อไม่เว้นวัน ล่าได้ทุกที่ที่ไปถึงอย่างเคย เขาไม่เคยกลัวไม่ว่าจะผู้หญิงหน้าไหน ถ้าเขาอยากได้ เขาต้องได้ และจะต้องราบรื่นด้วย แต่กับใบตอง เขาไม่กล้าทำอะไรเลยจริงๆ เธอน่ารัก เรียบร้อย ดูสดใสประหนึ่งดวงตะวันยามเช้า ขณะเดียวกันก็ดูละม้ายคล้ายดวงแก้วเจียระไนอันแสนหวงของตระกูลด้วย แล้วเสืออย่างเขาจะกล้าทำอะไรกันได้เล่า!? เกือบจะตัดใจอยู่แล้ว ถ้าหากวันหนึ่ง แม่สาวน้อยไม่มาถามเขาซึ่งๆ หน้าในสภาพนุ่งกระโจมอก “พี่ขาลมองนมหนูเหรอคะ” “ครับ...มองนม...” เป็นคนตรง เป็นคนซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง มองนมตู้มๆ ก็บอกมองนม แต่ไอ้เวรเอ๊ย! จากเพื่อนพี่ชายที่แสนดี กลายเป็นไอ้โรคจิตมองหน้าอกผู้หญิงแล้ว! ปีขาลอยากเอาหัวตัวเองโขกเสาบ้าน แต่ใบตองก็ทำให้เขาชะงักด้วยคำพูดที่ไม่คาดฝัน “ถ้างั้น...พี่ขาลอยากเห็นไหมคะ เห็นที่แบบ...ไม่มีอะไรปกปิดเลยน่ะ” ชายหนุ่มถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ เจ้าหล่อนรู้หรือเปล่าว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร ถูกเสืออย่างเขาตะปบทีเดียว ครางกระเส่าไม่เป็นภาษาเลยนะ! มิหนำซ้ำยังนัดเขาเสร็จสรรพอีกด้วยว่าคืนนี้ให้ไปเจอกันที่ป่ากล้วยหลังบ้าน อยากเอาท์ดอร์หรือ? เขาจัดให้ ความกระสันในราคะชักนำให้ปีขาลลุ่มหลงมัวเมาในตัณหา โดยไม่รู้เลยว่าร่างอวบอัดที่เขากอดก่ายอยู่หลายค่ำคืนนั้น แท้จริงแล้วเป็น...!?
‘ปีขาล’ เป็นเสือผู้หญิง ใครๆ ในกลุ่มเพื่อนก็รู้ ไม่ว่าจะไปที่ไหน เขามักจะมีเหยื่อติดปากมากินด้วยทุกครั้งที่เขาต้องการ เหตุนั้นก็เพราะเขาเชื่อว่าตัวเองเป็น ‘นักรักที่เป็นนักเขียน’ จึงไม่แปลกที่เขาจะมีถ้อยคำหวานหู ช่างจำนรรจากว่าผู้ชายทั่วไป
และใช่...อาชีพหาเลี้ยงตัวเองของเขาคือนักเขียนนิยายรัก แต่ไม่ใช่นิยายรักธรรมดา เป็นนิยายรัก ‘อีโรติก’ ดังนั้นการออกล่าเหยื่อมากลืนกินตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอยู่บ่อยครั้ง ปีขาลมักจะให้คำตอบกับเพื่อนฝูงหรือคนใกล้ตัวที่ถามถึงเรื่องนี้ว่า ‘เพราะเขาต้องการวัตถุดิบมาเขียนนิยาย ถึงต้องทำตัวเป็นเสือโหย’ อย่างนี้
ฟังแล้วก็เหมือนข้อแก้ตัวน้ำขุ่นๆ แต่สำหรับนักเขียนหนุ่ม เรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง เขาโลดแล่นอยู่ในวงการน้ำหมึกในหมวดนิยายอีโรติกมาร่วมสิบปีแล้ว เอ่ยชื่อนามปากกาไป ใครๆ ก็รู้จัก เขามีผลงานเขียนที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่สารพัดเรื่อง ถ้าให้นับจำนวนล่ะก็...เขาจำไม่ได้หรอก ไม่คิดจะจำด้วย เพราะมันเยอะเกินจะจำ
เอาง่ายๆ ก็คือเวลานี้เขาหมดแรงบันดาลใจอย่างรุนแรง เขายังไปล่าหาผู้หญิงมาเป็นคู่นอนชั่วข้ามคืนเพื่อเอาเธอเหล่านั้นมาเขียนเป็นนางเอกนิยายเรื่องใหม่ของเขาได้อยู่ แต่ไม่สามารถเขียนเรื่องใหม่ได้เลย ยิ่งบรรณาธิการให้โจทย์มาว่าให้เน้นเขียนเส้นเรื่องรักให้ชัดเจนกว่านี้ งานเขายิ่งไม่กระดิก
คนไม่เคยศรัทธาในความรักจะไปเขียนเรื่องรักๆ อย่างนั้นได้ไงกันเล่า!
เขียนให้ตัวละครได้เสียกันยังง่ายกว่าเขียนให้ตัวละครบอกรักกันอีก
เป็นอย่างนั้นแหละ ไม่งั้นเขาไม่มาเน้นเขียนเรื่องอีโรติกที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกายมากกว่าความสัมพันธ์ทางใจอย่างนี้หรอก ส่วนเหตุผลที่เขาไม่ศรัทธาในความรัก คงต้องนับย้อนไปตั้งแต่สมัยที่เขายังเด็ก แม่ของเขาถูกพ่อนอกใจบ่อยครั้ง เรียกได้ว่าไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกลกัน หากมีโอกาส เมียน้อยของพ่อมักเข้ามาในชีวิตของเขากับแม่ตลอด จนวันหนึ่งแม่ทนไม่ไหว ลาจากโลกนี้ไปด้วยอัตวินิบากกรรม ส่วนเขาก็ระหกระเหินไปอยู่บ้านญาติคนนั้นทีคนนี้ที ไม่ได้เจอพ่อเลยหลังจากนั้น กระทั่งเริ่มเขียนนิยายเป็นการหารายได้จุนเจือตัวเองได้อย่างมั่นคงนั่นล่ะ เขาถึงได้ข่าวพ่ออีกทีว่าตายแล้วจากการหัวใจวาย...คาอกเมียน้อยคนที่...เท่าไรก็ไม่รู้
และเพราะหมดแรงบันดาล ทำงานไม่ได้มาเกือบเดือน เขาจึงมองหาสถานที่ใหม่ๆ ในการคิดงาน เผื่อว่าการเปลี่ยนที่ทำงานจะทำให้เขาสมองแล่นหรือได้ไอเดียอะไรดีๆ มากกว่าเดิม ประจวบเหมาะกับที่ ‘คาวี’ เพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยออกปากชวนไปเที่ยวบ้านสวนที่จังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน เขาจึงตอบตกลงไปโดยใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน
ความจริงจะว่าไม่นานก็ไม่ถูกนัก คาวีโทรมาชวนอยู่หลายครั้งหลายครา ปีขาลตอบปฏิเสธไปทุกครั้ง ทว่าในครั้งสุดท้ายที่ปฏิเสธ จู่ๆ คาวีก็บุกมาหาถึงที่บ้านเพื่อชวนไป พร้อมกับอ้างว่าปีขาลจะได้เปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานใหม่ ทำให้คนที่ตื้อตันอยู่ระยะหนึ่งตัดสินใจว่านานๆ ที เปลี่ยนสถานที่ทำงานบ้างก็ดี
เจ็ดวัน...กับการมาเยี่ยมบ้านของคาวี
ปีขาลไม่เข้าใจในตอนแรกว่าทำไมถึงต้องมาอยู่เจ็ดวัน คาวีจึงได้อธิบายให้ฟังว่านั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้กลับบ้านมานาน และเขาเองก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลในตอนนี้ที่ผู้ใหญ่ในบ้านหมายมั่นปั้นมือจะให้เขาสืบทอดมรดกทางจิตวิญญาณด้วยการเป็น ‘หมอธรรม’ ดังนั้นเขาจึงต้องอยู่ในพิธีกรรมพิจารณาดูว่าเขาเหมาะสมกับการรับมรดกตกทอดจากผู้ใหญ่หรือไม่ โดยพิธีกรรมนี้ใช้เวลาทั้งสิ้นเจ็ดวัน
‘แต่หมอธรรมของตระกูลกูไม่เหมือนกับหมอธรรมบ้านอื่นหรอกนะ มีลักษณะพิเศษกว่า’
คาวีอธิบายระหว่างขับรถมาที่บ้านเกิด ปีขาลพอจะรู้ว่าหมอธรรมคือหมอชาวบ้านที่รักษาอาการทางกายและทางใจให้กับพวกชาวบ้านที่เชื่อและศรัทธาในสิ่งที่มองไม่เห็นของคนทางภาคอีสาน แต่ไอ้ความพิเศษของตระกูลคาวีนั้น ทำให้ปีขาลอดถามกลับไม่ได้
‘พิเศษกว่ายังไงวะ’
‘ก็...’ เว้นจังหวะไป พลันเหลือบไปมองเพื่อนที่นั่งกดโทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตาย ‘ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก มึงเอาเวลาฟังกูเล่าไปคุยกับน้องๆ ของมึงเถอะ’
ปีขาลหัวเราะ ยังไม่ละสายตาขึ้นมาจากจอโทรศัพท์
อย่างที่เพื่อนเขาว่าแหละ เรื่องผู้หญิงของเขาน่าสนใจกว่าหมอธรรมอะไรนั่นจริงๆ แหละ ไม่อย่างนั้นคงไม่นั่งพิมพ์พูดคุยเอาเป็นเอาตายกับผู้หญิงที่เขาอ่อยๆ อยู่อย่างนี้ รถเคลื่อนที่ไปอีกระยะ คาวีก็นึกอะไรออก
‘เออ กูลืมบอกมึงไว้อย่าง’
‘ว่า?’
‘ระหว่างเจ็ดวันที่กูจะต้องให้ผู้ใหญ่พิจารณาว่าเป็นหมอธรรมได้ไหม พวกญาติๆ จะมาอยู่ด้วย คนจะเต็มบ้านหน่อยนะ มึงโอเคไหม’
‘โอเคสิวะ ถ้าไม่โอเค ไม่มาหรอก’
ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ถ้าเขาไม่รู้ข้อมูลบ้านของคาวี เขาจะมาให้เสียเวลาทำไม
คาวีเหลือบมอง พร้อมกับพูดลอยๆ
‘งั้นก็ดี หวังว่ามึงจะได้ไอเดียอะไรไปเขียนงานมึงนะ’
ได้สิ! ได้แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง!
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"