เพราะเหตุใดธรรศและมัฌชิมาจึงหันหลังจากกัน ซ้ำร้ายความสัมพันธ์คืนเดียวยังสร้างดวงใจน้อยๆน่าหลงใหล แต่ถูกซ่อนเร้นภายใต้รอยรักของคนทั้งคู่อีกด้วย +++++++++++++++++++++++++++++++++ “ยัยหนูเป็นลูกของใครกันแน่” มัชฌิมาคงไม่รู้ตัวว่าตนเองหายใจลึกและยาวราวกับต้องการสงบสติอารมณ์ก่อนตอบเขาแบบกำปั้นทุบดิน “จะลูกใครก็ลูกอุ่นสิคะ” “พี่หมายถึงว่าใครคือพ่อของยัยหนู” “...พี่ธรรศลืมไปหรือเปล่าคะว่าอุ่นแต่งงานกับพี่นิล และเราก็มียัยหนู” “อย่างนั้นหรอกเหรอ...อยากรู้ไหมว่าพี่ได้หลักฐานอะไรของพอใจมา” เขาถามด้วยท่าทีคล้ายเป็นต่อ คนเป็นแม่กางปีกป้องทันที นึกกังวลตามหากเป็นอย่างที่เขาพูด เรื่องจะยุ่งไปกันใหญ่ “อย่ายุ่งกับอุ่นและลูกนะคะ” “นี่คือการขอร้อง?” “อุ่น...เปล่า” “งั้นพี่จะได้ให้ใครสักคนช่วยขุดเรื่องนี้เอาให้ชัดๆกันไปเลย ว่าจ้างนักสืบเก่งๆมันคงไม่กี่ตังค์หรอกมัง อุ่นคิดว่าไง” “ไม่นะคะพี่ธรรศ อุ่นขอ...” ธรรศยิ้มกว้างกว่าเก่า วางแก้วเหล้าในมือลงก่อนเดินมาตรงมาหาเธอ จนยืนประจันหน้ากันแล้วค่อยโน้มหน้ามาเสียใกล้ บอกเสียงเบาแต่หนักแน่นเน้นความหมาย“พี่เคยบอกแล้วนี่ ว่าถ้าขอร้องพี่ ต้องแลกกับอะไร” เธอผงะส่ายหน้าน้อยๆ “อุ่นไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด ถ้าทับทิมรู้เข้า…” เขาตามมากระซิบคำพูดใส่หน้าเธอ “อุ่นไม่พูด พี่ไม่พูด ใครจะรู้” ก่อนจะรัดแขนรอบลำตัวอ้อนแอ้น มัชฌิมายกมือขึ้นดันอกแกร่งๆนั่นโดยอัตโนมัติ ต่อว่าเขาปากคอสั่น “ทำไมพี่ธรรศเห็นแก่ตัวแบบนี้คะ” “พี่เรียนรู้มาจากอุ่นไง” ธรรศกระซิบวาจาร้ายกาจเหนือริมฝีปากของเธอ ก่อนจะบดเบียดคลึงเคล้าลงมาอย่างหนักหน่วง
“อุ่นเห็นพี่คนนั้นไหมอุ่น”
สุธิตา เพื่อนคนที่ถูกจับคู่ให้มาฝึกงานด้วยกันกับมัชฌิมา นั่งเท้าคางมองเหม่อไปข้างหน้า แล้วถามทั้งน้ำเสียงเพ้อๆ
มัชฌิมาไม่ได้สนใจ เพราะเธอกำลังก้มหน้าเขียนรายงานส่งอาจารย์ที่คุมฝึกงานของเธอ แต่ยังพยายามมีส่วนร่วมด้วยการถามกลับคล้ายว่าสนใจคู่สนทนา “คนไหน”
“คนนั้นไง หน้าเข้มๆดุๆหน่อย คนนั้นน่ะที่นั่งคุยกับอาจารย์หงุ่นอ่ะ” เพื่อนยังคงมีน้ำเสียงเพ้อๆแบบเดิมจนในที่สุด ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง พอเห็นเป้าหมายของสุธิตา ก็ถามยิ้มๆ
“คนที่หน้าบึ้งๆ คนนั้นน่ะเหรอ”
“บ้า อุ่นนี่ ตาไม่ถึงเลยนะแก พี่เขาดูหล่อจะตาย หน้าไม่บึ้งหรอก สเปคเราเลย”
มัชฌิมาเลิกสนใจแล้ว เธอก้มหน้าลงที่รายงานของตนเองดังเดิม แล้วบอกด้วยน้ำเสียงหวังดี “เพื่อนอาจารย์หงุ่นนะ กล้าเหรอ”
“ลองดูไหมล่ะ”
คนพูดออกแนวท้ายทายหน่อยๆเพราะชายคนนั้นนั่งอยู่กับผู้ชายอีกคนแต่ไม่มีอาจารย์คุมฝึกงานที่ชื่ออาจารย์องุ่นนั่งอยู่ด้วย ถึงใจกล้าบ้าบิ่นได้แบบนี้ ว่าจบลุกขึ้นยืนทันที สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินตรงไปที่เป้าหมายไม่รอช้า
มัชฌิมาวางปากกาลงแล้วนั่งอมยิ้มมองเพื่อนสาวใจกล้าที่ออกปากว่าชอบชายคนนั้นเอามากๆถึงขนาดใจกล้าเข้าไปคุยด้วย หญิงสาวยิ้มแล้วทำเป็นมองเมินๆไปทางอื่นเมื่อเห็นชายคนนั้นมองมาที่เธอ ครู่เดียวเพื่อนสาวใจกล้าก็เดินหน้างอกลับมาที่โต๊ะ
“ไงล่ะ” อดถามยิ้มๆไม่ได้
“แกนะแก”
“อะไร”
“พี่เขาบอกว่าเรียนให้จบก่อนค่อยหาผัว”
ฟังเพื่อนบอกแล้ว มัชฌิมาแกล้งตาโต แล้วตอกเพื่อนอีกที “ไงล่ะ เจ็บปวดไหมทีนี้”
“แต่ฉันบอกพี่เขาไปนะ ว่าแกเป็นคนชอบพี่เขา...ไม่ใช่ฉัน”
คราวนี้คนที่ยิ้มแต้แต่แรกหุบฉับลงทันที หันไปแว้ดใส่เพื่อน ใบหน้าออกร้อนเสียจนแทบไหม้ “เอ้ย! ทำไมพูดแบบนั้น”
สุธิตาหัวเราะจนตัวงอ มัชฌิมานั้นหน้าแดงซ่าน อยากบิดเนื้อเพื่อนให้เขียวจนดำจนหลุดติดมือออกมานัก ทำไมมาแกล้งเธอแบบนี้ พอบังเอิญหันไปมองทางนั้นก็เห็นเขามองตอบกลับมาพอดี สายตาคมๆสีดำและดูดุนั่นทำเอาเธอทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว เลยได้แต่บ่นงึมงำ
“เพื่อนบ้า”
เพื่อนสาวยังคงหัวเราะไม่หยุดที่แกล้งเธอได้ มัชฌิมานั้นทั้งโกรธทั้งอายจนบอกไม่ถูก แล้วต่อว่าเพื่อนอีกครั้ง
“ทำไมทำแบบนี้ โอย...ตาย ตาย ฉันต้องโดนหักคะแนนแน่ๆเลย”
“จะหักทำไม แกทำอะไรผิด เออ แต่โดนก็ดี ฉันจะได้คะแนนมากกว่าแกไงอุ่น”
“ทำกันได้ จำไว้เลย”
มัชฌิมาบ่นแล้วฝืนทำตัวเฉยไปก้มหน้าเขียนรายงานต่อจนเสร็จ หญิงสาวออกมาพักที่หอในมหาวิทยาลัยเนื่องจากป้าที่เลี้ยงดูเธอไม่สะดวกขับรถรับส่ง ภาระงานที่เป็นพยาบาลในโรงพยาบาลชุมชนนั้นหนักเอาการอยู่ และเธอก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้ ท่านจึงไว้วางใจให้มาอยู่ยังหอพัก
หลังจากเลิกฝึกงาน จึงแยกกับเพื่อนที่มาคู่กัน เธอติดขัดกับเนื้อหาบางส่วนในรายงานเลยตั้งใจว่าจะแวะไปที่หอสมุดในวันหยุดที่จะถึงนี้
เมื่อถึงวันหยุดหญิงสาวตรงไปยังหอสมุด ขึ้นไปยังชั้นที่ต้องการ เนื่องจากว่าใกล้สอบเต็มที นักศึกษาหลายๆคนจึงเลือกใช้หอสมุดในการนั่งติว นั่งอ่านหนังสือกัน ด้วยว่าที่นี่สงบเงียบทั้งยังมีหนังสือหลากหลายให้ค้นหาอ่าน และเย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศรอบตัวอาคาร จึงแทบไม่เหลือโต๊ะว่าง หญิงสาวเดินหาโต๊ะจนพบแล้วเข้าไปวางกระเป๋าที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่มีเพื่อนนักศึกษานั่งอยู่ก่อนหน้า เธอถามอีกฝ่ายว่ามีใครนั่งหรือไม่ ได้รับคำตอบว่าว่าง จึงเลือกนั่งตรงนั้น
แล้วเดินไล่หาไปตามรหัสบนชั้นวางจนพบหนังสือที่ต้องการ หยิบกลับมาที่โต๊ะก็บังเอิญเห็นมีคนมานั่งยังโต๊ะของเธอแทนเพื่อนหญิงนักศึกษาคนนั้นแล้ว
มัชฌิมาเดินไปที่เก้าอี้ตรงส่วนของเธอในฝั่งตรงข้าม คนที่นั่งอยู่จึงเงยขึ้นมามองหน้าเธอ นาทีนั้นต่างคนต่างอึ้งไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“มีอะไร” เสียงทุ้มถาม เมื่อเห็นว่าเธอยังคงยืนอยู่แถมยังมองหน้าเขานิ่งไป
“เอ่อ…” มัชฌิมามองไปรอบๆห้อง เพื่อหาโต๊ะตัวใหม่นั่งก็พบว่าโต๊ะอื่นมีคนนั่งเต็มหมดแล้ว และเขาคงอ่านสายตาของเธอออก ถึงได้ยินเขาบอกในลำดับถัดมา
“นั่งสิ มันว่างอยู่พอดี”
เธอมาก่อนเขาเสียอีก มัชฌิมาอดมุ่ยหน้าไม่ได้ แต่เธอไม่อยากพูดอะไรมาก แล้วเลยนั่งลงที่เก้าอี้อีกฝั่งเยื้องกับเขา หญิงสาวนั่งจดรายงานที่ตนเองต้องการ จนได้ครบแล้วเธอปิดหนังสือลง เงยหน้าขึ้นก็พบว่าเขานั่งเอนหลังมองเธออยู่
“อ่านหนังสือสอบหรือ” เขาถาม
ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"
"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ
ปัญญารัตน์กำแท่งตรวจการตั้งครรภ์ในกระเป๋าไว้จนเหงื่อชุ่มเต็มมือ วันนี้เธอมาเพื่อบอกเขาว่า ท้อง แต่นายแพทย์อนลกลับเอ่ยปาก บอกเลิกความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่าของเขาที่กำลังย้อนกลับมาคบกันอีกครั้ง
คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ
พ่อหายตัวไปอย่างลึกลับ พี่สาวของฉันถูกข่มขืนและจุดไฟเผา พี่ชายถูกทำร้ายจนตายและโยนศพลงแม่น้ำ ใครจะช่วยฉันได้ในสถานการณ์แบบนี้ . "เป็นคนของผม แล้วผมจะช่วยคุณลากคนผิดมาแก้แค้น" เจ้าของคำพูดนั้นคือ รฐนนท์ นิยายไม่เน้นสืบสวน เน้นความสัมพันธ์ของตัวเอก จบดี แฮปปีค่ะ
วันดีคืนดีก็มีมาเฟียมาจอดหน้าบ้าน บอกว่าอยากได้ที่ของผืนสุดท้ายของเธอ มาเฟีย เจ้าของรีสอร์ท ฟาร์มควาย ม้า วัวที่อยู่ตรงรอยต่อของไทยมาเจรจาด้วยตัวเอง ทันทีที่เจอกัน ศศิร์ธาไม่ได้แค่อยากได้ที่ของเธอ ตัวเธอเองเขาก็อยากได้ด้วย เสียแต่ว่าเป็นม่ายลูกติด ไอ้ระยำนั่นมันเอาอะไรคิดถึงได้ถึงผู้หญิงแบบนั้นไป
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
ใช่... ของฉันมันไม่แข็ง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้แกมาทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน! ฝันไปเถอะ! ไม่อยากถูกฟ้าผ่าโว้ยยยย!
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
คาร์โลส อะลอนโซ อิเกลเซียส มหาเศรษฐีหนุ่มเพลบอยสุดเซ็กซี่ ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในสเปนและติดหนึ่งในห้าของโลก เขาไม่เคยรู้จักคำว่า ‘ผิดหวัง’ อำนาจในมือที่มีอยู่สามารถดลบันดาลทุกสิ่งให้ได้ตามปรารถนา แม้กระทั่ง ‘พรหมจารี’ ของเหยื่อสาวอย่างกัญญิกา คุณานันท์ “คืนนี้เธอต้องอยู่บนเตียงกับฉันต่างหาก... ส่วนพ่อของเธอไม่ต้องเป็นห่วง ฉันให้คนจัดการหาพยาบาลพิเศษเฝ้าให้จนกว่าจะออกจากโรงพยาบาลนั่นแหละ...” คำพูดของคาร์โลสทำเอาแก้มสาวแดงก่ำ ความร้อนผ่าววิ่งไปทั่วทุกรูขุมขน มือบางที่กำโทรศัพท์อยู่สั่นน้อยๆ ขณะกัดฟันข่มเสียงให้เป็นปกติที่สุดตอบโต้คนใจร้ายออกไป “ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ...” “อย่าเข้าข้างตัวเองแบบนั้นสิเมียจ๋า... ฉันไม่เคยคิดจะช่วยเหลือเธอ...” เขาลากเสียงยาวฟังแล้วน่าหมั่นไส้ยิ่งนัก “แล้วทำแบบนี้ทำไม?” “ก็เพราะฉันต้องการเธอบนเตียงของฉันยังไงล่ะ” คำพูดของคนปลายสายฟังแล้วน่าเจ็บใจนัก นี่เขาเห็นหล่อนเป็นอีตัวอย่างที่เขาเคยพูดกรอกหูจริงๆ ใช่ไหม กัญญิกากัดปากแน่น น้ำตาเอ่อขอบตา “คนสารเลว... ฉันเกลียดคุณ...” คาร์โลสยิ้มกริ่มสะใจกับโทรศัพท์ “ฉันก็ไม่เคยอยากให้เธอรักฉันสักหน่อย... จำเอาไว้นะ เธอมันก็แค่ผู้หญิงที่ยอมขายแม้กระทั่งตัวเพื่อแลกกับเงิน มีค่าไม่ต่างจากอีตัวตามซ่องแม้แต่นิดเดียว... ดังนั้นเธอควรจะขอบใจนะ ที่ฉันเรียกเธอใช้ซ้ำอีกรอบ...” น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มสาว ก่อนที่มือบางที่ว่างอยู่อีกข้างจะยกขึ้นปาดมันทิ้งด้วยความเจ็บใจ หากฆ่าผู้ชายคนนี้ได้... หล่อนจะไม่รีรอที่จะทำเลยจริงๆ
คู่หมั้นของเธอนอกใจแม่เลี้ยงของเธอ และทั้งสองก็ร่วมมือกันวางแผนหลอกลวงทรัพย์สินของครอบครัวเธอ และวางกับดักให้เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เพื่อที่จะแก้แค้น เหวินหญ่าจึงตัดสินใจหาผู้ชายคนหนึ่งมาก่อเรื่องที่ที่งานหมั้นและฉีกหน้าพวกเขาทั้งคู่ โดยไม่คาดคิดหลังจาก "ประกาศหาแฟนโดยจ่ายค่าตอบแทนสูง"แล้ว เธอก็ได้หนุ่มสุดหล่อมาจริงๆ! เหวินหญ่าคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กยากจนที่เพื่อเงินเท่านั้น แต่หลังจากอยู่กับเขา โชคของเธอก็ดีขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เดินนเล่นในห้างสรรพสินค้าใดก็ได้รับคูปองสำหรับแบรนด์หรูที่ซื้อฟรีและได้ชุดมูลค่านับแสนฟรี! ในงานหมั้น เขาออกงานอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ทุกคนนั้นตกตะลึงและประกาศอย่างเปิดเผยว่าเธอคือผู้หญิงของเขา! เดิมทีคิดว่าพวกเขาจะแยกทางกันหลังจากเรื่องนี้จบลง แต่เขากลับติดตัวเธอไม่ยอมไปไหนอีก "เราเพิ่งหมั้นกัน ตอนนี้ผมเป็นคู่หมั้นของคุณแล้ว" เหวินหญ่าหัวเราะเบา ๆ "คุณหมิ่น คุณคงไม่ใช่คิดว่าฉันรวยก็เลยไม่ยอมปล่อยฉันมั้ง?" หมิ่นซือหางยิ้ม เขาเป็นหลานชายของตระกูลใหญ่ ตระกูลหมิ่น เป็นซีอีโอของฮั้วเชง กรุ๊ป และเป็นถึงเจ้านายเบื้องหลังที่ควบคุมเส้นชีวิตทางเศรษฐกิจของเมืองไฮทั้งหมด เขาต้องมาสนใจเงินเล็กน้อยของเธอเหรอ? ต่อมาเหวินหญ่ารู้ว่าเขาคือคนที่เอาครั้งแรกของเธอไปในคืนนั้น!