ความสัมพันธ์ทางกายเพียงคืนเดียวก่อให้เกิดความรัก ความผูกพัน ความลุ่มหลง อยากครอบครองตามมาหลังจากนั้นได้ไหม คำตอบของแพรไหมอาจไม่ แต่คำตอบของวิษุวัตนั้นตรงข้ามกับเธอโดยสิ้นเชิง ########## แพรไหมที่เผลอไปมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับวิษุวัต เรื่องจะไม่ยุ่งยากเลย หากเขาจะไม่ใช่ผู้ชายที่พี่สาว(ลูกของป้าสะใภ้)หมายปองเอาไว้ เธอไม่กล้าสู้หน้าเขา แน่ละว่าเพราะความอาย แต่เมื่อได้พบกับวิษุวัตอีกครั้ง เขาก็ยังย้ำเรื่องราวที่เกิดในคืนนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเธอต้องหนีไปให้ห่างจากเขา หารู้ไม่ว่ายิ่งหนีก็ยิ่งปลุกความเป็นนักล่าของวิษุวัตมากเท่านั้น
“ใส่ไปเถอะยัยแพร แล้วลงไปช่วยรับแขกเพื่อนๆของพี่เอพริลเขาเสียที”
คนพูดเป็นหญิงวัยเฉียดห้าสิบปีที่ใบหน้าสวยงามสะพรั่ง แต่ทรวดทรงนั้นฉุมากจนดูคล้ายตุ๊กตาหมีตัวอ้วนๆที่พูดและขยับตัวได้
นางชื่ออาภาเป็นภรรยาใหม่ของคุณลุงหาญ เธอโตมาในความดูแลของลุงตั้งแต่สูญเสียบุพการีไปตอนอายุสิบขวบ แรกทีเดียวเธออยู่กับยาย พอยายเสีย คุณลุงที่เป็นญาติเพียงคนเดียวจึงเข้ามารับเลี้ยงอุปการะตั้งแต่นั้นมา ด้วยความที่ท่านไม่มีบุตรธิดาด้วยละมัง จึงทุ่มความรักทั้งหมดให้กับเธอ ก่อนจะตัดสินใจแต่งงานกับอาภาเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้า
ป้าสะใภ้ของแพรไหมนั้นมีลูกติดหนึ่งคนชื่ออัจฉรานรี รายนั้นมีใบหน้าสวยสดปานกันกับมารดา แต่หุ่นดีสูงยาวมีสัดส่วนสวยงามชัดเจนเฉกเช่นนางแบบ
อาภาเป็นเศรษฐีนีคนหนึ่ง นางมีที่ทางอยู่มาก แถมยังช่วยอุ้มชูกิจการของลุงหาญอีกด้วย ลุงหาญจึงค่อนข้างเกรงใจภรรยาใหม่คนนี้ เธอเองก็ด้วย เมื่ออีกฝ่ายออกปากสิ่งใดมา เธอจึงไม่กล้าปริปากทัดทานสองแม่ลูกแม้แต่ครั้งเดียว
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
แพรไหมขยับชุดแฟนซีคอสเพลย์ที่มีลักษณะเป็นชุดเมดแสนสั้นคลุมก้นได้พอดีเพียงเท่านั้น ค่อยถอนหายใจยาวลงไปช่วยต้อนรับแขกที่ว่าที่เป็นเพื่อนของอัจฉรานรี ลูกสาวของคุณอาภา ป้าสะใภ้ของเธอ
“เด็กในงาน สวยๆทั้งนั้นเลยนะเอพริล”
ชายหนุ่มที่นั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะเดียวกันบอกยิ้มๆสายตากรุ้มกริ่มมองนิ่งอยู่ที่ร่างเย้ายวนในชุดสาวใช้ที่สั้นจนอดลุ้นตามประสาผู้ชายไม่ได้ว่าให้มันเปิดโชว์อะไรให้ได้เห็นบ้างสักนิดใต้ชุดนั้น
“สวยสู้ฉันได้หรือไง” อัจฉรานรีบอกอย่างเชิดๆ
“อันนั้นไม่รู้หรอก แต่เห็นมีอยู่คนหนึ่งสวยหวานน่ารักเชียวล่ะ” ชายคนเดิมว่าต่อ คราวนี้คนที่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตนเองถามกลับด้วยน้ำเสียงติดฉุนเล็กน้อย
“คนไหนยะ”
“นู่นไง” คนเดิมว่า แล้วเสริมทีเล่นทีจริง “รู้จักไหม เรียกมาหน่อยสิ”
แพรไหมกำลังหยิบแก้วเครื่องดื่มส่งให้บรรดาเพื่อนชายหญิงของอัจฉรานรี ตามที่ได้รับคำสั่งมา ตามจริงก่อนจะมาที่บ้านพักชะอำนี่ เธอมีนัดทำรายงานกลุ่มที่อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำให้ทำก่อนจบกับเพื่อนๆและต้องส่งในวันมะรืนนี้ด้วย แต่ป้าอาภากับอัจฉรานรีก็ชวนกึ่งบังคับให้มาที่นี่ด้วยกัน โดยที่เธอไม่ใคร่จะเต็มใจเท่าใดนัก
“แพร! ยัยแพร! มาทางนี้หน่อย”
เสียงเรียกของอัจฉรานรีดังแหวกความคิดเข้ามา ได้ยินแล้วจึงรีบสาวเท้าไวไวตรงไปหาทันที “คะพี่เอพริล”
“มารู้จักเพื่อนพี่หน่อย”
อัจฉรานรีบอกด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจนัก เธอไม่ชอบให้ใครเด่นเกินหน้าเกินตาของเธอ โดยเฉพาะหลานสาวของบิดาเลี้ยงนี่ด้วยที่ตนพยายามกดให้ต่ำกว่าอยู่เสมอ
“นี่เจ้านาย คนนี้ตะวัน นู่นเขม” ส่วนคนที่อัจฉรานรีนั่งคล้องแขนเอาไว้เจ้าตัวไม่ได้แนะนำให้รู้ว่าชื่ออะไร
ชายหนุ่มคนที่ถูกอัจฉรานรีแสดงความเป็นเจ้าของนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆ แต่ดูมีอำนาจราวกับผู้สูงศักดิ์ที่ห้อมล้อมด้วยบริวารน้อยใหญ่รอบกายเขา ชั่วขณะที่สายตามองพาดผ่านเขาไปแพรไหมพบว่าหัวใจของตนเองกระตุกวูบขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ราวกับถูกดึงดูดด้วยพลังงานของชายคนนั้น
ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งสงบแต่เหตุไฉนจึงรับรู้ได้ถึงการรุกรานทางสายตามาดมั่นจากเขา ดวงตาสีดำเข้มคู่นั้นดูลึกลับและน่าหวาดหวั่นอยู่ในที และเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นกะทันหันเมื่อเขามองสบตากับเธอ
สายตาของเขาและเธอสบกันอยู่ครู่เดียวแต่แพรไหมรู้สึกเหมือนมันนานจนต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีไปก่อนเพราะสู้สบตาตอบเขาไม่ไหว
“ไม่มีอะไรแล้ว ไปช่วยบริการเครื่องดื่มต่อเถอะ”
เสียงของอัจฉรานรีบอกขัดขึ้นคล้ายไม่พอใจในบางสิ่ง เจ้าหล่อนรับรู้ได้ถึงความสนใจของชายหนุ่มที่เกาะแขนเขาไว้แน่น วิษุวัตกำลังสนใจแพรไหม
“ค่ะพี่เอพริล”
รับคำแล้วรีบพาตัวเองออกมาจากบริเวณทันที
หลังจากที่ช่วยบริการได้ครู่ใหญ่แล้ว หญิงสาวเลือกที่นั่ง นั่งรอแถวใต้ต้นลีลาวดีที่มีโต๊ะยาวคลุมด้วยผ้าสีขาว หวังว่ามันจะช่วยบดบังเรียวขานวลเนียนของตนเองให้พ้นจากสายตาผู้ชายในงานได้บ้าง
“น้ำไหมน้อง”
คนถามเป็นหญิงที่ตัดผมและแต่งตัวแบบผู้ชายทุกกระเบียดนิ้ว แพรไหมแหงะมองก่อนยิ้มตอบรับ
“ขอบคุณมากค่ะ”
อีกฝ่ายลากเก้าอี้พลาสติกใกล้ๆนั่นนั่งลงคุยด้วย “ชื่ออะไรน่ะเรา”
ยกน้ำดื่มอักๆจนหมดแก้วแล้วถึงตอบออกไป “แพรไหมค่ะ เรียกแพรเฉยๆก็ได้ค่ะ”
“พี่ชื่อรัตน์นะ แล้วนี่กินอะไรหรือยัง ตัวยิ่งจ่อยๆอยู่” อีกฝ่ายถามอย่างมีมิตรไมตรี ท่าทีเป็นคนอารมณ์ดูอยู่ไม่น้อย แพรไหมยิ้มส่งให้แล้วว่า
“ยังเลยค่ะ”
“เอาอะไรไหม พี่ไปตักให้ มียำรวมมิตรด้วยนะ คุณเขารับแต่เจ้าที่ทำอาหารอร่อยๆมาทั้งนั้นเลยล่ะงานนี้”
แพรไหมตอบรับไม่ตรีทันที “ก็ได้ค่ะ ขอบคุณพี่รัตน์มากนะคะ”
รัตน์ลุกออกไปเพื่อตักอาหารมาให้ เมื่อได้มาแล้วเลยชวนกันคุยต่อได้สักระยะ ครู่ใหญ่ๆทีเดียวที่แพรไหมรู้สึกว่าร่างกายของตนออกร้อนวูบๆวาบๆไปจนทั่ว
“เป็นอะไร ทำไมหน้าแดงๆ” รัตน์ทักขึ้นแล้วเพ่งมองเธอไปด้วย แพรไหมเริ่มนั่งไม่ติด ขยับชุดที่สวมไปตอบไปพลาง
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ สงสัยจะไม่สบาย”
ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"
"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ
ปัญญารัตน์กำแท่งตรวจการตั้งครรภ์ในกระเป๋าไว้จนเหงื่อชุ่มเต็มมือ วันนี้เธอมาเพื่อบอกเขาว่า ท้อง แต่นายแพทย์อนลกลับเอ่ยปาก บอกเลิกความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่าของเขาที่กำลังย้อนกลับมาคบกันอีกครั้ง
คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ
พ่อหายตัวไปอย่างลึกลับ พี่สาวของฉันถูกข่มขืนและจุดไฟเผา พี่ชายถูกทำร้ายจนตายและโยนศพลงแม่น้ำ ใครจะช่วยฉันได้ในสถานการณ์แบบนี้ . "เป็นคนของผม แล้วผมจะช่วยคุณลากคนผิดมาแก้แค้น" เจ้าของคำพูดนั้นคือ รฐนนท์ นิยายไม่เน้นสืบสวน เน้นความสัมพันธ์ของตัวเอก จบดี แฮปปีค่ะ
วันดีคืนดีก็มีมาเฟียมาจอดหน้าบ้าน บอกว่าอยากได้ที่ของผืนสุดท้ายของเธอ มาเฟีย เจ้าของรีสอร์ท ฟาร์มควาย ม้า วัวที่อยู่ตรงรอยต่อของไทยมาเจรจาด้วยตัวเอง ทันทีที่เจอกัน ศศิร์ธาไม่ได้แค่อยากได้ที่ของเธอ ตัวเธอเองเขาก็อยากได้ด้วย เสียแต่ว่าเป็นม่ายลูกติด ไอ้ระยำนั่นมันเอาอะไรคิดถึงได้ถึงผู้หญิงแบบนั้นไป
เพราะแอบรักกล้าตะวันมากนาน หวันยิหวาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองรักกับเขา โดยมีมารดาของเขาเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่สำหรับกล้าตะวันแล้ว หวันยิหวาคือนางมารร้ายที่ทำให้เขากับคนรักต้องเลิกรากัน ดังนั้นทุกวินาทีหลังจากงานวิวาห์นี้จบลง หวันยิหวาจะต้องได้รู้จักกับนรกอเวจีปอยเปตอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว “อา... อ๊า...อา...” ลำคอระหงถูกซุกไซ้และดูดเม้ม เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออกไปจากร่างกาย จนในที่สุดก็เปลือยเปล่า กล้าตะวันเลียลงมาที่ไหปลาร้า และมาซบหน้าคลุกเคล้ากับร่องอกอวบ เขาดอมดมกลิ่นสาปสาวอย่างหิวกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนาวางทาบลงกับเต้านมอวบอัดข้างซ้ายของหล่อน “อา... อ๊า... ซี๊ดดดด” หล่อนเผยอปากครางลั่น เมื่อปทุมถันถูกฟอนเฟ้นบีบเคล้าหนักหน่วง ปลายนิ้วแข็งแรงถูไถเม็ดเต่งอย่างเมามัน หล่อนดิ้นเร่าๆ หยัดหน้าอกขึ้นหาสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่นด้วยความกระตือรือร้น
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"