++++++++++++++++++++++++++++++++ เรื่องของเทวัญเจ้าของอู่หนุ่มผู้ดิบเถื่อน กับขวัญรักผู้จำใจมาเป็นเมียของเขา จากการซื้อมาเพื่อเงิน เพื่อบำบัดความใคร่ เรื่องระหว่างเธอกับเขาจะกลายเป็นรักแท้หรือไม่ ต้องลองอ่านกันค่ะ +++++++++++++++++++++ ขวัญรักเม้มปาก สะกดกลั้นน้ำตา ...บอกตัวเองว่าอย่าร้องไห้ เธอตัดสินใจไปแล้ว แม้จะถูกเขาเหยียบย่ำ ดูถูกดูแคลนว่าเป็นผู้หญิงขายตัวขนาดไหนก็จะทนเพื่อครอบครัว ผู้ชายที่เธอเห็นเขาตัวโต สวมเสื้อยืดสีดำพอดีตัว อวดความกว้างของไหล่บึกบึน คิ้วยาวดำพาดเฉียง ดวงตาดำลึก จมูกโด่ง แนวกรามแข็งแกร่ง ปากสีเข้ม เขาคือคนที่ขวัญรักเจอหน้าห้องน้ำนั่นเอง แต่ทว่าก็ไม่อาจหยุดอาการประหม่าจนตัวสั่นของเธอลงได้ “ชื่ออะไร...” หนุ่มเสื้อยืดดำถาม แต่ฟังแล้วดุเหลือเกินในความคิดของเธอ “ขะ...ขวัญรักค่ะ” เธอรู้สึกเหมือนกลับเป็นเด็กอายุสามขวบ ยามที่ไปโรงเรียนอนุบาลวันแรก และต้องแนะนำตัวต่อหน้าเพื่อนทุกคน “มีชื่อเล่นไหม” เทวัญมองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า อยากรู้...ผมที่ถักเปียของเธอหากคลายออกจะยาวขนาดไหน อยากสัมผัส...จะนุ่มละมุนมือหรือเปล่าหนอ “กะ...กวางค่ะ” เรียวคิ้วดำขมวดไปครู่ ก่อนคลายออก นึกชมว่าพ่อแม่ตั้งชื่อสมตัว ท่าทางเธอเหมือนลูกกวางจริง ๆ นั่นแหละ และเขาก็เป็นเสือหิวที่ไม่ยอมปล่อยเหยื่อเนื้อหวานไปง่าย ๆ “ต้องทดลองของสักหน่อยแล้ว ขอยืมห้องหน่อยมึง” เทวัญแค่บอกเล่า ไม่สนใจว่าเจ้าของจะอนุญาตหรือไม่ อย่างไรเสียคืนนี้เขาต้องได้เล่นสนุกกับของราคาแพงที่ซื้อมา “เดี๋ยวก่อนค่ะ ยื่นหมูยื่นแมว ขอเงินก่อน รับโอนนะคะ” ++++++++++++++++++++++++++++++++
[“อยากได้เมียโว้ย”]
กฤตเลิกคิ้วทันทีที่เพื่อนทักมาเป็นประโยคแรก
[“ของขาดหรือมึงอ่ะ ช่วงนี้”]
เจ้าพ่อสถานบันเทิงหัวเราะหึ ๆ ใส่คนโทรมา
[“ไหนว่ามีเด็กมาอยู่ด้วยไง”]
[“เด็กมันสก๊อย แค่เพื่อนนอน ทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากกินกับนอน มันตามฝรั่งในแอปฯไปแล้ว”]
เพื่อนเล่าแบบไม่มีน้ำเสียงเสียดายเลยสักนิด
[“กูยุ่ง ๆ กับงานใหญ่อยู่ ทำงานเสร็จหลับเป็นตาย ไม่ได้หาใหม่เลย วันนี้ว่างเลยโทรหามึงนี่แหละ หาให้คนดิ มาเป็นเมีย ชั่วคราวก็ได้ เผื่อใครไม่อยากรับแขกขาจร อยากอยู่กับกูยาว”]
กฤตเดาะลิ้น คนโทรมาเป็นเพื่อนเก่า หัวหกก้นขวิดมาตั้งแต่สมัยมัธยม รูปไม่หล่อเท่าเขา หน้าตาไปทางบึกบึน บุคลิกมาดแมนสมชาย สาว ๆ ที่ชอบหนุ่มเถื่อน ๆ เข้าหามิได้ขาด
แต่เจ้าตัวนิสัยเป็นฤษี ชอบเฝ้าอู่ เฝ้ารถ พอจะมีผู้หญิงเข้ามาหาหน่อยก็เลิกกันเสียแล้ว ร้อนถึงเขาต้องหาให้ใหม่
[“เดี๋ยวก็ให้ลูกน้องส่งรูปไปให้เลือก”]
[“ไม่เอาว่ะ รูปมันหลอกกันได้ กูอยากเห็นตัวจริงมากกว่า หาเรื่องออกไปกินเหล้าด้วย”]
[“ตามใจ เอาลูกน้องมึงมาด้วยสิ เพิ่มแขกเข้าร้านกูหน่อย ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี”]
[“พวกมันไม่มีปัญญาเคลมตัวท็อปร้านมึงหรอกนะ”]
แม้เทวัญจะได้สิทธิ์พิเศษเข้าสถานบันเทิงได้ฟรีเพราะเป็นเพื่อนเจ้าของ แต่พวกลูกน้องคงได้แต่ดื่มกับมองเด็กในร้านตาปริบ ๆ เป็นแน่
[“เออ มาเถอะ ดูของสวย ๆ งาม ๆ นอกจากรถบุโรทั่งกับจาระบีบ้าง กูเลี้ยงเหล้าขวดหนึ่ง”]
[“โอเค...ดีล คืนวันเสาร์นะ อาทิตย์กูจะปิดอู่”]
[“แล้วแต่มึง กูพร้อมเสมอ”]
สองหนุ่มคุยเล่นเรื่องอื่นตามประสาเพื่อนเก่าอยู่สองสามนาที ก่อนต่างฝ่ายจะวางสายลงไปทำกิจการงานของตนต่อ
“ค่าเช่าน่ะ ให้เดือนนี้เป็นเดือนสุดท้ายนะห้าพัน เดือนต่อไปขอเจ็ดพัน”
หญิงกลางคนผิวขาวน้ำนม สวมเสื้อโครงลายตารางกางเกงเล็กกิ้งพอดีตัว บอกกับขวัญรักที่เพิ่งยื่นค่าเช่าบ้านเดือนนี้ให้
“อ้าว ทำไมขึ้นเยอะจังเลยละคะเจ้ม่วย ตั้งสองพันเชียว”
เธอส่งสายตาขอความเห็นใจ สองพันนี่ซื้ออาหารเข้าบ้านได้ตั้งสองอาทิตย์
“โอ๊ย! สมัยนี้อะไร ๆ ก็ขึ้นราคาหมด ทั้งหมูเห็ด เป็ดไก่ ค่าน้ำมันค่าแก๊ส เธอจะไม่ให้ฉันได้กำรี้กำไรเลยเหรอ”
นางค้อน
“ตั้งสองพัน เจ้ม่วยขึ้นเยอะไปไหมคะ บ้านหนูมีแม่ทำงานคนเดียว ยายก็ป่วย”
“เธอก็เรียนจบปวช.แล้วไม่ใช่เหรอ ต้องหางานทำช่วยแม่ได้แล้ว อย่ามามัวรอแต่กินกับนอน”
เจ้าของบ้านเช่าปรามาส ขวัญรักผิวพรรณดี หน้าตาเข้าที ดูสุขภาพดีเปล่งปลั่งผิดกับการเป็นลูกแม่บ้าน
ดูสิ! ลูกชายกับผัวนางพอรู้ว่าจะมาเก็บค่าเช่าบ้านนี้ ก็ออกท่าทีกระตือรือร้นอยากมาทันที นางละหมั่นไส้ผู้ชายพวกนี้นัก เห็นสาว ๆ หน้าใส ๆ ยิ่งชอบมาก้อร่อก้อติก นางไม่อยากให้วงศ์วานว่านเครือไปเกี่ยวดองกับผู้หญิงยากจนที่มีภาระหนักติดหลังมา
“เจ้ม่วย หนูเพิ่งเรียนจบไม่กี่วันเองค่ะ ยังหางานไม่ได้เลย”
ขวัญรักถึงกับยกมือไหว้
“ขอผัดเรื่องขึ้นค่าเช่าไปสักเดือนสองเดือนเถอะค่ะ ถ้าหนูได้งานแล้วจะรีบเอามาจ่ายเลย”
“ได้ยังไง!”
หญิงกลางคนหวีดเสียงแหลม
“ฉันก็ต้องกินต้องใช้นะ มีค่าใช้จ่ายอื่นอีก ฉันจะขึ้นค่าเช่าเป็นเจ็ดพัน ถ้าไม่พอใจก็ย้ายออกไป มีคนตั้งเยอะที่ยอมจ่ายค่าเช่าราคานี้”
เจ้ม่วยไม่มีความปรานีเลย ตั้งใจจะขูดเลือดเนื้อเอากับปู
“โถ่ เจ้คะ บ้านหนูไม่มีจริง ๆ”
“ไม่มีก็ไปหาทำงานสิ อย่างอมืองอตีน หางานดี ๆ ไม่ได้ก็ใช้หน้าตาหากินไป”
นางริษยาในความสาวอ่อนเยาว์ จึงแสดงความใจดำ ปากก็เอ่ยถ้อยคำจงใจดูถูก
“อย่าทำตัวโง่ เอื่อยเฉื่อยสนิมสร้อยนักเลย”
อีกทั้งวาจายังถากถางร้ายกาจ ก่อนสะบัดร่างอวบขาวไป
ขวัญรักปิดประตูเหล็กขึ้นสนิมเก่าคร่ำคร่า คอตก อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ยัยเจ้ยักษ์ขมูขีนั่นจะขึ้นค่าเช่าบ้านเหรอพี่กวาง”
เก้งในชุดนักเรียนมัธยมต้นสอดมือมาขยับกลอนประตูให้เปิดออก แล้วน้องชายก็แทรกกายเข้ามาในบริเวณบ้าน
“เสียงดังลั่นซอยเลย”
“อือ...”
เธอพยักหน้า
“เก้งหิวไหม กินอะไรมาหรือยัง”
“ไม่ล่ะ เพื่อนผมเลี้ยงชานมไข่มุกมาแล้ว”
หนุ่มน้อยที่สูงเกือบเท่าพี่สาวแล้ว ระบายยิ้มที่มุมปาก
“อย่าไปให้เพื่อนเลี้ยงบ่อย ๆ นะ เกรงใจเขา”
“ผมช่วยมันทำการบ้านนะพี่ เป็นข้อแลกเปลี่ยนกันไง”
เก้งเอาตัวรอดได้ต่อหน้าพี่สาวเสมอ
“งั้นก็เข้าบ้าน มาช่วยดูยายหน่อย พี่จะทำกับข้าวเย็นรอแม่มา”
สองพี่น้องก้าวเคียงกันไปยังห้องนั่งเล่นที่มียายผู้นอนติดเตียงดูโทรทัศน์อยู่ เก้งวางกระเป๋านั่งคุยกับยายจ้อย ๆ ส่วนเธอเปิดตู้เย็น สำรวจผักและเนื้อสัตว์ที่พอจะเหลืออยู่เพื่อทำมื้อเย็น ประมาณหนึ่งทุ่มแม่ก็กลับมาพร้อมใบหน้าเศร้า ๆ
“บริษัทแม่ปิดกิจการ”
ขวัญรักเข่าอ่อน แทบล้มทั้งยืน
“ฝ่ายบุคคลบอกว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้ว จ่ายเงินเดือนให้สามเดือน ส่วนที่เหลือให้ไปฟ้องเอา”
พอเห็นมารดาห่อเหี่ยวเช่นนั้น เธอรีบฝืนยิ้ม ทำตัวให้เข้มแข็ง
“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะจ๊ะ พรุ่งนี้กวางจะไปหางานอีก งานรายชั่วโมงก็เอาจ้ะ”
ขวัญรักให้ความหวังตนเองและมารดา แม้จะรู้สึกหนทางริบหรี่ เพราะเธอหางานมาเป็นเดือนแล้ว ยังไม่มีบริษัทไหนเรียกสักที ในสถานการณ์เศรษฐกิจเช่นนี้ ไม่ใช่มีเพียงคนที่รัดเข็มขัด บริษัทต่าง ๆ ก็เขี้ยวในการรับคนเช่นเดียวกัน
“เก้งก็จะไปช่วยหางานทำเสาร์อาทิตย์ อย่างรับจ้างเฝ้าร้านเกมไงแม่”
น้องขันอาสาอีกแรง
“แม่กลัวเก้งจะเหนื่อยไปนะสิลูก แค่อยู่บ้านช่วยดูแลยายในวันหยุดก็พอ”
สีหน้าแม่แช่มชื่นขึ้นมาบ้าง ที่เห็นลูกสองคนขยัน หาทางช่วยเหลือครอบครัว
“แม่มากินข้าวก่อนเถอะค่ะ วันนี้กวางทำน้ำพริกผัดหมูของโปรดแม่ด้วย”
ขวัญรักแก้สถานการณ์ทุกอย่างด้วยการกิน
“มีไข่เจียวมะเขือเทศของเก้งด้วยนะ”
“กิน ๆ หิวแล้ว”
น้องเอามือลูบท้อง เข้าครัวช่วยกันเอาโต๊ะพับขึ้นมา ลำเลียงอาหารวาง ล้อมหน้ากันกินมื้อเย็นพร้อมหน้าพร้อมตัวครอบครัว โดยที่ขวัญรักกินข้าวในจานตัวเองคำ ป้อนยายบนเตียงคำ
ตั้งแต่ฉันได้กุหลาบสีม่วงมาอย่างบังเอิญ ฉันก็เริ่มฝันถึง อัศวินชุดดำ แม่มดในกระท่อม แมวดำ ความตายสีเพลิง ...และดวงตาสีฟ้าปริศนาที่ทำใจเต้นแรงคู่นั้น ++++++++++++++++++++++++ เราสบตากัน ดวงดาวสีฟ้าที่ฉันเคยใฝ่ฝัน ดวงดาวที่ฉันอยากเอื้อมให้ถึง "เจ้าเป็นเพื่อนที่ข้าไว้ใจที่สุด" เขาโกหกฉัน เหมือนที่ฉันก็โกหกเขา ตลอดมาฉันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นเพียงเพื่อน ผู้คุมปลดโซ่ ทหารเข้ามาล้อมรอบตัวฉัน ผลักขึ้นสู่บันได ที่มีอีกคนยืนอยู่พร้อมขดเชือกหนา ร้อยรัดมัดร่างกายฉันไว้อย่างแน่นหนา ชายอ้วนเตี้ยพล่ามอะไรอีกแล้ว ฉันไม่ได้ยินเพราะเสียงร้องไห้ระงมของหลายคนบนเสาต้นข้าง ๆ บ้างก็ก่นด่า บ้างตะโกนบอกตนไม่ผิด ดวงดาวสีฟ้ายังส่องแสง ขณะในตาฉันกำลังเลือนรางด้วยน้ำสีแดง กลุ่มเส้นไหมสีทองซบลงที่ไหล่เขา ทันใดนั้นดวงดาวสีฟ้าก็กะพริบ หลุบมองเธอในชุดขาว "ประหารแม่มด" ท่านอาจารย์ที่รับเลี้ยงฉันเคยพูดไว้ หากแผลใดทำเราเจ็บมาก ถึงที่สุดแล้วมันจะชา กระทั่งไม่รู้สึกอะไรอีก "ไม่มีแผลใดที่ไม่มีวันหาย" ฉันยิ้ม นึกเยาะเย้ย อาจารย์โกหกเสียแล้ว ตอนนี้ฉันเจ็บมาก เจ็บปวดเหลือเกิน ทำไมยังไม่ชาอีกล่ะ +++++++++++++++++++++++++ ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชารีญา เปรียบเสมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน เธอหนีงานแต่งมาด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ทว่าเมื่อหลบซ่อนอยู่ในโรงแรมเธอกลับได้มาพบกับเขา มาเฟียร้ายจอมไร้อารมณ์ เดเมียน จัสติน วินด์ทรอฟ ไม่มีอารมณ์ใครและปรารถนาต่อผู้หญิงคนไหนมาก่อน กระทั่งได้มาพบเธอ ผู้หญิงที่มีดวงตาที่เป็นประกายและช่วยปลุกไฟสวาทของเขาให้ตื่นขึ้นมา ค่ำคืนพลาดพลั้งของทั้งคู่ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อวันใหม่มาเยือน เธอคนนั้นก็หนีจากไป จนทำให้เขาต้องใช้ทุกวิธีเพื่อตามเธอกลับมา เขายอมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ มากด้วยแผนการ ยินยอมเป็นมาเฟียที่ชั่วร้ายในสายตาของเธอคนนั้น เพียงเพื่อกักขังเธอไว้ให้อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป สถานที่ที่เธอคนนั้นละอยู่ได้บนโลกใบนี้มีเพียงข้างกายเขาเท่านั้น!
วัชรมัยเคยทิ้งไผท ทิ้งลูก แล้ววันนี้กลับมาร้องขอความเป็นแม่อีกครั้ง ไผทจะไม่มีวันให้อภัย! ++++++++++++++++++++++++++ “ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าเธอจะเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่ต้องไม่ใช่ตอนอยู่กับฉัน” ขายาว ๆ ย่างสุขุมเข้ามา หญิงสาวทำตัวลีบเล็ก กระทั่งหลังติดแนบหัวเตียง “ฉันไม่ใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร!” “พี่ป้อ...” เอ่ยยังไม่ทันจบ ริมฝีปากซีดก็ถูกประกบด้วยอวัยวะชนิดเดี๋ยวกัน “อื้อ...” ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน มีแต่การบังคับดุดัน ไผทดูดดึงริมฝีปากบางจนฮ้อเลือด “เห็นเธอป่วย ว่าจะใจดีให้พักเสียหน่อย แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถอดเสื้อผ้าออก ฉันจะเช็คของ!” เมื่อจุมพิตอย่างไม่เต็มใจจบลง เสียงทุ้มต่ำดังแหวกเสียงหรีดเรไรข้างนอก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศหนาวเหน็บชวนขนลุก ไผทแสยะยิ้มร้ายกาจให้คนบนเตียง “ทำสิ ไม่งั้นก็ไสหัวไปออกจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตลูก” วัชรมัยกลืนทุกความรู้สึกกลับไปในอก มือสั่นถอดเสื้อผ้าออก “จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ” เสียงในสมองดังก้องสะกดจิตตนเอง เพื่อได้อยู่กับลูก ต่อให้ต้องลงนรกขุมไหนเธอก็จะทน! +++++++++++++++++++++++++++++
ภริยา(ไม่รัก)ของมาเฟีย +++++++++++++++++ “ถ้าฉันไม่มีลูก คุณก็จะไม่มาที่นี่ใช่ไหม” ในใจส่วนลึกคาดหวังคำตอบว่า...ไม่ใช่ เลโอนาร์ดเบนสายตามองเธอนิ่ง “คงจะอย่างนั้นแหละ” ประไพสุดาเม้มริมฝีปากแน่น กายสั่นเทิ้ม “เลโอนาร์ด เบลุซซี่ คุณออกไปจากที่นี่ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก เด็กในท้องนี่เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ถ้าอยากได้แกก็ฆ่าฉันเสียเถอะ” ดวงตาดำสนิทลุกวาว มองอดีตสามีดังจะสาปส่งให้สลายเป็นจุณ “ฉันเกลียดคุณ!” +++++++++++++
อย่าเข้ามาค่ะ! ความรัก ++++++++++++++++++ เมื่อคนอกหักมาวันไนต์แสตนด์กัน จากที่คิดว่าแค่วันไนต์ กลายเป็นมีภาคสอง หัวใจที่บอบซ้ำสองดวง จะเปลี่ยนไปอย่าไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเข็ดกับความรัก ++++++++++++++++++++ "ลูกพี่ลูกน้องของคุณทำว่าที่สาวเจ้าของคุณท้องอย่างนั้นหรือคะ" สีหน้าของฤดีรัตน์ตกใจมาก ๆ เจ็บหัวใจแทนเขาเลย "ครับผม แต่ยังดีที่ยังไม่ได้ร่อนการ์ดเชิญ มันโคตรรู้สึกแย่เลยนะ สามเดือนมาแล้วนะ ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นเลย รู้สึกเจ็บอยู่ข้างในเนี่ย" "ฉันเข้าใจคุณเลยค่ะ เพราะของฉันมากกว่าสามเดือน" "แล้วผมจะเป็นอย่างคุณไหม" "ไม่มั้งคะ เพราะคุณดูมีสติมากกว่าฉันเสียอีกค่ะ แค่หาคนใหม่" ชนิษฐากรอกหูเธอทุกวันเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ได้ แต่เอาคำปรึกษาของเพื่อนมาบอกเขา "หาคนใหม่ยังไง" คิ้วเรียวเลิกขึ้น "หนามยอกให้เอาหนามบ่งยังไงล่ะคะ" ฤดีรัตน์ทำเป็นยกมือป้องปากกระซิบ "ไม่เข้าใจครับ" "คุณก็แค่หาผู้หญิงคนใหม่ ไม่จำเป็นต้องคบก็ได้ค่ะ แค่มาคั่นกลางให้เรารู้สึกดีขึ้น" เธอยักไหล่ แสร้งทำเป็นช่ำชองเรื่องการหาคนใหม่มาดามใจ "แล้วทำไมคุณไม่ทำ" "ก็ฉันยังไม่ได้เจอคนที่ชอบนี่คะ อย่างน้อยก็ต้องชอบก่อน" "ถ้างั้นทฤษฎีนี้ก็ไม่ได้ผลนะ ที่จริงไม่ต้องชอบกันก็ได้มั้ง แค่รู้สึกไม่รังเกียจก็พอ" เขายกเบียร์ขึ้นจิบ ฉุนนิด ๆ ที่ต้องมาฟังทฤษฎีเพ้อเจ้อ "คุณรังเกียจฉันไหม" ฤดีรัตน์หรี่ตาปรือ "ถ้ารังเกียจผมจะให้คุณนั่งโต๊ะเดียวกันเหรอ" "ถ้าอย่างนั้นคืนนี้" หมอคชาจ้องหน้าเธอ "คืนนี้นอนกับฉันได้ไหมคะ วันไนท์สแตนด์ ไม่ผูกมัด ไม่ผูกพัน" +++++++++++++++++++++ มีตัวละครต่อเนื่องจากเรื่อง รักอย่า...หย่ารัก นะคะ อ่านแยกกันได้ค่ะ ไม่งง ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชนิษฐารักคณิศร แต่เขารักอีกคน อ้อมกอดเขามีให้เธอ แต่ในใจเขาคิดถึงใคร ทำดีสักเท่าไร สุดท้ายคณิสรมองชนิษฐาเป็นเพียงเครื่องมือผลิตลูก การแต่งงานอันหลอกลวงต้องจบลง ถึงเวลาแล้ว ที่เธอจะหย่า! +++++++++++++++++++++++++++++ ชนิษฐาช็อกกับภาพตรงหน้า "ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นได้คนผลิตลูก แม่วัวยังไงล่ะคะดิน แต่สำหรับหวาย หวายคือนางในดวงใจของดิน อ้า อะ อะ อะ..." คงจะเป็นสามีของชนิษฐาด้วยที่เด้งเอวตอบกลับการกระทำของสุธาวี เคล้ง... ข้าวของในมือของชนิษฐาร่วงหล่น คณิศรยกหัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สายตาของเขาสบต้องสายตากับชนิษฐา ที่ในเวลานี้น้ำตาที่ไหลลงมากลบม่านตา ยืนปากคอสั่น สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของชนิษฐาในตอนนี้ คือหนีไปให้ไกลแสนไกล เธอวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ตรงไปที่รถของเธอ แล้วขับออกไป คณิศรผลักตัวของสุธาวี "ออกไป พอได้แล้วหวาย หยุดเถอะ คุณกำลังทำให้ชีวิตผมพัง" "หวายทำพังเหรอคะ พังเหรอคะ ดิน... เราสองคนกำลังมีความสุขด้วยกันต่างหาก ดินยอมรับความจริงเถอะค่ะว่าคุณน่ะขาดหวายไม่ได้" ++++++++++++++++++++++++++++++ ติ๊ง... ติ๊ง... มีข้อความเข้า และทุกวันนี้จะเป็นข้อความจากสินเป็นส่วนใหญ่ คณิศรหยิบมือถือขึ้นมา เมื่อเปิดเข้าไปดู รูปที่บาดตาบาดใจ บาดหัวใจ ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูให้กับชนิษฐา เธอหันมายิ้มให้เขา และขึ้นไปนั่ง คณิศรถึงกับทิ้งมือถือ และหลับตาลงทันที เขาเศร้าหม่นในหัวใจมาก ทำไมเป็นแบบนี้ มันจะลงเอยแบบนี้ไม่ได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา