'สินค้าพรีเมียม' สุดพิเศษ ดีเยี่ยมจนลูกค้าต้องซื้อซ้ำ!! เพราะเป็นลูกจ้างมันรวยช้า 'เซาะทราย' ดีไซเนอร์ชุดชั้นในสตรี จึงเลือกที่จะเปิดแบรนด์ของตัวเอง 'Sai' ชุดชั้นในเดลิเวอรี่จึงเกิดขึ้น และทำให้เธอได้พบเขา 'ชาร์ค อิโญน่า' สายลับหนุ่มสุดหล่อ 'เธอส่งเขาไปเป็นสินค้าพรีเมียมให้กับลูกค้า เพื่อแลกกับยอดขายก้อนโตที่มีแต่จะเพิ่มขึ้นตามปากต่อปากของผู้ใช้บริการ และเขาก็เต็มใจทำ เพราะความหฤหรรษ์นับครั้งไม่ถ้วนที่ได้รับ มาพร้อมกับภารกิจที่จะสำเร็จอย่างงดงาม' ชาร์คต้องทำทุกวิถีทางที่จะเข้าถึงตัวเป้าหมายให้มากที่สุด แม้ต้องแฝงตัวเป็นพนักงานจัดส่งที่ 'หล่อ ล่ำ อึดเป็นเลิศ' ก็ต้องยอม
“ฌอง เซลิเซ่” ถนนที่เต็มไปด้วยความหรูหราของสินค้าและโลกแฟชั่น ถนนที่มีภัตตาคาร ร้านอาหารขนาดต่างๆ หรือแม้แต่ร้านอาหารจานด่วนให้เลือกบริโภคได้ตามรสนิยม ถนนแห่งความบันเทิงทั้งโรงละคร โรงภาพยนตร์หรือแม้แต่นางโชว์ และเป็นถนนที่หลากหลายไปด้วยผู้คนหลากเชื้อชาติ
ร้านกาแฟข้างทางดูเหมือนจะมีมากกว่าร้านรวงอื่นๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักและทอดอารมณ์มองถนนที่มีชีวิตนี้ด้วยความสุข แต่ร้านที่ลูกค้าสาวๆ จะให้ความสนใจเป็นพิเศษนั้นคงไม่พ้น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง หรือน้ำหอมแบรนด์ดังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Chanel, Guy Laroche, Dior, Caron, Givenchy, Rochas, Guerlain, Paco Rabanne หรือแม้แต่ Louis Vuitton เจ้าพ่อแบรนด์กระเป๋าชั้นนำของโลกที่สร้างจุดเด่นให้ร้านของตัวเองโดยไม่เลือกสถานการณ์แม้ในขณะกำลังปรับปรุงร้านอย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้า
กำแพงแห่งแฟชั่นที่สูงตระหง่านจนนักท่องเที่ยวต้องป้องปากร้องอุทานเบาๆ เพราะกระเป๋า Louis ใบยักษ์ไม่ต่างจากกำแพงตึกขนาดมหึมาหลากสีหลายรุ่น ที่ทางผู้ดำเนินการตกแต่งร้านนำมากั้นบดบังสายตาผู้คนที่จะมองเห็นขั้นตอนการดำเนินงานด้านใน
สิ่งที่เห็นยิ่งตอกย้ำว่า “ฌอง เซลิเซ่” ไม่ว่าจะอยู่สถานการณ์ใดก็ยังคงเต็มไปด้วยสีสันของแฟชั่นไม่เสื่อมคลาย และด้วยชื่อเสียงก็ทำให้ผู้คนต่างใฝ่ฝันที่จะมาเที่ยวชม ช้อป ชิม แชะ แชท แชร์ เรื่องราวความเป็นไปบนถนนแห่งนี้กันสักครั้งหากมีโอกาสได้มาเยือนกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อที่จะมาสัมผัสกับบรรยากาศที่ที่ความหลากหลายอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว และนั่นก็นับรวมถึงเธอ “เซาะทราย”
ร่างงามระหงในสัดส่วน 36-24-36 ด้วยสายเลือดสองเชื้อชาติที่ไหลวนอยู่ในตัวเธอทำให้เซาะทรายพกพาความสูง 172 เซนติเมตร ไปไหนต่อไหนให้คนได้มองและทึ่งกับความสวย สง่า เก๋ และดูดีมีสไตล์ได้อย่างลงตัว
ชุดถักโครเชต์ผ้าฝ้ายสีครีมคอปาดแขนยาวและทิ้งระบายละกับสะโพกที่โยกย้ายไปมายามเจ้าของร่างเคลื่อนไหว เข็มขัดหนังเส้นโตสไตล์คอร์เซ็ตต์ ถุงน่องสักหลาดเพิ่มความอบอุ่นพร้อมความเก๋ได้ในช่วงอากาศหนาวๆ และรองเท้าสานส้นสูงติดดอกไม้สีเดียวกันกับโครเชต์ แน่นอนที่สุดว่ากระเป๋าสะพายใบเก๋ก็ต้องเป็นคอลเล็กชั่นเดียวกันกับรองเท้าได้อย่างลงตัว
เครื่องแต่งกายที่บ่งบอกรสนิยมดูโดดเด่นขึ้นมาอีกเท่าตัวเพราะเธอเป็นคนสวมใส่ ไม่จำเป็นต้องเลือกเครื่องแต่งกายแบรนด์เดียวกันหัวจรดเท้า เพราะแค่นำมาแมทซ์กันอย่างลงตัวมันก็ดูดีอย่างที่สุดแล้ว เธอถือคติว่า ปารีสเป็นเมืองแห่งแฟชั่นก็จริง แต่หากต้องแต่งกายตามแฟชั่นทุกกระเบียดนิ้วมันก็คงจะดูรกมากกว่าที่จะดูสวย ดังนั้นแล้วโครเชต์รุ่นแม่จึงเก๋ได้ใจกับถุงน่องนำสมัย
เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกเป็นลอนใหญ่ตามธรรมชาติรับกับใบหน้าที่ผสมผสานความเป็นยุโรปกับเอเชียได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ดวงตาสวยหวานที่ล้อมกรอบไปด้วยแพขนตางอนงามแม้จะดูหวานแต่ประกายภายในกลับฉายชัดถึงความไม่ยอมแพ้ จมูกโด่งได้รูปทรงราวสวรรค์สรรค์สร้าง และริมฝีปากอวบอิ่มที่เหมือนจะแย้มยิ้มน้อยๆ อยู่เสมอนั้น แค่ได้รับการแต่งแต้มสีสันเล็กน้อย เซาะทรายก็เหมาะที่จะเป็นนางแบบแถวหน้าของห้องเสื้อใดสักแห่งบนถนนแห่งนี้
ทว่า... กลับไม่ใช่ เพราะอาชีพที่เธอเลือกท้าทายกว่านั้น และจุดเปลี่ยนในชีวิตกำลังจะเริ่มต้น เพียงแค่เธอจะได้คำตอบในวันนี้
นักท่องเที่ยวมากมายที่กระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆ บนถนนแห่งนี้ ต่างมาเยี่ยมเยือนด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน บ้างต้องการมาดูความศิวิไลซ์ทางด้านความงาม บ้างต้องการมาซึมซับและจับจ่ายซื้อหาสินค้าแฟชั่น และก็มีที่ต้องการเพียงมาเที่ยวชมบรรยากาศและเลือกรับประทานอาหารจากร้านค้าหลากสไตล์
แต่สำหรับเธอแค่แฮมเบอร์เกอร์สัญชาติเบลเยี่ยมสักชิ้นก็อิ่มได้ไปครึ่งวันแล้ว และใครจะเชื่อว่าที่ ฌอง เซลิเซ่ จะมีแฮมเบอร์เกอร์ที่อร่อยชนิดที่ว่าร้านไหนก็ไม่อร่อยเท่า และทำให้เธอมาฝากท้องได้ทุกๆ วัน แต่หลังจากวันนี้ล่ะเธอยังจะมีโอกาสได้มาอิ่มกับมื้อเช้าที่นี่อีกไหม
ดวงตาสวยหวานฉายแววเจิดจ้าท้าทายไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาช้อนขึ้นมองป้ายด้านหน้าตึกที่ตกแต่งสไตล์โปรวองซ์หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สไตล์คันทรีฝรั่งเศส แต่ด้านในนั้นตกแต่งด้วยธีมสีชมพูหวานแหววให้เข้ากับแบรนด์ Princesse ชุดชั้นในสำหรับสาววัยใสที่เลือกเริ่มต้นแห่งวัยสาวด้วยผลิตภัณฑ์ของที่นี่ แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่
ริมฝีปากอวบอิ่มสีลูกพีชฉ่ำน้ำเม้มเข้าหากันพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่เธอตัดสินใจมาแล้ว และไม่ใช่เป็นการตัดสินใจฉับพลันแต่เป็นการไตร่ตรองมากว่าสัปดาห์ สิ่งที่ตัดสินใจไปแล้วคนอย่างเซาะทรายจะไม่เปลี่ยนแปลง
“อะไร! จู่ๆ จะมาบอกว่าลาออก เธอเห็นพี่เป็นยังไงฮะทราย! เป็นหัวหลักหัวตอให้เธอโดดข้ามเพื่อไปหาจุดที่สูงกว่าอย่างนั้นเหรอ แล้วมาบอกแบบนี้พี่จะไปหาดีไซเนอร์ได้จากไหนทัน ไม่ใช่ว่าดีไซเนอร์ชุดชั้นในจะหากันได้ง่ายๆ นะ พี่เข้าใจว่านี่มันเมืองแฟชั่น มีนักเรียนจบใหม่มากมาย แต่ใครจะทำงานให้พี่ได้ถูกใจเท่าเธอ ทราย... คิดดูใหม่อีกครั้งนะ เธออยากได้เงินเพิ่มสักเท่าไร เธอก็บอกพี่มาสิ ไม่ใช่เอะอะๆ ก็จะลาออก อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะว่าแบรนด์ไหนๆ มาจีบเธอบ้าง”
เสียงแปดหลอดเต็มไปด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยวของเกรซดังขึ้น ทั้งเรียกร้องความเห็นใจ ทั้งค่อนแคะ และทั้งเอาเปรียบ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำๆ ไปมา เพราะมันหลายครั้งแล้วที่การเริ่มต้นและจบอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
หากนาไม่แล้ง ข้าวไม่แห้งตาย ‘เดช’ ก็ไม่คิดจะหอบเอา ‘ฟ้า’ เมียรักเข้ามาทำงานในเมืองกรุง แต่ความจนทำให้เลือกไม่ได้ และงานดี เงินดี เจ้านายเห็นใจ ก็เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด ทว่า... หากรู้ว่ามาแล้วจะต้องเสียเมียให้นายฝรั่ง เดชเลือกที่จะไม่มาเสียยังดีกว่า แต่... เสียแล้วคือเสียเลย สิ่งเดียวที่จะชดเชยความแค้นก็คือ ‘เมียนาย’ คุณผู้หญิงเร่าร้อน เร่งเร้า รุนแรง และมากครั้งเท่าที่ต้องการ เดชไม่รู้แล้วว่านั่นคือการแก้แค้นหรือรางวัล +++++ ‘เดช’ พา ‘ฟ้า’ เมียรักมาทำงานที่บ้านนายฝรั่ง แต่ ‘คริส’ นายฝรั่งกินเมียเขาไปแล้ว และยังเอาดุ้นยาวใหญ่มาล่อให้ฟ้าติดใจ จนฟ้ากินไม่อิ่มไม่พอ อยากได้อะไรที่เทียบเท่า เขาก็เลยแอบกิน ‘โรส’ เมียของนายฝรั่ง แก้แค้นให้สาสม แต่แค้นช่างแสนหวานและฉ่ำชุ่ม จนเขาต้องกินซ้ำๆ ยิ่งได้กินพร้อมๆ กับพี่โชค เขาก็ยิ่งเมามัน และแน่นอนว่าโรสชอบ ในขณะที่นายฝรั่งกระหยิ่มยิ้มที่ได้กินเมียเขา เดชกลับสุขและยิ้มกว้างยิ่งกว่า เพราะเขาได้กิน ‘คุณหนูแพทตี้’ คุณหนูช่างร่านร้อนไม่ต่างจากแม่ แน่นอนว่าเขาชวนพี่โชคมากินด้วย
‘หากหัวใจปราศจากความแค้น คงไร้แล้วซึ่งลมหายใจ’ สำหรับหล่อน เขาคือชายชุดดำ บอดี้การ์ดหน้านิ่งของพ่อ เคร่งขรึม เก๊กหล่อ หมางเมินใส่ราวหล่อนไม่สำคัญ ก็แน่ล่ะ เพราะพี่สาวเขากำลังจะมาเป็นเมียใหม่ของพ่อ แต่มีเหรอที่หล่อนจะยอม นารีมีรูปเป็นทรัพย์ฉันใด หล่อนก็พร้อมจะลงทุนเพื่อสิ่งที่ได้มา ภายใต้แว่นดำนั้น หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่า ‘หัวใจ’ หรือเปล่าที่ซุกซ่อนอยู่ แต่สำหรับเขา... หล่อนคือ เหยื่อ! ที่ความแค้นจะได้เอาคืน
ความรักหรือเพียงความปรารถนาแค่ข้ามคืน พบกับนิยายสุดเร่าร้อน 3 เรื่อง 1.คืนเคาท์ดาวน์ 2.คืนฝนฉ่ำรัก 3.คืนเหงาสาวข้างบ้าน
#มาดามทรายกับชายเลี้ยงม้า เปิดประสบการณ์รักร้อนในฟาร์มม้ากันสักครั้ง หรือจะลองกลิ่นฟางแห้งบ่มแดดอุ่นๆ ในโรงนาก็ไม่เลวนะ +++++ เคิร์กรู้ว่าฉันชอบขี่ม้า เขาจึงสอนให้ฉันขี่ม้าจริงๆ หลังจากขี่เขาจนช่ำชองมาหลายครั้ง และฉันก็หัวไวสอนง่ายซะด้วย เพราะเมื่อฝึกหัดขี่ม้าจริงตอนเย็นเสร็จ พอตกกลางคืนฉันก็ซ้อมขี่กับม้าเทียมอย่างเคิร์กอยู่ทุกวัน ไม่ได้ว่างเว้น และก็มีบ้างเป็นบางวันที่ฉันทนไม่ไหวและเคิร์กก็อดไม่ได้ เมื่อฟางใหม่หอมกลิ่นแดดเร่งเร้าความกำหนัดของเราเหลือเกิน เคิร์กก็จะพาฉันไปซ้อมขี่กันที่คอกม้าในโรงนาซะหลายครั้ง และความตื่นเต้นก็ทำให้ฉันกับเคิร์กคึกคักกันมากเป็นพิเศษ ยามที่ฉันควบขี่เคิร์กอยู่ในโรงนา กลิ่นฟางแห้งที่รองรับร่างกายยิ่งใหญ่ของเขาอยู่นั้น เร้าใจจนฉันควบขี่เขาได้ไวกว่าที่เคยทำได้ บั้นเอวและช่วงบั้นท้ายทำหน้าที่โยกตัวไปข้างหน้าและโย้มาข้างหลัง ทว่าปากก็ร่ำร้องบอกถึงความเสียวซ่านที่ดุ้นบังเหียนกระทำกับร่องลึกลับของฉันอยู่ตลอดเวลา
พี่หนึ่งจะทำยังไงถ้าต้องเจอหน้า ‘พี่ชมพู่’ อยู่ทุกวัน รุ่นพี่สาวสวยที่เขาเคยไปสารภาพรัก แต่เธอกลับปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยด้วยข้อหา ‘เด็กไป’ ครั้งนี้ พี่หนึ่งตั้งใจจะลบคำสบประมาทให้ได้ พี่ชมพู่จะได้รู้ว่า ‘รุ่นน้อง’ ก็ทำอะไรได้หลายๆ อย่างไม่แพ้รุ่นพี่ โดยเฉพาะพี่หนึ่งน่ะจบด็อกเตอร์สาขา ‘เซ็กซ์ศาสตร์’ มาซะด้วย ‘เด็กกว่าแล้วไง’ รุ่นพี่ถ้ามาเจอ ‘รุ่นน้อง... สายดาร์ก’ จะทนได้เหรอ พี่หนึ่งจะพิสูจน์เอง
เพราะเป็นคนสวน 'เมฆ' จึงต้องรดน้ำดอกไม้ของ 'คุณนายชวนชม' ทั้งวัน...ทั้งคืน ‘คุณนายครับ’ เป็นเรื่องราวความเร่าร้อนของ ‘เมฆ’ คนสวนหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวกายดำแดง ตามแบบฉบับคนท้องไร่ท้องนาเต็มขั้น เมื่อเมฆต้องมาทำสวนที่บ้านของ ‘คุณนายชวนชม’ เมฆก็เลยต้องเป็นคนสวนที่ดีที่สุด ดังนั้นดอกไม้ในบ้านของคุณนายไม่ว่าจะมีกี่ดอก เมฆก็ต้องทำหน้าที่รดน้ำดอกไม้เหล่านั้นให้ชุ่มฉ่ำ ทั้งวันและทั้งคืน
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"