เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
“ยูชิงซู คุณ ตายแน่!”
บนเตียงขนาดใหญ่ปรากฎร่างชายผู้หนึ่งที่แววตาของเขาลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความโกรธ เขาใช้มือทั้งสองของเขากำรอบลำคอของหญิงสาวแล้วออกแรงบีบอย่างแรง
หายใจไม่ออก!
หญิงสาวเพี่งจะตื่นมาก็ถูกชายผู้นั้นรัดคอโดยที่เธอยังไม่ทันรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอสัมผัสได้แค่เพียงว่าออกซิเจนในปอดค่อย ๆ จางลง และความปรารถนาที่จะเอาตัวรอดจากสัญชาตญาณของเธอ ทำให้เธอต้องยกมือขึ้นเพื่อจับมือของอีกฝ่ายแล้วพยายามดึงมันออกจากกัน
แต่เธอก็สู้แรงของเขาไม่ไหว การต่อต้านของเธอกลับทำให้เขาออกแรงเพิ่มขึ้นไปอีก ดวงตาทั้งสองของชิงซูเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ประสาทการรับรู้ของเธอค่อย ๆ เลือนลาง สติของเธอกำลังจะหลุดลอยไป
ปัง!
แม่บ้านพังประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว เห็นภาพดังนั้น เธอรีบรุดเข้าไปคว้าแขนของชายผู้นั้นออก “นายน้อยคะ นายน้อย ปล่อยสิคะ ปล่อย! นายหญิงกำลังจะตายแล้วนะคะ”
“เธอสมน้ำหน้าที่โดนมันแล้ว!” เขาส่งเสียงรอดไรฟัน ดวงตาทั้งสองของเขาเต็มไปด้วยความคับแค้น
แม่บ้านพบว่าร่างของชิงซูนั้นค่อย ๆ อ่อนแรง จนเกือบนิ่งสนิทในที่สุด แม่บ้านจึงรีบคุกเข่าขอร้องข้างเตียง “นายน้อยคะ ถ้าฉันปล่อยให้นายน้อยพลั้งมือฆ่านายหญิงไปแล้ว แล้วอย่างนี้คุณจะให้ฉันมีหน้าไปพบคุณท่านได้อย่างไร วิญญาณของคุณท่านคงจะไม่มีทางสงบสุขแน่ ๆ ” แม่บ้านร่ำไห้
‘คุณย่า?’
อารมณ์ของ ‘จ้านซือซั่ว’ สั่นคลอนเมื่อได้ยินแม่บ้านเอ่ยถึงคุณย่า แรงบีบที่มือจึงค่อย ๆ คลายลง
ชิงซูใช้โอกาสนี้ดึงมือของซือซั่วออก แล้วลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว เธอหอบหายใจแล้วเขยิบถอยหลังด้วยใบหน้าซีดเผือด
“นายน้อยคะ ไหน ๆ วันนี้คุณทั้งสองก็จะหย่ากันแล้ว จากนี้คุณก็ไม่ต้องทนเห็นหน้านายหญิงต่อไปอีกแล้ว!ปล่อยเธอไปเถิดค่ะ” “นายน้อยได้โปรดเห็นแก่หน้าแม่ของนายหญิงที่เคยช่วยชิวิตคุณท่านไว้ด้วยนะคะ ฉันขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรนายหญิงเลย อย่าทำอะไรหุนหันพลันแล่นอย่างนี้อีกเลยนะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้นายน้อยซือซั่วก็สงบลง เขาผละลุกออกจากเตียงแล้วคว้าเสื้อมาสวมไว้ด้วยท่าทีเย้อหยิ่ง
“ใบหย่าฉันจะให้เฟินฉีส่งมาให้ เธอเซ็นเสร็จก็รีบไสหัวออกไปซะ!อย่าให้ฉันได้เห็นหน้าเธอที่นี่อีก!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อพูดจบเขาก็จากไปพร้อมแม่บ้านตามไปด้วย
ประตูถูกปิดอย่างรุนแรงจนเสียงนั้นดังกระเทืยนโสตประสาทของชิงซู เธอเอามือทาบอกด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเธอซีดขาว สมองของเธอสับสน
เธอก้มศีรษะลงและมองสำรวจดูรอยช้ำบนร่างกายที่เปลือยเปล่าของตนเองอย่างไม่เชื่อสายตา
เหตุการณ์เมื่อสักครู่นอกจากจะทำให้เธอเกือบจะลมหายใจลงในนาทีสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอื่นบนร่างกายที่เธอได้รับ
เมื่อสติของเธอกลับมาทำให้เธอรู้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบนกล้ามเนื้อทุกสัดส่วน
ชิงซูไม่พบเสื้อผ้าของสตรีในห้องแต่งตัว ตู้เสื้อผ้ามีเพียงแค่เสื้อเชิ้ต กับกางเกง และชุดสูทสีทึบสำหรับผู้ชายเท่านั้น
เธอจึงทำได้แค่เลือกหยิบเสื้อเชิ้ต และกางเกงขายาวสีดำมาสวมใส่ แต่ไซส์มันใหญ่เกินไป ขากางเกงนั้นยาวลงไปกองกับพื้นห้องจนเกิดเป็นภาพที่ดูไม่จืดเลย
ความเจ็บปวดบนร่างกายของเธอยังไม่บรรเทาลง ขมับของเธอเต้นเป็นจังหวะ ชิงซูทรุดตัวลงบนโซฟา แล้วหลับตาพลางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในไม่ช้าความทรงจำอื่นที่ไม่ใช่ของเธอก็แทรกเข้ามาในหัวของเธอเต็มไปหมด
ผ่านไปพักใหญ่ เธอจึงค่อย ๆ ยกเปลือกตาขึ้น เธอได้เรียบเรียงเหตุการณ์ผ่านความทรงจำทั้งหมดของเจ้าของร่างเดิมก่อนที่เธอจะเสียชีวิต และในที่สุดก็ได้ข้อสรุปสองประการ
เธอได้กำเนิดใหม่จาก ‘หลัวหยาน’ สู่ร่างของ ‘ยูชิงซู’
เจ้าของร่างเดิมชิงซูนั้นเป็นคุณหญิงน้อยกำพร้าแม่ แม่ของเธอจากไปด้วยอาการป่วยที่ยากเกินรักษา ส่วนพ่อของเธอนั้นเป็นผู้ชายสารเลวที่ไม่เอาถ่าน อีกทั้งชิงซูยังหลงรัก ‘จ่านซือซั่ว’ อย่างสุดหัวใจ
ก๊อก ก๊อก
เสียงคนมาเคาะประตู พร้อมด้วยเสียงเรียกที่เย็นชาของใครคนหนึ่ง “นายหญิง คุณอยู่ในนั้นหรือเปล่า?”
ชิงซูจัดการพับแขนเสื้อ และม้วนกางเกงขึ้นก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตู ชายร่างสูงที่ดูเย็นชายืนอยู่ข้างหน้าเธอพร้อมกับเอกสารในมือของเขา
“เฟินฉี” เธอค้นหาความทรงจำเกี่ยวกับชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่ยากเย็นนัก
เขายื่นปากกาพร้อมเอกสารการหย่าให้เธอ ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย “นายหญิง คุณซือซั่วส่งให้ผมมาดำเนินการเรื่องการหย่าระหว่างคุณ กับนายน้อยซือซั่ว นี่เป็นข้อตกลงทั้งหมด กรุณาเซ็นชื่อในเอกสารด้วย”
ชิงซูเหลือบมองเอกสารการหย่าร้างที่ถูกส่งมา เธอนึกถึงคำที่แม่บ้านพูดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ เธอถึงตระหนักได้ว่าวันนี้เป็นวันครบรอบการแต่งงานปีที่สองของเจ้าของร่างเดิมและจ่านซือซั่ว
นี่เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง เอกสารการหย่าก็ถูกร่างขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วเหรอ? ‘เห็นได้ชัดว่า ซือซั่วรังเกียจชิงซูได้มากเพียงใด’
เธอหยิบเอกสารขึ้นมาพร้อมเซ็นชื่อลงไปอย่างรวดเร็ว
“เสร็จแล้ว” ชิงซูยื่นเอกสารกลับไปให้เฟินฉี
เฟินฉีรู้สึกประหลาดใจกับการยินยอมอย่างง่ายดายของชิงซู ก่อนที่เขาจะเข้ามาหาชิงซู เขาได้รับคำสั่งจากคุณซือซั่วว่า ‘หากชิงซูไม่ยินยอม ก็ให้บังคับเธอพิมพ์ลายนิ้วมือลงไปให้ได้’
“คุณชิงซู คุณจะไม่อ่านข้อตกลงการหย่าหน่อยเหรอครับ?” เฟินฉีรับมันไว้โดยไม่รีบร้อนกล่าว
ชิงซูเลิกคิ้วแล้วตอบว่า “ไม่ล่ะ”
“คุณไม่อยากรู้หรอกว่าคุณจะได้อะไรหลังจากการหย่าร้างในครั้งนี้” เฟินฉีขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามย้ำอีกครั้ง
ชิงซูถลกขากางเกงขึ้นอีกครั้ง แล้วยิ้มตอบกลับไปว่า “ไม่นิ ไม่เห็นมีอะไรต้องอยากรู้เลย” เธอไม่ต้องดูก็เดาได้ไม่ยาก ‘ผลลัพธ์คงมีได้แค่สองอย่าง คือทำให้เธอล้มละลาย หรือไม่ก็ไล่เธอให้พ้นจากบ้านไปโดยไม่ได้ทรัพย์สินใด ๆ ไม่ว่าจะวิธีไหนก็แล้วแต่ เพราะคงไม่เกินความสามารถของทนายมืออาชีพไปได้หรอก
เมื่อเห็นท่าที่เฉยเมยของชิงซู เฟินฉีก็หลับตาแล้วตอบกลับไปว่า “คุณชิงซู คุณหยูเฉิงแค่ต้องการให้คุณย้ายออกจากบ้านไปโดยไม่ได้รับทรัพย์สินใด ๆ เท่านั้น”
“ถ้างั้นฉันก็ฝากขอบคุณเจ้านายของคุณแทนฉันด้วยก็แล้วกัน” เธอยังทำท่าเฉยเมยต่อ ชิงซูเจ้าเดิมจะรักจ่านซือซั่วมากเท่าไร แต่เธอไม่สน เพราะเธอเองไม่ได้รัก
เธอไม่อยากอยู่กับคนที่อยู่ดี ๆ ก็ทำร้ายเธออย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เล่นเอาซะเธอเกือบตายรอบสอง มันไม่ง่ายที่รอดชีวิตได้ เธอต้องรักษาชีวิตตัวเองไว้
เฟิงฉีจ้องมองไปยังลำคอขาวเรียวของเธออย่างไม่ตั้งใจ
“คุณอยากให้ผมช่วยเรียกหมอมาให้ไหมครับ?”
เมื่อชิงซูได้ยินคำเหล่านี้ก็สะกิดให้เธอนึกขึ้นได้ ถึงรอยแดงปื้นใหญ่รอบลำคอที่เกิดขึ้น หวนให้นึกถึงความรู้สึกที่ใกล้จะขาดใจตายกลับเข้ามาอีกครั้ง
เธอส่ายหัว “ไม่ ฉันไม่ตายง่าย ๆ หรอก”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ขอให้คุณรีบเก็บสัมภาระแล้วออกไปให้จากที่นี่ให้เร็วที่สุดด้วยครับ” น้ำเสียงของเฟิงฉีเย็นชา
ชิงซูพยักหน้าโดยไม่ลังเล เธอถกขากางเกงขึ้นพร้อมกับเดินเท้าเปล่ากลับไปยังห้องของเธอทันที ซือซั่วเกลียดชิงซูเป็นอย่างมาก เขาแทบไม่อยากเห็นหน้าเธอ เพราะฉะนั้นระยะห่างระหว่างห้องของเธอและเขาจึงห่างออกมาพอสมควร
หลังจากเดินมาได้สักพัก ในที่สุดก็ถึงห้องของเธอ
เดิมทีห้องนี้เป็นเพียงแค่ห้องที่ไว้ใช้สำหรับเก็บของ แต่เมื่อเธอได้จดทะเบียนสมรสกับจ่านซือซั่ว ห้องนี้ก็กลายเป็นห้องนอนของเธอไป เธอผลักบานประตูออก แล้วพาขากางเกงที่ยาวพะรุงพรังลากผ่านทางเดินแคบ ๆ เข้าไปในห้อง
ห้องนี้มีขนาดเล็กมากซะจนไม่อาจจะขยับตัวไปไหนได้เลย ทั้งห้องมีเพียงแค่เตียงนอน และโต๊ะเครื่องแป้งเล็ก ๆ เท่านั้น
ของส่วนตัวของชิงซูมีไม่มากนัก เธอมีแค่เสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชิ้น และเครื่องสำอางค์เล็กน้อยแค่นั้นเอง เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดแจงยัดเสื้อผ้าสองสามชิ้นใส่กระเป๋าเดินทางของเธอ จากนั้นก็ถือมันออกไป
“เอาล่ะ ฉันเก็บของเสร็จแล้วล่ะเฟินฉี ฉันไปก่อนนะ ไปแล้วไปลับไม่หวนกลับน่ะ!” พฤติกรรมของชิงซูตอนนี้ราวกับนกน้อยที่ได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ
“จะไปไหนคะพี่สาว?” ทันใดนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออก เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวที่สวมชุดสูทคนหนึ่งก้าวออกมา ปลายของรองเท้าส้นสูงของเธอกระทบกับกระเบื้องหินอ่อนเกิดเป็นเสียงดังก้อง เสียงพูดของเธอนั้นนุ่มนวลน่าฟัง
เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้