ทั้งๆที่เธอไม่เคยเชื่อเรื่องความรัก แต่เธอกับรู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกขังเอาไว้เพื่อรอใครบางคน จนกระทั่งฉันได้พบกับเธอ ถึงได้รู้ว่าหัวใจดวงนี้มันถูกขังไว้รอใคร
ซ่าาา
หยดน้ำฝนตกกระทบพื้นจนเกิดเสียงซ่าซ่าเป็นระยะๆ อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้ามืดครึ้มจนดูไม่ออกว่าตอนนี้เป็นเวลาช่วงบ่ายหรือว่าช่วงเย็นกันแน่ ณ คฤหาสน์ใจกลางเมือง ภายในห้องนอนปรากฏร่างสูงโปร่งของหญิงสาวนอนหลับใหลอยู่บนเตียงนอนขนาดKing Sizeแม้ฝนข้างนอกจะตกหนักเพียงใดแต่ภายในห้องของหญิงสาวช่างเงียบสงบมีเพียงเสียงแอร์คอเนชั่นเบาๆที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้
.
.
"อยู่กับฉันได้มั้ย"
ภาพหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวบนเตียงนอนเอ่ยพูดอย่างน่าสงสารหยดน้ำตาหลั่งไหลออกมาจนเปื้อนพ่วงแก้มทั้งสองข้าง หากแต่หญิงสาวร่างเล็กแม้ว่าจะแสดงอาการเหมือนลังเล หากแต่หล่อนก็ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธหญิงสาวร่างสูงที่มีหน้าตาไม่ต่างกับคนบนเตียงอยู่ดี
ภาพความฝันที่ราวกับว่าจะวนลูปเกิดขึ้นซ้ำๆ หากแต่ใบหน้าของหญิงสาวในห้วงแห่งความฝันหญิงสาวที่เอาแต่ปฏิเสธช่างพร่าเบลอซะจนมองไม่ชัด ราวกับสวรรค์กำลังกลั่นแกล้ง ให้เธออยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น หัวใจเต้นระรัวราวกับกลองรั่วยิ่งเวลาที่เธอเกือบจะเห็นใบหน้าของหญิงสาวร่างเล็กที่เอาแต่ปฏิเสธความอยากรู้อยากเห็นก็ยิ่งเพิ่มพูน
"เฮือกกกก!!"ยังไม่ทันได้เห็นใบหน้าที่ชัดเจนก็ราวกับถูกบางอย่างปิดกั้นจนต้องลืมตาตื่นขึ้นมาแม้ใจจริงจะไม่อยากลืมตาตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว
"เธอเป็นใครกันแน่"เหงื่อบนใบหน้าที่ไหลออกมาจนรู้สึกร้อนไม่ได้ช่วยทำให้หญิงสาวบนเตียงนอนรู้สึกอะไรไปมากกว่า คิดถึงถึงใบหน้าที่ไม่อาจจะจดจำได้
"ทำไมต้องตื่นตอนนี้ด้วยวะ!!"
เอ่ยบ่นอย่างหงุดหงิดตัวเอง เธออยากจะเห็นหน้าของผู้หญิงที่ทำให้เธอเอาแต่ตามติดไม่ยอมปล่อยวางแม้จะผ่านมานานแค่ไหน ก็ยังคงปราถนาที่จะเห็นใบหน้านั้นอยู่ดี
ราวกับว่าเธอกำลังรอคอยหล่อน ราวกับว่าถ้าไม่ใช่หล่อนก็จะเป็นใครไปไม่ได้ ไม่รู้ว่าที่เธอรู้สึกอยู่ตอนนี้มันเป็นเพราะอะไร และหญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนเธอในความฝันเป็นใครกันแน่ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าจะเป็นตัวเองแต่ก็ไม่เหมือนตัวเธอเอง เธอไม่เคยอ้อนวอนขอความรักจากใคร ไม่เคยเชื่อว่าความรักมีจริงบนโลก แล้วเธอจะไปหลงรักใครก็ไม่รู้ได้อย่างไง
แล้วทำไมในความฝันใบหน้าที่เหมือนกับเธอถึงเอาแต่อ้อนวอนขอความรักจากผู้หญิงคนนั้นอยู่เรื่อยไป ทั้งเธอยังรู้สึกยึดติด ราวกับว่าหัวใจถูกแช่แข็งเอาไว้ ไม่มีความรู้สึกให้ใครทั้งนั้น
"เห้ออ~~ "
ถอนหายใจออกมาแรงๆ จะคิดมากให้ตายอย่างไงสุดท้ายก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันคืออะไรกันแน่ และเธอกำลังรอคอยอะไร
เรียวขาทั้งสองข้างก้าวลงจากเตียงตรงไปยังมุมห้องซึ่งมีรูปวาดของหญิงสาวร่างเล็กภาพวาดสวยงามหากแต่ดูเหมือนจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ขาดเพียงใบหน้าที่ว่างเปล่าเหมือนต้องการรอการเติมเต็มที่ยังไม่มีแม้แต่วี่แววที่จะพบ
นัยน์ตาสีม่วงราวอัญมณีจ้องมองภาพวาดตรงหน้าอยู่นานราวสิบนาที ทำราวกับว่าถ้าเธอจ้องนานกว่านี้บางทีใบหน้าที่อยากจะเห็นอาจจะปรากฏออกมาให้เธอได้มองเห็นแม้ความเป็นจริง เธอจะจ้องภาพวาดภาพนี้เกือบทุกวัน แต่ก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เธอจะได้เห็นใบหน้าที่ต้องการ ทุกๆครั้งเมื่อเธอเริ่มนึกออก ราวกับมีบางอย่างปิดกั้นจนสุดท้ายเธอก็นึกไม่ออกอยู่ดี
"เธอเป็นใครกันแน่"
เอ่ยพูดอย่างเหม่อลอย มือบางยกขึ้นมาลูบที่ใบหน้าของหญิงสาวในรูปภาพที่ว่างเปล่าอย่างแผ่วเบา ในบางครั้งเธอก็อยากจะลบๆความรู้สึกพวกนี้ออกไปให้หมด แต่ทำอย่างไงสุดท้ายเธอก็ทำไม่ได้ ยิ่งช่วงนี้ความฝันก็ดูเหมือนจะมีบ่อยขึ้น ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม ใบหน้าที่เคยเรียบนิ่ง คิ้วเรียวกับเริ่มขมวดเข้าหากัน
เธอหยิบภาพวาดภาพนั้นขึ้นมาก่อนจะจับมันทุ่มลงบนพื้นด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
โครม!!!!
ยิ่งนึกถึงความฝันที่ถูกหญิงสาวคนนี้ปฏิเสธอยู่เรื่อยไป แม้จะคิดว่าคนที่ถูกปฏิเสธไม่ใช่ตัวเอง แต่ยามที่คิดว่าใบหน้าที่เหมือนกับเธอราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกันถูกปฏิเสธก็ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดจนระงับอารมณ์ตัวเองไม่ไหว
ทะลุมิติมาอยู่ในร่างนางเอก ที่ต้องคู่กับพระเอก แล้วเธอจะยอมงั้นหรอ ไม่มีทาง!! เธอไม่ได้ชอบผู้ชาย!! งานนี้ก็ต้องหนีสิคะรออะไร แต่ไหงเธอดันไปขโมยรูทของคุณพระเอก จนเป็นผลทำให้คุณนางร้ายตามติดเธอเป็นเงา!
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"