มณีรินตกกระไดพลอยโจนมาเป็นแฟนหลอกๆ ของรุ่นพี่ทันตะฯ สุดหล่อแบบงงๆ แต่นั่นยังไม่งงมาก เท่ากับการที่ตื่นเช้าขึ้นมาในวันหนึ่ง แล้วตกเป็นภรรยาของรุ่นพี่เข้าจริงๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับหล่อนกันนะ?! ความร้อนฉ่าจากปากจากลิ้น และนิ้วมือของมังกรมันคือที่สุดของอุปกรณ์ทรมานทางเพศ น้ำของหล่อนไหลหยาดเยิ้ม มิอาจจะต่อสู้กับผู้ช่ำชองในเพลิงกามาได้อีกต่อไป หล่อนเด้งร่อนเนินสวาทขึ้นสูง และเมื่อเขาซุกหน้าหล่อๆ ลงมาหา และแยกกลีบสาวออกจากกัน พร้อมกับแหย่ลิ้นสากลงไป หล่อนก็กรีดร้องและเสร็จสมทันที
มณีริน ศิริสุวรรณ นักศึกษาคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง หญิงสาวเป็นเด็กจากต่างจังหวัด ที่พยายามถีบตัวเข้ามาเรียนในเมืองหลวง เพื่อที่อนาคตข้างหน้าจะได้ทำงานที่ดี และสามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ที่แก่เฒ่าลงทุกวันได้
หญิงสาวเดินหอบหนังสือตรงไปยังคณะของตัวเอง แต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อมีเสียงแตรรถยนต์ดังขึ้น พร้อมกับรถยนต์สีแดงสดราคาแพงระยับพุ่งเข้ามาหา หล่อนกรีดร้อง แต่ก่อนที่จะถูกรถชน ก็มีใครบางคนเอื้อมมือมากระชากแขนเอาไว้ ทำให้หล่อนรอดตายมาอย่างหวุดหวิด
ร่างของหล่อนล้มทับลงไปบนอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งราวกับแผ่นกระดาน หล่อนหลับตาปี๋ ความหวาดกลัวทำให้หล่อนร้องไห้ออกมา นานเท่าไหร่ไม่รู้ได้ จนกระทั่งเสียงแหลมสูงปี๊ดของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นนั่นแหละ หล่อนถึงได้สติ
อ้อมแขนของผู้ชายคนที่หล่อนล้มลงไปทับเขาทั้งตัวค่อยๆ คลายออก ใบหน้าของหล่อนอยู่ห่างจากใบหน้าผู้มีพระคุณแค่คืบเดียวเท่านั้น แล้วก็เหมือนว่าหล่อนตกอยู่ในมนต์สะกด เมื่อสบประสานสายตากับดวงตาคมกริบคู่นั้น
ทำไม... หล่อนรู้สึกหัวใจเต้นแรงแบบนี้นะ...
เขาเป็นใคร ทำไม... ถึงได้หล่อราวกับเทพบุตรชั้นฟ้าแบบนี้
หล่อนมัวแต่อ้าปากค้างตกตะลึง จนเขาต้องกระแอมเตือนออกมา
“จะลงไปจากตัวพี่ได้หรือยังครับ”
“เอ่อ...”
หล่อนได้สติรีบพลิกตัวลงทันที และก็รีบลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกจากตัว
“ริน... ขอบคุณมากค่ะ”
เขาระบายยิ้มเล็กน้อย ลักยิ้มที่สองมุมปากยิ่งทำให้เขาหล่อเหลาจนน่าประหลาดใจ หัวใจของหล่อนเต้นแรงมาก จนแทบจะทะลุออกมาจากอก
“พี่... ชื่ออะไรเหรอคะ”
“มังกร”
รุ่นพี่ที่หล่อนรู้เพียงแค่ว่าชื่อมังกร เดินจากไปในที่สุด หล่อนยืนมองเขาไปจนลับสายตา ก่อนจะหันกลับไปหาผู้หญิงที่ยืนท้าวสะเอวรออยู่
“เดินข้ามถนนไม่มองรถเลยหรือไงยะ”
“รินขอโทษค่ะ”
ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนนี้ หล่อนจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า เป็นรุ่นพี่ปีสามที่เป็นคนอัญเชิญพระเกี้ยวเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง
“ขอโทษแล้วมันหายไหม นี่ถ้าฉันเบรกไม่ทัน ฉันก็คงกลายเป็นฆาตกรไปแล้ว”
“ริน... ขอโทษจริงๆ ค่ะ”
หล่อนยกมือขึ้นไหว้อย่างสำนึกผิด
“โง่ๆ เซ่อๆ แบบนี้ คงมาจากต่างจังหวัดสินะ ใช่หรือเปล่า”
“รินมาจาก... น่านน่ะค่ะ”
“หึ นึกแล้วเชียว พวกบ้านนอก”
ผู้หญิงที่มีหน้าตาราวกับนางฟ้า แต่ปากคอกลับร้ายกาจราวกับแม่มด
“ริน... ขอโทษอีกครั้งนะคะที่ทำให้รุ่นพี่เสียเวลา”
“อย่ามาเรียกฉันว่ารุ่นพี่ ฉันไม่มีรุ่นน้องโง่ๆ กระจอกๆ อย่างเธอหรอก”
แล้วผู้หญิงที่หล่อนไม่รู้จักแม้แต่ชื่อก็สะบัดหน้าใส่ ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถ พร้อมกับขับจากไปอย่างรวดเร็ว หล่อนทำได้แค่ยืนมอง และสมเพชตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ ริน”
มณีรินรีบกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่คราบน้ำตา ก่อนจะหันไปหาอันดา เพื่อนเพียงคนเดียวที่ยอมคบหากับเด็กต่างจังหวัดอย่างหล่อน
“มีเรื่องนิดหน่อยนะอันดา”
“กับพี่รุ้งเหรอ”
“รุ้ง?”
“ก็พี่คนสวยๆ เมื่อกี้นี่ไงล่ะ พี่รุ้งลาวัล ดาวเด่นของมอเราเลยนะ”
คำพูดของอันดาทำให้หล่อนยิ้มเจือนๆ ออกมา
“ฉันเผลอไปข้ามถนนตัดหน้ารถพี่เขานะ แต่ฉันก็ขอโทษไปแล้ว คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ”
“คราวหน้าคราวหลังก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน พี่เขาค่อนข้างแรงน่ะ”
มณีรินยิ้มเศร้าๆ ให้กับเพื่อนสนิท ก่อนจะพากันเดินตรงไปยังคณะของตนเอง ระหว่างก็อดที่จะถามถึงใครอีกคนไม่ได้
“อันดา ฉันมีเรื่องจะถามน่ะ”
“ว่ามาสิ”
“คือ... ตอนที่ฉันจะถูกรถชนน่ะ มีรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งมาช่วยเอาไว้ แล้วฉันก็รู้แค่ว่าเขาชื่อมังกร...”
แค่หล่อนพูดชื่อมังกรออกไป อันดาเพื่อนซี้ก็ทำตาโตเท่าไข่ห่านเลยทีเดียว
“ใช่ ผู้ชายตัวโตๆ สูงๆ แล้วมีลักยิ้มเก๋ๆ ใช่หรือเปล่า”
“ใช่... อันดารู้ได้ยังไงล่ะ”
“แหม พี่มังกรฮอตจะตายไป สาวๆ กรีดทั้งมหา’ลัยเลยล่ะ ว่าแต่เธอคงไม่ได้ชอบพี่เขาหรอกนะ” อันดาหรี่ตามอง และถาม
มณีรินอึกอักพูดไม่ออก เพราะหล่อนตกหลุมรักเขาจริงๆ
อันดาเห็นท่าทางของเพื่อนก็เดาได้ทันทีเลยว่าตกหลุมรักมังกรเข้าให้แล้ว
“คู่แข่งเธอมีเป็นพันเลยนะ ริน”
“เอ่อ... ขนาดนั้นเลยเหรออันดา”
“อืม ยิ่งกว่านั้นอีก เพราะนี่แค่สาวๆ ในมอเรานะ ยังไม่รวมมออื่น”
คู่แข่งของหล่อนเท่าแผ่นฟ้า ในขณะที่หล่อนมีเสน่ห์แค่แผ่นใบไม้เท่านั้น รักนี้คงไม่มีทางสมหวังแล้วแน่นอน
“เยอะจัง ฉันคง... ทำได้แค่แอบรักเท่านั้นแหละ”
“ก็ลองเขียนจดหมายไปสารภาพรักดูสิ บางทีพี่มังกรอาจจะชอบผู้หญิงแบบเธอก็ได้นะ”
“หน้าตาอย่างฉันเนี่ยนะ”
อันดามองเพื่อนทั้งตัว ก่อนจะพูดออกมา
“เธอก็สวยดีนะ แต่จืดชืดไปหน่อย ถ้าได้แต่งหน้าแต่งตัวน่าจะดีขึ้นกว่านี้ ลองเปลี่ยนตัวเองดูไหมล่ะ”
มณีรินรีบส่ายหน้าไปมา
“ไม่ดีกว่าจ้ะ ฉันว่าฉันเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว ถ้าใครสักคนจะรักฉัน ฉันก็อยากให้รักฉันที่ตัวตนแท้จริง ไม่ใช่แค่เปลือก”
“เธอก็พูดถูกนะริน แต่ผู้หญิงเราจะสวยแค่ภายในอย่างเดียวไม่ได้ เปลือกก็ต้องสวยด้วย ไม่อย่างนั้นคงต้องขึ้นคานแน่ๆ”
แม้อันดาจะพูดได้ถูกต้อง แต่หล่อนก็ยังคิดตัวเองเหมาะกับสภาพในตอนนี้เป็นที่สุด
“ใช่ แต่ฉัน... เป็นแบบนี้น่ะเหมาะที่สุดแล้วล่ะ”
“อืม ก็ตามใจ”
อันดาไม่คิดจะเซ้าซี้เพื่อนอีก จึงชวนเปลี่ยนเรื่องคุย
“พรุ่งนี้สอบอ่านหนังสือหรือยังล่ะริน”
“อ่านบ้างแล้วล่ะ แต่ยังไม่จบเลย”
“ดีเลย งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ติวให้หน่อยสิ ฉันอ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ แม่ให้สมองมาน้อยน่ะ”
มณีรินหัวเราะขบขัน
“ดูพูดเข้าสิ”
“ก็มันจริงนี่ ฉันโง่เรื่องเรียนเสมอเลย เป็นแบบนี้ตั้งแต่อนุบาลแล้ว”
อันดาพูดติดตลก แต่น้ำเสียงก็มีความเศร้าไม่น้อย
“ถ้าฉลาดได้สักเสี้ยวของเธอก็ดีสิริน”
“ไม่เอาน่า อย่าคิดมาก เดี๋ยวเย็นนี้จะติวให้ รับรองเธอได้คะแนนเต็มแน่อันดา”
“ขอบใจจ้า แต่ฉันรู้เลเวลสมองฉันดี ขอแค่ผ่านก็พอใจแล้วล่ะ”
อันดาระบายยิ้ม ก่อนจะอุทานขึ้นเมื่อนึกอะไรออกมาได้
“ฉันลืมบอกไป พี่มังกรน่ะอยู่คณะทันตะนะ ถ้าอยากเห็นหน้าก็แกล้งเดินหลงๆ ไปคณะนั้นก็ได้ จะได้เจอยังไงล่ะ”
“โห... ฉันคงไม่กล้าหรอก”
“เอาน่า เพื่อพี่มังกรอาจจะชอบสาวภูธรแบบเธอก็ได้ ไปเถอะ เอาจดหมายรักไปให้ก็ยังดี”
อันดาคะยันคะยอเพื่อนซี้ แต่มณีรินก็ยังส่ายหน้าดิกเหมือนเดิม
“ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก อายแย่เลย”
“จะอายทำไมกันล่ะ วันๆ หนึ่งมีผู้หญิงไปส่งจดหมายรักให้พี่มังกรเป็นร้อยๆ ฉบับ เธอก็แค่ก้มหน้าก้มตายื่นให้เขา ก็เท่านั้นแหละ”
“ร้อยกว่าฉบับเลยเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ถึงบอกไงว่าไม่ต้องอาย เพราะมีผู้ร่วมขบวนการเยอะมาก บางทีเธออาจจะต้องต่อแถวยื่นจดหมายรักเลยล่ะ”
มณีรินนึกภาพตามที่เพื่อนบอกก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อแล้ว
“ฉันคงไม่ทำอย่างนั้นหรอก...”
“งั้นก็แสดงว่าความรักของเธอจะไม่แสดงออกใช่ไหม ยายริน”
“ก็คงจะอย่างนั้นแหละอันดา”
“ป๊อดนะเพื่อนเราเนี่ย”
“ฉันเปล่าป๊อดนะ แค่... ไม่อยากเสียเวลาไปยื่นต่อแถวน่ะ”
“ก็เผื่อฟลุ๊คไง”
อันดายังคะยั้นคะยอไม่เลิก ในขณะที่หล่อนนั่งถอนใจยาวเหยียด
“เอาน่าไม่ต้องคิดมาก เราเข้าเรียนกันเถอะ”
อันดาตัดบทเมื่อเห็นเพื่อนหน้าเครียด
“อืม ไปกันเถอะ”
สองสาวลุกขึ้นยืน ก่อนจะพากันเดินหายเข้าไปในตึกเรียน
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"