ด้วยหน้าที่ทำให้จางม่านอวี้ต้องมายืนอยู่ในตำแหน่งพระสนม ทั้งที่รู้ว่าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้ และเชื่อว่านางจะไม่เป็นที่พอพระทัยของฮ่องเต้ แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่า พระสนมนอกสายตาที่ไม่มีความงามเฉิดฉาย จะเป็นนางสนมล่มเมือง ที่ฮ่องเต้ องค์ชายและแม่ทัพหนุ่ม หวังชิงดวงใจนาง “ต้าเหว่ย” พระสนมจางม่านอวี้เรียกชื่อเพื่อนสนิทที่ก้มลงคำนับ “ทำไมต้องพิธีรีตองด้วย เจ้าเป็นเพื่อนข้านะ” “ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ เวลานี้ท่านเป็นพระสนม กระหม่อมจะปฏิบัติตัวเช่นเดิมมิได้” แม่ทัพเฉินต้าเหว่ยกล่าวอย่างเจียมตน รู้สึกเหมือนคมมีดกรีดหัวใจ เจ็บปวดกับสถานะที่ไกลเกินเอื้อม จางม่านอวี้หน้าเศร้า ในดวงตามีน้ำใสๆ คลอ “เช่นเดียวกับหัวใจของเจ้าใช่ไหมที่ไม่เหมือนเดิม” คำพูดตัดพ้อเอ่ยถาม “หัวใจของกระหม่อมยังคงเช่นเดิม แน่นหนักดังหินผา ต่อให้พระสนมเป็นของชายใด หัวใจกระหม่อมมิเคยเปลี่ยนแปลง” ดวงตาของทั้งคู่สบประสาน เปิดเผยความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ จางม่านอวี้ไม่คิดว่า ตนเองจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หากนางรู้มาก่อนว่า จะต้องเป็นสนมของฮ่องเต้ นางจะเปิดใจรับเฉินต้าเหว่ย และอยู่กินฉันผัวเมีย ไม่ใช่เป็นพระสนมของฮ่องเต้จูหมิง ผู้ชายที่แก่คราวพ่อ “ข้าดีใจที่ได้ยินคำนี้” จางม่านอวี้รู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ความเหี่ยวเฉาในหัวใจ เสมือนต้นไม้ไร้น้ำมาชโลมรด ตอนนี้เหมือนมีน้ำพรมให้ชุ่มฉ่ำ แม้ว่าน้ำจะเพียงบางเบา ทว่ามีอณุภาพใหญ่หลวง ชะตาความรักของทั้งคู่จะลงเอยเช่นไร ไม่มีใครล่วงรู้ นอกจากสวรรค์เบื้องบนที่ลิขิตเส้นทางให้ทั้งสองก้าวเดิน
1
พิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่แห่งเมืองหลานหยู หนึ่งในเมืองใหญ่ของแคว้นจ้านที่อยู่ใต้การปกครองของฮ่องเต้จูหมิง ฮ่องเต้ที่ถูกขนานนามว่า มีสนมมากที่สุดในบรรดาผู้ปกครองแคว้นทั้งหมด นางสนมของเขามีจำนวนนับร้อย นางสนมเกินครึ่งเป็นบรรณาการจากเมืองต่างๆ ที่อยู่ใต้อาณัติของแคว้นจ้าน จะมีนางสนมไม่กี่คนที่ได้มาจากความลุ่มหลงส่วนตัว และมีฮองเฮานามว่า จิวหยวน ฮองเฮาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสวยและความเฉลียวฉลาดพิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นในจวนของจางเฟย เจ้าเมืองหลานหยู
เจ้าสาวในงานคือจางเหว่ย คุณหนูสามของตระกูลจาง ผู้มีรูปโฉมงดงามราวกับนางฟ้า ส่วนเจ้าบ่าวคือ หลิงเปียว ลูกชายคนรองของอำมาตย์หลิงฮวยเถา อำมาตย์คนสนิทของฮ่องเต้ การแต่งงานของเขาและเธอไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก แต่เกิดจากการเมือง เช่นเดียวกับการออกเรือนของคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองก็มาจากเหตุผลเดียวกัน เหลือเพียงคุณหนูสี่ คนเดียวที่ยังไม่ได้แต่งงาน
แขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดี เกินครึ่งหนึ่งเป็นบุคคลที่มียศศักดิ์ เป็นขุนนางในราชสำนักที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานเพียงอย่างเดียว แต่มาร่วมหารือเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งด้วย
พิธีแต่งงานดำเนินมาจนจบพิธี แขกที่มาร่วมงานพากันเดินทางกลับบ้าน จางม่านอวี้มองพี่สาวคนที่สามที่ออกเรือนไปด้วยสายตาเศร้าสร้อย ในใจของนางเกิดความว้าเหว่ขึ้นมาทันใด ในบ้านหลังใหญ่หลังนี้ นับวันจะมีคนอาศัยเหลืออยู่น้อยลงทุกที หากไม่รวมบ่าวไพร่ในบ้าน ก็เหลือเพียงแค่บิดา มารดา ท่านย่าและตัวนาง
หลังเสร็จสิ้นงาน จางม่านอวี้เดินไปนั่งเล่นอยู่ศาลาหลังบ้าน เป็นสระบัวขนาดใหญ่ ที่ตรงนั้นมีพิณตัวโปรดของนางตั้งอยู่ อีกไม่นานเสียงพิณที่บ่งบอกถึงความเศร้าดังขึ้น
“วันนี้เป็นวันดี เหตุใดเสียงพิณของเจ้า จึงเต็มไปด้วยความเศร้าเช่นนี้”
ผู้ถามเดินเข้ามาหาคนเล่นพิณ จางม่านอวี้เงยหน้ามองเจ้าของเสียง นางยิ้มให้รองแม่ทัพเฉินต้าเหว่ยรองแม่ทัพรูปงามที่บุกไปพิชิตชัยชนะข้าศึกนับไม่ถ้วน เขาเก่งกาจรอบด้าน กำชัยชนะไม่รู้จักกี่หน ทว่ามีเพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่สามารถพิชิตได้ เรื่องนั้นคือ พิชิตใจจางม่านอวี้ ลูกสาวคนที่สี่ของจางเฟย
“ต้าเหว่ย เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
จางม่านอวี้ถามด้วยความดีใจที่ได้เห็นหน้า ทุกครั้งที่เขาออกศึก นางนอนไม่หลับ ใจนึกเป็นห่วงเพื่อนสนิท เกรงว่าเขาจะพลาดพลั้งกลศึก แม้รู้ว่า เขามีฝีมือมากแค่ไหน
“ข้ากลับมาเมื่อวานนี้ วันนี้เลยรีบมาหาเจ้าพร้อมไอ้นี่” เขาชูห่อผ้าขึ้นสูง จางม่านอวี้หน้ามู่เมื่อเห็นห่อผ้า เพราะรู้ดีว่า อะไรอยู่ในนั้น
“เจ้านี่นะ มาหาข้าทีไรก็เอาแต่หมั่นโถวมาให้ ข้ากินจนหน้าจะเป็นหมั่นโถวแล้วนะ” ปากว่า มือก็ยื่นไปรับห่อผ้ามาวางไว้ข้างพิณ ก่อนจะแก้ห่อผ้าออก
“แล้วเจ้าจะกินไหมล่ะ ข้าทำสุดฝีมือเลยนะ” แม่ทัพหนุ่มพูด
“เจ้าทำให้ข้ากิน ข้าก็ต้องกินสิ”
นอกจากเฉินต้าเหว่ยจะเก่งเรื่องกลศึก เขายังเป็นคนทำหมั่นโถวได้อร่อยที่สุดในเมืองนี้ เฉินต้าเหว่ยไม่ได้เป็นพ่อครัวที่ทำให้ใครกินเรื่อยเปื่อย รองแม่ทัพหนุ่มทำให้นางทานคนเดียว มีหรือที่จางม่านอวี้ นางตะกละแห่งเมืองหลานหยูจะไม่กิน นางเคี้ยวตุ้ยๆ จนคนทำยิ้มแก้มปริ
“พี่สาวเจ้ามีคู่ไปกันหมดแล้ว เหลือแต่เจ้าคนเดียว เจ้ามาแต่งงานกับข้าดีไหม ข้ายอมเสียสละความโสดแต่งงานกับเจ้า” เฉินต้าเหว่ยกล่าวทีเล่นทีจริง
“เพราะข้าไม่สวยใช่ไหม ข้าถึงยังไม่ได้มีคู่ ข้าสวยสู้พี่ใหญ่ พี่รองและพี่สามไม่ได้”
เป็นปมด้อยเรื่องหนึ่งของจางม่านอวี้ ที่พี่สาวทั้งสามคนของนางมีความงามละบือไกล เป็นที่หมายปองของลูกหลานเหล่าขุนนางและเจ้าเมืองอื่น ต่างกับนางที่มีรูปโฉมไม่เป็นที่หมายปองของชายใด
“ใครว่าเจ้าไม่สวย เจ้าสวยมากเลยรู้ตัวไหมม่านอวี้” น้ำเสียงที่แสดงให้รู้สึกถึงความอ่อนโยนดังผ่านปากรองแม่ทัพหนุ่ม จางม่านอวี้มองหน้าคนพูด แต่ปากก็ยังเคี้ยวหมั่นโถว “สวยที่สุดในสายตาของข้า ดวงตาเจ้าเปล่งประกายเหมือนดวงดาว ริมฝีปากเจ้าสวยอิ่มเหมือนกลีบดอกบัว แก้มเจ้าขึ้นสีเรื่อเหมือนผลลูกท้อ ความงามของเจ้าประทับในใจข้า”
หากเป็นชายอื่นมาพูดคำหวานเช่นนี้ต่อหน้านาง จางม่านอวี้คงรู้สึกดีกว่านี้ แล้วนางก็รู้ว่า ที่เขาเอ่ยประโยคนี้เพราะต้องการให้ตนสบายใจ
“แต่เราเป็นเพื่อนกันนะต้าเหว่ย เจ้าจะมาพูดจาเกี้ยวข้าแบบนี้ไม่ได้” จางม่านอวี้รีบพูด แต่ใจกลับแอบดีใจ “แล้วเราก็แต่งงานกันไม่ได้ด้วย”
“ข้าก็พูดให้เจ้าหายกังวล ข้ารู้นะว่า เจ้ากับข้าเป็นเพื่อนรักกัน คงแต่งงานกันไม่ได้” รองแม่ทัพหนุ่มไม่กล้าเปิดเผยความในใจมากกว่านี้ได้ เขารู้อยู่เต็มอกว่า จางม่านอวี้ไม่มีทางคิดกับตนมากเกินกว่าคำว่าเพื่อน เขาจึงเก็บความรักไว้อยู่แค่ในใจ “ข้าดีดพิณให้เจ้าฟังนะ เจ้าจะได้กินไปด้วยฟังพิณที่ข้าบรรเลงไปด้วย”
จางม่านอวี้ไม่ปฏิเสธรองแม่ทัพหนุ่ม นางขยับตัวไปนั่งม้านั่งฝั่งตรงข้าม หยิบหมั่นโถวลูกใหม่มากินอย่างมีความสุข ลืมเรื่องความทุกข์ในใจไปชั่วขณะ
จางม่านอวี้ หญิงเดียวในใจข้า
ความงามเจ้าแม้ว่าไม่สะดุดตา
แต่ทว่ากลับสะดุดใจข้ามิลืมเลือน
ตอนเช้าของวันใหม่จวนของจางเฟยมีแขกกลุ่มหนึ่งมาเยือน ซึ่งเจ้าของบ้านต้อนรับขับสู้อย่างดี ก่อนจะพากันเข้าไปนั่งคุยในห้องส่วนตัว เพราะเรื่องที่ทั้งหมดจะสนทนากันนั้นเป็นความลับ
“เจ้าคิดเช่นนี้จริงรึถางเจียน”
เจ้าบ้านถามถางเจียน ขุนนางฝ่ายในที่กำลังจะส่องสุมอำนาจเพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งอำมาตย์
“มันเป็นวิธีเดียวที่เราจะรู้เขารู้เรา หากเราไม่ส่งคนเข้าไปสอดแนมในวังได้ งานของเราก็จะล้มไม่เป็นท่า” ถางเจียนยกชาขึ้นจิบ ตวัดสายตามองคู่สนทนา “ตอนนี้พระสนมมู่กำลังขยายอำนาจ เราต้องคานอำนาจนางให้ได้ ไม่เช่นนั้นแคว้นจ้านก็คงเหลือแค่ชื่อ และข้าก็ได้ข่าวมาว่า แคว้นเซียงซี่กำลังรวบรวมทหารนับพันนาย มันไม่น่าไว้ใจนะ”
“แต่ข้ากลัวว่า ม่านอวี้จะทำงานนี้ไม่ได้ และไม่คิดว่าฮ่องเต้จะรับนางไว้เป็นสนม”
จางเฟยบอกเรื่องที่ตัวเองเป็นกังวล พระสนมแต่ละคนของฮ่องเต้ เลื่องลือเรื่องความงาม ที่ล้วนแต่เป็นสาวงามจากเมืองต่างๆ รวมทั้งแคว้นใกล้เคียงที่ส่งมากระชับสันติไมตรี จางม่านอวี้มีความงามไม่ถึงครึ่งของเหล่าพระสนม การที่จะให้ฮ่องเต้ชายตาแลและหลงใหล จึงเป็นไปได้ยาก
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอกท่านจางเฟย อย่าลืมสิว่า อำนาจที่แต่งตั้งพระสนมอยู่ในมือใคร” หลี่เซ้าเถียนขุนนางฝ่ายทหารเอ่ยขึ้น “ข้ากับถางเจียนจัดการทุกอย่างไว้แล้ว เหลือเพียงเจ้าไปบอกม่านอวี้เท่านั้น”
“ฮองเฮารู้เรื่องนี้ด้วยรึ” จางเฟยถาม ถางเจียนพยักหน้า
“ฮองเฮาเห็นด้วยที่จะให้ม่านอวี้มาเป็นพระสนม”
“ข้าขอเหตุผลได้หรือไม่ ว่าทำไมฮองเฮาจึงคิดเช่นนั้น”
“ข้าตอบตรงๆ เจ้าอย่างเคืองโกรธข้านะ” ถางเจียนออกตัว และเมื่อจางเฟยพยักหน้า ถางเจียนจึงตอบคำถามของคนต้องการรู้คำตอบ “อย่างที่เรารู้กันว่า ฮ่องเต้จูหมิงหลงใหลอิสตรีที่มีความงดงาม และเมื่อมีพระสนมคนใหม่ที่มีความงามเกินหน้าเกินตาพระสนมมู่ พระสนมมู่ก็จะจัดการให้พ้นทาง กีดกันไม่ให้ฮ่องเต้เข้าใกล้พระสนมคนนั้นๆ ซึ่งพระสนมหลายคนที่ถูกกำจัดเป็นคนของฮองเฮา ฮองเฮาจึงเปลี่ยนแผนใหม่ ให้ส่งพระสนมที่มีหน้าตาไม่ดีเข้าไปอยู่ในวัง เพื่อให้สนมคนนี้ซึ่งก็คือม่านอวี้ เข้าไปดูความเคลื่อนไหวของพระสนมมู่ที่แน่นอนว่า พระสนมมู่ต้องไม่ระแวงม่านอวี้ อาจมองข้ามไปเลยก็ได้ และนั่นก็จะทำให้งานของเราง่ายขึ้น”
พระสนมมู่เซียนเป็นธิดาคนรองของมู่ม้านเชียงแคว้นเซียงซี่ ที่ส่งบุตรสาวมาเป็นบรรณาการแก่ฮ่องเต้จูหมิง ถือเป็นการสวามิภักดิ์แก่แคว้นจ้านไปในที และสงบศึกที่ยืดเยื้อมากกว่าสิบปี ความงดงามของมู่เซียน ต้องตาต้องใจฮ่องเต้จูหมิงตั้งแต่แรกเห็น จนกระทั่งถึงวันนี้ความลุ่มหลงนั้นยังมิจางหาย แล้วยังมีพระโอรสให้ฮ่องเต้จูหมิงหนึ่งคน พระธิดาอีกหนึ่งคน และนั่นทำให้อำนาจของพระสนมมีเพิ่มมากขึ้น ฮองเฮาจิวหยวนจึงต้องคานอำนาจมู่เซียน ด้วยการดึงเหล่าอำมาตย์และขุนนางมาเป็นพวก เพราะหากปล่อยให้มู่เซียนมีอำนาจมากกว่านี้ ต่อไปภายภาคหน้าอาจไม่มีแคว้นจ้าน และตำแหน่งของนางอาจสั่นคลอน
“ม่านอวี้ต้องทำยังไงบ้าง” จางเฟยเอ่ยถามหลังเข้าใจเหตุผล
“ทำตามนี้...”
ถางเจียนบอกเรื่องที่จางม่านอวี้ต้องทำให้จางเฟยรับรู้ จางเฟยมีสีหน้าหนักใจกับเรื่องที่บุตรสาวต้องทำ นั่นไม่ร้ายเท่าเขาจะทำอย่างไรให้จางม่านอวี้ยอมเป็นพระสนมของฮ่องเต้ที่แก่คราวพ่อ
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"