เมื่อศิลาสวรรค์กำหนดคู่บุพเพวาสนาให้แก่เหวินฉางเทียนจวิน มหาเทพผู้เป็นใหญ่ ประมุขผู้ปกครอง“ซือไฮ่ปาฮวง”และหกพิภพกับสามโลก กำหนดคู่วาสนาเป็นสตรีมนุษย์ “เจียงอิ้งเยว่” หาใช่เทพสตรีชั้นสูง บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ทว่ากลับบังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อหยกจันทราและด้ายแดงผูกร้อยวาสนาแตกหัก ทำให้คู่วาสนาที่เคยมีต่อกันกลับไร้สิ้นวาสนาอย่างสิ้นเชิง มิอาจได้พานพบไม่ว่าชาตินี้ ชาติหน้าหรือชาติต่อไปแต่ลิขิตสวรรค์กลับต้องสั่นสะเทือนเลือนลั่น เมื่อมหาเทพผู้เป็นใหญ่ ลงมาจุติในโลกมนุษย์ เพื่อฟื้นฟูพลังบำเพ็ญและติดตามหยกจันทรา สิ่งวิเศษของเทพบิดรกลับคืนสู่แดนสวรรค์ องค์ชายเก้าหรือองค์ชายจ้าวเฟยหลง คือเหวินฉางเทียนจวิน มหาเทพผู้เป็นใหญ่ ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจากความรัก เมื่อเจียงอิ้งเยว่หรือแมวน้อยเยี่ยนเยี่ยน คือรักแรกและเป็นรักเดียวของเหวินฉางเทียนจวิน มหาเทพแห่งแดนสวรรค์ ความรักระหว่างเทพและมนุษย์ที่มีฐานะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจะสมหวังได้อย่างไร เมื่ออีกฝ่ายคือมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ และอีกฝ่ายคือสตรีมนุษย์ที่ถูกคำสาปขององค์ชายปีศาจแห่งเผ่ามาร ต้องกลายร่างเป็นแมวน้อยขนปกปุยดุจหิมะในเวลากลางวันและคืนร่างเป็นสตรีมนุษย์ ที่มีความงดงามลึกล้ำและลึกลับ ในรอบ 4000 ปีจะปรากฏในตำนาน รักนี้จะต้องจบลงด้วยการพลัดพรากไปทุกชาติภพจนหัวใจเจ็บปวดร้าวรานจนมิอาจลืมเลือนหรืออย่างไร หรือรักที่แตกต่างนี้กลับทำให้ลิขิตสวรรค์ ต้องสั่นสะเทือนแปรเปลี่ยนโชคชะตาไปอย่างสิ้นเชิง
เทือกเขาจันทรา
เทือกเขาสูงเสียดฟ้าตั้งอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้า ซือไฮ่ปาฮวง เขาจันทราตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีศิลาสวรรค์ตั้งอยู่บนยอดเขา ภายในศิลาสวรรค์ใช้เป็นสถานที่เก็บแท่งหยกจันทรา สิ่งวิเศษล้ำค่าของสวรรค์ซึ่งเทพบิดรมอบให้สำหรับสร้างสรรพสิ่งในสามโลก
ในขณะเดียวกันเป็นสิ่งวิเศษสำหรับทำลายล้างและกำจัดสิ่งที่เป็นภัยที่จะคุกคามทุกชีวิตในสามโลกเช่นเดียวกัน เทือกเขาจันทราจึงเป็นเขตแดนศักดิ์สิทธิ์และเป็นเขตแดนต้องห้าม มีเพียงองค์เทียนจวินเท่านั้นที่จะเข้าเขตแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ นอกเหนือจากเทพจันทราซึ่งเป็นเทพบรรพกาล รวมไปถึงบรรดาศิษย์เอกของเทพเจ้าจันทราที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาดังกล่าว
เขตแดนของเทพเจ้าจันทรา มีหน้าที่ควบคุมกาลเวลาของอดีต ปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนถึงบุพเพสันนิวาสของเหล่าเทพเซียนทุกระดับจนไปถึงระดับสูงสุด สำหรับมนุษย์และปีศาจหมู่มารนั้นคู่บุพเพจะปรากฏขึ้นที่หินบรรพกาล กำหนดคู่วาสนาที่จะได้ครองคู่กันไปทุกชาติภพให้แก่กันและกัน เมื่อรายชื่อปรากฏขึ้นในหินบรรพกาลคราใด เทพจันทราจะทรงผูกด้ายแดงเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้มีวาสนาต่อกัน
ในขณะที่ศิลาสวรรค์จะปรากฏคู่บุพเพของเหล่าเทพเซียนขึ้นอยู่บนศิลาที่มีวาสนาต่อกัน ดังนั้นทุกๆ หนึ่งแสนปี รายชื่อของเหล่าเทพเซียนที่มาจุติใหม่บนสรวงสวรรค์จะถูกกำหนดคู่บุพเพขึ้นมาโดยพลัน เมื่อนามปรากฏเทพจันทราจะเชื่อมต่อวาสนาให้พานพบด้วยหยกจันทราร้อยด้วยด้ายแดงแห่งรักผูกกับเนื้อคู่ที่มีวาสนาต่อกันให้แก่เหล่าเทพเซียน ณ.สรวงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
และด้วยความบังเอิญหรือลิขิตแห่งสวรรค์ก็มิอาจล่วงรู้ได้ ครั้นหินบรรพกาลและศิลาสวรรค์เกิดปรากฏรายชื่อคู่บุพเพขึ้นมาพร้อมกันในวันเดียวกันเมื่อกาลเวลามาบรรจบครบหนึ่งแสนปี เป็นที่ฉงนสนเท่ห์ต่อเทพจันทราอย่างยิ่งยวดอยู่ในขณะนี้
พระเนตรสีฟ้าครามรับกับเกศาสีเงินยวง ขับโฉมพระพักตร์อันหล่อเหลาดั่งรูปสลักงดงามอย่างยิ่งยวด เทพเจ้าจันทราทรงอวตารถือกำเนิดมาจากดวงจันทร์ จึงทำให้พระองค์ทรงมีพระสิริโฉมสลักงดงามไม่มีที่ติ
นอกจากจะมีลักษณะโดดเด่นตรงที่มีพระเกศาสีเงินยวงและพระเนตรสีฟ้าครามแล้ว ยังมีปานรูปร่างวงรีสีแดงเพลิงประทับอยู่ตรงกลางพระนลาฏ(หน้าผาก) อันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถือกำเนิดมาจากดวงจันทราเอาไว้อีกด้วย
แม้ว่าพระองค์จะมีอายุมากถึง 300,000 ปีแล้วก็ตาม และทรงมีพลังบำเพ็ญขั้นที่ 9 จึงทำให้คงไว้ด้วยรูปโฉมสลักงดงามอย่างยิ่งยวด เป็นหนึ่งในเทพบรรพกาลที่ยังคงหลงเหลืออยู่มิได้ดับขันธ์ดั่งเช่นเทพองค์อื่นๆ และยังทรงเป็นอดีตเทียนจวินพระองค์แรกที่เคยขึ้นปกครองซือไฮ่ปาฮวง ตลอดจนถึง 6 พิภพและ3โลก
นอกจากเทพเจ้าจันทราจะอวตารมาเกิดจากดวงจันทร์แล้ว ยังมีมหาเทพเหวินฉาง ซึ่งเป็นเทียนจวินองค์ปัจจุบันเทพผู้เป็นใหญ่ ซึ่งปกครองทั้งสามโลกและซือไฮ่ปาฮวงอยู่ในขณะนี้ ก็อวตารมาจากดวงจันทร์เช่นกัน
พระองค์ทรงมีปานรูปวงรีสีแดงเพลิงดั่งเช่นเทพเจ้าจันทรา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่กำเนิดมากจากดวงจันทร์ จะแตกต่างเพียงแค่เหวินฉางเทียนจวิน ทรงมีพระเกศาสีนิลดั่งเช่นนิลกาฬ และมีพระเนตรสีทองอร่ามหวานซึ้งดั่งน้ำผึ้งสวรรค์
ซึ่งทั่วทั้งซือไฮ่ปาฮวงตลอดจนถึง 6 พิภพและ 3โลก มีเหล่าเทพเซียนที่ดับขันธ์แล้วกลับคืนสู่ความว่างเปล่าและหวนคืนกลับมาจุติใหม่หมุนเวียนเปลี่ยนไปตลอดนับหลายแสนปี จะมีเพียงเทพเจ้าเพียง 3 พระองค์ที่ยังคงยืนหยัดมิได้ดับขันธ์ดั่งเช่นเหล่าเทพองค์อื่นๆ นั่นก็คือเทพเจ้าจันทรา เทพเจ้าสงครามหรือองค์เทียนจวินนั่นเอง ซึ่งทั้งสองพระองค์อวตารมาจากดวงจันทร์และเทพเจ้าศาสตรา ซึ่งอวตารมาจากดอกบัวทิพย์ของพระพุทธองค์
ทั้ง 3พระองค์คือเทพบรรพกาลเป็นมหาเทพที่เหล่าเทพเซียนทั่วทุกพิภพ ต่างให้ความเคารพ ยำเกรงอย่างยิ่งยวด ทรงมีพลังเวทย์สูงส่งและสำเร็จญาณตบะขั้นที่ 9 ยกเว้นเทพศาสตราที่สำเร็จญาณตบะขั้นที่ 8
ทว่าในยามนี้พระเนตรสีฟ้าครามของเทพเจ้าจันทราทรงทอดพระเนตรไปยังศิลาสวรรค์ด้วยความแปลกพระทัยมิรู้วาย
“หรือนี่คือลิขิตแห่งสวรรค์ของเทพบิดร จึงทำให้ศิลาสวรรค์และหินบรรพกาลกำหนดเนื้อคู่ออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันในวันนี้ รายชื่อมากมายเช่นนี้เห็นทีข้าคงจะจัดการให้แล้วเสร็จภายในจันทราเดียวมิได้เป็นแน่ อีกเพียงหนึ่งก้านธูปก็จะต้องไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ที่สวรรค์แดนประจิมเสียด้วย”
เทพจันทรารับสั่งบ่นพึมพำ โดยมิทันสังเกตเห็นรายพระนามเทพชั้นสูงสุดของสวรรค์จู่ๆ ก็กำลังปรากฏขึ้นในศิลาสวรรค์อย่างเลือนราง ทั้งๆ ที่รายนามเทพเซียนองค์อื่นๆ ปรากฏขึ้นให้เห็นขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกนับหลายแสนปีที่ผ่านมานับตั้งแต่สร้างสามโลก
“ต้าหลง!!!”เทพจันทรารับสั่งหาศิษย์เอกทางญาณทิพย์
เพียงครู่เทพหนุ่มหน้ามนนามว่าต้าหลง ปรากฏกายขึ้นมาโดยพลันภายในถ้ำศักดิสิทธิ์อันเป็นสถานที่เก็บรักษาศิลาสวรรค์และหินบรรพกาล
“มหาเทพรับสั่งหากระหม่อมมีพระประสงค์สิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่เซียนหนุ่มหน้ามนปรากฏกาย พระพักตร์ที่เต็มไปด้วยความเมตตาคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะร่ายเวทย์ขึ้นมาทันใด
พร้อมด้ายแดงวาสนาและแผ่นหยกจันทรา ซึ่งเป็นสะเก็ดจากแท่งหยกจันทราขนาดใหญ่ที่อยู่ในศิลาสวรรค์นำมาผูกบุพเพวาสนาพร้อมกับด้ายแดงสำหรับเหล่าเทพเซียนบนสวรรค์ พลันปรากฏขึ้นอยู่บนโขดหินที่อยู่ใกล้ๆ ขนาดกองมหึมาเลยทีเดียว
“ข้ามอบหมายงานนี้ให้เจ้าช่วยจัดการ”รับสั่งพร้อมปลายสายพระเนตรไปทางด้ายแดงวาสนาและแผ่นหยกจันทรา
เซียนหนุ่มหน้ามนมองตามสายพระเนตรของเทพเจ้าจันทรา ครั้นเห็นจำนวนด้ายแดงวาสนาและแผ่นหยกจันทรามีปริมาณมากมายถึงเพียงนั้นเล่นเอาเจ้าตัวอดที่จะแปลกใจไม่ได้
“เหตุใดครานี้คู่วาสนาจึงมากมายล้นเหลือยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ ปกติมิเคยเป็นเฉกเช่นนี้มาก่อนเลย”ต้าหลงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่เมื่อปริมาณด้ายแดงวาสนาและแผ่นหยกจันทรา ผิดแปลกไปกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“เป็นลิขิตแห่งสวรรค์ กาลเวลาเวียนมาบรรจบครบหนึ่งแสนปีในวันนี้หินบรรพกาลจู่ๆ ก็ปรากฏรายชื่อคู่บุพเพของเหล่ามนุษย์และปีศาจพร้อมกับศิลาสวรรค์ที่กำหนดคู่บุพเพของเหล่าเทพเซียน งานจึงมีมากอย่างที่เจ้าเห็นนี่แหละ แต่ข้าไม่สามารถอยู่จัดการในเวลานี้ได้”เทพจันทราอธิบายกลับไป
“ถ้าเช่นนั้นมหาเทพจะให้กระหม่อมร่ายเวทย์จัดการกับคู่วาสนาทั้งหมดนี้เลยอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”เซียนหนุ่มหน้ามนซึ่งเป็นศิษย์เอกถามกลับไปเพื่อให้แน่ใจ
“เป็นเช่นนั้น เพราะข้าต้องไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เกี่ยวกับสงครามระหว่างเผ่าปีศาจกับเผ่าสวรรค์ที่รบกันยืดเยื้อมายาวนานนับแสนปี เจ้าเป็นศิษย์คนโตจงสานต่อหน้าที่นี้ดั่งที่ข้าเคยสอนสั่ง จัดการผูกวาสนาให้กับเหล่ามนุษย์และปีศาจ ส่วนคู่บุพเพของเหล่าเทพเซียน หากแม้นผูกวาสนายังไม่แล้วเสร็จก็ไม่เป็นไร ข้าจะกลับมาจัดการเอง”
“พ่ะย่ะค่ะมหาเทพ กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาจะจัดการตามที่สั่งให้เรียบร้อย”เซียนหนุ่มในระดับซางเซียนรับปากมหาเทพของตนอย่างแข็งขัน
เทพจันทราส่งยิ้มละไมก่อนจะร่ายเวทย์เร้นพระวรกายเลือนหายลับทันที
ตำหนักไร้รัก สถานที่พำนักของอุปราชหนุ่มแห่งเทียนจิน เจ้าของตำหนักนี้ หัวใจเต็มไปด้วยความด้านชามาแทบทุกพระองค์ แต่แล้ววันหนึ่ง คุณหมอสาวแสนสวย นามว่าจ้าวย่าเจินได้รับของขวัญ ย้ายเข้าบ้านใหม่เป็นภาพวาดตำหนักโบราณ มีชื่อว่าตำหนักเย่วเชียง ในภาพนั้นมีผู้ชายยืนเอามือไพล่หลังไม่เห็นหน้า เฝ้ามองตำหนักฝั่งตรงกันข้าม และที่น่าประหลาดผู้ชายในภาพวาดจะโตขึ้นทุกวัน จวบจนกระทั่ง คุณหมอคนสวยถูกดึงเข้าไปในภาพวาดตำหนักโบราณดังกล่าวและได้พบกับ เจ้าของตำหนักไร้รัก ซึ่งเขาก็คืออุปราชแห่งเทียนจินและเป็นผู้ชายคนเดียวกัน ที่อยู่ในภาพวาดที่หญิงสาวเห็นเขาอยู่ทุกค่ำคืน ตำหนักไร้รักเมื่อไร้หัวใจ ตำหนักไร้กังวลเมื่อหัวใจกลับมามีรักอีกครั้ง
คำโปรย การกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตครั้งนี้ ทำให้นางมารใจโฉดกลับกลายเป็นคนดี แต่กลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้ ถานหยี่เหยียนซึ่งผสานจิตใจกับร่างในปัจจุุบัน จนสงบกลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง และกลับมาทำลายล้างทุกอย่างจนวอดวาย เอลิซาเบธ ลีหรือหยางลี่จู บินกลับประเทศจีนเป็นครั้งแรกในชีวิตและถูกดวงตาสวรรค์ที่มีวาสนาผูกพันกันนำนางหวนคืนกลับตระกูลถาน ซึ่งเป็นชาติอดีตของตัวเองเพื่อกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตตามที่เคยอ้อนวอนต่อสวรรค์เบื้องบน ดวงตาสวรรค์นำนางกลับมาในชาติที่เกิดเป็นสตรีที่แสนจะร้ายกาจที่สุดในตระกูลถาน และนางก็คือนางมารชื่อกระฉ่อน ถานหยี่เหยียน คุณหนูใจโฉดที่เต็มไปด้วยความอำมหิต สนใจแต่ตัวเองไม่เคยใส่ใจผู้ใดและต้องได้ทุกอย่างที่นางต้องการ จนเป็นต้นเหตุทำให้ตระกูลถานถูกประหารล้างตระกูล และการคัดเลือกพระชายาของอดีตฉู่อ๋องเพื่อเลือกเฟ้นให้กับพระอนุชา เป็นที่มาของการประหารล้างตระกูลถานในอดีต แต่การกลับมาอีกครั้งของถานหยี่เหยียน ซึ่งเป็นร่างในยุคปัจจุบันทำให้ร่างในอดีตและปัจจุบันหลอมรวมเป็นร่างเดียวกันและนางก็คือนางในฝันของบุรุษหน้าหยกผู้เลื่องลือ สตรีใจโฉดผู้เคยเป็นอนุชายาของชินอ๋องรูปงามก่อนที่จะกลับมาแก้ไขเปลี่ยนแปลง
อุปราชปีศาจ สมญานามนี้เลื่องลือไปทั่วหล้า อุปราชเฟิงหลง ผู้ก่อตั้งแผ่นดินเป่ยถังจนเป็นปึกแผ่นเป็นหนึ่งเดียว วิชาอมตะทำให้มีชีวิตเป็นนิรันดร์ และมีญาณหยั่งรู้ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าและหูทิพย์ หากแม้นผู้ใดเข้ามาใกล้พระวรกายน้อยกว่ารัศมีสิบฉื่อ ร่างจะต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีขาวไปทันที อุปราชในตำนานประทับอยู่ในพระตำหนักลืมเลือนมานานกว่า 329 ปีนับตั้งแต่สถาปนาแคว้น จวบจนกระทั่งองค์หญิงเย่วเพ่ยเพ่ย จากแคว้นเย่วปรากฎกาย นางเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถเข้าใกล้และสัมผัสพระองค์ได้ และนางคือสตรีที่ผูกพันกับพระองค์นับตั้งแต่พานพบกันตั้งแต่ครั้งแรก แรงรักแรงพิศวาสเริ่มก่อตัวขึ้นภายในตำหนักลืมเลือน ก่อนจะถึกปิดตายหายไปอย่างไร้ร่องรอยเพื่อรอคอยนางหวนคืนกลับมาอีกครั้ง กลับมาเพื่อครองรักกับอุปราชปีศาจอีกครั้งตามสัญญาที่มีไว้ให้ต่อกัน ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานนับพันปีก็ตาม
เพราะการพบกันครั้งแรกระหว่าง จอมอำมหิตแห่งกู้กงและหวางเย่หลิง ทำให้รองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ต้องการนางเก็บไว่้ใกล้ตัวเพื่อ เหตุผลบางอย่าง และเพื่อสืบเสาะหามารดาผู้ให้กำเนิดจากนาง ครั้นเกิดเหตุการณ์เงินห้าหมื่นตำลึงทองสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ภายในสำนักคุ่้มกันหวางซื่อของตระกูลหวาง จึงทำให้จอมอำมหิตสบโอกาส หวางเย่หลิง บุตรีเพียงคนเดียวของหวางเจี้ยนเฉิง จะต้องถูกนำส่งเข้าจวน ในฐานะสตรีของอิ๋งชวนโหว เพื่อช่วยทุกชีวิตของตระกูลหวางให้รอดพ้นจาก การถูกประหารชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ตงฟางลี่หยาง แม่ทัพหนุ่มแห่งแคว้นเทียนหยวน หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความด้านชาและเต็มไปด้วยความแค้น ที่ฝังแน่นอยู่ภายในใจที่รอวันชำระแค้นกับอดีตสหายเก่า หากแต่หัวใจที่เต็มไปด้วยความด้านชา กลับปรากฏหมอหญิงจากสกุลหลิง ผู้มาจากยุคปัจจุบัน ผุดขึ้นอยู่ภายในหัวใจ หยกบุบผานำเธอให้มาพบกับแม่ทัพจอมโหด และหลิงลี่ย่านางคือสตรีที่แม่ทัพหนุ่มต้องตามจับเธอ !!!
หวังฉิงชวน สาวสวยจากศตวรรษที่ 21 นักศึกษาคณะศิลปะการแสดงและการละคร ซึ่งจะต้องเขียนบทละครแนวพีเรียดย้อนยุคเพื่อผลิตซีรีย์เรื่องยาว 40 ตอนจบ และยังเป็นผลงานภาคบังคับที่นักศึกษาทุกคนจะต้องทำบทละครเพื่อขออนุมัติจบการศึกษา หญิงสาวจึงนำเกร็ดประวัติของท่านหญิงธิดาลูกเจ้าเมือง จากยุคจ้านกว๋อ มาเขียนบทละคร ทว่าประวัติของท่านหญิงผู้นั้นเป็นของปลอมที่ถูกทำขึ้นในยุคนั้น เป็นเหตุให้หวังฉิงชวนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับชีวิต เมื่อเธอเกิดหัวใจวายกะทันหัน ครั้นฟื้นขึ้นมาอีกครั้งดวงวิญญาณของเธอกลับอยู่ในร่างของท่านหญิงหยางเฉียนเฉียน ธิดาเจ้าเมืองอูเจี๋ยนผู้วายชนม์ เธอถูกกลับมาในเหตุการณ์ของท่านหญิงที่นำประวัติของนางมาทำเป็นบทละคร เพื่อล่วงรู้เหตุการณ์จริงในอดีตที่เกิดขึ้น และเธอกลับมาเพื่อผูกวาสนากับจอมโจรเยี่ยคัง ซึ่งมีอดีตเป็นถึงองค์ชายเฉินคัง องค์ชายห้าแคว้นหมิ่นเย่ว วาสนาผูกพันลึกซึ้งเกิดขึ้นกับคนทั้งสอง และสัญญารักมั่นจากหัวใจที่พี่คังมีต่อเฉียนเฉียน นำหวังฉิงชวนให้หวนกลับคืนสู่อ้อมกอด องค์ชายเฉินคังแห่งแคว้นหมิ่นเย่วอีกครั้งเพื่อครองคู่ไปชั่วนิจนิรันดร์
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???