"ความรักก็เปรียบเสมือนสารเสพติด ฉันจะทำให้เธอคลั่ง และเสพติดฉันแต่เพียงผู้เดียว จำไว้!" ประโยคนิ่งๆ นั้นมีนัยแฝงไปด้วยความหมายมากมาย แต่มันก็ไม่อาจทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวได้เลยสักนิด... "ต้องกลัวมั้ย?" ........................................................................ คนส่วนมากเมื่อชีวิตตกต่ำถึงขีดสุดก็มักจะเลือกกระทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด แต่สำหรับฉันนั้นถือได้ว่าจัดอยู่ในส่วนน้อย ยามใดที่กลายเป็นหมาจนตรอกก็จะดิ้นรนทุกหนทาง ไม่สนว่าทางที่เลือกมันจะผิดศีลธรรมหรือผิดกฎหมายบ้านเมืองมากแค่ไหน ถ้าทำแล้วมันทำให้ฉันมีกินมีใช้ฉันก็พร้อมที่จะทำ ต่อให้ต้องฆ่าคนอีกหลายร้อยชีวิตฉันก็ยอม "หน้าตาดีแบบนี้เลิกเป็นเด็กส่งยามาเป็นเด็กเฮียดีกว่าอีหนู" และถ้าฆ่าผู้ชายคนนี้แล้วได้เงินฉันก็ยิ่งยินดีที่จะทำเป็นอย่างยิ่ง ปากหมา สันดานต่ำ เฒ่าหัวงู สามประโยคนี้หลอมรวมกันเป็นนิยามประจำตัวของผู้ชายคนนี้ที่ชื่อว่า 'ปืน' "เอาเวลาเต๊าะเด็กไปซื้อโลงนอนเถอะลุง" ด้วยรัก และ Fuck You...
ตึก...ตึก...ตึก
เสียงฝีเท้าของฉันดังกระทบกึกก้องไปทั่วทางเดินในตรอกซอยแคบข้างผับชื่อดังแห่งหนึ่งในใจกลางเมืองของประเทศไทย
รองเท้าผ้าใบสีซีดเหยียบย่ำไปบนพื้นสกปรก แถมยังมีน้ำเสียเจิ่งนองเป็นวงกว้างทั่วบริเวณ กลิ่นของมันโชยเข้ามาในจมูกจนฉันต้องเบ้หน้าอย่างขยะแขยง และฉันต้องพยายามอย่างถึงที่สุด ที่จะเดินไม่ให้น้ำเน่าๆ พวกนั้นมันกระเด็นใส่ขา
ถ้าเลือกได้ฉันก็จะไม่เข้ามาในตรอกซอยบ้าๆ นี่เด็ดขาด แต่เพราะว่ามันเลือกไม่ได้ไง…
“พี่ต้น!”
ริมฝีปากบางสีชมพูธรรมชาติโพล่งเรียกชื่อของผู้ชายคนหนึ่ง ที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงกองเก้าอี้และโต๊ะที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ซึ่งผู้ชายคนนี้เขาก็คือพี่ชายแท้ๆ ของฉันเอง
ฉันชื่อเตนล์ มีพี่ชายชื่อต้น พี่ต้นอายุยี่สิบห้าปี ส่วนฉันนั้นอายุเพียงแค่สิบเก้า โดยปกติแล้วในวันธรรมดาแบบนี้ถ้าเป็นคนในวัยเดียวกันก็น่าจะไปโรงเรียนกันหมดแล้ว แต่ฉันกลับไม่ได้ไป หรือจะพูดให้ถูกก็คือไม่มีปัญญาที่จะส่งตัวเองเรียนให้จบ
ตั้งแต่พ่อกับแม่ของฉันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในช่วงที่ฉันอายุสิบสามปี ฉันกับพี่ต้นก็เลิกเรียนมาตั้งแต่นั้น
ญาติน่ะมี แต่เขาไม่ให้พึ่ง เราจึงต้องดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยตัวเองเพราะใครๆ ก็ผลักไสเรา
“เอายานี่ไปส่งให้กูหน่อย”
กล่องนมธรรมดาๆ ถูกยื่นมาตรงหน้าฉัน แต่ข้างในนั้นมันกลับสอดไส้ยานรกเอาไว้
‘เด็กส่งยา’ นี่แหละคืออาชีพของเราสองพี่น้อง
แม้ว่ามันจะไม่ใช่อาชีพสุจริต แต่เราสองคนก็ไม่เกี่ยง เหตุผลเพราะว่ามันทำเงินให้เราได้ดีกว่าการทำงานอย่างอื่นเป็นไหนๆ แม้ว่ามันจะเสี่ยงสักหน่อยก็ตาม
ฉันกับพี่ต้นเริ่มทำอาชีพนี้ตั้งแต่ที่ถูกญาติๆ ของพ่อและแม่ผลักไสแล้วล่ะ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีอะไรกิน แล้วถามหน่อยเถอะว่าเด็กอายุยังไม่ถึงยี่สิบนี่จะหางานดีๆ เงินเยอะๆ ได้ยังไง การที่อยู่ๆ ก็กลายเป็นหมาจนตรอกมันทำให้เราสองคนเลือกจะทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพื่อความอยู่รอด
สมบัติของพ่อกับแม่ก็ไม่มี เหลือเพียงแค่บ้านไม้เก่าๆ ไว้ให้ซุกหัวนอนก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว
คติของฉันคือ ‘ไม่เลือกงาน ไม่เลือกจน’ แต่แนะนำว่าอย่าทำแบบฉันเลยดีกว่า ถ้ายังอยากมีชีวิตที่สดใสอยู่น่ะนะ เพราะชีวิตของฉันตอนนี้มันมืดมนจนยากที่จะหาทางออกได้แล้ว
ส่วนคุณสมบัติหลักที่จะมาเป็นเด็กส่งยาได้คือ สกิลเท้าต้องดี พ่อมาเมื่อไหร่ต้องเหยียบให้มิด ไม่งั้นก็จบ…
“จะให้เอาไปส่งที่ไหนล่ะ”
โดยปกติแล้วฉันไม่ได้ไปรับงานจากเอเย่นต์ค้ายารายใหญ่เองหรอก มีแต่พี่ต้นนี่แหละที่คอยไปเอายามาให้ แล้วให้ฉันเอาไปส่งกับผู้ค้ารายย่อยอีกที หรือบางทีก็ส่งให้กับคนเสพทั่วๆ ไป
แต่ทว่าสิ่งที่อยู่ในมือของฉันตอนนี้เหมือนจะเป็นของผู้ค้ารายย่อยมากกว่า เพราะน้ำหนักของมันที่สัมผัสได้ค่อนข้างหนักเลยทีเดียว
“ที่ผับพีเอ็นคลับ”
ชื่อผับที่พี่ต้นบอกมาทำให้ฉันพอรู้อยู่บ้างว่ามันอยู่ที่ไหน เมื่อรู้ที่หมายแล้วฉันก็เก็บกล่องนมนั้นยัดใส่กระเป๋าเป้ของตัวเอง ที่สะพายห้อยพาดไหล่เอาไว้แค่สายเดียวอย่างหมิ่นเหม่
“วันนี้มีแค่นี้เหรอพี่” ฉันเงยหน้าขึ้นถามพี่ชายของตัวเองเพื่อความแน่ใจ เพราะถ้าไม่มีอะไรต้องส่งอีกฉันก็จะได้กลับบ้านไปนอนพัก ซึ่งพี่ต้นก็พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนพูดเสริมออกมา
“ระวังตัวด้วยล่ะ รายย่อยคนนี้มันจู้จี้จุกจิก อย่าให้ของหายและอย่าถูกจับเป็นอันขาด”
“อืม”
ประโยคกำชับที่เปล่งออกมาทำให้ฉันตอบรับในลำคอ ก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินออกมาจากตรอกซอยแคบๆ นั้น
พรึบ!...ผลัก!
“เฮ้ย!!” ทว่าเดินออกมาได้เพียงไม่นานกระเป๋าเป้ที่ฉันสะพายเอาไว้ กลับถูกผู้ชายคนหนึ่งกระชากออกไปอย่างง่ายดาย มันผลักตัวฉันจนเซถลาไปด้านข้างเล็กน้อย แต่เมื่อตั้งสติได้เท้าเล็กทั้งสองข้างก็รีบวิ่งตามหลังมันไปทันที
ตึก...ตึก...ตึก…
“หยุดนะ!!” ฉันพยายามตะโกนไล่หลังมันสุดเสียง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าจะเอ่ยปากขอให้คนแถวนั้นช่วยก็เกรงว่าคนที่จะถูกจับจะกลายเป็นฉันซะเอง
มันน่ะแค่โดนข้อหาวิ่งราว แต่ฉันนี่สิโดนเต็มๆ
และด้วยความที่มันเป็นผู้ชาย เรียวขานั้นจึงยาวกว่าฉันหลายเท่า แถม สกิลเท้ามันยังเหนือกว่าฉันเป็นไหนๆ ดูท่าแล้วน่าจะเป็นมืออาชีพพอสมควร ตำรวจที่เคยวิ่งไล่จับฉันยังไม่สกิลเท้าดีขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ
แม่ง...ขโมยอะไรไม่ขโมย เสือกมาขโมยยาบ้า บักปอบ!
“เชี่ยเอ๊ย!” ฉันถึงกับต้องสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อไม่สามารถที่จะวิ่งตามมันได้ทัน
เท้าของฉันจำต้องหยุดชะงัก สองมือท้าวที่เข่าของตัวเองด้วยท่าทีที่เหนื่อยหอบ เหงื่อกายมากมายแตกพลั่กลงมาจนชุ่มตามกรอบหน้าเนียน
ฉันยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อของตัวเองออกลวกๆ และพอจะล่วงรู้ได้เลยว่าถ้ากลับไปต้องเจอกับอะไร
จากที่เวลานี้กำลังปาดเหงื่อ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าฉันอาจจะต้องยกหลังมือขึ้นมาเพื่อปาดเช็ดเลือดของตัวเอง
ชะตาของฉันมันกำลังจะขาด…
ยามใดที่ได้กลิ่นหอมของเธอ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ทั้งชีวิตที่เกิดมา ไม่เคยมีใครแสดงท่าทีรังเกียจฉันได้มากเท่าเขาอีกแล้ว… “คุณมีปัญหาอะไรกับฉันหรือเปล่าคะคุณแซ้งค์” “ใครจะกล้ามีปัญหากับลูกสาวเจ้าพ่ออย่างคุณเอวาได้ล่ะครับ” “ก็คุณไงคะ” .......................................................................................... ฉันต้องรู้สึกยังไงที่จู่ ๆ ก็มีคนบางคนชอบแสดงท่าทีเหมือนรังเกียจ ทุกครั้งที่พยายามเข้าใกล้ เขาก็จะถอยห่าง มองจากดาวอังคารยังรู้ ว่า ‘คุณแซ้งค์’ กำลังไม่ชอบขี้หน้าฉันอย่างแรง แต่บอกไว้ก่อน เราไม่เคยมีเรื่องกัน แล้วทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ไปได้ “บอกเหตุผลมาหน่อยได้มั้ยคะ ว่าทำไมถึงทำเหมือนไม่ชอบฉันนัก” “ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ผมแค่ไม่อยากอยู่ใกล้คุณ” “แล้วมันทำไม?” “ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง” หลังจากได้รับคำตอบ ฉันก็ไม่เคยเข้าใจในความหมายนั้น กระทั่งคืนหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ซึ่งนี่แหละคือจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเราไปตลอดกาล...
ยามใดที่ร่างกายสัมผัสถูกเกสรดอกไม้ นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... เพราะความเมามายเป็นเหตุ จึงทำให้ฉันต้องอยู่บนเตียงกับเขาตลอดทั้งค่ำคืนนั้น คิดว่าจะจบ ทว่าเราสองคนกลับหวนมาเจอกันอีกครั้งในวันหนึ่ง “คุณท้องกับผมเหรอ?” “คุณคิดว่าเครื่องตัวเองฟิตสตาร์ทติดง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” .......................................................................................... ชีวิตของฉันซวยมากเลยค่ะคุณกิตติคะ ด้วยความที่เพื่อนงอนกับแฟนก็เลยอยู่ช่วยปลอบใจ พร้อมคอยปรามไม่ให้เพื่อนดื่มแอลกอฮอล์จนเมามายไร้สติ แต่จู่ๆ ก็มีนังตัวดีที่ไหนไม่รู้ส่งคลิปคนรักของฉันซึ่งกำลังนัวเนียกับผู้หญิงคนอื่นมาให้ดู ไป ๆ มา ๆ จึงกลับกลายเป็นว่าเพื่อนต้องปลอบใจฉันแทน อาการเจ็บช้ำหัวใจที่จู่โจมเข้ามากะทันหันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ส่งผลให้ฉันกระดกเหล้าเข้าปากรัว ๆ แบบไม่หยุดยั้ง ยังค่ะ...เรื่องยังไม่จบที่ตรงนั้น แฟนเพื่อนตามมารับเพื่อนกลับบ้าน แต่ก็ยังมีน้ำใจพาฉันขึ้นไปห้องพัก ทว่า...ห้องนั้นดันไม่ใช่ห้องของฉันนี่สิ "คุณเป็นใคร เข้ามาในห้องของผมได้ยังไง ออกไปเดี๋ยวนี้!" ท่าทางของผู้ชายตรงหน้าที่กำลังเอ่ยปากไล่ฉันดูแปลกตา คล้ายกับกำลังระงับอารมณ์บางอย่าง กระนั้นระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายก็ทำให้ฉันไม่อยากสนใจอะไรนอกเสียจากล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้าง "อะไร? จะแปลงร่างเหรอ? ไปเล่นที่อื่นไปหนู พี่จะนอน" ความเมาเป็นเหตุสังเกตได้ ตื่นขึ้นมานั่นแหละถึงได้รู้ ว่าตนเองถูก 'คนแปลกหน้า' พรากความบริสุทธิ์ไปเสียแล้ว...
ยามใดที่ดวงอาทิตย์ตกดิน นิสัยของผมจะกลับกลายเป็นอีกคน... ค่ำคืนนั้นเขาช่างเร่าร้อน ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราล้วนไม่ใช่เพราะความรัก... "ขึ้นชื่อว่าคนดูแลชั่วคราว เธอก็จะได้อยู่แค่ในสถานะนั้น อย่าใฝ่สูง" .......................................................................................... ฉันได้รับหน้าที่ให้ดูแล 'ผู้ชายคนหนึ่ง' ทว่าของแถมที่พ่วงติดมาด้วยนั้นคือเรื่องราวน่า 'ประหลาด' ซึ่งเป็นเหตุทำให้ชีวิตของฉันต้องพลิกผันไปตลอดกาล "คุณซานเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" การเห็นเจ้านายแสดงท่าทีราวกับทุกข์ทรมานอยู่ตรงหน้า จึงไม่นิ่งนอนใจที่จะเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมขยับก้าวเข้าไปเพื่อช่วยพยุง "ออกไป!" ทว่าร่างสูงตรงหน้ากลับตะคอกใส่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หนำซ้ำยังสะบัดตัวฉันออกจนเซถลาเกือบล้มลงกระแทกพื้น "ออกไปจากห้องฉัน...เดี๋ยวนี้!!" หากย้อนเวลากลับไปได้ คืนนั้นฉันจะเชื่อฟัง และยอมเดินออกไปจากห้องแต่โดยดี...
ผมไม่เคยคิดว่าการที่ไว้หนวดไว้เครา และทำตัวเซอร์ๆ จะทำให้ใครบางคนต้องร้องไห้เพียงเพราะแค่เห็นหน้า "ฮือ...แม่จ๋าหนูกลัวโจร" เด็กผู้หญิงที่ร้องไห้ในวันนั้น คือคนที่ผมต้องสยบจวบจนถึงทุกวันนี้... ........................................................................ ฉันไม่รู้ว่าเริ่มชอบเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าพอได้ชอบฉันก็ไม่สามารถห้ามความรู้สึกของตัวเองได้อีกเลย... วินาทีแรกที่เจอกัน 'เขา' ทำให้ฉันรู้สึกกลัว แต่พอนานวันเข้า เขากลับเป็นคนที่สอนให้ฉันรู้จักคำว่า 'ความรัก' "ถ้าโตขึ้นแล้วมีผู้ชายมาชอบหนู แด๊ดดี้จะทำยังไงคะ?" "ฆ่ามัน" ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ พอโตมาถึงได้รู้ ว่าฉันจะต้องเป็นของแด๊ดคนเดียวตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...
"มาโรงพยาบาลวันนี้ป่วยเป็นอะไรอีกล่ะคะ" "พอดีกินข้าวไม่ค่อยได้น่ะครับ" "หืม? มีอาการอาเจียนด้วยหรือเปล่าคะ หรือว่ายังไง" "เปล่าครับ แค่ไม่มีตังค์" "..." "ถ้าคุณพยาบาลไม่รังเกียจ ผมขอฝากท้องไว้สักมื้อนะครับ" "คุณท้องเหรอคะ?" ........................................................................ "ถ้านายทำร้ายฉัน ฉันจะโทรไปฟ้องพี่" ฉันรู้ว่าคำขู่ของตัวเองมันอาจจะไม่ได้ผล เพราะเขาเป็นผู้ชายที่หน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่าปูนซีเมนต์ หมายถึงทนมือทนตีนน่ะนะ "ฟ้องมากๆ ระวังโดนตบด้วยปากและกระชากด้วยลิ้นนะ" นอกจากจะเป็นผู้ชายที่กวนตีนแล้ว ความหื่นของเขาก็มีมากเช่นกัน หมดเรี่ยวแรงไปเท่าไหร่แล้วกับผู้ชายพันธ์นี้...โปรดอยู่ให้ห่างแล้วชีวิตจะปลอดภัย
เคยได้ยินคำว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้หรือเปล่า? และฉันก็ไม่ชอบให้ใครมาหากินในที่ของฉัน แต่ 'มัน' เสือกทำ "ไม่ใช่เด็กถิ่นเช็คอินได้เปล่า" ด้วยความที่โชคชะตามันโหดร้าย จึงทำให้เราสองคน 'ได้' กัน ........................................................................ สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือความเจ้าชู้ แต่แล้ววันหนึ่งฉันกลับกลายทำตัวเป็นแบบนั้นซะเอง เหตุการณ์ที่พบเจอมันบีบบังคับให้ฉันต้องร้าย ต้องแรง และ...อยู่ให้เป็น "นี่ไม่ใช่ที่วิ่งเล่นของเด็ก กลับบ้านไปดูดนมนอนไป๊!" วาจาที่พ่นออกมาจากริมฝีปากหนาเป็นอะไรที่ฉันรังเกียจพอๆ กับการเห็นหน้า 'คนพูด' "ก่อนไป ขอเตะปากทีดิ" เท้าของฉันมันกำลังกระตุก เมื่อหูได้ยินอะไรที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ เขาว่ากันว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เห็นทีว่ามันจะจริง...
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”