เรื่องราวของอัญชลียาผู้ซึ่งยึดมั่นในความผูกพัน จนกลายเป็นความรัก แม้รู้ว่าคุณอคินของเรามีให้แค่เงินและสัมพันธ์ทางกายเธอก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากเขา จนกระทั่งวันที่ต้องลาจากมาถึง เพราะคนรักที่เขาสัญญาจะแต่งงานด้วยกลับมาจากเมืองนอก ความผูกพันของเธอก็ดูไร้ค่าจนน่าสมเพชตนเอง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้ความรักกลายเป็นความแค้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันในเล่มนะคะ ------ “ฉันไปนะอันอัน อย่าลืมฝากคีย์การ์ดไว้ที่เคาน์เตอร์นะ” “อะไรกันแค่คีย์การ์ด ฉันจะเอาไปทำไม” อันอัน เช็ดหน้าเดินไปหาเสื้อผ้า ดึงของใช้ตนเองออกมา” “เธอจะโมโหทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคิดไม่ทำตามสัญญา อย่าเชียวนะ นั่นๆ ดึงไปให้หมดเลยเสื้อผ้าพวกนั้น” เขายืนมอง ปากก็พูดไล่อีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเขา “เลือดเย็นกับฉันจังเลยนะอคิน ทั้งที่เมื่อคืนปากบอกว่าชอบฉัน” อดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่เขาคงฟังเป็นถ้อยคำน่ารำคาญ เพราะหันหลังหนีไปอีกครั้ง หยิบกุญแจรถขึ้น “เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังมันส์จะให้พูดว่าเกลียดหรือไง เธอเองก็ชอบนี่น่า พอๆ อย่าหาเรื่อง นั่นเช็คนะ ดูแลตัวเองด้วย” อย่างน้อยยังมีน้ำใจ แม้จะออกมาเพราะเธอคาดคั้น อัญชลียาหันมองเช็ค ใจแห้งเหี่ยวเดินเข้าไปแต่งตัว พร้อมกับเจ้าของห้องหรูเดินห่างไป เสียงประตูปิดลง หญิงสาวผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ นั่งลงปาดน้ำตา ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ ทรายสีรุ้ง
คอนโดหรูกลางใจเมืองกรุงเทพฯ
ครืน ครืน
มือใหญ่ควานไปหยิบมากดรับ
ความง่วงเริ่มหายไป ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งสะบัดผ้านวมออกจากตัว เมื่อได้ยินเสียงหวานๆ
จากคนไกล ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นจากเตียงตรงไปที่หน้าต่าง
“กลับมาแล้วเหรอ
ทำไมมาก่อนกำหนดล่ะครับ แปลกใจนะเนี่ย”
เสียงหวานบอกว่ามาเซอร์ไพรส์
คนเพิ่งตื่นซึ่งมีรูปร่างไม่ต่างนายแบบ ด้วยความสูง 187 เซนติเมตร
เสยผมดกดำ ปากที่ไม่ค่อยยิ้ม แย้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าอย่างนั้นเจอกัน
อีกครึ่งชั่วโมงได้ไหม”
มีเสียงว่าใจร้อน
แต่เขาก็ใจเย็นไม่ได้ รอคอยมาหลายปี บัดนี้เธอกลับมาจะมัวรออะไรอยู่อีก
ผัดวันประกันพรุ่งมีแต่จะออกนอกลู่นอกทางไปเรื่อย
จะหาทางกลับมาไม่เจอเป็นแน่
ช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาก็นับครั้งที่ไปหาได้
เขารีบเดินไปอาบน้ำ
“ไปไหนหรือคะคุณคิน”
“ดาวิกลับมาแล้ว
เธอจะนอนต่อก็ไม่ว่า แต่ฉันไม่อยู่กินมื้อเช้าด้วยแล้วนะ”
คนที่ยังง่วงลืมตากว้าง
มองแผ่นหลังเปลือยซึ่งเดินเข้าห้องน้ำ เธอเดินลงจากเตียง กระชับเสื้อคลุมให้แน่น
เตียงนอนซึ่งเป็นสนามสวาทมาหลายปี
จนเคยชิน เคยคิดว่าต่อไปคือที่หลับนอนตลอดไป กลายเป็นต้องจบลงจริงๆ
เป็นข้อตกลงที่คงไม่ต้องเอ่ยถึงอีก
แต่เมื่อถึงเวลา รู้สึกใจเจ็บปวด เธอไม่อาจมอบตำแหน่งความผูกพันที่เธอรู้สึก คู่นอนเบอร์หนึ่งที่เขาให้
ไปให้ใคร และเมื่อคิดว่าคนที่อคินพูดถึง เขาจะให้มากกว่าความผูกพัน มากกว่าคู่นอน
ก็แทบหายใจไม่ออก
“คิน
อาบน้ำด้วยสิได้ไหม”
พยายามยื้อเวลา
แค่สักครู่คงทำให้ใจเข้มแข็งขึ้น อย่างน้อยกอดลาก่อนจาก เธอรู้สึกจริงๆ
ว่าจะไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้อีกแล้ว
ถ้าเป็นเมื่อก่อน
ไม่ว่าเวลาไหน ประตูจะเปิดออกทันทีแต่ตอนนี้ในห้องน้ำเงียบ หญิงสาวพิงพนังหน้าห้อง
เรียกอีกครั้ง “คินคะ” แต่มีแค่เสียงน้ำจากฝักบัว อันอันหรืออัญชลียา
ถอยห่างออกจากตรงนั้น มาดื่มน้ำและคิดถึงอนาคตตนเอง
เพื่อน คู่นอน
ผูกพันกับเขาเพียงคนเดียว ไม่เคยมองใครอื่น แม้จะดีกับเธอสักเพียงไร
อยากก้าวสู่คนรัก ภรรยา ช่างฝันเฟื่อง
“อะไรของเธอ
เรียกทำไมหึ ฉันรีบนะ”
มือใหญ่เดินเช็ดผมออกมา
หญิงสาวคลายมวยผมบนหัว ให้ปิดดวงตา แสร้งถามเขาเรื่องที่รู้คำตอบ
“เราจะไม่เจอกันอีกใช่ไหม
เมื่อดาวิของคุณมาแล้ว”
ดาวิกาเป็นรุ่นน้องของอัญชลียาหนึ่งปี
ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่จบปริญญาตรี เคยกลับมาเมืองไทย สองครั้งเท่าที่จำได้
นอกนั้นเพื่อนที่กลายเป็นคู่นอนไปหาตลอด หญิงสาวอยากรู้นัก
คนที่อยู่บนเตียงหลายปีอย่างเธอ ซึ่งเขาบอกว่าถูกใจ จะทำให้จิตใจเขาลังเลบ้างหรือไม่
เธอแอบมองผ่านเส้นผมหนาเพียงครู่เดียว
ไม่มีวี่แววจะสนใจกัน
เธอดื่มน้ำอีกอึก ทั้งๆ ที่น้ำเต็มท้อง จนพุงกาง
“ก็มันแน่อยู่แล้ว
ฉันอยากเลิกเสเพล แต่งงานเสียที เธอเองก็เหมือนกันนะ”
“ฉันไม่เคยมีใครนะ
มีแค่คุณ”
ถึงอคินจะแก่กว่าเธอสองปี
แต่เธอก็ไม่คิดเรียกเขาว่าพี่เหมือนตอนเด็กอีก ผู้ชายตรงหน้ามีสัมพันธ์กับเธอมาตั้งแต่เรียนมหาลัยปีสาม
ตอนนี้เกือบห้าปี แต่เขาจะมาเหมารวมไม่ได้ว่าเธอเหมือนเขา
ถึงเธอจะเปรี้ยว
แต่งตัวไม่แคร์ใคร แต่เรื่องรักเดียวใจเดียว ใครจะรู้ว่าเธอยืนหนึ่ง
“พูดมากน่า ไม่มีเวลาคุยแล้วและฉันไม่ได้ขอความคิดเห็น
ฉันไปแต่งตัวแล้วนะ เธอเองไม่มีงานจะอยู่ที่นี่จนค่ำก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะอัน
วันนี้ขอให้เป็นวันสุดท้ายที่เธอใช้ชีวิตอิสระที่นี่”
ไล่ไม่น่าเกลียด
แต่คนฟังเจ็บ อันอันพยักหน้า
“อือ เข้าใจ
ยังไงโชคดีนะ”
“เอาเงินไปใช้นะ
จะได้ทำงานน้อยลง”
อันอันหันมองดวงตาสีนิล
วงหน้าหล่อเหลา คนไม่รู้จักต่างคิดว่าเขาหยิ่งยโส แต่สำหรับเธอเขาใจดี อคินจมูกโด่ง
รับกับคิ้วเข้ม ปากสีสด ผิวขาวเพราะเขามีเชื้อสายจีน
หล่อ รัก
แต่เขาไม่เคยเป็นของเรา เป็นเราที่โง่หลอกตนเองว่าสักวันทุกอย่างอาจได้อย่างใจหวัง
บัดนี้พอแล้ว คนของเขากลับมาแบบไม่ให้ตั้งตัว
ตลกความรักห้าปีจริงๆ
น้ำเน่า รักเขาข้างเดียว
“อันอัน
รองเท้าหนังสีน้ำตาลที่ไปซื้อกับเธออยู่ไหนเหรอ”
ร่างเปลือยปิดก๊อกน้ำ
ยื่นใบหน้าซึ่งพยายามทำให้ปกติออกจากห้องน้ำ
“คุณเอากลับบ้านตอนพี่สาวแต่งงาน
ไม่ได้เอากลับมาเลย”
“ออ ขอบใจ
ถ้าอย่างนั้นใส่สีน้ำตาลคู่อื่นก็ได้”
ร่างในชุดกางเกงยีนต์
เสื้อคอโปโลสีขาว ผมเรียบแปล้เดินจากไป กลิ่นหอมประจำตัวเขาลอยมาแตะจมูก
หญิงสาวปิดประตู
อยากกอดร่ำลาแต่ไม่เขาไม่ได้ต้องการ
เย็นชาขนาดนั้น เธอจะทำไปเพื่ออะไร ตอนนี้ต่อให้แก้ผ้าเดินออกไป
สายตาที่เคยหื่นยามเห็นทุกคราคงไม่มองอีก
อัญชลียาอาบน้ำ
ซ่อนน้ำตาไว้ใต้ฝักบัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นเสมอ ยามท้อแท้กับความสัมพันธ์
แต่เธอเลือกแล้ว และบัดนี้จบลง จะไม่โทษใคร
“ห้ามให้คนอื่นรู้นะอัน
ให้รู้ว่าเราเป็นเพื่อนสนิทเหมือนเดิมเป็นพอ พ่อแม่ฉันก็ห้าม ยิ่งเชียร์เธออยู่
ฉันไม่อยากให้อะไรผิดพลาด ฉันรอเพียงคนนั้นเธอก็รู้ ไม่อยากผิดสัญญา”
คืนแรกที่เมามายเพราะไปดื่มด้วยกัน
จบลงที่สัมพันธ์ลึกซึ้ง มือใหญ่โอบเอวเธอและตกลงกัน เธอนั้นหลงรักเขามานาน เพราะบ้านอยู่ใกล้กันตั้งแต่เด็ก
เขาเหมือนพี่ชาย เพื่อน เพราะเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน ได้เขาเป็นเพื่อน เอาใจ
มีหรือจะไปมองใครอื่นเมื่อโตเป็นสาว ยิ่งเขาหล่อเหลาขนาดนั้น ยิ่งปักอกปักใจ
และแม้คนบ้านเขาจะเชียร์เธอให้รักกับเขา
มันเป็นไปไม่ได้เพราะเจ้าตัวบอกไม่ชอบเธออย่างคนรัก
ไม่ชอบแต่ฟัด
กด เธอตลอดหลังจากวันนั้นที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง
เธอยิ้มเยาะตนเอง
ก็แค่ของที่ใกล้มือ
และรสชาติพอใช้ได้
ใครรู้ว่าเธอยอมให้ผู้ชายคนหนึ่งถึงขนาดนี้คงหัวเราะกันใหญ่
โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนๆ
เพราะคนอย่างอันอัน
อัญชลียา แม้ตาโตกับเงินทองแต่ไม่เคยถอดผ้าขึ้นเตียงกับเสี่ยคนไหน
เอาเงินมากองมากมายก็ปฏิเสธมาแล้ว
ใครกันจะรู้ว่ารักโง่ๆ
จะมีจริง ไม่ใช่สิ คนโง่งมในรักต่างหาก
พรึ่บ! หญิงสาวลูบหน้า
มองตนเองในกระจก
เส้นผมสีบรอนท์
ปากรูปกระจับ ไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์ ตากลมโต โดยรวมเธอสวยบาดตาบาดใจ
หน้าอกก็ชูชันกลมโต ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ
ให้สงสัยนัก
ตัวตนเธอ ไม่เคยซึมลึกในหัวใจอคิน รพินกุลบ้างหรือ
ทำไมไม่ชอบ ไม่รักฉันล่ะ
ยายดาวินั่นดีที่ตรงไหนกันนะ? “ฉันไปนะอันอัน
อย่าลืมฝากคีย์การ์ดไว้ที่เคาน์เตอร์นะ”
“อะไรกันแค่คีย์การ์ด
ฉันจะเอาไปทำไม” อันอัน เช็ดหน้าเดินไปหาเสื้อผ้า ดึงของใช้ตนเองออกมา”
“เธอจะโมโหทำไม
เอ๊ะ! หรือว่าคิดไม่ทำตามสัญญา
อย่าเชียวนะ นั่นๆ ดึงไปให้หมดเลยเสื้อผ้าพวกนั้น”
เขายืนมอง
ปากก็พูดไล่อีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเขา
“เลือดเย็นกับฉันจังเลยนะอคิน
ทั้งที่เมื่อคืนปากบอกว่าชอบฉัน” อดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่เขาคงฟังเป็นถ้อยคำน่ารำคาญ
เพราะหันหลังหนีไปอีกครั้ง หยิบกุญแจรถขึ้น
“เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม
กำลังมันส์จะให้พูดว่าเกลียดหรือไง เธอเองก็ชอบนี่น่า พอๆ อย่าหาเรื่อง นั่นเช็คนะ
ดูแลตัวเองด้วย”
อย่างน้อยยังมีน้ำใจ
แม้จะออกมาเพราะเธอคาดคั้น อัญชลียาหันมองเช็ค ใจแห้งเหี่ยวเดินเข้าไปแต่งตัว
พร้อมกับเจ้าของห้องหรูเดินห่างไป
เสียงประตูปิดลง
หญิงสาวผู้ไม่เคยแสดงความอ่อน นั่งลงปาดน้ำตา
เงิน เช็ค
เท่านี้ที่คุณให้ฉัน
ความรัก
การดูแลที่ไม่เคยให้ใคร ฉันให้นาย
จบสิ้นก็ดีเมื่อความคิดเราไม่มีวันเหมือนกัน
อทิตยาคือหญิงสาวที่นายพลภัทรอุปการะไว้ตั้งแต่อายุสิบขวบ เธอรัก เคารพนายพลเหมือนพ่อแต่กลัวคุณหญิง ภรรยานายพลมาก ดังนั้นเมื่อโตเป็นสาวเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้นายพลอีก จนกระทั่งภัทรกร ลูกชายคนโตของนายพลเข้ามาแทรกซึมให้หัวใจที่ว้าเหว่อบอุ่นขึ้น เธอหลงรักเขาอย่างห้ามใจไม่ได้ เธอยอมเป็นคนในความลับ เพื่อรอวันที่จะได้ทะเบียนสมรสจากเขา แต่แล้ววันหนึ่งคนรักเขากลับมา เขาไม่รีรอที่จะมอบเงินให้เธอ ตัดสัมพันธ์ที่เธอหวงแหนลง แล้วเธอจะพูดอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการ ทว่าเมื่อรู้ว่าตั้งท้องเธอก็เปลี่ยนใจ อยากให้ภัทรกรรู้เรื่องลูก แต่เขากลับคิดว่าเธอโกหกเพราะคิดจะจับเขา หญิงสาวเสียใจมาก เธอยอมไปจากบ้านดลจิตรตามที่คุณหญิงสั่ง เพราะที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้ นายพลเธอก็ไม่อยากให้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอ
กัญญายอมมาเป็นผู้หญิงของรอน กวี อลอนโซแทนน้องเพื่อใช้หนี้ให้พ่อ แม้เธอจะต้องทิ้งรักแรกแต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีได้ ทว่าวันหนึ่งกลับเจอว่าน้องสาวและคนรักเก่ากำลังคบหาจะแต่งงานกัน เธอได้รับรู้ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจถึงความเสียสละของเธอแม้แต่น้อย กัญญารู้สึกโดดเดี่ยว เสียใจเป็นที่สุด และในเวลานั้นรอนก็กำลังจะแต่งงาน ยุติความสัมพันธ์กับเธอ ซ้ำจะยกเธอให้ลูกน้องเขา เธอไม่มีค่ากับใครเลยหรือ?
เขาทิ้งเธอไว้ไปในวันฝนพร่ำเพื่อไปหาคนรักที่รอคอยมาเนิ่นนาน ความฝันที่จะได้เคียงคู่พลันมลายลง เธอเป็นแค่คนผ่านทาง เธอจะไม่ร้องไห้ แต่ทำไม น้ำตาไหลไม่หยุดแบบนี้เล่า ------------------------ เพราะยินยอมพร้อมใจเป็นเด็กเลี้ยงของหมอดลทัช เมื่อเขาจะจากไป โดยที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ชลรัมภาจำต้องยอมรับความทุกข์ ความปวดร้าวให้ได้ ทว่าเมื่อต้องเจอหน้าเขาอยู่ร่ำไป เพราะเธอคือเพื่อนรักน้องสาวเขา เธอจะทำตัวเช่นไรดี ให้เขาไม่สมเพช ไม่เห็นน้ำตาที่ไม่มีค่าของเธอ
เพราะอนาคตของน้องสาว เพราะแม่ พลอยหวาน สาวสมองขี้เลื่อยจึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ คีตะคราม เขาหล่อ แต่เขาร้าย แต่ไม่ปราณีเธอ แม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ วันที่หลานชายเขาฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เธอรู้ว่าตนเองท้อง ทว่าพ่อของลูก คนใจร้ายคนนั้นไม่ยอมรับฟัง เขายังต้องการให้เธอไปให้ไกลตาหลานชายของเขา แต่กลับไปบ้าน สักวันคนบ้านนั้นอาจจะรู้เรื่องน้องสาว ที่ไม่เคยเหลียวแลพี่สาวอย่างเธอ ดังนั้นเธอต้องไปหางาน หาเงินเอาข้างหน้า คลอดลูกเมื่อไหร่ จะเอามาให้พ่อเขาก็แล้วกัน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก? เธอน้ำตาไหล เธอหวังลูกจะตอบกลับเป็นประโยคเดียวกับคำถามของเธอ
เขารักคนอื่น กำลังจะแต่งงานกัน ในค่ำคืนหนึ่งเธอกลายเป็นของเขาด้วยความงงๆ อยากบอกเขาให้รับผิดชอบ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คนที่เขาจะแต่งงานเป็นคนที่เธอรัก เคารพ อารยายอมตัดใจ แม้อุ้มท้องและโดนพ่อด่าทอ ทุบตี ว่าแย่งของคนอื่นเธอก็ไม่อาจโต้แย้ง ---------------------- “อย่าเพิ่งไป” มือใหญ่คว้ามือเธอไว้ อารยาสะบัด “จะกลับแล้ว ถ้าคุยเรื่องไร้สาระ” “การที่เรานอนกันดุเดือดคืนนั้น เธอพูดว่าไร้สาระเหรอ ฉันคงจะคิดผิดเสียแล้ว ว่าเธอไร้เดียงสา” ดวงตาคมโตหันไปถลึงตา “พูดอะไรเงียบไปเลยนะ” โยธินหัวเราะขื่น “แสดงท่าทีแบบนี้ ยอมรับแล้วสินะ” อารยากำหมัดแน่น มองซ้ายขวา ที่นี่คงให้เธอตะโกนให้หายแค้นใจได้ “ยอมรับแล้วไง คุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ไม่คิดจะกลายเป็นคำพูดนี้ที่ปิดการสนทนา เธอแหงนมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่มีอะไรดีขึ้น จะร้องไห้ไปทำไม “เธอหวังอะไรล่ะ น่าจะรู้ฉันจะแต่งกับพี่สาวเธอเท่านั้น” อารยากำหมัดแน่น พลั่ก! “โอ้ย!” โยธินกุมจมูก สบถเสียงดัง “เธอเป็นบ้าอะไร เจ็บนะ” “ให้คุณมีสติและคิดบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันเคยอ้อนวอนอะไรคุณบ้าง ฉะนั้นอย่ามาตัดสินว่าฉันคิดหรือไม่คิดอะไร เข้าใจไหม” โยธินอึ้งไปแต่ไม่ยอมแพ้ “ผู้หญิงเก็บกด อยากลองจะว่างั้น แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ แอบลอบเข้าไปมันคงเร้าใจใช่ไหม ก็แน่ล่ะ หุ่นผมมันคงน่ากิน” อารยายกมือจะซัดอีกครั้งแต่กลับโดนรวบที่เอว ก่อนใบหน้าบึ้งตึงจะก้มลงมาบดจูบปากเธอ หญิงสาวพยายามกระทืบเท้าเขาและดิ้น คนบ้านี่ ทำอะไรอีก
จังหวะนั้นประตูเปิดออกสุดแรง พูดหันมองก่อนจะหดมือ ทำตัวเล็กลีบ “เป็น เป็นลมไปเรียบร้อยครับ” วงศกรไม่ถามอะไร จับชีพจรที่ข้อมือ จับแก้มแดงแจ๋ “ทำไมหน้าแดงขนาดนี้” อายหมอมั้งครับ “เอ่อ โดดแดดครับ” “ก็ไอ้พูดไม่มีหมวก ไม่มีเสื้อให้เลย พาไปสอนเก็บองุ่นทั้งที่แดดเปรี้ยงครับคุณหมอ” วงศกรหันมองพูด “ผมไม่รู้ว่าคุณเค้ากระหม่อมบาง อีกอย่างคุณบอกโอเค” “ออกไปก่อน” สองพ่อลูกลุกขึ้นพร้อมกัน วงศกรหาผ้าเย็นมาเช็ดใบหน้า ลำคอที่เปลี่ยนสีชัดเจน โง่ที่สุด หรือไม่ก็เรียกร้องความสนใจ “โอ้ย!” วงศกรมองมือที่หยาบกร้านซึ่งจับหน้าท้อง หมอหนุ่มเริ่มการตรวจทันที ขณะนั้นคนป่วยรู้สึกตัว เธอถอยห่างร่างใหญ่ที่นั่งใกล้ๆ พลางลำดับเหตุการณ์
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้