จงแสดงวิธีที่ทำให้คนคนหนึ่งอยู่กับเราไปตลอดกาล... สำหรับ คิรินทร์ มันก็เรื่องง่าย ๆ อยากให้อยู่ด้วยตลอดไปก็แค่จับล่าม! จับขัง! แค่นั้นก็พอแล้ว
KEEP IN CAGE
INTRO
เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือดังรอบที่สาม... สี่ หรือห้า ก็ไม่แน่ใจ
‘กองทัพ’ ทำแค่ปรายหางตาไปมอง หน้าจอโทรศัพท์ของเขาโชว์รูปน่ารัก ๆ ของเด็กผู้ชายวัยเดียวกันเต็มจอ แน่นอนว่านั่นคือแฟนของเขาเอง ช่วงนี้กองทัพกับปั้นจั่นไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยครั้งสักเท่าไหร่ สาเหตุหลัก ๆ ก็เพราะว่า ปั้นจั่นย้ายที่อยู่ใหม่ บ้านของพวกเขาเลยห่างใกล้กันมากกว่าเดิม... ส่วนสาเหตุรอง ๆ เขาไม่อยากพูดถึงมันนัก
กองทัพคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่ มันคงดีแล้วล่ะมั้งที่ห่างกัน... อยากรู้เหมือนกันว่าความรู้สึกเบื่อหน่ายมันจะจางหาย เลือนลางไปบ้างหรือเปล่า... ตอนนี้มั่นใจว่าเขาเบื่อ ๆ แต่แน่นอนว่ายังรู้สึกรัก ตามประสาคนเคย ๆ นั่นเอง...
กลางดึกภายในคลับ @Alanholic สุดหรู... ชั้นที่กลุ่มกองทัพเลือกนั่งอยู่คือชั้นที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเข้มครบครัน ช่วงที่เบื่อหรือเครียดกลุ่มพวกเขามักจะมานั่งดื่มกันที่นี่ กลิ่นแอลกอฮอลล์ละควันบุหรี่ลอยคละคลุ้งเต็มไปหมด แสงสว่างวูบวาบบนโต๊ะปรากฏขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงริงโทนที่เริ่มดังบ่อยจนน่ารำคาญ
“ไม่รับสายเหรอคะ ทัพ...” สาวสวยที่นั่งอยู่ข้างกายเขาเอ่ยถาม กองทัพแค่นยิ้มเหยียด ก่อนจะใช้สายตาบอกเธอว่าไม่ควรยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา เจ้าหล่อนแกล้งยิ้มเจื่อน ๆ กองทัพคือผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเอาการคนหนึ่ง แต่การใช้สายตาเหยียดหยามกันเขาก็โคตรถนัดเลยจริง ๆ ไม่นานเกินรอกองทัพก็คว้าโทรศัพท์แล้วลุกเดินออกไป เขาหาที่สงบ ๆ ได้ก็เลื่อนหน้าจอเพื่อรับสายของปั้นจั่นทันที
“...”
‘ทัพ!’
“มันดึกแล้วทำไมยังไม่นอนอีก” เขาตัดปัญหาดื้อรั้นของปั้นจั่นด้วยการยอมรับสายสักครั้ง ตอนนี้ก็แค่หลับตาแล้วพ่นลมหายใจออกมา ถ้าคำตอบมันน่าพึงพอใจ สาบานว่าไกลแค่ไหนเขาก็จะไปหาปั้นจั่นตอนนี้ เวลานี้เลย!
‘นอนเหรอ! จะให้เราหลับลงได้ยังไง ทัพก็รู้เราร้อนใจอยู่!’
“ถ้าจะพูดเรื่องวินล่ะก็... เงียบไปเลยเหอะ” แต่สุดท้าย...ปั้นจั่นก็ไม่เคยแสดงความรักที่มีต่อกันสักครั้ง แค่คำว่าคิดถึงง่าย ๆ ก็ไม่เคยพูดมัน กองทัพถอนหายใจออกมาขับไล่ความรู้สึกน่าหงุดหงิด ช่วงนี้ไม่ว่าจะคุยกันเมื่อไหร่ ปั้นจั่นก็มักจะขอให้เขาตามหาเพื่อนอีกคนที่ชื่อ ‘วินเนอร์’ ตลอด...
‘กองทัพ! เราขอร้อง ทัพรู้จักผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เหรอ? เราคิดว่าเขาต้องรู้แน่ ๆ ว่าพี่เฟียสจับวินไปซ่อนไว้ที่ไหน ทัพช่วยเราหน่อยนะ... นะ...’
“…”
‘นะ... ทัพ...’
“หึ อยากจะช่วยเพื่อนมาก ๆ ว่างั้น!? แน่ใจเหรอปั้นจั่น ที่จะพาตัวเองไปพัวพันกับไอ้เวรคิงส์!”
‘ใช่! เราไม่กลัวมันหรอก อีกอย่าง เรายังมีทัพอยู่นี่...’ และต่อให้กองทัพภาวนาให้ปั้นจั่นตัดใจเรื่องวินเนอร์เท่าไหร่ แต่คำพูดที่ได้ยินเต็มสองหูก็คือความเป็นจริงอยู่วันยังค่ำ ฝ่ามือหนาเต็มไปด้วยเส้นเลือดในแบบฉบับของผู้ชายกำเข้าหากันแน่น กองทัพแค่แค่นหัวเราะในลำคอออกมาเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้... มุมปากเขาแสยะยิ้มร้ายกาจ น่ากลัว แต่ผิดกันตรงที่คนในสายมองไม่เห็นความร้ายของมันสักนิด
“ได้สิ... ถ้าปั้นอยากเจอมันมากนัก ทัพจะพาไปหามันให้ถึงที่เลย”
เวลาผ่านไปไม่นานนัก...
‘ปั้นจั่น’ เด็กผู้ชายหน้าหวาน สวยราวกับผู้หญิงก็มายืนอยู่หน้าสถานที่ที่ไม่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องมาเหยียบมันสักครั้ง มันทั้งเสียงดัง อึกทึก วุ่นวายเต็มไปด้วยควันรถ ฝุ่นละออง แถมยังเหมือนแหล่งมั่วสุมของเหล่าวัยรุ่นวัยคึกคะนองอีก ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะชอบมาเพราะมันช่างท้าทายและเผลอ ๆ อาจจะได้ของเดิมพันที่ทำให้สบายไปทั้งชาติอีกด้วย!
“ทำไมทัพยังไม่ถึงอีกนะ...” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเอง พร้อมทั้งยกมือมาลูบแขนคลายความหนาวไปด้วย หน้าสนามแข่งรถก็ยังมีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา หลายคนมองมาที่เขาและใช้สายตาน่ารังเกียจมองกัน ปั้นจั่นไม่โอเคกับคนแบบนี้สุด ๆ เขาคงอุ่นใจมากกว่านี้ถ้ามีกองทัพอยู่ข้าง ๆ พอก้าวเท้าเข้ามาเหยียบหลังรั้วเหล็กสูง ๆ แล้ว เสียงเพลงและเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่มขึ้นมา เด็กน้อยยกมือมาปิดใบหูตัวเองและเบ้หน้ายุ่งเหยิง ที่ยอมมาที่แบบนี้ก็เพราะว่ากองทัพบอกว่าจะได้เจอกับผู้ชายคนนั้นหรอกนะ
ผู้ชายที่เจอกันกลางร้านอาหารวันนั้น
ผู้ชายที่ดูเหมือนเป็นนักเลงหัวไม้และสามารถห้ามฟีรอสได้ด้วยประโยคเดียว!
“บ้าจริง!” ปั้นจั่นพูดเบา ๆ อีกครั้ง เมื่อหันไปเจอผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่กำลังจับจ้องมาที่ตนเอง พวกมันแกล้งแซวนั่นนี่และดูท่าว่าจะมีอีกคนเดินเข้ามาหากัน เด็กคนนั้นรีบหันหลังเดินหนี แต่พอเดินไปได้เพียงแค่สามสี่ก้าวก็โดนกระชากต้นแขนจนเซถลากลับมาที่เดิม
“อ๊ะ!”
“ทัพบอกให้รอข้างหน้าไง” ปั้นจั่นถอนลมหายใจออกมาเมื่อหันกลับมาเจอ กองทัพ แต่แล้วก็ต้องย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นเหล้า แถมยังมีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงอ่อน ๆ อีก...
“ทัพ...!”
“อือ ก็ทัพน่ะสิ คิดว่าใครงั้นเหรอ?” ผู้ชายร่างสูงก้มหน้าลงมาถาม คำพูดเขาดูปกติแต่ปั้นจั่นคิดว่าสีหน้าและแววตาเขาต่างหากที่แปลกไป ตั้งแต่นาทีแรกที่สบตากัน อยู่ ๆ ความกลัวก็แล่นพล่านขึ้นมาดื้อ ๆ คงเพราะว่าวันนี้กองทัพใส่ชุดสีดำไปทั้งตัวด้วยล่ะมั้ง...
“ไงวะ วันนี้ว่างเหรอมึง...” เสียงทุ้มต่ำที่ดังมาจากด้านหลังของปั้นจั่นทำให้กองทัพละสายตาจากใบหน้าสวยแล้วมองผ่านศีรษะปั้นจั่นไปราวกับว่ากำลังเจอคนที่อยากเจออยู่พอดิบพอดี เสียงผู้ชายคนนั้นมาพร้อมกับควันบุหรี่ซึ่งลอยออกมาจากริมฝีปากของเขา ปั้นจั่นอยากหันไปมองบ้างแต่กองทัพกลับโอบไหล่เขาเอาไว้แน่น แล้วกดศีรษะให้จมแผงอกแกร่งทันที
“อืม ได้ข่าวว่ามึงมาแข่งรถสนามนี้ก็เลยแวะมาว่ะ”
“มาเฉย ๆ?”
“ได้ไงวะ มึงจะแข่งกับกูอีกไหมล่ะ คราวนี้ถ้ามึงชนะ...อยากได้ของกำนัลเป็นอะไรก็บอกมาได้เลย” ปั้นจั่นมุดรอดจากวงแขนกองทัพแล้วหันมาเผชิญหน้ากับเขา แววตาสีเข้มเลื่อนมาปะทะที่ร่างเด็กตัวเล็กทันที เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอาจเพราะจำปั้นจั่นไม่ได้ ถึงแม้จะเคยเจอกันมาแล้วก็ตาม...แต่พอเห็นใบหน้าดุดัน แต่โคตรจะสวยของเด็กในอ้อมแขนของศัตรูคู่อริ ใบหน้าเจ้าเล่ห์ก็แผลงฤทธิ์ในทันที
“ว้าว ใครวะ...โคตรน่ากิน”
“ไอ้บ้า! มีสิทธิ์อะไรมองคนอื่นด้วยสายตาบะ... อื้อออ!!” ฝ่ามือหนายกขึ้นมาปิดริมฝีปากคนตัวเล็กตรงหน้าทันทีก่อนที่ปั้นจั่นจะทำเสียเรื่องมากไปกว่านี้
‘คิรินทร์’ ยกยิ้มมุมปากราวกับเจอของถูกใจ สายตาคมกริบมองแค่ใบหน้าแสนดื้อของปั้นจั่นเพียงเท่านั้น ถึงแม้ว่ากองทัพกำลังจะพูดข้อตกลงอะไร สิ่งเดียวที่เขาต้องการคืนนี้... ก็คือเด็กขี้พยศตรงหน้าคนเดียวเพียงเท่านั้น!!!
“เอาแบบนี้แล้วกัน” คิรินทร์อมยิ้มแล้วเงยขึ้นมาพูดกับกองทัพที่กำลังยืนยื้อรั้งกับปั้นจั่นอยู่แบบนั้น กองทัพเงยขึ้นมามองหน้าเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้ตอบโต้อะไร
“…”
“ถ้าครั้งนี้กูชนะมึง เอาเด็กคนนี้เป็นของเดิมพัน” คำพูดของคิรินทร์ทำเอาปั้นจั่นชะงักกึก! ดวงตาเรียวตี่ ๆ เท่าเมล็ดถั่วเบิกกว้างมากเท่าที่มันจะกว้างได้ ปั้นจั่นจับฝ่ามือของกองทัพที่ทาบบนริมฝีปากเขาทันที คนตัวเล็กกว่าส่ายหน้าหวืดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองคนรักด้วยสายตาขอร้องปนอ้อนวอน แต่ทว่า กองทัพกลับเหยียดยิ้มส่งให้แทน จากนั้นเขาก็เลื่อนสายตาไปมองอีกฝ่ายที่ยืนกอดอกอมยิ้มอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“เอาสิ ถ้ามึงชนะ... กูยอมยกเมียให้มึงเลย”
“!!!”
วินาทีนั้น...ปั้นจั่นเหมือนโดนคนที่รักมากที่สุดคนหนึ่ง ใช้ปลายเท้าขยี้หัวใจของเขา ให้จมไปกับพื้นดินเลย!
" เพื่อนรัก " คือจุดชนวนที่ทำให้คนไร้ความรู้สึกอย่างเขานึก " แค้น " ความเจ็บปวดของเขามันมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อต้องมองเห็นคนสำคัญทนทรมาน... และเขา...คือคนที่จะทำให้เด็กคนนั้น " จำฝังใจ " กับบาปที่มันตั้งใจก่อขึ้น โดยมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะเป็นคนชำระล้าง!!!
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย