‘เมื่อสาวเฉิ่ม ผู้มีพรสวรรค์เรื่องแฟชั่นชนิดติดลบ ต้องกลายมาเป็นเจ้าของคลับโฮสต์คนใหม่ ส่วนเขาคือโฮสต์ที่ฮอตที่สุดของคลับ เมื่อพรหมลิขิตเริ่มทำงาน คนสองบุคลิกจึงโคจรมาเจอกัน งาน ความรัก และการฆาตกรรม คือสิ่งที่พวกเขาต้องพบเจอ’ ------------------------------------------------------- “เพราะผู้หญิงแบบคุณ แววตาแบบคุณ ไม่ได้บ่งบอกว่ากำลังต้องการผู้ชายเพื่อคลายเหงา” “นายเก่งขนาดอ่านแววตาฉันออกเลยหรือไง” เอ่ยจบแพรทับทิมก็รวบรวมความกล้าสบตากับกายไปตรงๆ แต่ดูเหมือนเธอจะแพ้ เพราะต้องหลบสายตาของกายที่มองเธอกลับมาเสียเอง “หรือไม่จริง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม “ไม่จริง” โทนเสียงของแพรทับทิมติดสั่นเล็กน้อย เพราะประหม่านั่นเอง “ถ้าจริง คืนนี้คุณก็ให้ผมดูแล ไม่อย่างนั้นก็แสดงว่าคุณโกหกผม” “ฉันไม่อยากให้นายมาดูแล” “คุณไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะว่าคุณได้บุ๊คกิ้งผมไปแล้ว และถ้าต้องการยกเลิกคุณต้องจ่ายค่าเสียเวลาให้ผม” กายยักคิ้วให้ นั่นทำเอาเธอแยกเขี้ยวใส่ “เท่าไหร่” แพรทับทิมคว้ากระเป๋าที่วางอยู่ข้างตัวมาถือไว้ พร้อมจะจ่ายค่าเสียเวลาให้ตามที่ชายหนุ่มร้องขอ ขอเป็นสายเปย์ดูสักตั้ง หวังว่ากระเป๋าเธอมันจะไม่ฉีกเสียก่อนนะ “ผมไม่รับเป็นเงิน” “เอ้า! แล้วนายอยากได้เป็นอะไรก็บอกมา” “ผมชอบรับเป็น…จูบ” “จูบ!” คนฟังตาโต ใจนี่เต้นโครมครามกับรูปแบบการจ่ายค่าเสียเวลาที่ได้ยิน “ใช่…จูบที่ว่ามันต้องดูดดื่มแบบปากประกบปากด้วยนะครับ จูบแบบเด็กอนุบาลไร้ประสบการณ์ผมก็ไม่รับ” “ฉันบุ๊คกิ้งก็ได้” คำตอบของแพรทับทิมทำเอากายยิ้ม พยายามกลั้นเสียงหัวเราะจนเจ็บแก้มไปหมด เธอดูเอาจริงเอาจัง พร้อมจะเปย์ แต่สุดท้ายก็ถอย เมื่อรู้ว่าเขาต้องการค่าเสียเวลาเป็นอะไร ----------------------------------------------------- “แกอย่ามโนไปไกล ฉันกับกายแค่คบกันเฉยๆ สัมผัสร่างกายกันมากสุดก็แค่จูบ ยังไม่ถึงขั้นฟิตเจอริ่งย่ะ” “จูบกันแล้วด้วยเหรอ” “อื้อ” แพรทับทิมพยักหน้ารับเขินๆ “โอ๊ย! อิจฉา แกมีจูบแรกแล้ว ส่วนฉันนี่คงแห้งเหี่ยวบนคานแน่ๆ” แก้มใสห่อเหี่ยวลงไปถนัดตา สำหรับเธอยินดีกับความรักของ แพรทับทิมและกายเสมอ เพราะเพื่อนเธอควรจะมีคนดีๆ เข้ามาดูแล และเท่าที่ได้รู้จัก กายก็คือคนดีคนหนึ่ง “แกก็ไปจูบไอ้ปุณมันดิ” ข้อเสนอของแพรทับทิมมันยากที่แก้มใสจะทำได้ “มันได้ถีบฉันเข้าให้น่ะสิ นี่ก็ยังเคืองๆ มันอยู่ งานที่คลับโฮสต์แกก็ไม่มีอะไรให้ไปช่วยสืบ ยังไม่ยอมลาออกอีก” “หึงมันเหรอ” “อื้อ” แก้มใสพยักหน้ารับ “งั้นเดี๋ยวฉันฉีกสัญญาไอ้ปุณมันให้ เพราะดูท่ามันจะเพลินกับการได้เทคแคร์สาวๆ สวยๆ จนลืมแก” “หึ…ถ้ามันมีฉันในสายตานะ ป่านนี้มันตรัสรู้ไปนานแล้วว่าฉันแอบชอบมันอยู่” คนแอบรักชักจะถอดใจ นั่นเพราะยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจะจบยังไงเหมือนกัน สงสัยต้องรักแบบหลบๆ ซ่อนๆ อยู่แบบนี้ไปตลอดมั้ง “ฉันถึงให้แกบอกชอบมันอยู่นี่ไง แกก็รู้ไอ้ปุณมันซื่อบื้อ” แม้ปุณจะเสน่ห์แรง มีสาวๆ ข้างกายไม่ขาด แต่เอาเข้าจริงปุณแทบจะมองผู้หญิงไม่ออก ว่าคนไหนจริงใจหรือแค่สนุก
‘ความแน่นอน ตั้งอยู่บนความไม่แน่นอนฉันใด ลมหายใจของมนุษย์เราก็ฉันนั้น วันนี้เราอาจยังมีชีวิติยู่ แต่พรุ่งนี้ใครเลยจะรู้ว่าเราอาจจะจากโลกนี้ไปแล้ว’
นี่คือประโยคที่ถูกทำเป็นป้ายแล้วใช้ตะปูตอกติดไว้กับต้นไม้ใหญ่ ประโยคนี้ทำให้หญิงสาวซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดขาวห่มขาว บุคลิกท่าทางสงบนิ่งให้เกียรติกับสถานที่รอบกายที่เป็นลานปฏิบัติธรรม ต้องถอนหายใจออกมามาหนักๆ อย่างปลดปลงกับชีวิต
แม้ปกติแล้ว เธอมักจะหาเวลาเพื่อหมั่นทำบุญหรือเข้าวัดปฏิบัติธรรมตามโอกาสอันเหมาะสม แต่มันก็มีเหตุทำให้เธอเสียศูนย์ทั้งๆ ที่น่าจะรับมือกับความสูญเสียได้ดี เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องเสียคนที่รักไป เธอเคยเสียพ่อและแม่ไปแล้วเมื่อยังเยาว์ แต่ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก ก็เลยยังไม่รู้ว่าความเสียใจที่แท้จริงมันเป็นยังไง
กระทั่ง…เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เธอต้องสูญเสียพี่สาวคนเดียวไปอย่างไม่มีวันกลับ พี่สาวที่เป็นทั้งพ่อและแม่ เป็นแม้กระทั่งเพื่อน นั่นเพราะเธอไม่มีญาติที่ไหน มีกันแค่สองพี่น้อง การสูญเสียครั้งนี้มันกะทันหันจนเธอไม่มีแม้โอกาสจะได้เอ่ยคำลา พอคิดเรื่องนี้ แพรทับทิม ก็ยกมือเล็กๆ ขึ้นปาดน้ำตาที่มันกำลังเอ่อล้น
“โอเคไหมแก”
“โอเค” คนถูกถามหันไปตอบ แล้วส่งยิ้มน้อยๆ ให้แก้มใส ที่ครั้งนี้ขอตามมาบวชชีพราหมณ์เป็นเพื่อนด้วย วัดนี้เป็นวัดป่าแถบชานเมือง แม้จะได้ชื่อว่าชานเมือง แต่ความร่มรื่นก็สมเป็นวัดป่า เพราะต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจีเต็มไปหมด
“ถ้าแกไม่โอเคนี่รีบบอกฉันเลยนะ ตกลงไหม”
“ตกลง” แพรทับทิมพยักหน้าให้ ตอนนี้เธอกับแก้มใสยังอยู่ในชุดขาวห่มขาว เพราะหลังจากหลวงพ่อลาสึกให้เมื่อสามชั่วโมงก่อน ทั้งคู่ก็ตั้งใจจะใส่ชุดนี้กลับบ้านด้วยเลย
“ฉันห่วงแกนะแพร”
“ขอบใจมากนะแก้ม อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ยังมีแก” น้ำตาของแพรทับทิมก็ชักจะเอ่อ เพราะหลายวันที่ผ่านมา ถ้าเธอไม่ได้แก้มใส อะไรๆ มันคงแย่ไปกว่านี้แน่
“มีฉันคนเดียวที่ไหน มีปุณอีกตั้งคน” ปุณ…คือเพื่อนอีกคนของแพรทับทิมกับแก้มใส ผู้ชายคนเดียวที่สามารถคบหากับสองสาวมาได้ยาวนานที่สุด จนบางครั้งสองสาวก็แอบคิดไม่ได้ว่าปุณนั้นแมนทั้งแท่งหรือไม่กันแน่
“อืม” แพรทับทิมเอ่ยรับสั้นๆ ก่อนจะเดินไปมารอบๆ ลานปฏิบัติธรรม ค่อยๆ ฝึกลมหายใจเข้าออก รอคนที่นัดหมายให้มารับ เพราะป่านนี้ปุณก็ยังมาไม่ถึง
“พูดถึงปุณ ป่านนี้ทำไมมันยังไม่มารับเราอีกเนี่ย” แก้มใสชะเง้อชะแง้มองหา เพราะตอนนี้บรรยากาศรอบๆ ก็มืดลงไปทุกขณะแล้ว
“สงสัยรถจะติดมั้งแก”
“แต่ฉันโทรหา มันก็ไม่รับสายด้วยนะ หรือว่ามันลืมว่าวันนี้ต้องมารับเรา” คำสันนิษฐานของแก้มใสทำเอาแพรทับทิมเริ่มเห็นด้วย เพราะปุณขึ้นชื่อเรื่องความขี้หลงขี้ลืมเป็นที่หนึ่ง ดีไม่ดี ป่านนี้คงหลับเป็นตายอยู่แน่ๆ เพราะไม่งั้นคงโผล่มารอที่วัดแล้ว
“มีความเป็นไปได้”
“ถ้ามันลืมจริงๆ นะ เจอหน้าเมื่อไหร่ แม่จะถีบผ่าหมากให้ไข่ฝ่อเลย”
“ใจเย็นๆ แก สำรวมไว้ ใจเย็นไว้ ยุบหนอ พองหนอ”
“ทีกับเพื่อนมันนี่ขี้ลืมอันดับหนึ่ง แต่ทีกับสาวนี่จำเก่งนัก รู้งี้ไม่น่านัดให้มันมารับเลย” แก้มใสบ่นยาวอีกชุดใหญ่
“เย็นป่านนี้แล้ว ยังไม่กลับกันอีกเหรอพราหมณ์”
“รอเพื่อนมารับน่ะค่ะหลวงพ่อ แต่ไม่รู้ว่าป่านนี้ทำอะไรอยู่ ถึงยังไม่มาสักที” แพรทับทิมเอ่ยบอก เพราะตอนนี้แก้มใสกำลังควันออกหูด้วยความโกรธที่มีต่อปุณ
“แล้วบ้านพราหมณ์ทั้งสองอยู่ที่ไหน ไกลจากนี่มากไหม”
“อยู่แถวๆ บางนาทั้งคู่เลยค่ะหลวงพ่อ” คนที่ตอบประโยคนี้ก็ยังคงเป็นแพรทับทิม ส่วนแก้มใสตอนนี้เหมือนมีอะไรให้สนใจเป็นพิเศษ เพราะโยนความโกรธที่มีต่อปุณทิ้งหายไปแล้ว สายตาจับจ้องไปยังชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างไม่อาจละสายตาได้จริงๆ
“บางนาเหรอ ถ้ายังไงติดรถลูกศิษย์ที่วัดไปก็ได้ เพราะบ้านเขาก็อยู่แถวๆ บางนา”
“เอ่อ…” เพราะไม่อยากรบกวน ทำให้แพรทับทิมอึกๆ อักๆ กระตุกชายเสื้อแก้มใสให้พูดอะไรบ้าง แต่เพื่อนกลับเฉย
“กาย...มานี่หน่อย”
“ครับหลวงพ่อ” เจ้าของชื่อเอ่ยรับ ก่อนจะเดินเข้ามาหาอย่างนอบน้อม เพราะเอาแต่มองหลวงพ่อ ทำให้แพรทับทิมไม่ทันสังเกตเห็นเขา ผิดกับแก้มใสที่มองตาไม่กะพริบ
“จะกลับแล้วหรือยัง”
“กำลังจะกลับครับ หลวงพ่อมีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยอาสาอย่างมีน้ำใจ นั่นเพราะเขาสำนึกบุญคุณที่หลวงพ่อเคยช่วยเหลือเมื่อหลายปีก่อน ให้ทั้งที่กิน ที่พักและเงินติดตัว พอว่างกายจึงอาสาเป็นเด็กวัดที่นี่เพื่อตอบแทนมาหลายปี สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ก็น้อยกว่าที่ได้รับตอนนั้นมากเสียจนเทียบกันไม่ติด
“หลวงพ่อน่ะไม่มี แต่ไหนๆ เราก็จะกลับแล้ว หลวงพ่อไหว้วานไปส่งพราหมณ์สองคนนี้หน่อยได้ไหม เพราะตะกี้ถามไถ่ ยังไม่มีคนมารับแล้วพราหมณ์บอกว่าบ้านอยู่แถวๆ บางนาเหมือนกัน”
“ได้สิครับ” เสียงทุ้มรับคำอย่างไม่ลังเลสักนิด พร้อมกับชำเลืองมองพราหมณ์สองคนที่หลวงพ่อไหว้วานให้ไปส่ง หนึ่งในนั้นคือคนที่เขารู้จัก แม้เขาจะรู้จักเธอแค่ฝ่ายเดียวก็ตามที เพราะถ้าจำไม่ผิด เธอคือน้องสาวของเจ้านายเขา เจ้านายที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
“ไม่เป็นไรค่ะหลวงพ่อ เดี๋ยวพวกเรานั่งรถแท็กซี่กลับกันเองก็ได้ เกรงใจลูกศิษย์หลวงพ่อ” เพราะเกรงใจ แพรทับทิมจึงเอ่ยปฏิเสธ พร้อมกับดึงชายเสื้อให้แก้มใสพูดเห็นด้วย แต่เพื่อนก็ยังคงยืนนิ่ง
“แถวนี้กว่าจะมีแท็กซี่ผ่านมาสักคันก็นานโข ไปกับกายนี่แหละ อย่าลืมไปส่งพราหมณ์ให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัยนะกาย” หลวงพ่อเอ่ยรวบรัด เพราะดูท่าไม่ทำแบบนี้ แพรทับทิมก็คงปฏิเสธอีกนาน
“ครับหลวงพ่อ”
“ขอบคุณค่ะหลวงพ่อ”
“เจริญพร” แพรทับทิมยกมือไหว้ขอบคุณหลวงพ่อ ส่วนแก้มใสตอนนี้เหมือนได้สติ จึงยกมือไหว้ด้วยอีกคน
“เชิญครับ รถผมอยู่ทางนู้น” เสียงทุ้มของกายเอ่ยขึ้นและแพรทับทิมก็เอ่ยรับ
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
ภูตะวัน นายหัวแห่งอาณาจักรยางพาราทางปักษ์ใต้ที่จู่ๆ ก็ถูกมารดาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเกย์ ถึงขนาดไหว้วานลูกน้องของชายหนุ่มให้ตามสืบข่าวแต่ก็ถูกจับได้เสมอๆ เมื่อคนใกล้ตัวถูกจับได้จึงต้องส่งคนไกลตัวเข้าไปทำหน้าที่แทน นั่นจึงทำให้ภูตะวันได้พบกับสาวน้อยที่ชื่อว่านับพันดาว หญิงสาวตัวเล็กผมประบ่าแววตาซุกซนและอยากรู้อยากเห็น ที่จู่ๆ ก็ทำให้หัวใจของนายหัวหนุ่มเต้นด้วยจังหวะแปลกๆ เธอมาเพื่อจับผิดเขา แต่ไปๆ มาๆ กลับเป็นมีใจให้กันอย่างไม่รู้ตัว เพราะมีใจจึงปกป้องได้แม้กระทั่งชีวิต "จูบของนับพอจะทำให้พี่ลืมจูบคุณไมค์ได้ไหมคะ" น้ำเสียงกระเส่าเอ่ยถาม "เหมือนจะยังไม่ได้" คนเจ้าเล่ห์ยิ้มตอบแล้วจูบปากอิ่มอย่างดุดันอีกครั้ง เรียวลิ้นของทั้งคู่ตะหวัดหยอกเย้าสลับดูดเม้มอย่างเป็นจังหวะ ทุกอย่างเกิดขึ้นเนิ่นนานก่อนที่ภูตะวันจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันและกันและนั่นก็คือคำตอบโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไร "นับดีใจจังที่ได้รักพี่" นับพันดาวเอ่ยรับพร้อมกับซุกตัวเข้าหาภูตะวันมากขึ้น ชายหนุ่มปัดปอยผมที่ชื้นด้วยเหงื่อออกจากหน้าผากเธอแล้วจุมพิตหนักๆ อย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่หยุดแค่นั้น "อย่ารุ่มร่ามนะคะ พอแล้ว" นับพันดาวตีมือที่เริ่มซุกซนของภูตะวันเบาๆ นอกจากบ้ากามแล้วเขายังบ้าพลังอีกด้วย เธอยังไม่ทันหายเหนื่อยเขาก็จะเริ่มใหม่อีกแล้ว "ยังไม่พอ" เขาว่าอย่างติดตลกพลอยทำให้คนฟังค้อน เขาสูบพลังไปจากเธอจนหมดยังจะบอกว่าไม่พออีกหรือไง สำหรับภูตะวันแล้วเซ็กซ์แต่ล่ะวันแต่ล่ะคืนไม่เคยมีคำว่าครั้งเดียว "คนบ้ากาม" คำพูดของนับพันดาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มีเมียน่ารักแบบนี้ใครที่ไหนจะอดใจไหว" เพราะเขินอายทำให้นับพันดาวทุบแผงอกของภูตะวันไปแรงๆ ก่อนที่เขาจะทำให้เธอครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง ซึ่งนับพันดาวก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด จูบที่อ่อนหวานกลายเป็นเร่าร้อนดุดันชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
สวาทรักพ่อเลี้ยงภูเมฆ “นี่คุณจะใจดีจ่ายหนี้แทนณดลอย่างนั้นเหรอ” เพราะไม่พอใจกับการตัดสินใจของเภตราทำให้เสียงของภูเมฆนั้นห้วนไม่น่าฟัง “ฉันจ่ายเพื่อซื้ออิสรภาพของตัวเองต่างหากแล้วค่อยไปเอาคืนผู้ชายห่วยๆ นั่น คุณอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา” มีหรือที่เภตราจะจ่ายหนี้ให้ณดลกลับกันเธอจะเอาคืนอีกฝ่ายให้สาสมต่างหาก “ผมไม่รับเงินสดไม่รับเช็คหรืออะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ผมอยากได้คือแรงและเวลา ถ้าคุณทำตัวดีๆ สามสี่ปีก็น่าจะใช้หนี้ผมได้หมด” “แล้วสิ่งที่คุณทำกับฉันเมื่อคืนมันมีค่าเท่าไหร่ ไม่พอใช้หนี้เลยหรือไง” เภตราเอ่ยถามเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่จู่ๆ ก็เอ่อออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ภูเมฆสบตาที่แดงก่ำของเธอแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่พอ” คำตอบของเขาช่างแสนเลือดเย็นจนทำให้เภตราจุกไปทั้งอกก่อนจะกล้ำกลืนน้ำตาลงคอ เพราะไม่อยากให้มันไหลออกมาประจานตัวเอง ในเมื่อเขาไม่เห็นค่าของมันเธอไปเก็บมาใส่ใจแล้วจะได้อะไร
งานทำบุญครบร้อยวันยังมาไม่ถึงด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ อดีตคนรักของน้องสาวก็ประกาศจะแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ แถมเธอคนนั้นยังเคยเป็นอดีตคนรักของเขาอีกด้วย นั่นทำให้คริสบินตรงกลับมาที่เมืองไทยเพื่อสะสางความแค้นให้เขาและน้องผู้จากไป +++++++++++++++++ “คุณ” ลลิตาอุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ยืนกดออดอยู่หน้าบ้านเป็นคริส ชายหนุ่มรู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นี่ “ขอเข้าไปหน่อย” แขกที่ไม่ได้รับเชิญเอ่ยบอกแต่เจ้าบ้านสาวกลับไม่ยอมทำตามเช่นกัน “ฉันไม่สะดวก คุณมีอะไรก็พูดมาได้เลย” “แน่ใจหรอกว่าจะให้ผมพูดตรงนี้” “แน่ใจ” ลลิตาเชิดหน้าขึ้นสูง เธอต้องเอาชนะผู้ชายคนนี้ให้ได้ จะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอแน่นอน “โอเค แน่ใจก็แน่ใจ บังเอิญว่าผมยังเก็บคลิปเซ็กซ์ของเราไว้ดูต่างหน้า” “ว่าอะไรนะ!” คำพูดของคริสทำให้ลลิตารู้สึกเย็นวาบไปถึงตัว เพราะอารมณ์ในตอนนั้นมันพาไปเธอจึงยอมให้เขาถ่ายทุกอย่างเก็บไว้ ไม่คิดว่าวันนึงคลิปบ้าๆ นั่นจะตามมาหลอกหลอนเธอ “ได้ยินชัดแล้วนี่” “แต่ฉันลบมันไปแล้วกับมือ” ลลิตามั่นใจว่าเธอลบคลิปที่ว่ากับมือแล้วทำไมคริสถึงยังมีอีกหรือว่าเขาหลอกให้เธอตายใจ “ลบเสียเมื่อไหร่เพราะก่อนหน้านั้นผมสำรองไฟล์ไว้ดูหลายไฟล์ คิดถูกจริงๆ ที่ทำแบบนั้น” “สารเลว” “นอกจากมีคลิปแล้วผมยังเปิดดูมันบ่อยๆ ด้วยนะ คุณไม่อยากดูบทรักของเราหน่อยเราเหรอ” คริสเอ่ยอย่างไม่ไยดีราวกับเรื่องที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งปกติ “คุณมาหาฉันเพื่อเอาคลิปอุบาทว์ๆ นั่นมาขู่อย่างนี้นะเหรอ” “ผมไม่ได้ขู่” “แล้วต้องการอะไร” “วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ช่วยหาเวลาให้ผมหน่อย ขอแค่สามวันเท่านั้น” นั่นคือหนึ่งในแผนที่จะทำลายผู้หญิงตรงหน้าของคริส “ถ้าฉันปฏิเสธล่ะคะ” ลลิตาจ้องตาเขากลับมาอย่างไม่กลัวเช่นกัน “คุณก็น่าจะเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง คลิปในมือผมมันคงทำให้คุณดังกระฉ่อนทีเดียวล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพร้อมหัวเราะออกมาเล็กน้อย คำขู่ของเขายังคงได้ผลกับลลิตาเรื่องแบบนี้คนที่เสียหายที่สุดคงเป็นผู้หญิงแบบเธอ “ถ้าคลิปนั่นหลุดขึ้นมา คุณเองก็จะดังกระฉ่อนไปด้วยไม่ใช่หรอ หน้าที่การงานที่คุณโหยหาและสร้างมันของคุณจะพังทลายไปเหมือนกัน” “มันคือเรื่องส่วนตัวฝรั่งเขาไม่แคร์เรื่องนี้หรอกอีกอย่างในคลิปนั้นก็ไม่เห็นหน้าผมด้วยสิ”
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ยังเวอร์จิ้น! มาแก้ไขปริศนาประโยคนี้กันค๊า โดยแกนนำคือรอยส์ซีอีโอหนุ่มที่ตกหลุมรักลูกน้องคนเก่งที่มีสถานะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างขวัญชีวาเข้าอย่างจัง กระทั่งเธอก็มีเหตุให้ยื่นใบลาออก รอยส์จึงใช้ความเจ้าเล่ห์เข้าล่อหลอกเพื่อให้เธอตกหลุมพราง แต่ดูเหมือนเขาต่างหากที่จะตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดไว้เสียเอง ในเมื่อต้องการเรื่องอะไรจะปล่อยเธอไป ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องได้ด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องได้ด้วยคาถา โอมมมม เพี้ยงงงงง
เธอถูกคนใกล้ตัวคิดร้ายและเขาคือเจ้าชายขี่ม้าขาว รวีคือหญิงสาวที่รอดตายจากการถูกลอบฆ่า เธอดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากก้นเหมืองและคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้คือภีม บางคนกล่าวไว้ว่าความรักครั้งนี้ของภีมเกิดขึ้นจากความสงสาร แต่ชายหนุ่มก็พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักที่เกิดจากความสงสารนั้นไม่ผิด เขารักเธอ รักผู้หญิงแปลกหน้าที่ใสซื่อและไร้พิษภัย เพราะรักจึงทุ่มเทและเลือกที่จะปกป้อง ใครหน้าไหนก็แตะเธอไม่ได้
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"