ทอมโน (ลำดับที่ 1 ใน ซีรี่ส์ทอรักปักสวาท) “ก็แค่นางบำเรอถูกกฎหมาย อย่าสะเออะมาตีฝีปากกับฉัน” มโนยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตทีละเม็ดอยู่หน้ากระจกโดยไม่ยี่หระต่อสายตาของคนที่นั่งบนเตียงด้านหลังตน“อย่างน้อยฉันก็มาแบบถูกกฎหมายไม่ใช่เหรอคะสามีขา...”
ทอมโน (ลำดับที่ 1 ใน ซีรี่ส์ทอรักปักสวาท) “ก็แค่นางบำเรอถูกกฎหมาย อย่าสะเออะมาตีฝีปากกับฉัน” มโนยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตทีละเม็ดอยู่หน้ากระจกโดยไม่ยี่หระต่อสายตาของคนที่นั่งบนเตียงด้านหลังตน“อย่างน้อยฉันก็มาแบบถูกกฎหมายไม่ใช่เหรอคะสามีขา...”
** “****เอ้า! ชนแก้วเว้ย!"**หนึ่งกลุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกแก้วบรั่นดีตกหน้าขึ้นมารอให้เพื่อน ๆ ยกขึ้นมาชนกับแก้วของตน
“ชนเหี้ยสิวะ! กูเครียดอยู่นะเว้ยไอ้ฝัน”
น้ำเสียงเข้มเปล่งออกมา แสดงให้รู้ว่าเจ้าของน้ำเสียงนั้นกำลังอารมณ์ไม่ดี มือใหญ่ยกแก้วบรั่นดีเข้ม ๆ กระดกเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว โดยไม่สนใจจะชนแก้วกับเพื่อน ๆ ในกลุ่ม เมื่อหมดแก้วก็คว้าขวดบรั่นดีตรงหน้าขึ้นมายกขวดให้หนำใจ
"เฮ้ย! พอก่อนไอ้โน มึงจะเครียดทำไมวะ ก็แค่แต่งงานเองเว้ย! คิดว่าเป็นกำไรชีวิตสิวะ”
ลวงร้อยแย่งขวดบรั่นดีในมือเพื่อนรักมาเก็บไว้ ขืนปล่อยให้ดื่มแบบนี้มีหวังเมาเละเหมือนหมาก่อนที่จะคุยกันรู้เรื่องแน่ ๆ เลยวันนี้ คนรึอุตส่าห์เปิดห้องเลี้ยงสละโสดให้ แทนที่จะสนุก แต่นี่อะไร มานั่งหน้าตึงเครียดอยู่ได้
“มึงเข้าใจกูจริงไหมวะไอ้เพ้อ”
มโนมองเพื่อนข้างตนที่มีสีหน้ายิ้มระรื่นไม่เหมือนกับคำที่พูดออกมาจากปากเลย ท่าทางกับคำพูดช่างสวนทางกันเสียเหลือเกิน แล้วสายตาคมก็เหลือบไปมองเพื่อน ๆ อีกสามคนและทุกคนก็เหมือนกำลังสนุกสนานบนความทุกข์ของเขา
มโนกับทั้งสี่คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม จนตอนนี้อายุ 37 ปีแล้ว เป็นเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยวเคล้านารีมาด้วยกันตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม แต่ตกมาปีนี้ปี 2560 เป็นปีที่เขาไม่คาดคิด ไม่คาดคิดว่า
นายมโน เหลืองอร่ามทองคำส่องแสงระยิบระยับรุ่งเรืองพราวฟ้า
หรือ โน วัย 37 ปี ทายาทรุ่นที่ 47 ของบริษัทเส้นใหญ่โภชนาการ ซึ่งธุรกิจของเขานั้นเป็นบริษัทแม่และมีโรงงานลูกผลิตพวกอาหารแห้ง โดยเฉพาะมาม่าเป็นอาหารยอดฮิตของคนไทยในปัจจุบัน
“ก็พวกกูเข้าใจมึงไงถึงได้เปิดห้องชุดหม้อรวมให้มึงส่งท้ายก่อนที่มึงจะมีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนไงวะเพื่อน”
"ฮ่า ๆ ๆ" เสียงหัวเราะตามมาเป็นพรวน
“เออ! ไอ้เพ้อพูดถูหูกูดีว่ะวันนี้ เรียกเด็ก ๆ เข้ามาเลยไอ้ฝัน” รักษ์หัวเราะชอบใจพร้อมกับบอกสั่งเพื่อนรักให้โทร.เรียกเด็ก ๆ เข้ามาปลอบใจว่าที่เจ้าบ่าว
“สนุกดีกว่าไอ้โน มึงควรดีใจที่จะมีคนมาร่วมใช้นามสกุลลิเกของมึงนะเว้ย!" เพ้อภพเอ่ยบอก พร้อมกับลุกขึ้นเดินกลับไปนั่งที่เดิมของตน
“แล้วมันไปหนักหัวมึงรึไงไอ้เพ้อ นามสกุลนี้ทวดกูเป็นคนไปต่อเติมให้ดูหรูหราขึ้นมาเว้ย! สาวเห็นสาวเป็นมอง สาวเจอเป็นต้องถอดผ้าเข้าหา แต่ตอนนี้กูเครียดเว้ย! กูจะกลับแล้ว เชิญพวกมึงสนุกกับชุดรวมไปเถอะ ระวังเถอะ ระวังพวกมึงจะติดโรค” พูดให้เพื่อนทั้ง ๆ ที่ตนก็ไม่ต่างจากเพื่อนของตนเลย ตอนนี้มโนไม่มีอารมณ์จะเที่ยวจะสนุกกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น เพราะเขาเครียดกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นอีกสองวันข้างหน้านี้
“กูนึกว่าลิเก” ฝันดีเอ่ยลอย ๆ
“เอ้า! ไอ้ห่านี้ พวกกูอุตส่าห์จัดแจ่ม ๆ มาให้มึงเลยนะเว้ย” ลวงร้อยเห็นเพื่อนลุกขึ้นเตรียมท่าจะกลับ
“เอาไปต้มยำกินที่บ้านพวกมึงเถอะ กูเครียดเว้ย!" ว่าแล้วมโนก็เดินตรงไปยังประตูห้องกระชากเปิดออกทันที
ปัง!
เสียงประตูห้องที่มโนกระแทกปิดดังลั่นทำให้สี่หนุ่มที่เหลือมองหน้ากันแล้วหัวเราะเพื่อนรัก
“พวกมึงว่าเจ้าสาวไอ้โนจะเป็นผู้หญิงแบบไหนวะ” รักษ์เอ่ยถามเพื่อน
“แบบไหนกูไม่รู้ กูรู้แต่ว่าตอนนี้กูหิวนมว่ะ!" เพ้อภพเอ่ยพลางมองไปยังประตูที่ตอนนี้มีสาวอกตูมกำลังเรียงรายกันเข้ามาในห้อง
“นั่นสิวะ รอดูวันแต่งงานดีกว่า ตอนนี้ต้มยำน้ำข้นกันดีกว่าว่ะ” ฝันดีเอ่ยขึ้นบ้าง แล้วลูกเดินไปโอบกอดสาว ๆ มานั่งกับตน
เพื่อน ๆ ของเขากำลังสนุกกันอยู่
แต่มโนขับรถกลับบ้านด้วยสีหน้าเครียดขรึม พอมาถึงบ้านเขาก็รีบขึ้นไปบนห้องนอนทันที แต่ยังไม่ทันได้หย่อนก้นลงนั่งบนเตียงก็มีเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น และก็ไม่ต้องเดายากเมื่อตอนนี้คนที่เคาะประตูได้เปิดผลักเข้ามาก่อนที่เจ้าของห้องจะอนุญาตแล้ว
“ไปไหนมาลูก จะแต่งงานอยู่แล้วนะทำไมต้องไปเที่ยวข้างนอก ไปลงอ่างมาใช่ไหมลูก” นางเพ็ญศรีเดินหน้าบึ้งเข้ามาหาลูกชายคนเดียวของตนด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“โธ่! แม่ ให้ลูกได้เที่ยวบ้างเถอะ ดีแค่ไหนแล้วที่โนไม่ไปผูกคอตาย”
“ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้โน ทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วย” นางสั่งเสียงแข็ง และเห็นว่าลูกชายชักช้าไม่ทำตาม มือเหี่ยวย่นก็ยกขึ้น
เผียะ!
“แม่ตบปากลูกเพียงเพราะลูกจะหนีตายเนี่ยนะ แม่เห็นยัยเจ้าสาวนั่นดีกว่าลูกได้ยังไง” มโนยกมือกุมปากตัวเองด้วยความน้อยใจผู้เป็นแม่
“มึงไม่เข้าใจกูหรอกไอ้ลวง มึงก็รู้ว่ากูยังไม่อยากมีพันธะตอนนี้ แต่แม่ง! พันธะเสือกวิ่งมาหากู” มโนพูดออกมาด้วยความน้อยใจโชคชะตา ใบหน้าคมเข้มประดับหนวดเคราเสริมเสน่ห์จ้องมองบรรดาเพื่อนรักด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
ลวงร้อย เพ้อภพ ฝันดี
และ
รักษ์
หันมาสบตากัน ก่อนจะพูดออกมาพร้อมเพียงกัน
“เรื่องนี้พวกกูช่วยมึงไม่ได้จริง ๆ ว่ะ” ทั้งสี่คนประสานเสียงกันพูดออกมา
มโนเอนหลังพิงพนักโชฟาด้วยความอ่อนแรง เมื่อคิดว่าอีกสองวันก็ต้องเข้าพิธีแต่งงานสายฟ้าแลบในครั้งนี้ แม้แต่หน้าของเจ้าสาวก็ไม่เคยเห็น ไม่รู้ว่าสวยหรือขี้เหร่ จะสวยหรือขี้เหร่เขาก็ไม่มีวันให้หล่อนได้ใช้ชีวิตหลังแต่งงานอย่างมีความสุขหรอก เขาจะโรยหนาม ตะปูและเรือใบให้หล่อนเดินไม่ได้แล้วล่าถอยออกไปจากชีวิตของเขาเอง
"เฮ้อ!"
เพ้อภพถอนหายใจแรง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาทิ้งตัวนั่งข้างมโน แล้วยกมือขึ้นตบไหล่เพื่อนแรง ๆ
“เอาเถอะน่า...ไหน ๆ ก็จะมีเมียก็ฉลองกันเถอะ จะเครียดทำไมกะอีแค่แต่งงานก่อนเพื่อน ๆ เองไอ้โน” เหมือนจะปลอบแต่ทำไมคนฟังถึงรู้สึกว่าเพื่อนรักกำลังเยาะเย้ยอยู่ในที
“มึงเข้าใจกูจริงไหมวะไอ้เพ้อ”
มโนมองเพื่อนข้างตนที่มีสีหน้ายิ้มระรื่นไม่เหมือนกับคำที่พูดออกมาจากปากเลย ท่าทางกับคำพูดช่างสวนทางกันเสียเหลือเกิน แล้วสายตาคมก็เหลือบไปมองเพื่อน ๆ อีกสามคนและทุกคนก็เหมือนกำลังสนุกสนานบนความทุกข์ของเขา มโนกับทั้งสี่คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม จนตอนนี้อายุ 37 ปีแล้ว เป็นเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยวเคล้านารีมาด้วยกันตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม แต่ตกมาปีนี้ปี 2560 เป็นปีที่เขาไม่คาดคิด ไม่คาดคิดว่า
นายมโน เหลืองอร่ามทองคำส่องแสงระยิบระยับรุ่งเรืองพราวฟ้า
หรือ โน วัย 37 ปี ทายาทรุ่นที่ 47 ของบริษัทเส้นใหญ่โภชนาการ ซึ่งธุรกิจของเขานั้นเป็นบริษัทแม่และมีโรงงานลูกผลิตพวกอาหารแห้ง โดยเฉพาะมาม่าเป็นอาหารยอดฮิตของคนไทยในปัจจุบัน
“อ๋องหื่น” “หึหึ...ข้าหื่นที่ไหนกันเล่า ข้าแค่อยากแสดงความรักกับเจ้าเท่านั้นเอง และตอนนี้ก็ลับตาคน ข้าว่าเรามาเย้ยฟ้าท้ายุทธภพกันดีไหม” เขาพูดจบก็ผลักร่างเล็กโน้มลงไปนอนราบกับหลังคาทันทีแล้วตัวเองก็คร่อมทับ “อือ...เดี๋ยวหลังคาบ้านเขาพังหรอก” “ไม่ลองไม่รู้เถียนเถียน” “บ้าน่า อย่าทำอะไรพิสดารได้ไหม เดี๋ยวพลาดท่าตกไปพิการเอาหรอก” “ข้ามีวิชาตัวเบา ไม่ทำให้เจ้าเป็นอันตรายหรอกเมียข้า” เขาพูดแล้วก็โน้มหน้าหมายจะลงไปซุกไซ้ซอกคอระหงทันที......
นิยายเรื่องนี้เป็นแนวท่านประธานคลั่งรักค่ะ “ลูคัส” กับ “ปิ่นปัก” มาลุ้นไปกับความรักของท่านประธานขี้หวงกับเมียเด็กจอมเย็นชากันนะคะ
เกือบหนึ่งพันปีที่เฝ้ามอบถวายชีวิตของตัวเองคอยรับใช้นายท่านนาสูร และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอนาคตตัวเอง เขากลับเคว้งคว้างเดินไม่ถูก และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโชคชะตาส่งเด็กน้อยตัวเล็กอายุไม่กี่เดือนมาให้เขาได้ดูแล ‘เดหลี’ เขาดูแลเด็กน้อยไม่ต่างจากลูก แม้จะรู้ดีว่าอนาคตเด็กคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ‘พาที’ นั่งใช้ความคิดอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ตนเองและเดหลีอาศัยอยู่ด้วยกัน เพลานี้เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ เผลอแป๊บเดียวจากเด็กน้อยงอแงเอาแต่ใจ นอนตัวแดงแบเบาะ ตอนนี้รู้ความและขี้อ้อนมาก “คุณพาทีคะ คุณพาทีคะ” “หืม! เด็กน้อย” คนถูกเรียกหันมาหาเจ้าของเสียงเล็กสดใสของหนูน้อยวัยเจ็ดขวบ “แต่งงานคืออะไรคะ?” หนูน้อยเกาะแขนของผู้เปรียบเสมือนพ่อของตนเอง “คือคนสองคนรักกัน แล้วก็แต่งงานกัน เดี๋ยวโตขึ้นเดหลีก็จะเข้าใจเอง” พาทีลูบหัวหนูน้อยหน้ากลมที่แนบแขนตัวเองและกำลังแหงนเงยหน้าขึ้นมองจ้องหน้าตัวเอง เหมือนเขาที่กำลังก้มมองหน้ากลมๆ อ้วนๆ ของหนูน้อย “งั้นโตขึ้นเดหลีจะแต่งงาน และคุณพาทีต้องแต่งงานกับเดหลีด้วยนะคะ” “แต่งงานน่ะแต่งได้ แต่กับฉันไม่ได้เดหลี” “ทำไมไม่ได้คะ เดหลีรักคุณพาที ถ้าไม่แต่งกับคุณพาทีจะให้หนูแต่งกับใครคะ” หนูน้อยเจ็ดขวบตอบอย่างฉะฉาน ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘รัก’ และ ‘แต่งงาน’ “โตขึ้นเธอจะรู้เองเดหลี ตอนนี้ได้เวลานอนแล้วนะ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวฉันเอานมร้อนไปให้ดื่มก่อนนอนนะ” “อุ้มค่ะ” หนูน้อยยอมผละแขนสั้นๆ ที่กอดแขนใหญ่ออกมากางให้อีกฝ่ายอุ้มตัวเองกลับห้องนอน พาทียกยิ้มเอ็นดูท่าทางของหนูน้อยแล้วก็ช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วลุกขึ้นจากโซฟาพาเดินกลับห้องนอนด้วยเวลานี้ดึกมากแล้ว
“อ่ะ...อื้อ” เธอเบิกตากว้างในความมืดสลัวเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกคุกคามยามดึก “ชูว์! ฉันเองเด็กน้อย” เขายกมือมาปิดปากเธอพร้อมบอกให้รู้ว่าคือเขา “คุณนาสูร” “ใช่ ฉันเอง ก็บอกแล้วไงว่าเจอกัน” “ฟ้าอยู่” “เธอไม่ตื่นหรอก” เขาบอกตอบกลับ “แต่ไม่ได้นะคะ เราจะ...” “ทำไมจะไม่ได้ ก็ฉันหิวมาหลายวันแล้วน้อง เธอก็รู้ว่าฉันต้องการเธอมากแค่ไหน” เขารีบบอกสวนกลับโดยที่เธอยังพูดไม่สุดประโยคความ “พรุ่งนี้ฟ้าก็กลับแล้ว” เธอบอกพร้อมดันเขาไปนอนข้างๆ ตัวเองที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ “ไม่มีพรุ่งนี้ทั้งนั้น ฉันต้องการวันนี้เด็กน้อย ขอเถอะนะ เพื่อนเธอไม่มีทางตื่นถ้าฉันไม่สั่งให้ตื่น เรามามีความสุขกันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเธอเองก็โหยหาฉัน” มือใหญ่สอดเข้าไปในใต้ผ้าห่มแล้วบีบเคล้นเต้าของเธอ “อ่ะ...อื้อ คะ...คุณนาสูร ยะ...อย่าทำแบบนี้ค่ะ น้องอาย ถึงฟ้าจะไม่ตื่น แต่ฟ้าก็นอนอยู่ข้างๆ นะคะ” พึ่บ! แล้วผ้าห่มที่เธอแบ่งกันกับเพื่อนห่มนั้นก็ถูกถลกดึงรั้งขึ้นไปคลุมหัวของฟ้าใสทันที --- สวัสดีนักอ่านทุกคนค่ะ ณิการ์ขอฝากรูปเล่มนิยายเรื่อง “นาสูร” ภายใต้นามปากกา “ยักษ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องราวของยักษ์ที่มาอายุนับพันกว่าปีกับมนุษย์สาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนิยายแฟนตาซีอีโรติกค่ะเรื่องนี้ “นาสูร” เป็นยักษ์ที่หิวกามมาก กินดุมาก เขาไม่สนใจเนื้อเท่ากับลีลารักบนเตียง และ “พุดซ้อน” ก็สนองตัณหาของเขาได้ดีทีเดียว แล้วเขาทั้งสองจะรักกันได้ยังไง เมื่อทั้งสองต่างแตกต่างกัน มาลุ้นไปกับความรักของยักษ์และมนุษย์ด้วยกันนะคะ
เรื่อง “มังกรกัณฐ์” นามปากกา “ยักษ์” ภาคต่อ “นาสูร” ด้วยนะคะ นิยายชุดนี้จะมี 3 เรื่องนะคะ นาสูร(อีบุ๊กพร้อมโหลด),มังกรกัณฐ์(อีบุ๊กพร้อมโหลด) และกลืนกิน(กำลังเขียน) วันนี้ฝากเรื่อง “มังกรกัณฐ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องของลุกชายพ่อนาสูรมาลุ้นไปกับความรักความหื่นและความเอาแต่ใจของหนุ่มลูกครึ่งยักษ์กันนะคะ
“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY