ฉันเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลเจียงมาสามปี ตลอดระยะเวลาสามปีมานี้ ฉันถูกคนในตระกูลเจียงนี้เรียกใช้อย่างกับขี้ข้า และแสงสว่างเดียวในชีวิตของฉันก็คือเธอ เจียงเชียนหนิง ภรรยาที่รักของฉัน แต่พระเจ้าก็เล่นตลกกับฉันเสียจริงเลย ภรรยาของฉันนอกใจฉัน! เพื่อแก้แค้นที่เธอนอกใจ ฉันจึงตัดสินใจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฉันออกมา ฉันคือหลินเทียน ผู้ซึ่งเป็นทายาทของตระกูลที่มีทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์! ในขณะที่ตัวตนของฉันถูกเปิดเผย คนในตระกูลเจียงก็ตกตะลึงกันไปทุกคน! ยิ่งไปกว่านั้น ภรรยาของฉันคุกเข่าขอโทษฉันเพื่อขอให้ฉันให้อภัยเธอ
ณ แผนกต้อนรับของบริษัท อีสท์เดย์ เดคคอร์เรชั่น เมืองจิ่วเจียง ประเทศอเมริกา
“นี่คือกาแฟที่คุณฟางจืออางสั่งไว้ค่ะ จะให้ไปส่งไว้ที่ไหนดีครับ?”
หลินเทียนถือถุงกระดาษในมืออย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะทำกาแฟหกอยู่ด้านใน
ผู้ช่วยหญิงที่แผนกต้อนรับมองพิจารณาหลินเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็พูดด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยามว่า “ตามฉันมา”
หลินเทียนเดิมเป็นคนขับอูเบอร์ แต่วันนี้เขาได้รับคำสั่งซื้อเดลิเวอรี่โดยไม่คาดคิดพร้อมเงินพิเศษ แล้วก็ยังได้ค่าส่งแบบเร่งด่วนเพิ่มมาอีกสองร้อยดอลลาร์ เขาถึงได้มาที่นี่
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเทียนก็เดินตามผู้ช่วยหญิงคนนั้นไปที่ประตูสำนักงาน
ตอนที่หลินเทียนเพิ่งจะวางมือลงบนลูกบิดประตูสำนักงาน เสียงอ่อนเสียงหวานที่ชวนปลุกอารมณ์ของผู้หญิงก็ดังมาจากข้างใน
เสียงนี้ หลินเทียนคุ้นเคยเป็นอย่างมาก มันเหมือนกับเสียงของเจียงเชียนหนิงที่เป็นภรรยาของตัวเองเลย
ไม่หรอก เขาต้องฟังผิดแน่ ๆ
แต่หลินเทียนก็ยังทนไม่ไหวจึงต้องขยับเข้าไปฟังใกล้ ๆ
“อ่าส์...คุณฟาง อย่าทำแบบนี้สิคะ...”
“ให้ผมจูบหน่อยเถอะนะ สามีที่ไม่เอาไหนคนนั้นของคุณคงไม่เคยจูบคุณมาก่อนสิท่า”
เมื่อหลินเทียนได้ยินบทสนทนานี้ เขาก็ตัวแข็งอยู่กับที่ ราวกับถูกฟ้าผ่าลงมาอย่างจัง
หลังจากนั้น เขาก็ต่อยประตูอย่างรุนแรง ก่อนตะโกนขึ้นมาเสียงดังว่า “เปิดประตู! เปิดประตูให้ผมเดี๋ยวนี้!”
ผู้ช่วยของแผนกต้อนรับจึงรีบเข้ามาถามว่า “นี่คุณทำบ้าอะไร?”
ปั้ง
ประตูเปิดออกอย่างแรง แล้วชายแปลกหน้าคนหนึ่งก็ปรากฏตัวต่อหน้าหลินเทียน
สิ่งที่ดึงดูดสายตาก็คือ รอยลิปสติกบนแก้มขวาของเขา
หลินเทียนโยนกาแฟทิ้ง แล้วก็ผลักฟางจืออางออก จากนั้นมองเข้าไปในห้อง
เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผิวขาว รูปร่างโค้งเว้าเป็นสัดส่วน สวมถุงน่องสีดำ กำลังติดกระดุมที่หน้าอกให้เรียบร้อยด้วยความตื่นตระหนก
“เจียงเชียนหนิง!” หลินเทียนตะโกนขึ้นมาด้วยความโมโห!
ผู้หญิงที่ลุกลี้ลุกลนตรงหน้าเขา ก็คือภรรยาของเขานั่นเอง
หลินเทียนรู้สึกเหมือนถูกหินก้อนใหญ่กดทับลงมาที่หน้าอกของเขาอย่างแรง จนเขาแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
เขามองไปที่เจียงเชียนหนิงอย่างโกรธเคือง “เจียงเชียนหนิง ผมแต่งงานกับคุณมาสามปีแล้วนะ ผมออกไปทำงานเป็นคนขับอูเบอร์ในตอนกลางวัน แล้วก็ต้องคอยรับใช้ดูแลครอบครัวของคุณเมื่อกลับถึงบ้านในตอนกลางคืน ไม่ขอให้คุณเห็นว่าผมทุ่มเทไปมาก แต่ผมก็ทำดีกับคุณมากพอแล้ว!”
“สามปีที่ผ่านมา คุณไม่ยอมให้ผมแตะเนื้อต้องตัวแม้แต่นิดเลยด้วยซ้ำ! ผมเคยคิดนะว่าคุณเป็นผู้หญิงที่มีหลักการที่ยึดถือ แต่มาวันนี้ คุณกลับไปมีอะไรกับคนอื่นในออฟฟิศ! ทำไมคุณถึงได้ทำแบบนี้ล่ะ! ! ”
“ที่รัก! คุณ...คุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไง!”
ในที่สุด เจียงเชียนหนิงก็ติดกระดุมเพื่อปกปิดเนินหน้าอกของเธอที่เผยออกมาจนเสร็จ
ฟางจืออางยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย แล้วก็พูดอย่างได้ใจว่า “ผมได้ยินคุณเอาแต่บ่นว่าสามีของคุณเป็นคนไร้ค่าทุกวัน ผมก็เลยอยากจะเรียกเขามา แล้วดูสิว่า เขาจะไร้ค่าขนาดไหนไง”
หลังจากพูดจบ ฟางจืออางก็มองพิจารณาไปที่หลินเทียนอย่างดูถูกเหยียดหยาม
เจียงเชียนหนิงที่ตื่นตระหนกเล็กน้อยในตอนแรก เวลานี้เธอตั้งสติได้ แล้วก็กลับมาเป็นปกติเหมือนในทุกวันแล้ว
เธอคิดในใจว่า หลินเทียนก็เป็นแค่ลูกเขยที่แต่งเข้ามาในบ้านเธอ ขนาดค่าเช่ารถเธอก็ยังต้องเป็นคนออกให้ แล้วหลินเทียนมีสิทธิ์อะไรมาต่อว่าเธอด้วย?
เธอเดินยืนอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองคน ก่อนเชิดหน้าขึ้น แล้วก็พูดอย่างหยิ่งผยองว่า “หลินเทียน ช่วยระวังปากระวังคำพูดของคุณหน่อยนะ คุณพูดเรื่องบ้าบออะไร คุณฟางกับฉันแค่คุยเรื่องธุรกิจกันแค่นั้นเอง!”
หลินเทียนกัดฟันแน่น แล้วเย้ยหยัน “คุยเรื่องธุรกิจ จำเป็นต้องแตะเนื้อต้องตัวกันด้วยเหรอ แล้วต้องมีรอยลิปสติกทั่วใบหน้าด้วยรึไง?”
ผู้ช่วยแผนกต้อนรับยืนอยู่ที่หน้าประตู พอเห็นหลินเทียนตัวสั่นไปทั้งตัว เธอก็พูดเย้ยหยันขึ้นมาว่า “คุณเคยส่องกระจกดูตัวเองบ้างไหมเนี่ย คุณเป็นแค่คนขับรถอูเบอร์ที่กระจอก ๆ คนหนึ่ง แต่บริษัท อีสท์เดย์ เดคคอร์เรชั่นของตระกูลท่านประธานฟางมีมูลค่าในท้องตลาดถึงหนึ่งพันล้าน! ต่อให้คุณขับอูเบอร์มาเป็นร้อยปี ก็เทียบไม่ได้กับเศษเสี้ยวหนึ่งของท่านประธานฟางเลยด้วยซ้ำ!”
หลังจากที่ฟางจืออางฟังจนจบแล้ว เขาก็ยิ่งหยิ่งยโสมากขึ้น เขาโอบไหล่ของเจียงเชียนหนิงเอาไว้ ก่อนหยิบแก้วไวน์แดงบนโต๊ะขึ้นมา จากนั้นก็ยื่นให้เจียงเชียนหนิง
เจียงเชียนหนิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ชนแก้วกับเขา แล้วทั้งสองก็ดื่มมันรวดเดียวจนหมด
สายตาหลินเทียนจ้องเขม็งไปที่ชายโฉดหญิงชั่วที่สมคบคิดกันตรงหน้าของเขา!
เขากำหมัดแน่น จนเล็บฝังเข้าไปในเนื้อ ใจเขารู้สึกโมโหเดือดดาลมาก
เมื่อผู้ช่วยเห็นเช่นนั้น เธอก็เลิกคิ้วขึ้น “ทำไม คุณอยากใช้กำลังเหรอ? รปภ.อยู่ไหน!”
เจียงเชียนหนิงเงยหน้าขึ้นมองหลินเทียน แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “หลินเทียน คุณจะไปดี ๆ ไหม? หรือว่าอยากจะโดนทำร้าย?”
หลินเทียนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วก็เห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถือกระบองยืนอยู่รอบตัวเขา
เขาจึงค่อย ๆ คลายกำปั้นออก แล้วก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกถึงกระดูก “เจียงเชียนหนิง ผมหวังว่าสักวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า คุณจะไม่เสียใจนะ!”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังและเดินออกจากประตูบริษัทไป
เจียงเชียนหนิงขมวดคิ้วพลางมองไปที่แผ่นหลังของหลินเทียนที่เดินจากไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
...
พอขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว หลินเทียนก็ครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะแก้แค้นพวกเขาสองคนอย่างไรดี
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของหลินเทียนก็ดังขึ้น
เสียงที่มีอายุของพ่อบ้านหลี่ดังขึ้นมาจากในสาย
“คุณชายครับ ภารกิจการฝึกจิตใจในการเป็นลูกเขยตระกูลเจียงช่วงสามปีนี้ของคุณได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการในวันนี้แล้ว ซึ่งรางวัลที่จะได้รับคือบ้านวิลล่าที่คลาวด์ไฮ รีสอร์ทหนึ่งหลัง นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ความสามารถของคุณที่ถูกห้ามเอาไว้ จะสามารถใช้งานได้แล้ว”
“ภารกิจที่คุณต้องฝึกต่อไปคือ การฝึกอบรมด้านธุรกิจ คุณท่านได้ซื้อเอ็มแกรนด์ กรุ๊ปเอาไว้แล้ว แล้วก็จะแต่งตั้งให้คุณดำรงตำแหน่งประธานครับ”
“เคร” น้ำเสียงของหลินเทียนแหบแห้ง เขาไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับอะไรมาก
ปลายสายยังคงถามต่ออีกว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณนายเจียงเป็นยังไงบ้างครับ? ต้องการจัดพิธีแต่งงานให้เธออย่างจริงจัง แล้วก็ให้ตำแหน่งอย่างเป็นทางการแก่เธอหรือไม่ครับ?”
สีหน้าของหลินเทียนเย็นชาขึ้นมาทันที “ไม่จำเป็นแล้วล่ะ เธอไม่คู่ควร!”
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?