เรื่องคืนนั้น..มันไม่ควรเป็นแบบนี้ !! ถ้าไม่คิดอะไร..อย่าจับหัวได้ปะ
เรื่องคืนนั้น..มันไม่ควรเป็นแบบนี้ !! ถ้าไม่คิดอะไร..อย่าจับหัวได้ปะ
ร่างสวยผิวละเอียดเนียนขาว ชุดเดรสรัดรูปสีแดงตัวสั้น ถลกขึ้นโชว์เรียวขาอ่อน ไม่พอแค่นั้นยังขยับชันขาขึ้น เผยให้เห็นแพนตี้สีขาวที่อยู่ข้างใน
-แปลกจริงเธอพวกนี้ถึงไม่ใส่ซับในเซฟตี้ไว้หน่อย-
พยายามหักห้ามใจเบือนหน้าออก ขณะกำลังจะลุกขึ้นนั้น..ในใจท่อง นะโม นะโม หลายครั้ง คือ ครั้งแล้ว กับครั้งเล่า ใจเต้นเร็วรัวยิ่งกว่าเครื่องยนต์
เธอดิ้นไปดิ้นมายิ่งปลุกเร้าอารมณ์ไปกันใหญ่ ถ้าผมจุดติด ก็จะคิดไม่ซื่อทันทีนะจะบอกให้ เป็นไงเป็นกันแค่เด็กในสังกัดวะ
" ขอโทษนะสาวน้อย อดใจไม่ไหวแล้วโว้ย " ผมก้มลงกระซิบข้างใบหูเล็กของเหมย เธอขาวสวย หมวย เอ็กซ์ขนาดนี้ ปล่อยไปฟรี ๆ ก็บ้าแล้ว ปะ ผมไม่ใช่พ่อพระคนดีขนาดนั้น
ผมลุกขึ้นยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น ขณะที่สายตาคู่คม จ้องมองเรือนร่างอันขาวผ่อง ไม่นานชุดหล่อเท่ก็ไปกองอยู่ที่พื้น
ผมจัดการขึ้นคร่อมร่าง เธอถอดชุดเดรสที่เกะกะออกให้หมด นั่นยิ่งทำให้ผมอดไจไม่ได้อารมณ์ชายกระเจิดกระเจิงไปกันใหญ่ เนื้อเนินอกอิ่มขาวเนียน จุดบอบบางช่างน่าพิสมัยเสียจริง
ผมโน้มตัวก้มต่ำจัดการเรือนร่างหญิงสาวไปทีละจุด จนมาหยุดที่น้องสาวของเธอ สอดนิ้วแกร่งเข้า ๆ ออก ๆ จนตรงนั้นเริ่มมีน้ำเจลใส ๆ มือหนาเอื้อมหยิบถุงยางในกระเป๋า
อยากจะขอบคุณตัวเอง ที่เดชะบุญเอามันไว้ใกล้ตัวหยิบง่ายหน่อย
เมื่อพร้อมแล้ว จัดการส่งน้องชายเข้าไปสำรวจในกายของเธอก่อน ช้า ๆ
"อ๊ะ" เธอสะดุ้งเริ่มรู้สึกตัว เมื่อโดนสัมผัสที่จุดของรักของหวง มือน้อยปัดป่ายให้เอาออก แต่ผมเริ่มขยับเร็วขึ้น พร้อมกับมือหนานวดคลึงจุดเสียวกระตุ้นถี่ขึ้น ถี่ขึ้น รัว ๆ ไม่เป็นจังหวะ ทำให้สติเธอหลุดไปอีกครั้ง...
ร่างเปลือยเปล่าเหมือนจักขัดขืน แต่พลันอ่อนนิ่มลง เอ๊ะ เชี่ยละ !!นั่นมัน เลือด!! นี่เธอมาทำงานแบบนี้ แต่อย่าบอกนะว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่ แต่..ตัวผมเอง มาขนาดนี้แล้วผมก็หยุดไม่ได้เช่นกัน
เธอคับแน่นจน ความรู้สึกสยิวซ่าน ปั่นป่วนขนลุกทั่วทั้งร่างกาย อารมณ์ปรารถนาล่องลอยไปในห้วงฝัน แรงยั่วสวาทนี้เกินจะต้านไหว ผมใส่ไปเต็มแรงเพื่อส่งตัวเองไปถึงฝั่งฝัน น้ำรักพวยพุ่งอัดแน่นเต็มถุงยางไซด์ใหญ่
" ขอโทษทีนะเหมย " หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจผมเช็ดเนื้อตัวที่เลอะเปื้อน พร้อมกับสวมเสื้อผ้ากลับไปให้เธอเช่นเดิม แล้วปล่อยให้เธอนอนพักผ่อน เธอนอนนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไร
" เชี่ย!! ตายหรือเปล่าวะ "
ผมก้มลงไปที่อกข้างซ้ายเพื่อฟังเสียงหัวใจของเธอ และส่งนิ้วชี้ไปจับชีพจร กลิ่นลมหายใจที่พ่นออกมีกลิ่นเหล้า นั้นแสดงว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
จากนั้นหยิบผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาห่มให้กับเธอ ส่วนตัวผมเนียนไปนอนที่โซฟา เผื่อเธอตื่นมาแล้วโวยวาย
เช้าวันต่อมา
เหมย Talk
ฉันตื่นลืมตาขึ้นด้วยความรู้สึกที่ปวดหัวอย่างหนัก ผนังห้องสีเทาแดง รูปภาพ นี่มันไม่ใช่ห้องฉันนี่นา " โอ๊ย ปวดหัว "
ฉันปรับโฟกัสสายตาที่มัวให้เป็นปรกติ แล้วมองไปยังอีกมุมหนึ่งของห้อง เจอร่างของคุณดีแลนนอนอยู่ นี่ฉันมานอนที่ห้องเขาได้ยังไง
เกิดอะไรขึ้น?ในหัวมีแต่เครื่องหมายคำถาม ฉันพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ ล่าสุดคือไปคุยธุระเรื่องที่ลาออก เขาทำอะไรฉันหรือเปล่านะ ทำไมเจ็บท้องน้อยหน่วง ๆ
ฉันดึงชุดที่ถกขึ้นสูงให้ปิดลง ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนร่างลงจากเตียงนุ่ม จะปลุกเขาดีมั้ยนะ หรือจะปล่อยให้เขานอน สงสัยฉันน็อคแล้วเขาพาขึ้นมานอนบนห้องเขาแน่ ๆ แต่บอกเขาหน่อยดีกว่าเผื่อจะได้ขอบคุณเขา
" คุณดีแลนคะ"เขาสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้น
" อ้าวเหมย ตื่นแล้วเหรอ " ผมสังเกตท่าทีเธอก่อนว่าเธอจะจำเรื่องราวเมื่อคืนที่ผมทำไม่ดีกับเธอได้หรือไม่
" เหมยจะกลับแล้วขอบคุณนะคะ "
" อ่อ เดี๋ยวผมไปส่ง " ดูท่าทางเธอคงจำไม่ได้หรือว่าจำได้ แต่เธอเนียนว่าไม่มีอะไรหรือเปล่านะ ผมทำเธอขนาดนั้นก็อดเป็นห่วงอยากที่จะไปส่ง
" ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเหมยนั่งแท็กซี่กลับเองได้ "
ฉันอายที่จะให้ใครเป็นเจอสภาพห้องเช่าแบบนั้น ขอกลับเองดีกว่า เดี๋ยวเขาจะสมเพชฉันเหมือนเจฟฟี่อีก
" ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจ ชุดคุณโป๊ แบบนี้เดี๋ยวแท็กซี่ก็ลากไปทำมิดีมิร้ายหรอก "
-ทำไมเธอกลับปฏิเสธผมเสียงแข็งล่ะ นั่นยิ่งทำให้ผมเป็นกังวล -
"งั้นเหมยขอยืมเสื้อคลุมคุณดีแลนหน่อยได้มั้ยคะ เหมยกลับเองดีกว่าค่ะ "
" เอางั้นเหรอ ได้สิ " เธอไม่ยอมให้ไปส่งจนผมต้องยอมปล่อยเธอไป แต่มองหน้าเธอทีไรทำไมผมรู้สึกสงสาร ที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอ
สิ้นประโยคสนทนา ฉันหยิบเสื้อคลุมร่างเดินออกจากห้องโดยที่มีเขาเดินตาม ลงมาส่งทำไมวันนี้ เจ้านายฉันดูแปลกจังปรกติไม่เคยเดินลงมันส่ง
" รถมาแล้ว ไปนะคะ "
หลังจากที่เธอกลับไป ผมกลับขึ้นมาบนห้องเพื่อนอนต่อ แต่เมื่อเห็นรอยเลือดที่เปื้อนที่นอนทำให้รู้สึกผิดขึ้นมาทันที
โปรดติดตามตอนตอนไป..
ฉันไม่ต้องการความสัมพันธ์แบบทองหล่อในคืนวันศุกร์นะคะ ...ขอตัว..//ส่วนตัวไม่เน้นความสัมพันธ์เน้นมันส์อย่างเดียวรับได้หรือเปล่า
เชื่อเสมอว่าประตูบานนี้ปิดลง เราจะได้เปิดประตูไปเจอสิ่งที่ดีกว่าเสมอ...เธอออกตามหาคนที่ให้ชีวิตใหม่กับเธอ แต่เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น.. สันดานแบบคุณ แค่เห็นนรกก็คิดว่าแค่ชื่อน้ำพริกสินะ
อยากเห็นใบหน้าของเขาในช่วงเวลาแบบนั้น..สีหน้าท่าทางเขาจะเป็นแบบไหน.. ไม่ได้ง่ายกับทุกคนนะ...แต่ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น
ทดลองเป็นลูกค้ากันก่อนถ้าชอบค่อยกลับมาซื้อ..ถ้าคุณพร้อมโอน..ฉันก็พร้อม..อ..NC18+
หน้าพลาสติกลอยมาตั้งแต่ 3 กิโลเมตรแรกยังจะกล้าว่าคนอื่นไม่สวยอีกเหรอ?นี่ถ้าฉันได้ไปทำหน้าที่เกาหลีสิ่งแรกที่จะบอกหมอ คือไม่เอาหน้าแบบเธอ..นอ.ขอยกเลิกสัญญากับพระเอกเพราะเธอเข้าใจผิดว่าโดนผู้ชายข่มขืน
มังกร หนุ่มหล่อหน้าใสลูกชาวไร่ชาวนา อายุ 22 ปี ที่ได้รับทุนเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย ได้แบกร่างกายพาหัวใจอันแตกสลายกลับบ้านเกิดทันทีในวันที่จบการศึกษา เพราะบิดามารดาได้เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่หลังจากกลับจากการนำข้าวไปขายและโดนสิบล้อที่เบรคแตกเสียหลักพุ่งชนรถของพ่อแม่ของมังกร เมื่อสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันเขาจึงกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำไร่ทำนาสานฝันของพ่อแม่และนำความรู้ที่ได้เรียนมากลับมาพัฒนาที่ดินมรดกในบ้านเกิด หากแต่ว่ามังกรยังไม่ทันได้ทำอะไรเขากลับตายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ตายแบบไม่ตั้งใจและไม่เต็มใจที่สุด เขาจำได้เพียงแค่ว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดเขาได้ไปไหว้พ่อกับแม่ที่วัดในหมู่บ้าน แล้วก็กลับมานอนแต่พอเขากลับตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กชาย อายุ 8ขวบ กับบ้านพุๆพังๆ เขาตื่นมาในร่างของคนอื่นไม่พอ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหน และใครพาเขามา แล้วมังกรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่อยู่ในร่างเด็กชายยากจนคนนี้ มาติดตามชีวิตใหม่ของมังกรกันต่อไปค่ะ
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
© 2018-now MeghaBook
บนสุด