ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / เชลยพิศวาส แม่ทัพบูรพา
เชลยพิศวาส แม่ทัพบูรพา

เชลยพิศวาส แม่ทัพบูรพา

5.0
80 บท
15.2K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

ราชันปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งมีความรักเป็นครั้งแรก ต้องทนทุกข์ทรมานกับความรักครั้งนี้ยิ่งนัก เมื่อชาติแรกนางเกลียดแสนเกลียดและชิงชังพระองค์ยิ่งนักเพราะความแค้น ชาติที่สองจอมมารเฝ้าติดตามเพื่อต้องการให้นางคลายปมในจิตใจจากชาติอดีต และแลกชีวิตของตนเองยินยอมเพื่อให้นางได้อยู่รอดต่อไป ชาติที่สามนางพยายามค้นหาคนที่เฝ้ารักนางมานานหลายภพหลายชาติ เพื่อทำให้ราชันปีศาจกลับคืนมามีชีวิตอีกครั้งและหวังเคียงคู่ไปชั่วนิรันดร์ หากแม้นมีโอกาสได้พบบุรุษกับที่หลงรักนางมาหลายชาติภพ มีเพียงประโยคเดียวที่อยากล่วงรู้ "ท่านตามรักข้ามากี่ชาติภพแล้ว" "ชาตินี้ของข้าจะต้องค้นหาผู้ที่เฝ้าตามรักข้ามาทุกชาติภพนั้นให้ได้!"

บทที่ 1 ตอนที่ 1 บทนำ

ภายในเมืองหลวงฉางอานในยามนี้ เต็มไปด้วยความยินดีและชื่นมื่นกันอย่างถ้วนหน้า กับพิธีอภิเษกสมรสที่ฮั่นจิ้งตี้ฮ่องเต้มีพระบัญชาให้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่

เพื่อมอบให้องค์รัชทายาทหลิวจินซานและองค์หญิงหรงอันจากต้าเหยี่ยน ซึ่งขบวนเจ้าสาวอยู่ในระหว่างการเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงอันยิ่งใหญ่ ที่มีความเจริญทุกๆ ด้านในยุคสมัยของฮั่นตะวันตกโดยราชวงศ์ฮั่นซึ่งมาจากสายสกุลหลิวขึ้นเป็นผู้ปกครอง

ฮั่นจิ้งตี้ฮ่องเต้มีพระบัญชาให้โจวเฟิงหยางหรือที่เป็นรู้จักกันดีกับสมญานามเทพสงครามนำกองทหารทางทิศบูรพาซึ่งแม่ทัพหนุ่มปกครองอยู่สองแสนนาย จัดกองทหารบางส่วนถวายอารักขาองค์หญิงจากต้าเหยี่ยนทางเหนือสุดขอบแผ่นดิน ซึ่งอยู่ติดกับชนเผ่าแดนเหนือและเผ่าซรงหนู ที่ช่วงนี้อยู่ในระหว่างกบดานสะสมกองทหารและเสบียงเป้าหมายเพื่อยึดครองแผ่นดินฮั่นอันกว้างใหญ่ไพศาลให้จงได้

ภายใต้พระบัญชาขององค์ฮ่องเต้ไม่ได้ให้แม่ทัพชื่อก้องทำหน้าที่เพียงแค่อารักขาคู่อภิเษกขององค์รัชทายาทให้ถึงฉางอานอย่างปลอดภัยเท่านั้น เพื่อให้การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับแคว้นทางเหนือเป็นไปได้ด้วยดี

จึงทรงมีพระบัญชาลับให้แม่ทัพผู้กล้าสอดส่องกำลังทหารของต้าเหยี่ยนที่อยู่ห่างหูห่างตาไกลถึงแดนเหนือ ว่ามีสัมพันธ์ภาพกับชนเผ่าทางแดนเหนือเป็นเช่นไร เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อต้าฮั่นในภายภาคหน้า

ในขณะที่ขบวนเจ้าสาวของทางต้าเหยี่ยน เดินทางมาพร้อมกับกองทหารถวายอารักขาที่มีจำนวนมากเกินความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ดูท่าต้าเหยี่ยนจะใช้พิธีอภิเษกครั้งนี้เพื่อกระทำการบางอย่างเป็นที่แน่นอน องค์หญิงน้อยเสด็จมาพร้อมกับกองทหารห้าร้อยนาย ตามคำสั่งของแม่ทัพหนุ่มหน้าสวยนามว่าจางฮ่าวเทียน

แม่ทัพหนุ่มรูปงามที่องค์หญิงหรงอันทรงให้ความโปรดปรานเป็นกรณีพิเศษ สามารถคุยได้ทุกเรื่องประหนึ่งราวกับว่าองค์หญิงหรงอันกับแม่ทัพหนุ่มฮ่าวเทียนมีหัวใจตรงกันฉันใดก็ฉันนั้น

แต่ถึงแม้จะรักมากเพียงใดแต่ก็ไม่อาจขัดพระราชโองการของฮั่นจิ้งตี้ฮ่องเต้ได้ ต้องจำยอมเข้าพิธีอภิเษกด้วยความกล้ำกลืนฝืนทน ด้วยต้องถูกพลัดพรากจากคนรักไปไกลถึงฉางอาน

กระโจมที่ประทับองค์หญิงหรงอัน

แปะ! หยาดน้ำตาไหลหลั่งรินออกมา ในขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องใบหน้าผ่านทางคันฉ่องที่ถูกเติมแต่งอย่างดีเป็นเช่นนี้ทุกวัน ตลอดระยะการเดินทางกว่าหนึ่งเดือนจากต้าเหยี่ยนเพื่อเข้าฉางอานเมืองหลวงแห่งต้าฮั่นเพื่ออภิเษกสมรส ไม่เคยมีวันใดที่จะมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าขององค์หญิงน้อยสักครั้ง

“องค์หญิงทรงกันแสงอีกแล้วหรือเพคะ”นางกำนัลคนสนิททูลถามกลับไปด้วยความเป็นห่วง พลางเหลือบสายตาไปที่โต๊ะวางพระกระยาหารที่เตรียมไว้ยังคงอยู่เช่นเดิม ไม่มีร่องรอยแตะต้องแม้แต่น้อย

“พระกระยาหารก็ไม่ยอมเสวย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องประชวรเป็นแน่ ระยะทางกว่าจะถึงฉางอานช่างยาวไกลยิ่งนัก อีกเกือบเดือนเลยนะเพคะกว่าจะเสด็จถึงที่หมาย”

“แต่ข้ากลับคิดว่าการเดินทางครั้งนี้ อย่าให้ถึงฉางอานเป็นการดีเสียยิ่งกว่าอะไร เจ้าไม่ใช่ข้าจึงพูดได้ ลองมาเป็นข้าดูสิแล้วจะรู้ว่าต้องทุกข์ทรมานมากมายเพียงใด ที่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก”องค์หญิงน้อยรับสั่งตอบกลับไปสุรเสียงกร้าว

และนั่นทำให้นางกำนัลคนดังกล่าวจำต้องเงียบปากของนางจนสนิท ไม่กล้าย้อนแย้งองค์หญิงของตน

“แต่ถ้าองค์หญิงไม่เสวยอะไรบ้างเลย จะเดินทางต่อไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าของกระโจมพร้อมประตูที่ทำมาจากผ้าผืนขนาดใหญ่ถูกเปิดออกกว้างอย่างรวดเร็ว

“แม่ทัพฮ่าวเทียน!!!”นางกำนัลคนสนิทเอ่ยออกมาทันใด

แม่ทัพหนุ่มหน้าสวยก้าวเข้ามาภายในกระโจมที่ประทับ พร้อมทำความเคารพองค์หญิงน้อยท่ามกลางความดีใจของเจ้าตัว

“เฟ่ยเฟ่ย!!”องค์หญิงน้อยเผลอเรียกชื่อเล่นของแม่ทัพหนุ่มออกมาด้วยความลืมตัว จนนางกำนัลหันกลับไปมองทันใด

“องค์หญิงรับสั่งว่าอะไรนะเพคะ”นางกำนัลช่างสอดรู้สอดเห็นเอ่ยถาม

“ไม่ต้องสอดปากอยากรู้ทุกเรื่องจะได้ไหม ออกไปได้แล้ว! หากข้าไม่เรียกก็อย่าเข้ามาเป็นอันขาด”องค์หญิงน้อยรับสั่งสุรเสียงดุออกไปทันที จนนางกำนัลหน้าเจื่อนไปโดยพลันรีบก้าวถอยหลังออกไปจากกระโจมอย่างรวดเร็ว

ครั้นภายในกระโจมมีเพียงแม่ทัพหนุ่มและองค์หญิงน้อยอยู่เพียงลำพังเท่านั้น

“เฟยเฟย! ข้านึกว่าเจ้าจะไม่มาเสียแล้ว...รู้ไหมว่าข้าทุกข์ใจเพียงใด เฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรเจ้าจะมาตามสัญญาที่ได้ให้คำมั่นแก่ข้า เหตุใดจึงปล่อยให้ข้าเดินทางตามลำพังเช่นนี้ด้วย”

ถ้อยประโยคพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายจากองค์หญิงน้อยทันใด ติดตามด้วยเสียงสะอึกสะอื้นออกมาไม่ขาดสาย

“โอ๋ๆๆ ไม่ต้องร้องนะหนงหนง ข้าก็มาอยู่ตรงหน้าเจ้านี้แล้ว ทำไมต้องร้องไห้ออกมาอีกด้วยเล่า ที่ข้ามาช้าเพราะต้องไปเตรียมทางหนีทีไล่ให้แก่เจ้าได้หลบหนีการแต่งงานครั้งนี้ไปอย่างปลอดภัย และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องหนีไป ทั๋วป้ากำลังรอเจ้าอยู่ด้านนอกในขณะนี้แล้ว”แม่ทัพหน้าสวยบอกองค์หญิงของตน

ดวงตาคู่งามเบิกกว้างขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้นรอยยิ้มไหลหลั่งรินออกมาพร้อมทั้งน้ำตา ก่อนจะโผเข้ากอดคอแม่ทัพหนุ่มตรงหน้าด้วยความดีใจอย่างยิ่งยวด

“เจ้าทำเพื่อข้าถึงเพียงนี้ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้แทนคุณหรือไม่ จนสามารถหาทางให้ข้าหลบหนีไปกับทั๋วป้าคนรักของข้าจนได้ แล้วทางนี้เล่าเจ้าจะจัดการอย่างไรต่อไป หากต้าฮั่นล่วงรู้ว่าข้าหลบหนีการแต่งงานครั้งนี้ จะต้องเกิดเรื่องราวใหญ่โตจนถึงขนาดล่มแคว้นระหว่างต้าฮั่นและต้าเหยี่ยนกันเลยทีเดียว”องค์หญิงน้อยอดไม่ได้ที่จะถามกลับไปด้วยความเป็นห่วง

“เจ้าเป็นญาติผู้น้องของข้า มีเหตุผลกลใดเล่าที่ข้าจะไม่ช่วย เสด็จอาทั้งสองทรงทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดีและเห็นด้วยกับแผนการของข้า จึงส่งสาสน์ให้องค์ชายทั๋วป้าเดินทางมาจากแดนเหนือเพื่อรับเจ้าไปใช้ชีวิตให้ไกลจากแผ่นดินต้าฮั่น อยู่ไกลถึงแดนเหนือเช่นนั้น ต้าฮั่นไม่รั้งเจ้าอยู่หรอก”แม่ทัพหน้าสวยตอบกลับไป

พลางยกมือขึ้นขยี้เส้นผมสีดำสนิทของญาติผู้น้องด้วยความรักและเอ็นดูนางมาโดยตลอด

ครั้นองค์หญิงน้อยได้ยินเช่นนั้นรอยยิ้มด้วยความดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าขึ้นมาทันที ก่อนจะอดเป็นห่วงไม่ได้

“แล้วขบวนเจ้าสาวทางนี้จะทำอย่างไรต่อไป”องค์หญิงน้อยอดไม่ได้ที่จะถาม

“ข้าก็จะสวมรอยเป็นเจ้าสาวแทนเจ้านะสิถามได้”แม่ทัพหนุ่มหน้าสวยตอบกลับไปอย่างไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย

“อะไรนะ! เจ้าจะสวมรอยเป็นเจ้าสาวแทนข้าอย่างนั้นเหรอ นี่เจ้าจะเปิดเผยตัวตนว่าแม่ทัพฮ่าวเทียนผู้อาจหาญแท้จริงแล้วคืออิสตรีหาใช่บุรุษอย่างนั้นเหรอ เจ้าคิดดีแล้วรึเฟยเฟย”องค์หญิงน้อยทักท้วงญาติพี่ผู้พี่ของนางออกไปทันที

ดวงตากลมโตคู่สวยในคราบของแม่ทัพจางฮ่าวเทียนลุกโชนขึ้นมาโดยพลันครั้นได้ยินเช่นนั้น

“เจ้าก็ล่วงรู้ดีว่าข้าคือเจ้าผู้ครองแคว้นของไท่หยวน แผ่นดินของข้าถูกต้าฮั่นเข้ายึดครอง พวกสกุลหลิวยึดแคว้นของข้าไปเป็นของพวกมัน เจ้าจะให้ข้าลืมเลือนความแค้นนี้ไปได้อย่างไง ตั้งแต่เกิดมาข้าก็ใช้ชีวิตอยู่ในร่างของบุรุษมาโดยตลอด เป็นความหวังของเสด็จพ่อและเสด็จแม่เพียงหนึ่งเดียวที่จะได้ปกครองแคว้นไท่หยวนสืบต่อไป!”แม่ทัพหนุ่มหน้าสวยกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความแค้นที่ต้องได้รับการชำระในชาตินี้

“แต่พวกต้าฮั่นใช้ข้ออ้างกบฏ 7 แคว้นใส่ร้ายเสด็จพ่อของข้าเอาใจออกห่าง ใช้เหตุผลที่ข้าปฏิเสธไม่ยอมอภิเษกสมรสกับพระราชธิดาของฮั่นจิ้งตี้ เข้าโจมตีไท่หยวน หาไม่แล้วข้าจะกลายเป็นดั่งเช่นทุกวันนี้อย่างนั้นหรอกเหรอหนงหนง!!!”

แม่ทัพหน้าสวยซึ่งแท้จริงแล้วคืออิสตรี ที่เต็มไปด้วยความอาจหาญและเก่งกล้าเฉกเช่นบุรุษอกสามศอก กล่าวอย่างคั่งแค้นที่ฝังแน่นอยู่ภายในใจ

“เฟยเฟย!”องค์หญิงหรงอันเรียกชื่อเล่นญาติผู้พี่เพื่อเตือนสติ มือน้อยๆ รีบเข้าไปกุมมือทั้งสองที่บัดนี้กำเข้าหากันจนแน่นด้วยความเคียดแค้นอย่างล้น

“แต่เจ้าเพียงผู้เดียวจะทำได้อย่างไร ในยามนี้ต้าฮั่นเข็มแข็งและเกรียงไกรยิ่งนัก สามารถล้มล้างราชวงศ์ฉินจนเป็นที่เลื่องลือ อีกทั้งยังมีเทพสงครามเป็นขุนพลคู่บัลลังก์ออกทำศึกที่ใด ไม่เคยต้องพบกับความพ่ายแพ้ทั้งไท่หยวนและต้าเหยี่ยนต่างพ่ายแพ้อย่างราบคาบให้แก่เทพสงครามผู้นี้มาแล้วทั้งสิ้น แล้วเจ้าจะเอาชัยเหนือคนผู้นี้ได้อย่างไร ดูท่าความหวังช่างริบหรี่ยิ่งนัก”

กรอดดดด!!! เสียงฟันกรามบดเข้าหากันจนแน่นครั้นได้ยินชื่อแม่ทัพผู้กล้าของต้าฮั่น

“ข้าเกลียดและชิงชังคนผู้นั้นเป็นยิ่งนัก อยากจะสับร่างให้เป็นหมื่นชิ้นเพื่อเซ่นสังเวยให้เสด็จพ่อ! และเสด็จแม่! สักวัน...โอกาสของข้าจะต้องมาถึงแน่นอน การศึกมิหน่ายเล่ห์ ใช่ว่ากำลังทหารมากมายจะเอาชนะได้เสมอไปเสียที่ไหนเล่า จะเอาชัยเหนือศัตรูได้การบัญชาทัพชั้นเอกคือชนะด้วยกลอุบาย”แม่ทัพสาวหน้าสวยหรือตัวตนที่แท้จริงก็คือเจ้าผู้ครองแคว้นอู๋ฮ่าวเทียนแห่งแคว้นไท่หยวน

พระนามของบุรุษที่ถูกบันทึกในราชวงศ์ของแคว้นอย่างเป็นทางการ และในทางกลับกันมีบันทึกลับเอาไว้ด้วยว่าแท้จริงแล้วคือรัชทายาทซึ่งเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวของไท่หยวน พระนามอู๋อี้เฟย

ท่าทางอันแข็งกร้าวเต็มไปด้วยความดุดันของญาติผู้พี่ทำให้องค์หญิงหรงอันกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวาดหวั่นอยู่ภายในใจเป็นยิ่งนัก

แต่ทว่าอู๋อี้เฟย ถูกเลี้ยงมาเยี่ยงบุรุษอกสามศอก และนางก็ช่างแกร่งกล้าสมความตั้งใจของอ๋องซงซ่านแห่งไท่หยวนเสียนี่กระไร เก่งทุกด้าน วิชายุทธ์ยอดเยี่ยม แตกฉานพิชัยสงคราม เก่งการวางแผน เต็มไปด้วยความปราดเปรื่องและรอบรู้ทุกเรื่องนางเกิดมาเพื่อก้าวขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นจริงๆ

ในขณะที่แม่ทัพคนงามเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาโดยพลัน เมื่อเวลาผ่านไปนานกว่าหนึ่งก้านธูปเข้าไปแล้ว หากแต่นางยังไม่จัดการญาติผู้น้องไปถึงไหนเลย

“แย่แล้วหนงหนง มัวแต่คุยนอกเรื่องใกล้ถึงเวลานัดหมายกับทั๋วป้าแล้วและเจ้าต้องออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลย”

“หะ! เดี๋ยวนี้เลยเหรอ”องค์หญิงน้อยรับสั่งเสียงหลงออกมา

“ใช่! เจ้าต้องไปเดี๋ยวนี้”สิ้นเสียงของแม่ทัพสาว

“เด็กๆ เข้ามาหาข้า!”เสียงตะโกนเรียกทหารด้านนอก

สิ้นเสียงตะโกนดังกล่าวร่างสูงของบุรุษในชุดเกราะก้าวเข้ามาภายในกระโจมอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางอาการตกใจขององค์หญิงน้อยครั้นเห็นใบหน้าของบุรุษหนึ่งในนั้น

“ทั๋วป้า!”รับสั่งพร้อมโผเข้าสวมกอดร่างสูงตรงหน้าทันที

“หนงหนง!”องค์ชายจากชนเผ่าแดนเหนือรีบรวบร่างงามนั้นเอาไว้ในอ้อมกอดของตนอย่างรวดเร็ว

“ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเดินทางมาถึงที่นี่”องค์หญิงน้อยรับสั่งออกมาทั้งน้ำตาด้วยความดีใจยิ่งนัก

“เพื่อเจ้าแล้วต่อให้ไกลสุดหล้าข้าก็จะต้องมาให้ได้”องค์ชายหนุ่มตอบคนรักกลับไป ทั้งสองต่างอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันไม่มีทีท่าว่าจะห่างออกจากกันแม้แต่น้อย

อะแฮ่ม! เสียงกระแอมไอดังออกมาจากแม่ทัพหน้าสวยราวอิสตรีจนทำให้คนทั้งสองรู้สึกตัว

“พวกเจ้าหลงลืมไปแล้วหรือไรว่าข้ายังยืนอยู่ตรงนี้ จะกอดจะทำอะไรกันก็เกรงใจข้าบ้างก็ดีนะ”อู๋อี้เฟยหยอกเย้าญาติผู้น้องและคนรักของนาง ก่อนจะหันกลับไปกล่าวสำทับกับองค์ชายจากชนเผ่าแดนเหนือ

“จัดการเตรียมพร้อมเรียบร้อยดีแล้วใช่หรือไม่”

องค์ชายหนุ่มจากแดนเหนือพยักหน้าขึ้นลงทันใด

“ข้าเตรียมการตามแผนของท่านแม่ทัพเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งจัดการนางกำนัลที่ติดตามหนงหนงผู้นั้นแล้วด้วยเช่นกัน”

ครั้นองค์หญิงน้อยได้ยินเช่นนั้น นางตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

“เดี๋ยวนะ! พวกท่านอย่าบอกนะว่าสังหารนางกำนัลของข้าไปแล้ว”รับสั่งถามกลับไป

“ขืนทำเช่นนั้นแผนก็แตกล่วงรู้กันหมดพอดี ข้าก็เพียงแค่ทำให้นางหลับแล้วนำนางไปคอยรับใช้เจ้าที่แดนเหนือด้วยก็เท่านั้นเอง”อู๋อี้เฟยบอกญาติผู้น้องกลับไป

ในขณะที่คนฟังรู้สึกโล่งใจครั้นได้ยินเช่นนั้น

“เช่นนั้นก็แล้วไป ขอบใจเจ้ามากเลยนะเฟยเฟย”องค์หญิงน้อยไม่วายกล่าวคำขอบคุณญาติผู้พี่ของนาง

“อย่ามัวแต่เสียเวลากล่าวถ้อยคำเช่นนี้อยู่เลย เจ้าจะต้องรีบเปลี่ยนชุดแล้ว”กล่าวพร้อมคว้าข้อมือองค์หญิงหรงอันเดินตรงดิ่งหายเข้าไปหลังม่านกั้นซึ่งเป็นห้องสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะคว้าเสื้อผ้าที่องค์ชายจากแดนเหนือจัดเตรียมเอาไว้ให้ เดินตามหลังญาติผู้น้องไปติดๆ

เพียงไม่นานองค์หญิงหรงอันเสด็จออกมาในคราบของทหารสวมชุดเกราะระดับแม่ทัพ ซึ่งเสื้อผ้าที่นำมาเปลี่ยนเป็นของอู๋อี้เฟยนั้นเอง ท่ามกลางสายตาขององค์ชายจากแดนเหนือครั้นเห็นคนรักสวมชุดเกราะของบุรุษเป็นครั้งแรก

“ไม่น่าเชื่อว่าหนงหนงกับท่านแม่ทัพฮ่าวเทียนจะสามารถสวมชุดที่มีขนาดไล่เลี่ยกันได้ ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วยามสวมอาภรณ์สตรี นางแสนจะบอบบางเสียนี่กระไร แต่กลับสวมใส่เสื้อผ้าของท่านแม่ทัพได้อย่างพอดิบพอดี ช่างแปลกเสียจริง”องค์ชายจากแดนเหนืออดสงสัยไม่รู้วาย

“ข้าก็เพิ่งรู้ว่าเจ้าขี้สงสัยถึงเพียงนี้นะทั๋วป้า ในเมื่อไม่เคยเห็นก็เห็นเสียสิ”แม่ทัพคนงามพูดพร้อมคำรามเสียงต่ำอยู่ในลำคอกลับไปทันใด เป็นเหตุให้อีกฝ่ายต้องสงบปากสงบคำลงทันใด

“ข้าไม่บังอาจกับท่านแม่ทัพ บุญคุณที่ช่วยเหลือในครั้งนี้หากมีโอกาสทั๋วป้าจะขอแทนคุณอย่างสุดกำลัง”องค์ชายจากแดนเหนือรับสั่งพร้อมยกท่อนแขนขึ้นทาบทับกับแผ่นอกด้านซ้ายพร้อมก้มคำนับแทนคำขอบคุณ

“ไม่ต้องเกรงใจองค์ชาย ตรงกันข้ามข้าขอฝากญาติผู้น้องกับท่านเอาไว้ด้วย จงปฏิบัติต่อหนงหนงประหนึ่ง รักหยกถนอมบุปผา อย่าให้รู้นะว่าทอดทิ้งและทำให้นางต้องเสียใจ เพราะข้าไม่เก็บท่านเอาไว้เผาถ่านเป็นแน่”แม่ทัพคนงามขู่คำรามอีกฝ่ายทันที

“ข้าจะดูแลหนงหนงเป็นอย่างดี ขอท่านแม่ทัพได้โปรดวางใจเถิด”องค์ชายจากแดนเหนือให้คำมั่นสัญญา ท่ามกลางความพึงพอใจของสตรีสาวซึ่งอีกฝ่ายเข้าใจว่าเป็นบุรุษมาโดยตลอด

“เฟย..”องค์หญิงหรงอันพลั้งเผลอหลุดปากเรียกชื่อญาติผู้พี่ตามความเคยชิน ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว

“ฮ่าวเทียน..ขอบใจท่านมากเลยนะที่ทำทุกอย่างเพื่อข้า”องค์หญิงน้อยกล่าวคำขอบคุณอีกครา

“ดูแลตัวเองให้ดีนะหนงหนง จากกันวันนี้อีกเมื่อไรจะได้พานพบกันก็ไม่อาจรู้ได้ ส่วนเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อถึงแดนเหนือแล้วพวกท่านทั้งสองจะเดินทางไปเยี่ยมเจ้าเป็นการส่วนตัว”อู๋อี้เฟยบอกญาติผู้น้อง

อือ! องค์หญิงน้อยส่งเสียงตอบรับเบาๆ ในลำคอพลางพยักหน้าขึ้นลง

“รีบไปเถอะ! ได้เวลาเดินทางแล้วปล่อยทางนี้ให้ข้าจัดการเองไม่ต้องเป็นห่วง”แม่ทัพคนงามตอบกลับไปอย่างอาจหาญ

องค์หญิงน้อยยิ้มกว้างออกมาทั้งน้ำตาก่อนจะตัดใจหันหลังเดินออกจากกระโจม โดยมีองค์ชายจากแดนเหนือคนรักตัวจริงเดินตามหลังเพื่อคอยปกป้องดูแลให้นางปลอดภัย

ท่ามกลางสายตาของแม่ทัพสาวมองตามหลังร่างอรชรของญาติผู้น้องในคราบของตนเองค่อยๆ ก้าวเดินออกไปจากกระโจม ตามแผนการหลบหนีที่ได้วางเอาไว้

“โชคดีนะหนงหนง หากแม้นข้ายังไม่ตายเราสองคนพี่น้องคงได้พบกันอีก”ถ้อยคำกล่าวอำลาดังออกมาเบาๆ

ร่างอรชรของคนงามหันหลังเดินกลับเข้าไปภายในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนอาภรณ์ สวมรอยเป็นองค์หญิงหรงอันซึ่งเป็นคู่อภิเษกของรัชทายาทต้าฮั่นอย่างรวดเร็ว

จุดประสงค์เพื่อเร้นร่างเข้าสู่วังหลวง วางแผนลอบสังหาร ฮั่นจิ้งตี้ฮ่องเต้ ตลอดจนถึงเชื้อพระวงศ์สำคัญเพื่อตัดรากถอนโคนราชวงศ์ฮั่นให้สูญสิ้นไป รวมไปถึงหมายหัวเทพสงครามโจวเฟิงหยางในบัญชีแค้นครั้งนี้ด้วย

เพียงไม่นานชุดเกราะแม่ทัพถูกถอดออกและซุกซ่อนลงไปยังใต้พื้นดินเบื้องล่างก่อนจะกลบฝังชุดเกราะและเสื้อผ้าของบุรุษที่สวมมาตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมาอย่างมิดชิด และนี่คือครั้งแรกในชีวิตของอู๋อี้เฟยที่นางได้สวมอาภรณ์ของสตรี

ผมยาวสีดำสนิทที่ถูกมวยขึ้นสูงดั่งเช่นบุรุษ มือเรียวดึงกวานที่ครอบมวยผมอยู่ตลอดเวลาออก ก่อนจะปล่อยยาวสยายลงจนเต็มแผ่นหลังภายใต้กรอบหน้าเรียวสวย ผิวขาวดุจหิมะใสนวลเนียนราวกระเบื้องเคลือบรับกับดวงตากลมโตคู่งาม ขนตางามงอนกะพริบขึ้นลงติดต่อกันครั้นได้เห็นตัวเองในร่างที่สวมอาภรณ์สตรีขององค์หญิงชั้นเอกจากต้าเหยี่ยนเป็นครั้งแรก

ร่างอรชรครั้นสวมอาภรณ์สตรีชั้นสูงช่างแลดูบอบบางน่าทะนุถนอมเป็นยิ่งนัก ร่างงามยืนมองตัวเองอยู่ตรงหน้ากระจกเงาที่สะท้อนรูปร่างหน้าตาของนางได้เป็นอย่างดี ซึ่งแม้กระทั่งเจ้าตัวยังต้องยืนนิ่งงันครั้นเห็นตัวตนที่แท้จริงในคราบอิสตรีเป็นครั้งแรก

ฉับพลันมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติปรากฏขึ้นอยู่ทางแผ่นหลังของแม่ทัพสาวผู้กล้า เมื่อเงาเลือนรางของบุรุษร่างกายใหญ่โตผิดแปลกไปกว่าผู้คนทั่วไป ยืนซ้อนทับอยู่ด้านหลังของนางขึ้นมาโดยพลัน ในขณะเดียวกันร่างงามจู่ๆ พลันหยุดชะงักไม่สามารถขยับกายหรือเคลื่อนไหวได้แต่อย่างใดขึ้นมาทันที

หมับ! เอวเล็กคอดกิ่วมีเพียงตัวชุดนอนสีขาวผูกด้วยเชือกตรงบริเวณเอวบางถูกท่อนแขนใหญ่กำยำสอดประสานดึงรั้งร่างงามเข้ามาไว้ในอ้อมกอดพร้อมร่างบุรุษเริ่มปรากฏกายของตนเองออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

ท่ามกลางอาการตื่นตระหนกสุดขีดของแม่ทัพสาวคนงามที่เห็นร่างดังกล่าว ผ่านทางกระจกเงาที่นางกำลังจ้องเขม็งด้วยความตกใจอย่างยิ่งยวดอยู่ในขณะนั้น เมื่อเห็นร่างของบุรุษผู้นั้นปรากฏกายออกมาประหนึ่งล่องหนหายตัวได้

“ในที่สุดอดีตเชลยของข้าก็สลัดคราบบุรุษออกจากร่างของเจ้าแล้ว งดงาม! ช่างงดงามเป็นยิ่งนัก”เสียงกระซิบแผ่วพร้อมเสียงหัวเราะต่ำๆ อยู่ในลำคอแนบชิดริมหูโฉมงาม

ใบหน้าที่กำลังก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวผ่องอยู่ในขณะนั้น ค่อยๆ เงยขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะทาบทับใบหน้าอันหล่อเหลาไปกับแก้มเนื้อนวลเฝ้ามองอาการตื่นตระหนกของสตรีสาวตรงหน้าผ่านทางกระจกที่กำลังส่องคนทั้งสองอยู่ในขณะนั้น

“แปลกใจที่เห็นข้าอย่างนั้นเหรอ จดจำกันไม่ได้แล้วหรืออย่างไง ข้าก็คือคนที่เจ้าเกลียดและชิงชังเป็นที่สุดจนอยากสับร่างเป็นหมื่นชิ้นมาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเจ้านี้แล้ว อยากจะทำอะไรกับข้าก็จัดการได้เลย”เสียงนั้นแฝงเร้นความนัยอะไรบางอย่าง

รอยแสยะยิ้มเหยียดคลี่ออกมาบางๆ ภายใต้กรอบหน้าอันหล่อเหลาประดุจเทพสวรรค์

“จะ..เจ้า...เจ้าเป็นคนหรือปีศาจกันแน่! เหตุใดจึงปรากฏกายออกมาเช่นนี้!”โฉมสะคราญถามกลับไปทันที อาการตื่นตระหนกคลายลง หากแต่ความสงสัยกลับไม่เลือนหายก่อนจะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายตอบกลับมา

“ในฐานะเทพสงครามข้าก็คือมนุษย์เช่นเดียวกับเจ้า แต่หากจะกล่าวว่าเพราะเหตุใดจึงปรากฏกายในลักษณะเช่นนี้ได้ นั่นก็เพราะว่าแท้จริงแล้วข้าก็คือ...”ถ้อยเจรจาสุดท้ายขาดหาย

นิ้วเรียวสวยดั่งเช่นอิสตรียกขึ้นพลางตรงเข้าลูบไล้ใบหน้างามขึ้นลงไปมาเบาๆ ดวงตาสีนิลกาฬคมกล้าคู่สวยจ้องสตรีสาวที่เห็นทางกระจกเงาไม่คลาดครา

ทันใดนั้นเอง

พรึบ! ดวงตาสีเลือดลุกโชนขึ้นมาโดยพลันพร้อมรอยยิ้มเย็นยะเยือกฉาบอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา

เฮือก!!! โฉมสะคราญสะดุ้งจนสุดตัวครั้นได้เห็นดวงตาสีเลือดคู่นั้นปรากฏอยู่และไม่เลือนหายแต่อย่างใด ยังคงจับจ้องนางเขม็งอยู่เช่นนั้น

ดวงตาปีศาจ!”อู๋อี้เฟยพูดออกมาโดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย ท่ามกลางเสียงหัวเราะต่ำๆอยู่ในลำคอของอีกฝ่าย

“เก่ง! สมดั่งคำร่ำลือไปทั่วหล้า อีกทั้งไม่ตื่นตระหนกและหวาดกลัวที่เห็นดวงตาปีศาจแม้แต่น้อย”

ถ้อยประโยคดังกล่าวทำให้อู๋อี้เฟยเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขันครั้นได้ยินเช่นนั้น

ข้าเกิดมาไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ข้าไม่เกรงกลัวทั้งสิ้น และชีวิตของเจ้ามีเพียงข้าเท่านั้นที่จับจอง! เจ้าจะต้องตายด้วยน้ำมือของข้า!”อดีตเจ้าแคว้นไท่หยวนคำรามลั่น

ฉับพลันเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายแผดออกมาอย่างกึกก้องจนพื้นแผ่นดินสั่นสะเทือนไปทั่วหล้า ในขณะที่ร่างงามอรชรของอดีตเจ้าแคว้นไท่หยวนถูกจอมมารร่ายเวทย์ตรึงร่างเอาไว้ ยังคงต้องยืนเผชิญหน้ากับราชาปีศาจจากแดนสวรรค์อยู่เช่นนั้นท่ามกลางแผ่นดินที่กำลังสั่นสะเทือน

เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายร่างสูงใหญ่ที่ยืนซ้อนทับนางอยู่ด้านหลังในขณะนั้น ก้าวเดินออกมาอย่างช้าๆ ก่อนจะมาหยุดยืนเผชิญหน้ากับนาง ชุดเกราะสีดำทะมึนของเทพสงครามจากต้าฮั่นที่สวมอยู่บนร่าง ช่างขับกับใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพสวรรค์เป็นยิ่งนัก งดงาม คมเข้ม ดุดันเป็นที่น่าหวั่นเกรงอย่างยิ่งยวด

“พูดได้ดี!”จอมมารพูดพลางแสยะยิ้มเหยียดออกมาบางๆ

ร่างใหญ่สูงตระหง่านก้าวเดินมาประชิดอยู่ตรงหน้า ดวงตาสีเลือดจับจ้องดวงหน้างามของอีกฝ่ายชนิดที่เรียกได้ว่าหากสามารถกลืนลงท้องได้คงขย้ำนางไปนานแล้ว วรกายใหญ่โน้มตัวลงต่ำในขณะที่อีกฝ่ายเห็นท่าไม่ดีว่ากำลังมีบางอย่างเกิดขึ้นกับนาง

“เจ้าจะทำอะไร!”อู๋อี้เฟยตวาดถามกลับไป

หากแต่จอมมารหนุ่มกลับไม่ยอมเอ่ยถ้อยเจรจาแต่อย่างใด ดวงตาสีเลือดยังคงจับจ้องอยู่แต่โฉมงามตรงหน้าที่ไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายของนางได้แม้แต่น้อย ก่อนจะมาหยุดมองที่ริมฝีปากอวบอิ่มน่าสัมผัสจุมพิตอย่างยิ่งยวด

“ข้าก็แค่...”เอ่ยเพียงเท่านั้น มือใหญ่หากแต่เรียวสวยสอดไปที่ท้ายทอยประคองต้นคอขาวผ่องเอาไว้ทันที

“ต้องการจุมพิตเจ้าก็เท่านั้น”

ห๊ะ! เสียงอุทานดังออกมาจากปากของคนงามและพลันเงียบงันลงไปทันที

เมื่อเรียวปากอวบอิ่มถูกราชาปีศาจประกบจุมพิตบดเบียดลงมาอย่างรวดเร็ว จูบนั้นช่างเร่าร้อนดูดดื่มแต่กลับแสนหวานยิ่งนักโฉมสะคราญถูกบดเบียดกลีบปากบางแทบละเอียดแหลกลาญไปกับจูบแรกในชีวิตที่ได้รับในครั้งนี้ พร้อมเสียงกระซิบแนบชิดริมหู

“จดจำข้าเอาไว้ให้ดี บุรุษเดียวที่จุมพิตเจ้าได้มีเพียงข้าเท่านั้น...คิดจะสวมรอยเข้าอภิเษกกับบุรุษอื่นที่ไม่ใช่ข้า อย่าหวังว่าจะกระทำได้ เจ้าคิดผิดเสียแล้วเฟยเฟย!!!”เสียงกระซิบแผ่วหากแต่เย็นยะเยียบแกมขู่แฝงคำตัดพ้อต่อว่าด้วยความน้อยใจอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด

และถ้อยคำดังกล่าวทำให้ดวงตากลมโตของคนงามเบิกกว้างขึ้นมาทันที เหตุใดแม่ทัพต้าฮั่นผู้นี้จึงล่วงรู้แผนการของนางอีกทั้งยังเรียกชื่อเล่นสตรีซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ล่วงรู้ได้อย่างถูกต้องเสีย

“มันเรื่องของข้า!!!!”แม่ทัพสาวตวาดกลับไป

หมับ!!! พระหัตถ์ใหญ่ของราชาปีศาจตรงเข้าขย้ำลำคอระหงเพียงข้างเดียวก็สามารถรวบเอาไว้ทั้งหมดพลันแค่ออกแรงบีบกระดูกต้นคอของนางต้องแหลกละเอียดเป็นผุยผงเพียงชั่วพริบตา

“เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของข้าเช่นกัน! พระสวามีของเจ้าจะต้องเป็นข้าเท่านั้น! จำเอาไว้”จอมมารขี้โมโหคำรามลั่น

ด้วยเพราะพระอารมณ์หึงหวงสตรีสาวตรงหน้าปะทุขึ้นมาโดยพลัน พระเนตรสีเลือดลุกโชนวาววับเป็นที่พรั่นพรึงยิ่งนักยามเมื่อพิโรธมิคลาดครา

อู๋อี้เฟยแน่ใจขึ้นมาทันใดว่าบุรุษตรงหน้านางในคราบของเทพสงครามแห่งต้าฮั่น แท้จริงแล้วหาใช่มนุษย์

“เจ้าไม่ใช่เทพสงครามแห่งต้าฮั่นแต่เป็นปีศาจที่ไม่ใช่คน! เป็นตัวอะไรกันแน่! แฝงเร้นตัวตนที่แท้จริงอยู่ภายในร่างของมนุษย์เช่นนี้มุ่งหวังสิ่งใด!”อู๋อี้เฟยถามสวนกลับไป

ทันทีที่จอมมารเฟิงหยางได้ยินสตรีของพระองค์ถามกลับมาเช่นนั้น พระพักตร์หล่อเหลาคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย พระเนตรสีเลือดทอดพระเนตรใบหน้างามเย้ายวนใจของสตรีมนุษย์คนแรกที่กุมหัวใจของพระองค์เอาไว้ได้

“สิ่งที่ข้ามุ่งหวังก็คือเจ้า!”คำตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความทำให้อีกฝ่ายยืนนิ่งงัน

“แต่ข้าไม่ใช่ของเจ้า!”อู๋อี้เฟยตวาดกลับไปทันที

“เจ้าเป็นของข้า! เป็นสตรีต้องห้ามที่ชายใดมิอาจแตะต้องได้อดีตเป็นเชลย ในยามนี้ก็ยังคงเป็นเชลยของข้าเช่นเดิม ในเมื่อข้าตามติดเจ้าไปทุกหนทุกแห่งมีหรือที่จะรอดพ้นจากสายตาของข้าได้ แม้ไม่ได้ถูกคุมขังแต่ก็เป็นเชลยของข้าไปตลอดกาล! ไม่มีทางที่เจ้าจะหนีข้าพ้นอู๋อี้เฟย!!!”จอมมารรับสั่งชื่อเต็มของโฉมสะคราญออกมาทันที

และถ้อยรับสั่งดังกล่าวเป็นเหตุให้อดีตเจ้าผู้ครองแคว้นแห่งไท่หยวนตกตะลึงไปโดยพลัน เหตุใดแม่ทัพผู้นี้จึงล่วงรู้ตัวตนจริงของนางได้ดีถึงเพียงนี้ด้วยเล่า

“เจ้าล่วงรู้ฐานะที่แท้จริงของข้าได้อย่างไง มีตาทิพย์อย่างนั้นเหรอ จึงสามารถสอดส่องเห็นข้าไปทุกหนทุกแห่งและล่วงรู้ไปเสียทุกเรื่องเจ้าปีศาจ!!!”รัชทายาทคนงามถามกลับไป

และนั่นทำให้จอมมารหนุ่มส่งยิ้มแย้มเยือนกลับไปให้อีกฝ่ายครั้นทรงได้ยินเช่นนั้น

“อยากรู้มากอย่างนั้นเหรอว่าเพราะเหตุใดข้าจึงล่วงรู้ตัวตนของเจ้า และสามารถตามติดไปทุกหนทุกแห่งดั่งเช่นเงาตามตัว”รับสั่งถามกลับไป

ในขณะที่อดีตรัชทายาทโฉมงามยังคงยืนจ้องใบหน้าหล่อเหลาของจอมมารเขม็งตาไม่กะพริบอยู่ในขณะนั้น

“ข้าก็แค่อยากรู้ว่าเจ้าใช้เล่ห์กลอำพรางใดจึงสามารถล่วงรู้ความลับของข้ามาได้!”กล่าวพร้อมใช้สายตาสำรวจตั้งแต่พระเศียรของจอมมารจรดพระบาทอย่างถี่ถ้วน

“ดูท่าเจ้าอาศัยที่ตัวตนนั้นรูปงามดั่งเทพสวรรค์จึงหลอกล่อสตรีที่ใกล้ชิดข้าที่สุดจึงล่วงรู้มาอย่างนั้นสิ หาไม่แล้วมีหรือจะล่วงรู้ความเป็นไปต่างๆ เช่นนี้”เจ้าแคว้นโฉมงามถามตามความคาดเดา

“ออ..เจ้าคิดเช่นนั้นเหรอ!”รับสั่งพร้อมก้าวประชิดร่างงามพลางก้มพระวรกายลงต่ำซึ่งความสูงของอีกฝ่ายอยู่เพียงแค่ระดับหน้าอกของพระองค์เท่านั้น

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ลองดูให้เต็มตาว่าเพราะอะไรข้าจึงล่วงรู้และติดตามเจ้าไปได้ทุกหนทุกแห่ง”รับสั่งพร้อมดีดนิ้วพระหัตถ์เรียวสวยร่ายเวทย์สำแดงร่างจริงของพระองค์ออกมาโดยพลัน

เพียงชั่วพริบตาชุดเกราะของแม่ทัพแห่งต้าฮั่นเลือนหายไปโดยพลัน แปรเปลี่ยนเป็นฉลองพระองค์สีดำทะมึนของจอมมารเข้ามาแทนที่ บริเวณกลางหน้าผากปรากฏสัญลักษณ์ของราชาปีศาจ รูปร่างดั่งเปลวไฟลุกวาววับทอแสงสีเพลิงลามเลียไปทั่วและเขางอกยาวโผล่ขึ้นมาจากขมับทั้งสองข้าง ด้วยเพราะราชาปีศาจร่างเดิมคือมังกรดำนั่นเอง

“จดจำข้าในขณะนี้เอาไว้ให้ดีว่าเป็นอย่างไร เจ้าคือเชลยของข้าคิดหรือว่าจะหนีพ้น!!!”

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ออกใหม่ล่าสุด: บทที่ 80 ตอนที่ 80 บทส่งท้าย (อวสาน)   05-06 20:19
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY