อดีตนักดนตรีรูปหล่อพ่อรวยที่ผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวเพื่อสืบทอดกิจการของครอบครัว สามปีที่เขามัวแต่เรียนรู้เรื่องงานที่ไม่ถนัดจนต้องปล่อยวางเรื่องความรัก ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะรับมือกับมัน แต่ให้ตายเถอะ! ทำไมผู้หญิงแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกถวิลหาได้เหมือนเธอคนนั้นเลยสักคน ตอนนี้เธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่นะ เขาอยากเจอเธออีกสักครั้ง และครั้งนี้จะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือเด็ดขาด เชิญพบกับความรักของพี่โฉดผู้น่ารักกับน้องแนนผู้ใสซื่อ(จากบัญชารักจากหัวใจ)ได้ในเล่มนี้เลยค่ะ
บทที่ 1
บริษัทของภพธร
“สวัสดีค่ะคุณจูน” เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์คนสวยทักทายหญิงสาวที่คุ้นหน้าเป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะ พี่ใหญ่อยู่ไหมคะ”
“พี่อยู่นี่” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อที่เพิ่งเดินไปได้ไม่ไกล ได้ยินเสียงใส ๆ คุ้นหูก็รีบหันไปตอบรับ
“พี่ใหญ่” เจมีน่ารีบวิ่งไปหาชายหนุ่มที่ยืนยิ้มรออยู่ พร้อมน้ำตาที่ไหลพรากในทันที
“เป็นอะไรน้องจูน!” ภพธรตกใจมากรีบกอดตอบร่างระหงที่กอดตนไว้แน่น ไม่สนใจสายตาของพนักงานในบริษัท หยิบผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้เธอแล้วพาขึ้นไปที่ห้องทำงาน
ภพธรปล่อยให้น้องสาวร้องไห้กับอก ลูบหลังปลอบใจไม่พูดไม่จา รอจนเสียงร้องไห้เริ่มซา
“ไหนบอกพี่ซิว่าเป็นอะไร” ถามน้ำเสียงอ่อนโยน อยากรู้ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้เธอเสียใจจนถึงกับสะอื้นหนักขนาดนี้
เจมีน่าไม่ตอบ แต่เปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์มือถือมากดหาบางอย่างก่อนยื่นไปให้พี่ชายดู
ภพธรหน้านิ่วดั่งยักษ์วัดแจ้ง เมื่อเห็นภาพในมือถือของน้องสาว
“แล้วสามีเราว่าไง.. เงียบ ๆ อย่าร้อง ๆ โอ๋ ๆ” รีบปรับน้ำเสียงดุดันให้เป็นอ่อนโยน ปลอบใจน้องสาวที่เอาแต่ส่ายหน้าและโผกอดเขาไว้แน่นทั้งน้ำตานองหน้า
“พี่ใหญ่ขา จูนจะทำยังไงดีคะ” ร้องไห้อยู่พักใหญ่จึงถามพี่ชายด้วยเสียงที่เจือสะอื้น
“แล้วจูนคุยกับพี่ปูนเขาหรือยัง”
“ยังเลยค่ะ พอจูนได้ภาพนี้มา ได้คุยกับผู้หญิงคนนั้น จูนก็รีบมาหาพี่ใหญ่ก่อนเลยค่ะ”
“เธอโทรมาหาด้วยเหรอ! แล้วเธอว่าไงบ้าง” เห็นน้องสาวพยักหน้ารับจึงถามต่อ
“เธอบอกถ้าไม่อยากให้เป็นข่าวดัง ให้จูนจ่ายค่าทำขวัญให้เธอห้าล้านค่ะ”
“แล้วจูนจะให้ไหม”
“จูนบอกถ้าอยากดังก็ทำไป แต่อย่าคิดว่าจะจบง่าย ๆ จูนไม่ยอมแน่” เธอเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอีกครั้ง “จูนรู้ว่าควรจะพูดจาดี ๆ กับเธอ แต่จูนโมโหนี่คะพี่ใหญ่”
“พี่เข้าใจ จูนไม่ผิดหรอก” เขาเองแค่เห็นภาพยังเลือดขึ้นหน้า แล้วเธอที่เป็นภรรยาจะไม่โกรธได้อย่างไร “แล้วตอนนี้คุณปูนเขาอยู่ไหน”
“ลาวค่ะ เพิ่งไปเมื่อเช้านี้เอง”
“แล้วเราจะไม่คุยกับเขาหน่อยเหรอ”
“จูนพูดไม่ออกหรอกค่ะพี่ใหญ่” มือเรียวกดที่หน้าอกตัวเอง น้ำตาไหลพรากหนักกว่าเดิม “มันเจ็บนะคะพี่ใหญ่”
“ไม่ต้องร้อง” ภพธรเจ็บปวดใจนักที่ต้องมาเห็นน้ำตาเป็นหาบของน้องสาว ดึงเธอมากอดปลอบ “กลับบ้านกันเถอะ แล้วก็ไม่ต้องคิดมาก เรื่องนี้พี่จะจัดการให้เอง”
ประเทศลาว
ภพธรเดินเข้าไปในคาสิโนระดับห้าดาวแห่งใหม่ของน้องเขย ที่เขาเองก็เพิ่งมาเป็นครั้งแรก เขากวาดสายตามองความอลังการของการตกแต่งสถานที่ แล้วจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ
“ผมมาพบคุณภาสกร บอกว่าภพธรต้องการพบด่วน”
พนักงานสาวเหมือนจะยิ้มค้างไปเล็กน้อย มองเขาชั่วอึดใจก่อนจะรีบตอบรับด้วยคำว่ารอสักครู่ และยกหูโทรศัพท์ต่อสายไปที่ใดที่หนึ่ง ถ่ายทอดคำพูดของเขาลงไปสักครู่ก็วางสาย
“ตอนนี้คุณภาสกรไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงานค่ะ แต่กำลังติดต่อท่านให้อยู่ เชิญคุณภพธรนั่งรอที่ล็อบบีก่อนนะคะ” พนักงานสาวเชื้อเชิญอย่างสุภาพ
“ขอบคุณครับ”
ภาสกรเดินออกมาจากลิฟต์ กำลังจะเดินไปถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ แต่เห็นภพธรกำลังเดินตรงมาหาจึงส่งยิ้มให้
“ไปไงมาไงครับเนี่ยคุณใหญ่” ทักอีกฝ่ายที่กำลังเดินใกล้เข้ามาพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร
หลังจากส่งน้องสาวกลับบ้าน ภพธรก็ตรงดิ่งไปที่สนามบิน หาซื้อตั๋วเดินทางเที่ยวที่เร็วที่สุดจนมาถึงที่นี่ เขาไม่ตอบคำถามของน้องเขย แต่ง้างหมัดประเคนใส่ใบหน้ายิ้มแย้มเต็มแรง
ผลัวะ!
ภาสกรหน้าสะบัด เซถลาไปตามแรงหมัด รีบตั้งหลักและปัดป้องหมัดที่ตามมารัว ๆ พยายามไม่โต้กลับ
“อย่า!” รีบห้ามลูกน้องที่เข้ามากระชากภพธรออกไปแล้วทำท่าจะลงมือ “ปล่อยเขา แล้วก็ออกไปให้หมด” เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าซับเลือดที่ไหลออกจากรูจมูก รอจนลูกน้องเดินห่างออกไปจึงตั้งคำถามที่คับข้องใจ “นี่มันเรื่องอะไรกันครับคุณใหญ่ ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยเถอะ”
“คุณเคยสัญญาไว้ว่าจะรักและดูแลทะนุถนอมน้องสาวของผมอย่างดี จะไม่ทำให้เธอเสียใจ แล้วทำไมถึงไม่รักษาคำพูด” ภพธรชี้หน้าถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด แต่ไม่ดังจนกลายเป็นตะคอก
เจอคำถามของพี่เมียเข้าไป ภาสกรถึงกับทำหน้าตาตื่น เมื่อเช้าตอนอยู่บนเตียงเขายังพลอดรักฝากรอยสวาท ก่อนจากกันเขากับเธอยังรักกันดี เธอยังกอดออดอ้อนบอกว่าให้รีบกลับเพราะไม่อยากนอนคนเดียว แล้วยังจูบลาตอนส่งขึ้นรถต่อหน้าลูกน้องเขาอีกด้วย
“ตกใจมากเลยเหรอครับที่ความลับถูกเปิดเผย” ภพธรถากถางเมื่อได้เห็นหน้าตาแตกตื่นของน้องเขย
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับคุณใหญ่” ภาสกรยกมือห้ามความเข้าใจผิดของพี่เมีย “คุณใหญ่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ผมกับเมียไม่ได้มีปัญหาอะไรกันนะครับ เรายังรักกันดี”
“หึ! เมียคนไหนครับที่รักกันดี เมียเก่าหรือเมียใหม่”
“ผมมีจูนเป็นเมียคนเดียว คุณใหญ่พูดแบบนี้หมายความว่าไง” ภาสกรเริ่มหงุดหงิด ถามเสียงแข็งเมื่อถูกอีกฝ่ายทำท่าดูแคลนความรักเดียวใจเดียวของเขา “เรากลับไปคุยกันที่ห้องทำงานผมดีกว่านะ คุยตรงนี้มันไม่ค่อยเหมาะ”
“ไม่ดีกว่าครับคุณปูน ที่ผมมาถึงที่นี่ก็แค่ต้องการบอกให้คุณรู้ ว่าผู้หญิงของคุณไประรานน้องสาวของผม น้องสาวผมเสียใจร้องไห้จะเป็นจะตายก็เพราะการกระทำของคุณ ดังนั้น”
“เดี๋ยวนะครับคุณใหญ่!” ภาสกรตกใจตาตั้ง “ผมว่าคุณใหญ่เข้าใจผิดไปใหญ่โตแล้วนะครับ ตั้งแต่ผมมีจูน ผมไม่เคยนอกใจจูนสักครั้ง นี่คือความสัตย์จริง คุณใหญ่จะพิสูจน์ยังไงก็ได้ ผมยินดีให้ความร่วมมือทุกเรื่อง”
สายตาท่าทางของน้องเขยทำให้ภพธรเริ่มลังเล จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน ว่าภาสกรจะกล้านอกใจเมีย เพราะเท่าที่เห็นมาตลอดหลายปี เขารักเธอเอามาก ๆ แต่ภาพมันฟ้องซะขนาดนั้น จะไม่ให้เชื่อได้อย่างไร
“คุณแน่ใจนะครับคุณปูน ถ้าผมพิสูจน์ว่าคุณนอกใจน้องสาวผมได้ คุณเต็มใจที่จะหย่ากับเธอไหม”
“ผมไม่หย่า ผมรักเมียผมคนเดียวเท่านั้น ให้ผมไปตายยังง่ายกว่ามั้งคุณใหญ่” เขาสวนกลับ ทำไมเขาต้องหย่าในเมื่อเขาไม่เคยนอกใจเธอสักครั้ง
“ดูคุณมั่นใจมากเลยนะคุณปูน” ถ้าไม่ได้เห็นภาพเขาคงซาบซึ้งกับคำพูดนั้น
“ผมลูกผู้ชายพอนะคุณใหญ่ ถ้าผมทำผิดผมกล้ายอมรับแน่นอน” ภาสกรกล่าวหนักแน่น ประสานสายตาเด็ดเดี่ยวกับอีกฝ่าย
“ถ้าคุณกล้ายืนยันหนักแน่นขนาดนี้ ผมก็จะเชื่อใจคุณสักครั้ง” แล้วภพธรก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้น้องเขยฟัง
"ณัฐวรา" สถาปนิกสาวสวยแม่ม่ายลูกสอง ความน่ารักของเธอถูกตาต้องใจประธานคนใหม่อย่างแรง เขารุก ๆ และรุก แล้วเธอจะหนีทำไม ในเมื่อหัวใจก็เรียกร้องต้องการ ก็เขาตรงตามสเป็กซะขนาดนั้น สูงใหญ่ บึกบึน แถมเป็นลูกครึ่งด้วยสิ คงหนีไม่พ้นเขาแน่ ๆ "เควิน" ---------------- เหตุการณ์บางอย่างทำให้ "สินี" ต้องล้มเหลวกับชีวิตคู่ เธอเริ่มมองเขาที่เคยเป็นกำลังใจและให้ความช่วยเหลือเธออยู่ตลอดเวลา จนมันพัฒนามาเป็นความรักครั้งใหม่ในระยะเวลาสั้น ๆ "นภดล" ผู้ชายที่แอบเฝ้ามอง แอบหลงรักเธอมาตลอดเวลาห้าปี ------------------------------- หญิงสาวฟุบตัวลงกับอกแกร่งอย่างเหนื่อยหอบ เพราะงัดกลยุทธ์ออกมาพิชิตใจเขาจนหมดสิ้น “เควี่คะ” เรียกเขาเสียงหอบ “ว่าไงครับฮันนี่” เขาลูบศีรษะเธอแผ่วเบา “ถูกใจกับของขวัญมั้ยคะ” เธอถามเพราะอยากรู้ว่าตัวเองทำได้ดีพอมั้ยสำหรับครั้งแรก “ถ้าบอกว่าไม่ถูกใจจะขอแก้ตัวมั้ยครับ” แล้วหัวเราะเบา ๆ เมื่อถูกค้อนใส่ “ถูกใจที่สุดเลยครับ ให้ผมบ่อย ๆ นะ ผมรับได้ทุกโอกาส ทุกเทศกาลเลยนะครับ นะครับฮันนี่” เขาอ้อนวอนขอ “ค่ะ ถ้าคุณทำตัวน่ารักกับน้ำผึ้งนะคะ” “ผมจะทำตัวน่ารัก และเป็นสามีที่ดีของคุณภรรยานะครับ” “สามีภรรยาอะไรคะ พูดแบบนี้น้ำผึ้งเขินนะ” แล้วขยับตัวจะลงไปนอนบนที่นอน แต่เขารั้งไว้ไม่ยอมปล่อย “นอนกับอกผมนี้แหละ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะหนัก เพราะตัวคุณเบาอย่างกับนุ่น” แล้วกอดเธอกระชับขึ้น “ไม่เอาค่ะ ขอน้ำผึ้งนอนบนเตียงแล้วซบอกคุณดีกว่า อุ่นดี”
ชติรสรีบพลิกตัวหันหลังให้ชายหนุ่มทันทีที่เขาผละจากเธอไปยืนอยู่ข้างเตียง ควานมือไปด้านหลังเพื่อหาผ้าห่มมาคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของตนให้พ้นจากสายตาร้อนแรงสีน้ำตาลเฮเซลคู่นั้น แต่ให้ตายเถอะผ้าห่มมันหายไปไหนวะ! ชายหนุ่มกอดผ้าห่มไว้กับอก มองทรวดทรงอวบอัดที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน เธอคือผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติในสายตาของเขาจริงๆ คิดไปคิดมาความต้องการที่เพิ่งสงบลงไปก็เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง เขารีบคลี่ผ้าห่มคลุมร่างให้เธอแล้วแต่งตัวเพราะกลัวอดใจไม่ไหว กลัวจะทำให้เธอเจ็บปวดทรมานจนเข็ดขยาด “ผมไปก่อนนะยอดรัก” เขาเกี่ยวร่างที่ตะแคงหันหลังให้ด้วยมือข้างเดียว แล้วโน้มหน้าไปกระหน่ำจูบที่เรียวปากอิ่มนั้นอย่างเสน่หา ก่อนจะออกไปจากห้องเขายังหยิบโทรศัพท์ของเธอมากดเข้าหาเบอร์ตัวเอง และอดไม่ได้ที่จะรั้งร่างบางมากอดแนบอกและดูดดื่มความหวานของเรียวปากอย่างอาลัยอาวรณ์ “อย่าลืมสัญญาของเราล่ะ” เธอเน้นย้ำเมื่อเขาจะจากไป เขามองร่างที่กอดกระชับผ้าห่มนวมเอาไว้ด้วยความรักใคร่อย่างเปิดเผย “ผมจะรักษาสัญญาอย่างเคร่งครัดถ้าคุณไม่ผิดคำสัญญา” “เราควรทำหนังสือสัญญาต่อกัน” “ไม่จำเป็น หน้าที่ของคุณคือเป็นตัวแทนของลิก้า หน้าที่ของผมคือห้ามยุ่งกับลิก้า ดังนั้นคุณและผมแค่ทำหน้าของตัวเองอย่างเคร่งครัดหนังสือสัญญาก็ไม่มีความหมาย” “ถ้าฉันรู้ว่าคุณยุ่งกับพี่สาวของฉันทั้งที่ฉันยอมคุณถึงขนาดนี้ เราได้เห็นดีกันแน่” เธอข่มขู่ “ผมไม่โง่เสียคุณไปหรอกยอดรัก คุณเด็ดกว่าเธอเป็นไหนๆ” “อย่ามาหยาบคายกับฉัน ไสหัวออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” เธอหยิบหมอนปาใส่คนปากเปราะนัยน์ตาลามกด้วยความอับอายระคนโกรธแค้น
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้วอย่างเขา ทำไมต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่เป็นง่อยอย่างเธอด้วยล่ะ.. ------------------ เขากอดเธอแน่น จูบหนักหน่วงขึ้น เรียกว่าแทบจะสูบเอาวิญญาณออกมา จูบจนเธอต้องเบือนหน้าหนีเพื่อสูดเอาอากาศเข้าปอด “หายใจไม่ทันเหรอ” ถามเสียงนิ่ง จ้องใบหน้านวลไม่กะพริบ “ตอบผมสิ” คะยั้นคะยอขอคำตอบเมื่อเธอเอาแต่อ้ำอึ้ง ไม่กล้าจะสบตาด้วย “..ค่ะ” ตอบอย่างขัดเขิน “มองหน้าผมให้เต็มตาแล้วค่อยตอบสิหนูเล็ก” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเอื้อมมือไปจับปลายคาง รั้งใบหน้าเธอให้หันมามองตน.. แต่ใบหน้าเรียวแดงซ่านช่างน่ารักเหลือเกิน อดใจไม่ได้ต้องโน้มไปหาและจูบเสียอีกที หอมอีกสองฟอด “เด็กเลี้ยงแกะ!” แล้วตำหนิเสียงขรึม แววตาวาว คนถูกดุเหลือบสายตามองโต้ ทั้งเขินทั้งงง ไม่เข้าใจว่าตนกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้อย่างไร
เขาคือเจ้าของฟาร์มนกกระจอกเทศที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ส่วนเธอคือหญิงสาวที่เขารับมาทำงานด้วยเพราะถูกน้องชายขอร้อง อะไรจะเกิดขึ้น? เมื่อคนที่เขาคิดว่าขี้เหร่นักหนากลายเป็นนางฟ้าเดินดินที่อยากครอบครอง
“เป็นอะไร หน้ามืดเหรอ” เขาตีหน้าเครียดถามไถ่ เก็บซ่อนอาการขำขันด้วยความเอ็นดูเอาไว้มิดชิด เธออายจนต้องยกมือปิดหน้า ซ้ำยังบิดตัวซุกหลบกับอกแกร่งเพราะกลัวจะตก “คุๆๆๆ คุณ..คุณไคปล่อยครีมลงเถอะค่ะ” “ไม่ปล่อย” “ทำไมล่ะคะ” “ก็ไม่อยากปล่อย ตั้งแต่แต่งงานกันมาเรายังไม่เคยทำตัวเป็นสามีภรรยากันเลย ผมก็อยากอุ้มภรรยาดูบ้างไม่ได้เหรอ” “ได้ค่ะ แต่ไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้คุณไคไม่สบายอยู่นะคะ ปล่อยครีมลงก่อนดีกว่าค่ะ อุ้มของหนักมากๆ เดี๋ยวยิ่งปวดหัวนะคะ” เธอแก้ตัวบ้าบออะไรของเธอเนี่ย ทำไมยิ่งฟังยิ่งน่ารักน่าฟัด พาให้หมั่นเขี้ยวนัก
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"