หญิงสาวอกหักจนต้องหนีมาอยู่บ้านของเพื่อนแม่ของเธอที่ต่างจังหวัดเพราะชายหนุ่มที่เธอแอบรักมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ดีๆก็ไปแต่งงานซะงั้น..ทำให้เธอต้องมารักษาแผลใจที่ผืนป่าทางภาคเหนือ ไม่รู้ด้วยเหตุอันใดดันมาทำให้เธอเจอชายหนุ่มคู่กัดที่ไม่อยากเจอแถมยังต้องมาอยู่บ้านหลังเดียวกันอีกไม่รู้กามเทพเล่นตลกอะไรทำให้ทั้งเขากลับพลาดมีสัมพันธ์เธอจนเกิดบ่วงที่ไม่อาจจะหลุดพ้นหนีกันได้เรื่องราววุ่นๆของทั้งคู่ต่อจากนี้จะเป็นยังไง ติดตามได้ในเรื่อง ร้าวใจร้ายเปลี่ยนใจรัก.. ได้เลยค่ะ
บ้านเดชณรงค์
20.00
กว่าเพลงพิณและพาฝันจะเดินทางมาถึงที่บ้านเดชณรงค์ก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่มเพราะหนทางที่ทั้งสองเดินทางเข้ามามันช่างยากลำบากเหลือเกินอีกทั้งสัมภาระของทั้งสองยังพะลุงพะลังอีก
“นี่ยัยเพลงฉันไม่คิดว่าแม่แกจะหาที่อยู่ที่มันช่างเข้าถึงได้ยากลำบากขนาดนี้เลย”
พาฝันเดินบ่นอุกเมื่อลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาถึงหน้าบ้านกว่ารถสองแถวจะมาส่งเธอถึงหน้าปากทางบ้านก็เล่นเอาพวกเธอทั้งสองหัวฟูยุ่งเหยิงกันเลยทีเดียวถ้าหญิงสาวไม่ติดว่าสงสารเพื่อนที่กำลังอกหักอยู่มีหวังที่กันดารแบบนี้เธอก็ไม่ขอมาด้วยหรอก
“เอาน่ายัยฝันแล้วแกจะให้ฉันทำยังไงไม่อย่างนั้นคุณแม่ฉันก็ไม่ยอมให้มาอยู่ที่นี่อยู่ดีอะ”
เพลงพิณพูดพร้อมหยิบกุญแจออกมาเพื่อไขประตูบ้าน
“เสร็จหรือยังแกยุงจะหามฉันไปกินในป่าแล้วเนี่ยนี่ถ้าขาสวยๆของฉันลายมันเป็นเพราะแกเลยยัยเพลง”
พาฝันใช้มือปัดยุงที่รายล้อมเธอมือเป็นพัลวันยุงที่นี่เยอะมากซะจนแทบจะหามตัวเธอไปได้อยู่แล้ว
“แล้วเปิดไฟตรงไหนล่ะเนี่ย...นี่แกเจ้าของบ้านเขาไม่คิดจะมาดูมาแลแขกบ้างหรือไง”
เมื่อเพลงพิณไขกุญแจเปิดเข้ามาในบ้านได้ทั้งสองก็รีบเดินหาสวิทช์ไฟกันทันทีพาฝันรู้สึกแปลกใจที่เจ้าของบ้านไม่คิดจะห่วงใยแขกที่มาพักบ้านตัวเองเลยหรือไงว่าจะหยิบจะจับอะไรถูกมั้ย
“คุณแม่ฉันโทรมาบอกว่าวันนี้พี่เค้าไม่ว่างน่าจะมาพรุ่งนี้เช้าเพราะติดธุระน่ะ”
พิมพาโทรบอกเพลงพิณตั้งแต่เมื่อหญิงสาวมาถึงสนามบินแล้วว่าวันนี้ลูกชายของเพื่อนแม่เธอที่เป็นเจ้าของบ้านไม่ว่างแล้ววันนี้ก็ไม่น่าจะกลับบ้านด้วยเพราะติดธุระจึงให้เธอหาทางเข้าบ้านกันไปก่อนกุญแจที่เธอได้มาก็ได้มาจากน้าดรุณีเพื่อนของแม่เธอที่เป็นคนส่งมาให้นี่แหละแต่เธอเองก็ยังไม่เคยเห็นลูกชายเขาเหมือนกันแม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้จักเพราะตอนที่เคยเจอกันต่างคนก็ต่างรีบไม่ได้มีเวลาซักไซร้อะไรกันมากนัก
“พี่เค้าหรอ.....เค้าเป็นผู้ชายใช่ป่ะแล้วหล่อมั้ยอะแกอายุเท่าไร”
พาฝันยื่นหน้ามาใกล้ๆกับเพื่อนสาวด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามแบบของเธอ
“ฉันก็ไม่รู้อะแกไม่เคยเห็นหน้าแถมชื่อยังไม่รู้จักอีกด้วย”
เพลงพิณตอบไปตามความจริงเพราะเธอเองก็ไม่เคยเห็นแถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกชายของเพื่อนแม่เธอชื่อว่าอะไรอายุเท่าไร
“อ้าว....แล้วแม่แกไม่บอกเลยหรือไง”
พาฝันรู้สึกงงกับเพื่อนสาวของเธอที่จะมาอาศัยอยู่บ้านของเขาทั้งทีแต่กลับไม่รู้จักเจ้าของบ้าน
“ฉันก็ไม่เห็นคุณแม่จะบอกอะไรกว่าจะอนุญาติให้มาที่นี่ฉันก็ขอร้องแทบเป็นแทบตายแล้วฉันก็ไม่กล้าจะถามอะไรคุณแม่มากนักหรอกแก”
ด้วยความที่เพลงพิณเองอยากมาที่ใจจะขาดเพราะอยากตัดขาดจากโลกภายนอกสักพักเธอขอมารักษาแผลใจที่นี่สักระยะเมื่อคนเป็นแม่ยอมให้มาแต่มีข้อแม้ว่าต้องมาอยู่ที่นี่เธอจึงตอบตกลงในทันทีเพราะกลัวว่าแม่ของเธอจะเปลี่ยนใจโดยที่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อเลยสักนิด
“อืมมมมม...งั้นช่างเถอะเดี๋ยวก็คงได้เจอ”
พาฝันเห็นว่าในเมื่อไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านเป็นใครก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็คงได้เจอกันเอง
“นี่อะไรอะ....”
พาฝันหยิบโพสอิทที่แปะอยู่บนโต้ะตรงหน้าที่พวกเธอนั่งอยู่เลยหยิบขึ้นมาอ่าน
“ผมต้องขอโทษพวกคุณที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับนะครับผมติดธุระด่วนจริงๆห้องของพวกคุณอยู่ทางซ้ายมือถัดจากบันไดมีสองห้องผมทำความสะอาดไว้เรียบร้อยแล้วส่วนอาหารสดผมซื้อเตรียมไว้ที่ตู้เย็นในครัวเรียบร้อยแล้วพวกคุณจะทานอะไรก็ตามสบายเลยนะครับ…..โหหหหโคตรเอาใจใส่อะแก”
พาฝันอ่านข้อความไปยิ้มไปคิดว่าชายหนุ่มเจ้าของบ้านคงเป็นคนที่เอาใจใส่คนอื่นอย่างดีเสียดายที่วันนี้ยังไม่มีโอกาสได้เจอเขาเสียนี่
“หรอ…เอาใจใส่…..แกลืมอะไรไปหรือป่าวยัยฝันว่าพวกเราทำกับข้าวไม่เป็น”
เพลงพิณถึงกับกรอกตามองบนแล้วถอนหายใจเธอไม่รู้จะซึ้งดีมั้ยที่ชายหนุ่มเจ้าของบ้านซื้ออาหารสดไว้ให้แต่พวกเธอดันทำกับข้าวไม่เป็น
“เออ…จริงด้วยฉันลืมไปเลยอ่า”
จากที่พาฝันทำหน้าซึ้งอยู่เมื่อครู่เมื่อฟังคำพูดของเพื่อนสาวที่ทำหน้าเซ็งอยู่ข้างๆถึงกับต้องเปลี่ยนสีหน้ากะทันหันเธอลืมไปซะสนิทเลยจริงๆว่าพวกเธอสองคนเป็นลูกคุณหนูไม่เคยทำกับข้าวและก็หยิบจับอุปกรณ์ในครัวไม่เป็นเลยด้วย
“งั้นคืนนี้เราคงต้องนอนกันพร้อมความหิวไปก่อนแล้วแหละแกพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที”
“เฮ้อออ”
พาฝันทำหน้าเศร้าบอกกับเพลงพิณทำเอาหญิงสาวต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ดูท่าว่าการที่พวกเธอมาพักผ่อนอยู่ที่นี่มันจะไม่สบายอย่างที่คิดซะแล้วสิ
ทั้งสองต่างแยกย้ายกันนอนคนละห้องที่ชายหนุ่มได้เตรียมไว้ให้พาฝันเมื่อหัวถึงหมอนก็ฟุบหลับลงในทันทีเพราะตอนนี้เธอเพลียมากเหลือเกินไอ้เรื่องความหิวของเธอขอเอาไว้ก่อนพรุ่งนี้เธอจะกินให้แหลกลานชดเชยกับวันนี้ที่เธออดมาตั้งแต่มื้อกลางวัน
ทางด้านเพลงพิณเมื่อลากกระเป๋าเข้าห้องของเธอด้วยความที่ทั้งเพลียและหิวหญิงสาวรีบเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเมื่อเธอมองรอบๆห้องก็คิดว่าคนที่ตกแต่งห้องนี้ต้องเป็นคนที่มีรสนิยมพอสมควรดูจากการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่คุมโทนและการจัดวางก็ยังดูทันสมัยอีกด้วย
หญิงสาวเดินสำรวจสักพักก็เข้าไปอาบน้ำแล้วหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต้ะขึ้นมาอ่านเมื่อหญิงสาวเลือกหยิบดูที่กองหนังสือก็พบว่าหนังสือที่วางอยู่มีแต่หนังสือที่เกี่ยวกับป่าเขาและพันธ์สัตว์ต่างๆแถมยังมีพวกวิธีทำเกษตรกรรมที่ไม่ใช้สารเคมีอีกด้วยเธอคิดว่าคงจะเป็นของเจ้าของบ้านนี้แหงๆเพราะเธอก็ได้รู้มาบ้างว่าเมื่อลูกชายของน้าดรุณีเพื่อนของแม่เธอมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เรียนจบ
ตอนนี้เธอก็ยังสงสัยอยู่ว่าคนที่จบเมืองนอกเมืองนาแถมที่บ้านก็มีธุรกิจใหญ่โตทำไมถึงเลือกใช้ชีวิตแบบนี้หญิงสาวรีบสลัดความคิดออกจากหัวในเมื่อเธอเป็นแค่คนที่มาอาศัยจะไปอยากรู้เรื่องอะไรของเจ้าของบ้านพลันสายตาก็เหลือบมองไปที่หน้าต่างที่มีแสงของดวงจันทร์และดวงดาวสลัวๆผ่านเข้ามาเธอเองจึงรีบเดินออกไปชะโงกมองนอกหน้าต่าง
เกริ่น “คืนนั้นฉันนอนกับเค้าเพราะต้องการแค่ลูก ใครจะไปคิดว่าเค้าจะตามหาฉันจนเจอแล้วสั่งให้ฉันทำร้ายลูกในท้องตัวเองเล่า ไอ้มาเฟียบ้าฉันจะทำยังไงกับเค้าดี” “ทำให้เค้ารักแกไง” กลิ่นชวาก็แค่อยากจะมีลูกเพื่อให้พ้นการถูกแม่เลี้ยงจับตัวไปใช้หนี้เท่านั้น คืนนั้นเธอต้องการแค่ลูก ไม่ได้คิดว่าชีวิตจะพลิกผันจนได้มาอยู่ท่ามกลางมาเฟียใจดำที่ไม่อยากให้ลูกเธอเกิดมา เพื่อนเธอก็ช่างหาเป้าหมายมาให้ถูกคนเสียจริง ชีวิตวาดิมมันเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน แค่เอาชีวิตตัวเองให้รอดไปวันๆ ยังยาก หากจะต้องมีจุดอ่อนให้ศัตรูทำลายเขาก็ต้องรีบกำจัด ใครจะไปคิดว่าการนอนกับผู้หญิงที่ถูกใจแค่คืนเดียวจะทำให้เขามีปัญหาตามมาจนปวดหัว ตัวอย่างบางตอน “ความเห็นแก่ตัวของคุณมันทำให้ตัวผมกำลังเดือดร้อนรู้ไหม” วาดิมสาดเสียงแข็งใส่กลิ่นชวากับเพื่อนของเธอที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาเป็นพ่อคนโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ “ถ้าคุณไม่มานอนกับฉันทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นไหมล่ะ อย่ามาว่าฉันเห็นแก่ตัวอย่างเดียวเลย คุณมันก็เห็นแก่ได้เหมือนกันนั่นแหละ” กลิ่นชวายังไม่เลิกปากเก่ง เด็กคนนี้จะเกิดมาไม่ได้หากเขาไม่ร่วมกระทำกับเธอด้วย ทั้งหมดทั้งมวลมันก็ไม่ใช่ผลงานของเธอคนเดียวเสียเมื่อไหร่ “ถ้าพวกคุณไม่วางยาผมวันนั้นผมคงจะมีสติไม่หลงเชื่อคุณว่าไม่ต้องป้องกัน” กลิ่นชวาหันไปถลึงตากับเพื่อนรัก ส่วนพิริสาก็ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ รายละเอียดความจริงเป็นเช่นไรเธอถูกบังคับให้เล่าให้หมดไปแล้วจริงๆ “ช่างเหอะน่า เด็กคนนี้ฉันรับผิดชอบเองได้คุณไม่ต้องห่วงว่าฉันจะให้ลูกไปยุ่งกับคุณหรอก พูดจริงสาบานเลย” “ผมนัดหมอเอาไว้แล้ว ผมจะพาคุณไปเอาเด็กออก” “ไม่นะ อย่าเห็นแก่ตัวสิ เด็กน้อยตาดำๆ คนนึงกำลังจะลืมตาดูโลกเลยนะ ถึงคุณไม่รักเค้าแต่ฉันรัก คนไม่มีหัวใจอย่างคุณไม่เข้าใจหรอก” วาดิมยืนจ้องตากับกลิ่นชวาอย่างไม่มีใครยอมใคร ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นชายหนุ่มก็คว้าปืนออกมาจากเอวและจ่อปลายกระบอกปืนสั้นไปที่หน้าท้องของหญิงสาว “อ๊าย/ว๊าย” สองสาวสวยตกใจกอดกันแน่นขึ้นกว่าเดิม แต่มิวายคนที่ไม่ค่อยจะยอมใครง่ายๆ อย่างกลิ่นชวาก็รีบตั้งสติและหันมาต่อว่าวาดิมอีกรอบ “พ่อแม่คุณรู้ไหมเนี่ยว่าคุณเป็นคนแบบนี้ เกิดเป็นลูกผู้ชายซะเปล่าไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย” แม้หัวใจจะเต้นจนแทบจะหลุดกระเด็นออกมาข้างนอกแต่กลิ่นชวาก็ยังทำใจดีสู้เสือ พูดไปจ้องตาชายหนุ่มไปไม่สะทกสะท้าน “พอเถอะว่าน” พิริสาที่กลัวจนตัวสั่นรีบปรามให้เพื่อนรักสงบปากก่อนที่จะตายกันหมด ตอนนี้พิริสารู้แล้วว่าวาดิมอยู่ระดับไหน เขาสามารถทำให้พวกเธอหายสาบสูญไปได้แค่ไม่กี่วินาที แถมใครก็เอาผิดคนอย่างเขาง่ายๆ ไม่ได้ด้วย หากย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ล็อคเขาเป็นเป้าหมายให้กลิ่นชวาเลย “จะไปไหนล่ะ ไม่ยิงฉัน...ล อื้อ” พิริสายกมือปิดปากกลิ่นชวาขณะที่เพื่อนเธอกำลังพูดตามหลังวาดิมที่กำลังเดินออกไปจากห้อง “อยากตายมากหรือไงถึงได้พูดแบบนั้นน่ะ” พิริสาในตอนนี้สั่นไปทั้งตัว “ไม่ตายหรอก อีตานั่นไม่กล้ามาทำผิดที่บ้านเมืองเราหรอก” “ไม่กล้ากับผีอะไรล่ะ รู้ไหมว่าพ่อของลูกแกเค้าเป็นใคร” “ก็แค่นักธุรกิจเพื่อนเจ้านายแกไม่ใช่หรือไง คงจะรวยพอๆ กับเจ้านายแกใช่ไหมล่ะ” “หัวหน้ามาเฟียค้าอาวุธที่รัสเซียเลยโว้ย สามารถทำให้เราหายไปโดยที่ไม่มีใครเอาผิดได้ด้วย พูดแล้วฉันก็อยากจะร้องให้ เมื่อกี้ที่แกท้าทายเค้า ฉันฉี่จะราดอยู่แล้วรู้ไหม” พูดไปปาดน้ำตาไป ไอ้ที่บอกว่าพูดแล้วอยากจะร้องให้น้ำตามันไหลมาก่อนคำพูดแล้ว “อ้าว แกหาใครมาให้ฉันเนี่ย? ไหนบอกแค่นักธุรกิจธรรมดาไง” ตัวของกลิ่นชวาชาวาบตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมายังใบหน้า ตอนนี้ก็กำลังรู้สึกขนหัวลุกกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ตอนนี้เหมือนเธอกำลังขึ้นหลังเสือไปแล้วเลย จะเอายังไงกับชีวิตต่อไปดีล่ะเนี่ย เธอจะสามารถปกป้องลูกในท้องได้หรือไม่ แล้วชีวิตที่อยู่ท่ามกลางความเป็นความตายทำให้เธอต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง ติดตามได้ในนิยายเรื่อง One night คืนนั้นฉันต้องการแค่ลูก ได้เลยค่า... เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามผลงานใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB นิยาย ปลายฟ้า หากชื่นชอบนิยายที่ไรท์เขียน ฝากกดติดตามนามปากกา ปลายฟ้า เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน้า ขอบคุณมากค่ะ
“บอกกับผมว่าฐานะเรามันต่างกันเกินไป แต่คุณก็มีผู้ชายรวยๆผลัดกันมาส่งที่หอไม่ซ้ำหน้า นี่เหรอไม่อยากคบคนรวย หรืออยากหว่านเสน่ห์เพื่อเก็บแต้ม ทำให้เค้ารักแล้วก็เฉดหัวเค้าทิ้งแบบนี้เหรอ” “หยุดดูถูกริตานะคะ ออกไปจากห้องริตาเดี๋ยวนี้” สายตาที่มองเขาเต็มไปด้วยความตื่นกลัวเพราะตอนนี้ภูตะวันไม่เหมือนผู้ชายคนเดิมที่เธอรู้จักสักนิด สายตาของเขาแข็งกร้าวทั้งคำพูดคำจายังไร้ซึ่งความเป็นสุภาพบุรุษคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก เนื้อหาทั้งหมดเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ คำเตือน นิยายเป็นเรื่องรักโรแมนติก ดราม่า มีเรื่องเกี่ยวกับการเสียลูกในท้อง พระเอกบังคับขู่เข็ญนางเอก แต่ไม่มีนอกกายนอกใจ หากรับเรื่องแบบนี้ได้ไปต่อกับนิยายไรท์ได้เลยค่ะ
ถ้าเขามีฝาแฝด แล้วคืนนั้นเธออยู่กับใครกันแน่? เธอกลืนน้ำลายไม่ลงคอก่อนจะก้มมองรูปลูกสาวตัวกลมที่หน้าจอมือถือ ‘แม่จะทำยังไงดี’
เขาพาเธอขึ้นไปยังจุดสูงสุดของความสุข แล้วก็ถีบเธอล่วงหล่นลงมาตกในเหว เจ็บดีจังเลย ออกไปจากชีวิตฉัน...นายสามีตัวร้าย เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ แม้ครอบครัวจะหาใครมาให้ดูตัวทำความรู้จักไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งเธอก็ไม่คิดที่จะตกลงปลงใจคบกับใครหากไม่เห็นความเป็นไปได้ว่าจะคบกันถึงวันแต่งงานและใช้ชีวิตไปด้วยกันได้ตลอดจริงๆ จนงานวันเกิดอายุครบ 26 ปี เธอก็ได้เจอกับใครคนนั้น คนที่เธอเห็นเพียงแวบแรกก็รู้ว่าเขาคือคนที่เธอกำลังรอ เขามีชื่อว่าดาเนียลเล นักธุรกิจหนุ่มชาวอิตาลีที่รับสืบทอดกิจการเป็นเจ้าของบริษัทผลิตรถยนต์หรูในอิตาลีแทนคนพ่อและแม่ที่เสียและกอบกุมธุรกิจอีกหลายอย่างในมือ คราแรกที่รู้ว่าเขาสนใจเธอจากปากของพี่ชายก็ดีใจจนแทบอยากจะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งไม่ห่วงคำว่ากุลสตรี ขอบคุณโชคชะตาที่นำพาให้เขาได้มาเป็นเพื่อนทางธุรกิจกับพี่ชายของเธอ และขอบคุณโชคชะตาที่นำพาคนที่เธอเฝ้ารอให้ได้มาพบกันเสียทีหลังจากเพื่อนฝูงต่างก็มีคู่หรือแต่งงานมีลูกกันไปแล้ว เมื่อได้พบกับนักธุรกิจหนุ่มตาน้ำข้าวแสนสุขุมได้เพียงวันเดียวเขาก็ขอเธอเป็นแฟนจากนั้นก็บินเที่ยวไปเทียวมาหาเธออยู่พักใหญ่ จนกระทั่งหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ทำการเซอร์ไพรซ์ของเธอแต่งงานบนเครื่องบินส่วนตัว เธอตอบตกลงในทันทีเพราะก่อนหน้ารู้สึกว่าเขาและเธอช่างเข้ากันได้ดีเหลือเกิน ประกอบกับความอยากจะเป็นแม่คนเพราะเห็นเพื่อนมีลูกสาวลูกชายน่ารักน่าชังเลยอยากจะมีบ้าง ชีวิตของเธอหลังแต่งก็ได้ย้ายไปอยู่ที่อิตาลี ชีวิตความเป็นอยู่สุขสบายมีเรื่องง้องอนตามประสา และอุปสรรคที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัวบ้าง จนกระทั่งหลังการแต่งงานผ่านพ้นไปไม่เท่าไหร่ จู่ๆ เธอก็ได้ล่วงรู้ว่าความรู้สึกโชคดีที่เจอผู้ชายดีๆ มันเป็นเรื่องจอมปลอมหมดทั้งสิ้น ความหวังที่อยากจะแต่งงานเพียงครั้งเดียวและอยู่กับสามีคนเดียวไปจนตายก็พังทลายไม่เหลือชิ้นดี ฝากนิยายเรื่อง ลวงรักสามีตัวร้ายไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ
ในคืนเข้าหอ...เจ้าบ่าวของเธอเปลี่ยนไป จากคนสุภาพอ่อนโยน กลายเป็นคนดิบเถื่อนในทันตา ทว่า...เธอก็ทำใจตัดเขาออกไปจากชีวิตไม่ได้ ตัวอย่างบางตอน แควก “อ๊าย...” หลังจากหลับลงไปด้วยความเพลียที่ต้องต้อนรับแขกเหรื่อในงานแต่งมาทั้งวัน เธอหลับตาลงไปได้ไม่ถึงชั่วโมงจู่ๆ ก็มีมือของใครบางคนกำลังฉุดกระชากชุดเจ้าสาวของเธอจนขาดวิ่น ผ้าชิ้นหนาบวกกับแรงกระชากสร้างความเจ็บแสบให้เนื้อนวลนุ่มนิ่มของเธอไม่น้อยจนต้องระบายความเจ็บเป็นเสียงกรีดร้อง “อื้อ...” ยังไม่ทันที่จะได้ส่งเสียงร้องอีกครั้ง มือหนาของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีก็กดปิดปากของเธอเอาไว้ ดวงตากลมโตเพ่งมองไปยังชายหนุ่มที่เคยสุภาพและอ่อนโยน ทว่าตอนนี้เธอมองเขาแล้วไม่หลงเหลือความรู้สึกนั้น ดวงตาของเขาที่จ้องมองเธอแข็งกร้าวดิบเถื่อน ประดุจเสือร้ายที่กำลังจะขย้ำเหยื่อ คนที่กำลังคร่อมอยู่บนตัวของเธอคือคนที่เธอเพิ่งเข้าพิธีแต่งงานด้วยจริงๆ หรือ เนื้อหาในนิยายไม่ว่าจะเป็นชื่อคนหรือสถานที่และเหตุการณ์ต่างๆ ล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ไรท์เขียน ปี2024 หลังจากห่างหายจากการเขียนนิยายในนามปากกาปลายฟ้าร่วมหกเดือน หวังว่าผลงานชิ้นนี้ของไรท์จะทำให้นักอ่านมีความสุขทุกเวลาที่อ่านนะคะ ...ปลายฟ้ากลับมาแล้วค่า หากชื่นชอบฝากกดติดตามนามปากกา กดนิยายเพิ่มเข้าชั้นหนังสือ กดหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ สามีเถื่ิอน นี่น่าจะเถื่อนแค่ไม่กี่ตอนนะคะ อิๆ ในเรื่องนี้ส่วนมากจะหวานละมุน แล้วไปดราม่านิดหน่อยช่วงท้ายๆ แต่รวมๆ มีแต่ความหวานเสียส่วนใหญ่ค่ะ (ปล นิยายเรื่องเก่าๆ ของไรท์ที่เคยลงเอาไว้ กำลังทยอยรีไรท์นะคะ หากเจอคำผิดต้องขออภัย ไรท์กำลังเตรียมรื้ออัปเดตใหม่ทั้งหมดค่ะ)
มารู้ว่าตัวเองนั้นรักเธอจนหมดหัวใจก็เมื่อวันที่เธอนั้นกำลังจะจากไป จากคราแรกที่แกล้งรักเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่ตอนนี้ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ได้หัวใจของเธอที่รักคืนมา.. เขาจำเป็นต้องแกล้งทำเป็นรักสาวสุดแปลกที่ไม่ใช่สเปคสักนิดเพื่อเงินก้อนโตจากคนเป็นย่าที่จะสร้างธุรกิจเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับตัวเอง..แต่..มารู้ว่าตัวเองนั้นรักเธอจนหมดหัวใจก็เมื่อวันที่เธอนั้นกำลังจะจากไป จากคราแรกที่แกล้งรักเพื่อหวังผลประโยชน์ แต่ตอนนี้ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ได้หัวใจของเธอที่รักคืนมา..
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"