'[กรุณายืนยันทำภารกิจ]' 'เอก' นักสืบพาร์ทไทม์วัยสิบห้าปีจากบริษัทนักสืบเอกชนมีระบบเก็บแต้มสืบสวนที่ไม่รู้ว่ามันเก็บแต้มไว้เพื่ออะไร ได้แฝงตัวเข้าไปสืบคดีฆาตกรรมในโรงเรียนประจำที่มีกฎเคร่งครัด คือห้ามนักเรียนออกจากหอหลังสองทุ่ม แต่ยังเริ่มสืบไม่ทันไรก็มารู้ว่าฆาตกรเป็นแวมไพร์.. แล้วทำไมไอสารวัตรนักเรียนหน้านิ่งจอมเผด็จการ 'โอดิน' ศัตรูคู่(แอบ)อาฆาตของเอกตั้งแต่วันแรกที่เข้าหอ คนเจ้ากี้เจ้าการเรื่องกฎโรงเรียนนักหนามันดันเป็นแวมไพร์ไปด้วยวะนั่น! 'หัวหน้า! ฆาตกรเป็นแวมไพร์จริงด้วย' 'ฉันใส่ไม้กางเขนไว้ในกระเป๋าให้แล้ว ขอให้โชคดี..' หัวหน้าsaid: ตัวใครตัวมันนะจ๊ะ💅 *เรื่องนี้เป็น ชายxชาย* … !!คำเตือน!! คำหยาบ/เลือด/สภาพศพ/ความรุนแรง/ปีศาจ/ความเชื่อ/การทารุณกรรม/ฉากเพศสัมพันธ์ุ/มีเพศสัมพันธุ์หมู่โดยไม่ยินยอม/ทำร้ายร่างกาย
บรรยากาศเงียบสงัดปกคลุมบนทางเดินมืดมิด บนพื้นปูพรมหนาสีน้ำเงินเข้มปักลายขนนกสีทอง ฝีเท้าอ่อนนุ่มย่างระหว่างทาง แสงสว่างริบหรี่จากหน้าจอสมาร์ทโฟนส่องไปตามทางเดินกว้าง
เด็กสาวหน้าตาน่ารักในเสื้อยืดสีชมพูอ่อน กางเกงยีนส์ขาสั้นเดินสยายปราย เส้นผมสีน้ำตาล ใบหน้าอวบอิ่มอารมณ์ดีคลี่ยิ้มหลังจากเสร็จภารกิจร่วมรักกับแฟนหนุ่มหนาตาดีสดๆร้อนๆ
ยามวิกาลที่ทั้งหอหญิงและชายถูกแบ่งแยกคนละส่วน ทำให้เหล่านักเรียนวัยรุ่นแอบไปมาหาสู่มีเพศสัมพันธุ์เช่นนี้ประจำ
ความมืดรอบด้านถูกละความสนใจแทนที่ด้วยอารมณ์เบิกบาน หญิงสาวตัวเล็กก้าวเดินอย่างระวังพลางฮัมเพลงในหัว เพราะเกรงจะมีคนมาเห็นที่เธอแหกกฎโรงเรียน
โดยเฉพาะพวกสารวัตรนักเรียนนั่น..
ตึก ตึก
สองขากำลังก้าวไปข้างหน้าหยุดเดินกะทันหัน ผมสีน้ำตาลสะบัดพรึบตามแรงหันใบหน้า ดวงตากลมตาเหล่มองบานประตูด้านข้างที่เธอหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เสียงเมื่อครู่ที่ได้ยินเหมือนมีใครบางคนกระทำบางอย่างอยู่ภายในนั้น
หรือว่าจะมีคนออกมานอกห้องเหมือนกัน..
เด็กสาวเกิดความสงสัยฉับพลัน
มือเล็กขยับยื่นไปจับกลอนประตูก่อนจะหมุนให้ลูกบิดคลาย
ใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะราวกับอยู่ในหนังสยองขวัญ แค่เรื่องมีคนออกมาปวนเปี้ยนข้างนอกเหมือนเธอ แต่ทำไมภายในใจถึงสั่นเหมือนกำลังลุ้นระทึกโดยไม่ทราบสาเหตุ
เป็นพวกสารวัตรนักเรียน
หรือจะเป็นพวกที่มีรสนิยมทางเพศแบบเอาท์ดอร์กันนะ..
คิดแล้วคนพวกนี้ก็ใจสู้ใช่เล่น ที่แอบมาเอากันนอกหอพักหลังสองทุ่มในขณะที่พวกสารวัตรจอมเผด็จการนั่นจมูกไวยิ่งกว่าสุนัข ถึงจะหน้าตาดีก็เถอะ
เธอเก็บโทรศัพท์แล้วเพ่งลูกตาไปยังช่องเล็กที่ประตูเริ่มแง้มออกทีละนิด พอมันอ้าจนชะโงกหน้าเข้าไปด้านในได้ม่านตาก็หรี่เล็ก ไม่มีเสียง ไม่มีแสงไฟ ไม่มีอะไรเพราะมันมืดไปหมดทุกด้าน
เธอตัดสินใจล้วงสมาร์ทโฟนจากกระเป๋ากางเกงแล้วเปิดไฟส่องไปยังเบื้องหน้า เวลานี้มันจะเป็นอะไรก็ช่างแต่ความอยากรู้มันมีมากกว่า
แล้วเมื่อความสว่างมีมากพอเธอถึงได้เห็นภาพที่ทำให้เข่าทรุดไปกับพื้น โทรศัพท์ราคาแพงล่วงตุ้บเหลือแค่มือที่สั่นเร่าราวลูกนก ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างพร้อมกับแผดเสียงออกมาดังลั่น
“กรี๊ดดดดดด!!!”
เบื้องหน้าเป็นนักเรียนชายคนหนึ่งนั่งบนเก้าอี้สีดำ ศีรษะเขาตะแคงซบบนเปียโน ใบหน้าซีดหันมาทางเธอ แต่ลูกตาสองเบ้ากลวงโบ๋ มีหยาดเลือดไหลจากเปลือกตาล่างเป็นเส้น มือทั้งสองข้างห้อยไกวลงมา
หญิงสาวคลานหลังชนกำแพงพลางเอามือปิดหน้าแผดร้องด้วยความกลัวสุดขีด ด้วยความตกใจทำเอาเธอช๊อคหวาดผวาไปทั่วตัว จากนั้นสติน้อยนิดก็ดับวูบท่ามกลางความมืดมิด
***
ชีวิตนักเรียนมัธยมปลายคนนึงเหมือนกำลังจมดิ่งสู่เหวลึก เวลาช่วงเย็นแทนที่จะได้นั่งอ่านหนังสือสอบหรือออกไปฉลองกับเพื่อน สร้างความทรงจำดีๆก่อนโตเป็นผู้ใหญ่แต่ ‘เอก’ ต้องอดหลับอดนอนทำงานหามรุ่งหามค่ำไม่เว้นวัน
ด้วยภาระหนี้สินทางบ้านกองท่วมหัวจนไม่รู้ว่าทั้งชีวิตสามารถจ่ายหนี้ให้ได้หมดไหม ทำให้เขาต้องกัดฟันแบกภาระสู้ด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองที่มี
“แม่..ขอโทษนะที่ไม่สามารถส่งลูกเรียนต่อได้”
และตอนนี้ชีวิตของเอกกำลังพังยับเยินอีกครั้ง การศึกษาที่จะเป็นตัวเปลี่ยนชีวิตอย่างเดียวกำลังถูกพรากออกไปจากเด็กที่กำลังขึ้นมอห้า
อีกแค่สองปีจะได้ขึ้นมหาวิทยาลัย
อีกแค่ไม่กี่ปีจะได้มีงานดีๆทำแล้วแท้
แต่เอกก็โกรธแม่ไม่ลง แม่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ต่างคนต่างสู้สุดความสามารถแต่โชคชะตาให้เขามาได้ไกลแค่นี้
“ไม่เป็นไรครับ” เขาว่าเสียงเรียบแต่ภายในเหมือนใจกำลังแตกเป็นเสี่ยง เอกเดินผ่านมารดาแท้ๆเข้าห้องเก่าๆไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยสภาพห่อเหี่ยว
ขนาดทั้งเขาทั้งแม่ช่วยกันทำงานยังหาเงินไม่มากพอสำหรับการเรียนและปลดหนี้
เพราะไอพ่อเลี้ยงเฮงซวยนั่น!! ที่ทำให้ชีวิตแม่ลูกตกนรกแบบนี้
เอกสูดหายใจเข้าลึกๆ เปิดลิ้นชักหยิบป้ายชื่อที่มีสายห้อยคอขึ้นมา บนนั้นมีตราสัญลักษณ์ของบริษัทนักสืบเอกชนและตัวหนังสือสลักไว้ว่า‘เอริกา’
ตัดสินใจได้จึงเก็บมันใส่กระเป๋าออกจากหอเก่าซอมซ่อแล้วมุ่งหน้าไปยังที่ทำงานทันที บริษัทนักสืบเอกชนเป็นที่ทำงานพาร์ทไทม์ของเขาอีกงาน ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ในซอกหลืบหลบสายตาผู้คนซึ่งว่าหายากแล้วแต่หน้าร้านยังถูกบังด้วยคาเฟ่มินิมอลเป็นฉากบังหน้า
“ลมอะไรโชยมาถึงที่นี่ล่ะ เอริจัง”
“เอริบ้านพ่อพี่สิครับ” เพียงเปิดประตูเข้ามาก็โดนเพื่อนร่วมงานทักทาย ชายหนุ่มอายุมากกว่าเอกหกปี เขาเป็นหนึ่งในนักสืบของเครือบริษัทแห่งนี้และวันนี้ก็เป็นเป็นเวรพี่แกเก็บหน้าร้าน เอกกับเพื่อนร่วมงานที่นี่ถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีถึงแม้จะเดินเข้าบริษัทนับครั้งได้
เอกรู้ทางดีจึงไม่ต้องขออนุญาตให้ยุ่งยาก เดินเข้าไปหลังร้านแล้วขึ้นบันไดไปชั้นสาม จนถึงบานประตูแก้วติดฟิล์มสีดำสนิท
ติ๊ด
เพียงเขาใช้ป้ายชื่อที่หยิบมาเป็นบัตรแสกนเข้าเครื่อง บานประตูก็เลื่อนออกอัตโนมัติ เท้าเดินไปยังประตูห้องทำงานเล็กๆสีดำแล้วก็เปิดมันออกก่อนจะเดินเข้าไปทันที
“มาทำงานได้แล้วหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยทักในขณะที่ร่างหนาในเสื้อสูทสีกากีนั่งไขวห้างหันหลังบนเก้าอี้หนัง มือยกแก้วกาแฟจิบสบายใจ พลางเบือนสายตาออกไปนอกกำแพงกระจก
“ช่วงนี้มีงานอะไรที่ได้เงินดีบ้างครับ”
“มาถึงก็พูดเรื่องเงินเลยนะ”
แน่นอนว่าบริษัทเล็กๆแห่งนี้ จัดตั้งเพื่อรับงานสืบสวนโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจิปาถะอย่างเช่นตามสืบผัวชาวบ้าน ยันคดีที่ตำรวจเทแล้วยัดงานมาให้บริษัททำ
พอรับงานมาหัวหน้าก็จะยัดงานให้ลูกน้องแต่ละคนทำอีกที
และหัวหน้าที่ว่าก็คือชายวัยกลางคนตรงหน้าเขานี่แหละ..
แต่เอกเป็นคนที่เด็กที่สุดซ้ำยังไม่บรรลุนิติภาวะ งานแต่ละอย่างที่เคยรับจึงเป็นพวกงานสืบข้อมูลชาวบ้านง่ายๆ มีบางครั้งที่มีโอกาสได้เป็นลูกมือของรุ่นพี่ในคดีที่ตำรวจโยนมาให้
ส่วนค่าแรงจะขึ้นอยู่ที่ผู้ว่าจ้าง เขารับทำงานนี้แบบพาร์ทไทม์เพราะงานสืบสวนต้องใช้เวลา เลยทำควบคู่การเรียนและงานอื่นไม่ไหว งานแต่ละอย่างที่ส่งมามักเป็นเรื่องชู้สาวเสียส่วนใหญ่ นานๆทีถึงได้คดีจากตำรวจมาทำแบบจริงๆจังๆ
เอกมีโอกาสได้เข้าทำงานเพราะหัวหน้าคนนี้ดันไปเจอเขาวันสอบเทียบวุฒิปริญญาตรีในคณะจิตวิทยาอาชญากรรมถึงจะสอบไม่ผ่าน แต่ไม่รู้อะไรเกิดดลใจหัวหน้าขึ้นมาเลยชักชวนให้เอกทำงานร่วมกันทั้งที่เขายังอายุไม่ถึงสิบแปด
นับว่าดีเพราะบริษัทเล็กๆนี้ เคยรับคดีของตำรวจมาทำและบางงานยังได้เครดิตเป็นนามแฝงอยู่บ้าง พอรู้อย่างนั้นเลยตัดสินใจเข้าทำงานเผื่อเก็บเป็นผลงานเข้ามหาวิทยาลัย
“ผมต้องการงานที่ได้ราคาดีๆ ช่วงนี้มีบ้างมั้ยครับ”
หัวหน้า‘อลัน’ผู้เป็นคนก่อตั้งบริษัทนักสืบ เอนหลังหมุนเก้าอี้หนังดำขลับหันกลับมาจนเห็นใบหน้าคมเข้มตามวัยเข้าเลขสี่ เขาวางแก้วกาแฟไว้บนจานรองแล้วหยิบแฟ้มข้างโน๊ตบุ๊ควางแหมะไว้กลางโต๊ะ
“ผู้ว่าจ้างให้มาในราคาสิบล้าน”
“สิบล้าน!” เอกตกใจถลึงลูกตากลมอยู่แล้วให้กว้างกว่าเดิม ตั้งแต่ทำงานมาไม่ว่าจะงานเล็กหรืองานใหญ่ของพวกพี่ๆ เขาไม่เคยเจอผู้ว่าจ้างที่เสนอราคาสูงเท่านี้มาก่อน ด้วยความไม่เชื่อหูจึงต้องหยิบแฟ้มขึ้นมาดูเนื้อหางานว่าทำไมผู้ว่าจ้างถึงกล้าให้ราคาแรง
“เดี๋ยวนะ นี่มัน..คดีฆาตกรรมเลยหนิครับ! แล้วไม่ได้เป็นคดีผ่านจากตำรวจด้วย”
“ผู้ว่าจ้างส่งมาด้วยตัวเอง แล้วตอนนี้คนอื่นก็รับงานกันหมดแต่นายก็เหมาะกับงานนี้ที่สุดอยู่ดี” เขากวาดสายตาอ่านเนื้อความในแฟ้ม คดีแนวนี้เอกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินอยู่ครั้งนึงแล้วก็โดนปิดข่าวภายหลัง
เนื้อหามันบอกว่าเกิดเหตุในโรงเรียนเอกชนแล้วยังเป็นโรงเรียนประจำ ด้านล่างเขียนสภาพของผู้เสียชีวิตเอาไว้คร่าวๆ
ร่างกายผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เริ่มซีดซึ่งคาดว่าเป็นพฤติการณ์การตายที่สมองขาดเลือดกะทันหัน บางรายถูกตัดอวัยวะบางส่วนออกไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ แต่ละศพจะพบรูเล็กๆสองรูคล้ายคมเขี้ยวบริเวณลำคอ ต้นขา ข้อมือ เนินอก หรือส่วนอื่นตามร่างกาย อีกทั้งเลือดในร่างกายยังถูกสูบออกไป
“แต่พอมาคิดดูอีกที งานนี้ก็ดูอันตรายเหมือนกัน คดีนี้เคยเป็นข่าวเมื่อหลายปีก่อนแต่ก็โดนปิดข่าวไปดื้อๆ”
ฝ่ามือหนาเคาะนิ้วทั้งห้าบนโต๊ะทำงาน มองร่างเด็กหนุ่มผมสีครามน้ำทะเลยืนทำตาลุกวาวปนความสงสัยยามอ่านเนื้อหางาน
“เอริ..รู้จักแวมไพร์มั้ย” เด็กหนุ่มละดวงตากลมโตเป็นเอกลักษณ์จากแฟ้มในมือ สบตาใบหน้าขรึมของหัวหน้างาน
“เห็นผมเป็นเด็กหรอครับ อีกอย่างผมชื่อเอกไม่ใช่เอริ” หัวหน้านักสืบไหวไหล่ออกแนวยั่วยวน ลูกน้องที่เด็กที่สุดมักทำหน้าตลกทุกรอบเมื่อโดนพี่ๆในบริษัทเรียกชื่อว่าเอริ คงเป็นเพราะรูปร่างสูงโปร่งสักร้อยเจ็บสิบสี่ ดวงตากลมโตสีครามเหมือนลูกแก้วสวยยิ่งกว่าผู้หญิงเลยทำให้มีแต่คนเอ็นดู
“ใครจะไปรู้ ถ้าไม่ใช่ฆาตกรจัดฉากให้เหมือนแวมไพร์ก็อาจจะเป็นแวมไพร์จริงๆก็ได้..” ข่าวแบบนี้ถ้าค้นข้อมูลดูมันก็เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนแต่ยังไม่มีใครสามารถหาตัวคนร้ายได้ จนหลายคนเชื่อว่าเป็นฝีมือของแวมไพร์
คำตอบมีแค่สองอย่าง..
ฆาตกรรมเลียนแบบ หรือ แวมไพร์ของจริง
เอกยืนพิจารณาตัวเลขกลมๆในเนื้อหาสัญญา เมื่อลองคิดถึงรายได้หลังจากจบงาน เงินจำนวนสิบล้านยังไงก็ปลดหนี้หมดแถมยังเหลือให้แม่ได้สบาย
และอีกเรื่อง..
ติ๊ง
‘[กรุณายืนยันเพื่อรับภารกิจ]’
เอกมีระบบเป็นหน้าจอโฮโลแกรมสีฟ้าที่ไม่มีใครเห็น มันลอยเด้งขึ้นมากลางอากาศพร้อมเสียงแจ้งเตือน
ระบบเก็บแต้มสืบสวน..
เขาได้รับมันมาตอนเกิดอุบัติเหตุหลังจากเข้าทำงานในบริษัทนี้เมื่อปีก่อน
‘[งานนี้จะทำให้คุณเก็บแต้มครบและได้รับฉายาคนต่อไป]’
เอกขมวดคิ้ว
ฉายาคนต่อไป?
หมายความว่ายังมีคนที่ได้รับภารกิจเหมือนเขางั้นเหรอ..
ตากลมกระพริบปริบก่อนจะทิ้งความสงสัยแล้วมาโฟกัสที่เงินตรงหน้าเป็นอย่างแรก
“ขาดคนอยู่ใช่มั้ยครับ ผมขอรับงานนี้” หัวหน้าเลิกเรียวคิ้วขึ้น เขายังไม่ได้ตกปากรับงานผู้ว่าจ้าง เพราะตัวเองก็ชั่งใจมาได้สักพัก ด้วยความที่กลัวว่างานจะอันตรายเข้าจริงๆ
แวมไพร์เป็นแค่ตำนานปรัมปราหรือนิทานหลอกเด็กที่ไหน หรือต่อให้มันเป็นฆาตกร ถ้ายังหาตัวไม่เจอมันก็พร้อมล่าเหยื่อได้ทุกเมื่อ
“แต่งานดูอันตรายอยู่นะ”
“ผมร้อนเงิน เวลานี้จะงานไหนขอแค่เงินดีผมรับหมด” เอกยังยืนยันคำเดิม งานนี้เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ชีวิตครอบครัวเขาปลดล็อค ในเมื่อเขามีระบบสืบสวนเป็นเพื่อนก็คงไม่มีเรื่องต้องกลัว
และไม่แน่ว่าหลังจากสิ้นสุดงานนี้เอกอาจจะได้รับคำตอบการปรากฎตัวของระบบด้วยก็ได้ เอกมั่นใจรับงานเต็มร้อย มองใบหน้าหัวหน้าอลันด้วยแววตาหนักแน่น
“ยืนยันรับงานนี้ครับ”
‘[ทำการยืนยันภารกิจเสร็จสิ้น]’
ปาหนันเป็น'เพศรอง' หรือชายท้องได้ผู้มีใบหน้างดงามแต่เขากลับตกหลุมรักเพศรองด้วยกันที่เป็นเพื่อนสนิทมาตั้งแต่เล็กนามว่า 'มันต์ทิรา' ทว่าการแอบรักข้างเดียวเป็นเรื่องยากที่จะพูดออกไปเมื่อมีคำว่าเพศมากีดขวาง แล้วมันต์ทิรายังมีใจให้บุรุษคนอื่น "สิ่งที่บุรุษทำได้ ข้าก็ทำให้ได้" "ข้า..ขอโทษ" "เจ้าชอบมันเสียขนาดนั้น ถ้าข้าขอให้เจ้าเลือกข้าเจ้าจักยอมเลือกข้าหรือ" "..." "หากยังไม่มั่นใจเจ้าอยากลองกับข้าดูไหมล่ะ เพศรองก็ถือเป็นชายแล้วไยจักทำให้เจ้าท้องไม่ได้" *** Talk เอาเรื่องสั้นแนวพีเรียดโรมานซ์มาเสิร์ฟค่ะ หน้าปกคือพระเอกเรื่องนะคะ พอ.เรื่องนี้มีจริตคนสวยสูงมากไม่ใช่สายกล้ามร่างหนาแต่รับประกันความหลัว ภายในเรื่องพูดถึงความรักของชายท้องได้ด้วยกันแต่ไม่ได้ดราม่ามาก ไม่อิงประวัติศาสตร์ภาษาใช้คำเข้าใจง่าย อ่านแบบจอยๆได้เลยค่ะ #ปาหนันมันต์ทิรา
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"