“นั่น... อะไรคะ” “ใบหย่า เซ็นซะ แล้วเธอจะได้เงินสิบล้านบาทตามที่ฉันเคยสัญญาไว้” “หย่า.. เหรอคะ” “ใช่ ทำไม เราตกลงกันแล้วนี่ หรือว่าเธอต้องการเงินเพิ่ม” “มะ ไม่ใช่ค่ะ” “ถ้าไม่ใช่ ก็รีบเซ็นซะ ฉันจะได้ส่งให้กับทนายของฉัน เราสองคนจะได้เป็นอิสระจากกันเสียที” “เรา... ยังไม่หย่ากันไม่ได้เหรอคะ” “ทำไม เธอจะยื้อเวลาอยู่ด้วยกันอีกทำไม เราไม่ได้รักกันลืมไปแล้วหรือไง” “คือ...” “หรือว่าเธอยังไม่อิ่มเซ็กซ์ของฉันล่ะ” “มะ ไม่ใช่ค่ะ ดา...” “ความจริงฉันก็รู้อยู่เต็มอกนะว่าเธอน่ะติดใจเซ็กของฉันแค่ไหน งั้นเรามาทำกันอีกสักครั้ง ฉันจะทำให้เธออิ่มแปล้ จะได้ไม่โยกโย้ที่จะไม่เซ็นใบหย่าอีก”
ภายในห้องนอนของโรงแรมหรูหราแห่งหนึ่ง ร่างของหนุ่มสาวโยกคลึงร่ายลีลารักอย่างเร่าร้อน เสียงครวญครางของหญิงสาวหน้าตาสะสวยดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มอย่างต่อเนื่อง ในทุกๆ ครั้งที่ถูกชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่อัดกระหน่ำบั้นเอวเข้าใส่
“อ๊า... อา... ดีมากค่ะ ดีมาก... แรงอีกค่ะ เอก แรงอีกค่ะ อ๊า... จะเสร็จ แววจะเสร็จแล้ว อา... คุณเข้ามาลึกดีจัง อ๊า...”
เสียงหวานครวญครางด้วยความเสียวซ่าน ก่อนที่จะเกร็งกระตุกทั้งตัว เมื่อความสุขสมรัญจวนเดินทางมาถึง
หนุ่มหล่อยังคงกระแทกโยกคลึงใส่อย่างต่อเนื่อง บั้นท้ายทรงพลังเคลื่อนไหวแรงขึ้น ระรัวเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงครางห้าวลึกจะดังลั่นห้อง
พายุสวาทเร่าร้อนผ่านพ้นไปแล้ว สองร่างกกกอดกันแนบแน่นด้วยความสนิทเสน่หา
“ชอบไหม แวว”
พาทิศ อริยะโชคา เอ่ยถาม แววดาว แซ่ซ่ง หญิงคนรักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ชอบมากที่สุดค่ะ คุณทั้งใหญ่ ทั้งยาว แถมแรงดีไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแบบนี้ แววไม่ชอบได้ยังไงละคะ”
แววดาวยกมือขึ้นลูบใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายบนร่าง พลางยิ้มหวานยั่วยวน
“พูดแบบนี้... เดี๋ยวก็โดนผมจัดอีกรอบหรอกครับ”
“แววเคยปฏิเสธไหมล่ะคะ แต่คุณนั่นแหละจะอยู่เอาแววต่อไม่ได้ เพราะคุณย่าของคุณรออยู่” แววดาวทำเสียงกระเง้ากระงอด
พาทิศถอนใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะพลิกกายลงจากร่างอวบอัดของหญิงคนรัก
“ผมไม่เข้าใจเลยว่าคุณหญิงย่าทำแบบนี้ทำไม”
“เพราะคุณย่าของคุณเกลียดแววยังไงล่ะคะ”
แววดาวลุกขึ้นนั่ง และบีบน้ำตาเรียกร้องคะแนนสงสาร
“คุณน่ารักขนาดนี้ ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณหญิงย่าถึงไม่ชอบคุณ แต่กลับไปชอบเด็กบ้านั่นได้”
ท้ายประโยคสีหน้าของพาทิศดุดันขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อภาพใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว
แววดาวซบใบหน้ากับหน้าอกของพาทิศ ก่อนจะพูดว่าร้ายผู้หญิงอีกคน
“คุณย่าของคุณแก่มากแล้ว พอใครมาเอาอกเอาใจเข้าหน่อยก็จะหลงง่ายๆ แบบนี้แหละค่ะ”
เมื่อพาทิศยังคงนั่งนิ่ง แววดาวจึงก่อเชื้อเพลิงในหัวใจของพาทิศเพิ่ม
“แววเดาว่า ทุกอย่างที่คุณย่าทำ โดยเฉพาะเรื่องที่บังคับคุณ คงมาจากความคิดของผู้หญิงคนนั้นแน่ๆ เลยค่ะ”
พาทิศหรี่ตามองใบหน้าของแววดาวด้วยความสงสาร ยกมือขึ้นไล้แก้มเนียนแผ่วเบา
“คุณไม่ต้องกังวลนะ ผมจะไม่มีวันญาติดีกับเด็กคนนั้นแน่”
“แววจะเชื่อใจคุณได้จริงๆ เหรอคะ”
“เราคบกันมานานแค่ไหนแล้ว คุณจำได้ไหมแวว”
“เราคบกันตั้งแต่มหา’ลัยปีสองค่ะ”
“แล้วตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้กี่ปีแล้วครับ”
“ก็แปดปีแล้วค่ะ”
แววดาวทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมา
“แล้วตลอดระยะเวลาแปดปีกว่าที่ผ่านมา ผมเคยทำให้คุณเสียใจไหม ผมเคยมีคนอื่นหรือเปล่า”
แววดาวส่ายหน้าไปมา
“ไม่เคยค่ะ”
พาทิศดึงมือเล็กของหญิงคนรักมากุมเอาไว้แนบอก
“เมื่อก่อนผมไม่เคยทำ ต่อจากนี้ไปผมก็จะไม่ทำเหมือนกัน คุณจะไม่เสียใจเพราะการกระทำของผม”
“แต่แววกลัว...”
“แค่หนึ่งปีเท่านั้น พอผมหย่าแล้ว ผมจะแต่งงานกับคุณทันที”
น้ำเสียงของพาทิศหนักแน่น ไม่แพ้แววตาที่ทอดมองแววดาวเลย
แววดาวยิ้มโล่งใจออกมา ก่อนจะทำเสียงออดอ้อนอีกครั้ง
“แววเชื่อคุณค่ะ และที่แววเชื่อคุณ ก็เพราะว่าแววรักคุณมาก... อย่าทำให้แววเสียใจนะคะเอก”
“ผมสัญญาครับ”
อารดา ตันติวัฒนา ลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัวตำรวจยศผู้พัน หญิงสาวเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดังของเมืองไทย ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
ชาติตระกูลของหญิงสาวสืบทอดเชื้อสายมาจากผู้ดีเก่า และความเพรียบพร้อมนี้ของอารดา ทำให้คุณหญิงย่าของพาทิศถูกใจ และหมายมั่นปั้นมือต้องการเป็นหลานสะใภ้ ซึ่งครอบครัวของอารดาก็ไม่ขัดข้อง เพราะรู้ดีว่าลูกสาวของตัวเองมีใจกับพาทิศมาตั้งแต่เด็ก
ฤกษ์การแต่งงานถูกกำหนดขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความใจร้อนของคุณหญิงย่า และนี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้อารดาต้องมาลองชุดแต่งงานในวันนี้
หญิงสาวมองเข้าไปในกระจกเงาบานใหญ่ตรงหน้า ชุดแต่งงานสีขาวฟู่ฟ่องในฝันกำลังห่อหุ้มร่างกายของตัวเอง
หล่อนยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เมื่อนึกถึงวันสำคัญที่กำลังจะเดินทางมาถึง แม้ว่าวันนี้ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างพาทิศจะไม่ได้มาลองชุดแต่งงานด้วยก็ตาม
ครอบครัวของหล่อนกับครอบครัวของพาทิศรู้จักสนิทสนมกันมานานมากแล้ว ตอนเด็กๆ หล่อนติดพี่ชายอย่างพาทิศแจ ร้องหาแต่เขาตลอดเวลา จนกระทั่งเมื่อเขาโตขึ้น จึงได้ห่างกันออกไป แต่ในหัวใจของหล่อนก็ไม่เคยลืมพี่ชายแสนดีคนนี้เลย
หล่อนหวังมาตลอดว่าโตขึ้นจะได้เป็นเจ้าสาวของพาทิศ ซึ่งตอนนี้ความฝันนั้นของหล่อนกำลังจะเป็นจริงแล้ว
หล่อนกำลังจะได้แต่งงานกับผู้ชายในฝัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีทีท่าสนอกสนใจตัวของหล่อนเลยก็ตาม
คุณย่าบอกกับหล่อนว่า เวลาและความใกล้ชิดจะทำให้พาทิศรักหล่อนได้ในที่สุด
หล่อนเชื่อแบบนั้น...
เชื่อคำพูดของคุณหญิงย่าที่รักและเอ็นดูหล่อนเหมือนหลานคนหนึ่ง
รอยยิ้มหวานยังคงเกลื่อนใบหน้าหวานของอารดา ความสุขเอ่อล้นออกมาจากแววตาของหญิงสาว
“ชุดนี้สวยมากเลยนะคะ เหมาะกับคุณหนูดามากเลยค่ะ”
พนักงานร้านเวดดิ้งเอ่ยชื่นชม
“ดา... ก็ชอบชุดนี้ค่ะ”
หล่อนหันไปพูดกับพนักงานที่ยืนอยู่ข้างตัวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“งั้นเดี๋ยวน้อยจะจัดการส่งชุดนี้ไปให้คุณหนูดาก่อนวันแต่งงานสองวันนะคะ”
“ขอบคุณพี่น้อยค่ะ”
“คุณหนูดาน่ารักขนาดนี้ หนุ่มๆ คงต้องอิจฉาเจ้าบ่าวของคุณหนูดามากแน่ๆ เลยค่ะ”
อารดายิ้มเอียงอาย ใบหน้าหวานเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มสดใส
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!