“พรีม ๆ หยุดก่อน” เขาร้องเรียกหญิงสาวเอาไว้ เสียงดังฟังชัดทำเอาเด็กน้อยถึงกับหันมามองคนเรียก “คุณลุง” น้องพอวาเห็นหน้าก็จำได้ว่า เขาคือคนที่ได้เจอที่หน้าห้องน้ำเมื่อตอนมาถึงที่ร้าน พริมาภาตกใจไม่น้อยที่ได้ยินบุตรสาวร้องทักเขาขึ้น จริงอยู่ว่าหญิงสาวต้องการให้เขารับรู้ว่าเด็กที่เธอจับมือเอาไว้อยู่นี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา หากแต่ไม่ใช่ตอนนี้ “น้องพอวา” “คุณลุงจำชื่อน้องพอวาได้ด้วย” เด็กน้อยบอกเสียงแจ๋วด้วยดีใจที่มีคนจำชื่อตัวเองได้ “จำได้สิคะ” “น้องพอวา หนูรู้จักคุณ ... เอ่อ คุณลุงด้วยเหรอคะ” “คุณลุงช่วยน้องพอวากดสบู่ให้ตอนน้องพอวาล้างมือค่ะ” เด็กน้อยบอกเสียงใสเลยทีเดียว “พรีม เด็กคนนี้ ...” “น้องพอวาเป็นลูกสาวพรีมค่ะ” เธอไม่รีรอที่จะบอกออกไปเช่นนั้น เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปิดไม่ให้เขารู้ว่าเธอมีลูกแล้ว คำตอบนั้นทำให้ใบหน้าหล่อคมเข้มถึงกับร้อนวูบขึ้นมา พร้อม ๆ กับหลากหลายความรู้สึกที่วิ่งแทรกเข้ามา ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นความรู้สึกอะไรกันแน่
บรรยากาศภายในงานประกาศผลรางวัล โครงการ ‘ส่งเสริมให้เด็กได้โชว์ศักยภาพ และความสามารถ เพื่อชิง-ทุนการศึกษา’ ของบริษัทผลิตนมผงคุณภาพระดับพรีเมียมของประเทศ
ซึ่งได้มีการประกวดและตัดสินในบางส่วนไปบ้างแล้ว สำหรับวันนี้เป็นวันที่ประกาศผลว่าเด็กคนไหนจะคว้าทุนการศึกษาหนึ่งล้านบาทไปได้
เสียงที่ดังเจื้อยแจ้วของผู้คนที่มาร่วมงานค่อย ๆ เบาลง และเงียบในที่สุด เมื่อพิธีกรบนเวทีทำการประกาศผลรางวัลที่ทั้งเด็กและผู้ปกครองกำลังรอคอย
“ขอแสดงความยินดีกับ ...”
เสียงดนตรีดังขึ้นเป็นการกระตุ้นความตื่นเต้นให้กับทุกคนที่อยู่บริเวณลานกว้างของห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง
“คนเก่งของเราวันนี้คือ ... น้องพอวา ด.ญ.พอวา เมธานนท์ รับทุนการศึกษาหนึ่งล้านบาท ยินดีด้วยครับ”
สิ้นเสียงพิธีกร เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นแทรกในทันที
“กรี๊ดดดด!!! น้องพอวาชนะแล้ว กรี๊ดดดด”
พลอยณิศาส่งเสียงร้องดีใจแข่งกับเสียงปรบมือ และคำชื่น¬ชมในตัวผู้ได้รับรางวัลทันที
‘เด็กหญิงพอวา เมธานนท์’ อายุหกขวบเศษเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ณ โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง บุตรสาวคนเดียวของ ‘พริมาภา’ หรือ ‘พรีม’ ซึ่งเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว โดยมีพิมพ์รดาน้องสาว กับพลอยณิศาเพื่อนเป็นคนช่วยดูแลตั้งแต่เกิด ร่างเล็กมองหน้าบุตรสาวที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่กับเพื่อนรักอย่างปลื้มปิติ ด้วยไม่คิดว่าบุตรสาวตัวเองจะเก่งขนาดนี้
แต่ก็ใช่ว่าเด็กน้อยจะไม่เคยผ่านเวทีการประกวดอะไรมา-ก่อนเลย ด้วยความฉลาด ความสามารถของเด็กที่พลอยณิศามองเห็น ทำให้หล่อนผลักดัน และแสวงหาโอกาสให้กับหลานสาวในทุก ๆ ด้าน ที่คิดว่าเจ้าตัวเล็กสามารถทำได้
และเมื่อเห็นว่าเวทีนี้เปิดให้เด็กได้มาโชว์ศักยภาพ ความสามารถ หล่อนจึงไม่รีรอที่จะยื่นใบสมัครให้ ซึ่งน้องพอวาได้แสดงความสามารถด้วยการเล่านิทานภาษาอังกฤษ จีน และไทย โดยถ่ายทอดจินตนาการออกมาจนผู้ชม และผู้ฟังในงานต่างพากันชื่นชมในความสามารถ จนคว้ารางวัลชนะเลิศรับทุนการศึกษาหนึ่งล้านบาทมาในที่สุด
และนอกจากทุนการศึกษาแล้ว ยังได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีด้วย
“เชิญน้องพอวาบนเวทีครับ”
เสียงพิธีกรหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง
“แกพาน้องพอวาขึ้นไปรับรางวัลเร็ว”
พลอยณิศารีบหันมาบอกเพื่อนรัก
“แม่จ๋าไปรับรางวัลกับน้องพอวานะคะ”
เด็กน้อยผู้ได้รับรางวัลรีบอ้อนมารดาขึ้นมาทันที
โดยปกติแล้วพริมาภาไม่ค่อยแสดงตัวอยู่แล้ว ส่วนมากจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพลอยณิศาหรือไม่ก็พิมพ์รดา เพราะทั้ง¬สองคนมักเป็นคนจัดการมาตั้งแต่ต้น
การประกวดครั้งนี้ในตอนแรกเธอก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร เพราะกลัวว่าจะเป็นการกดดันลูกสาวมากเกินไป ทว่าก็ต้องใจ¬อ่อนเมื่อเจ้าตัวเล็กเป็นคนเอ่ยปากเองว่า อยากไปประกวด
จริง ๆ แล้ววันนี้หญิงสาวไม่สามารถมาร่วมงานได้ด้วยซ้ำ ดีที่ทางบริษัทเลื่อนการประชุมออกไป เธอจึงรีบตามมาส่ง¬กำลังใจให้บุตรสาวทันที
“น้องพอวาไปกับน้าพลอยนะคะ”
“แกน่าจะขึ้นไปด้วยนะ เดี๋ยวฉันถ่ายรูปให้”
“ไม่ละ แกจัดการไปเถอะ ... น้องพอวาไปกับน้าพลอยนะคะ”
“ก็ได้ค่ะ”
น้ำเสียงตอบรับฟังดูติดจะเศร้าไปหน่อย ทว่าเมื่อมารดาอุ้ม¬ร่างเล็กขึ้น แล้วหอมเข้าที่แก้มฟอดใหญ่ ริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ยิ้มออกทันที
“แม่จ๋ารออยู่ข้างล่างนะคะคนเก่ง”
เธอบอกพร้อมกับอุ้มร่างเล็กขึ้นมาด้วย
“ค่ะ”
คราวนี้เสียงใสแจ๋วเลยทีเดียว
“งั้นฉันพาน้องพอวาไปรับรางวัลก่อน”
“โอเค ๆ ฉันไปรอหลังเวทีนะ”
หญิงสาวรับคำแล้วก็หยิบโทรศัพท์มาดู เพราะมีเสียงเรียกเข้ามาพอดี ว่าแล้วหญิงสาวก็หอมแก้มบุตรสาวเป็นการให้¬กำลังใจอีกครั้ง ก่อนส่งร่างเล็กให้เพื่อนรัก แล้วก็ปลีกตัวไปทางด้านหลังเวที
ขณะที่หญิงสาวเดินแยกตัวออกมา ได้ยินแต่คนชื่นชมบุตรสาวตัวเอง ยิ่งได้ยินหัวใจยิ่งพองโตรู้สึกภูมิใจตัวเองที่สามารถเลี้ยงดูลูกมาให้เก่ง และกล้าแสดงออกขนาดนี้ และต้องขอบใจเจ้า¬ตัวเล็กด้วยที่ไม่ดื้อ แถมยังยอมรับในสิ่งที่เธอและน้า ๆ ป้อนให้ทุกอย่าง
“เด็กคนนี้เก่ง ๆ มาก ๆ เลยนะคะคุณกิ่ง”
คำชื่นชมของหญิงคนหนึ่งทำเอาพริมาภาที่กำลังเดินอ้อมไปทางด้านหลังเวทีต้องหยุดเท้าแล้วหันมองที่ต้นเสียงนิดหนึ่งแล้วสายตาก็พลันเห็นใครคนหนึ่งในงาน
“คุณกิ่งกาญจน์”
พริมาภาอุทานเรียกชื่อหญิงสูงวัยซึ่งนั่งอยู่ที่ชุดโซฟาของ-ประธานในการจัดงานโดยอัตโนมัติ แล้วก็รีบพาตัวเองหลบไปทางหลังเวทีทันที หัวใจเต้นแรงเร็วอย่างลุ้น ๆ ด้วยกลัวว่าเจ้าของชื่อที่อุทานเรียกเมื่อครู่จะได้ยินแล้วหันมามอง ด้วยตกใจทำให้ลืมไปเสียสนิทว่า ต้องมารับสายโทรศัพท์ที่ดังเรียกเข้ามาเมื่อครู่ พอ¬มาดูอีกทีสายก็ถูกตัดไปแล้ว
หญิงสาวจำหญิงสูงวัยผู้นี้ได้ไม่เคยลืม เพราะท่านเป็นทั้งผู้ให้ที่พักพิง ให้ทั้งเงิน เพื่อให้เธอกับน้องสาวได้เรียนต่อ และก็ยังเป็นคนที่ทำให้ต้องกลายเป็นนกไร้รังอีกครั้ง
แต่หากให้มาคิดอีกทีต้องของคุณด้วยซ้ำที่ทำให้ชีวิตเธอมี-คุณภาพ และมีคุณค่ามากขึ้น เพราะหากไม่ใช่เพราะนาง ดีไม่ดีเธออาจจะยังคงเป็นแค่เด็กรับใช้ และคงไม่มี ดร.พริมาภา กับ เด็กหญิงพอวาในวันนี้ก็ได้
เธอมองหญิงสูงวัยที่ยังคงภูมิฐานเฉกเช่นเดิม แม้เวลาจะล่วงเลยมานานหลายปี ทว่าดูเหมือนว่านางยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง สายตาคู่สวยมองผ่านไปยังเจ้าตัวเล็กบนเวทีแล้วพลอยให้ยิ้มออกมาอีกครั้ง
“เด็กคนนั้นคือสายเลือดของคุณผู้หญิงนะคะ”
ริมฝีปากสวยได้รูปขยับเอ่ยขึ้นเบา ๆ ให้ได้ยินเพียงตัวเองเท่านั้น
“พี่ภีมโกรธวาเรื่องอะไรคะ” “หยุด! ต่อไปนี้เธอไม่ต้องเรียกฉันว่า ‘พี่’ ฉันมียายพลอยเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น” น้ำเสียงดุกร้าวไม่แพ้แววตา “นี่มันอะไรกันคะวางงไปหมดแล้ว พี่ภีมช่วยอธิบายให้วาเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวร้องขอความกระจ่างจากเขา ยังคงสะอื้นไห้อยู่เช่นเดิม “อธิบายเหรอ... ยังจะต้องให้ฉันอธิบายอะไรอีก หรือต้องการให้ฉันประจานต่อหน้าป้าอิ่มและนวลว่าเธอมันเลวชาติ... หน้าด้าน หน้าทน ขนาดไหน” “คุณภีม! / พี่ภีม!” วาทิตา นางอิ่ม อุทนทานเรียกชื่อเขาพร้อมๆ กันเลยทีเดียว ด้วยคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกจากปากเขาได้ “อยากรู้ว่าตัวเองเลวยังไง ฉันว่าไอ้นี่คงจะอธิบายได้อย่างชัดเจนถึงความเลวของเธอนะวาทิตา” ภาคิน ปาก้อนกระดาษที่เขาขยำไว้ในมืออย่างโกรธแค้นจนกลายเป็นก้อนกลมๆ ใส่หน้าหญิงสาวอย่างแม่นยำ ทว่าหากเวลานี้ในมือเขาสามารถประจุไฟขึ้นมาได้กระดาษแผ่นนั้นคงไม่เป็นก้อนอยู่อย่างที่เห็น มันคงกลายเป็นเถ้ากระดาษไปนานแล้ว วาทิตารีบคลี่ก้อนกระดาษที่เขาปาใส่หน้าเธออย่างเต็มแรงจนแก้มขาวนวลข้างซ้ายขึ้นรอยแดงอย่างเห็นได้ชัดทันที นัยน์ตากลมโตค่อยๆ ไล่อ่านทุกตัวอักษรยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งถอดสี ศีรษะส่ายไปมาเล็กน้อย เหมือนต้องการส่งสัญญาณให้บุคคลที่กำลังจ้องมองอยู่ตรงหน้านั้นได้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงตามข้อความในกระดาษนี้ สายตาชายหนุ่มที่กำลังจ้องมองประดุจเสือร้ายกำลังจ้องกวางน้อยและรอเวลาตะคลุบเหยื่อมาเป็นอาหารอันโอชะอยู่อย่างไม่ละสายตา ทำให้เขาเห็นทุกอากัปกิริยาของเธอ เขากระตุกยิ้มมุมปากนิดหนึ่งอย่างเหยียดๆ “ไม่จริง! นะคะพี่ภีม ไม่จริง”
หากไม่ใช่เพราะพินัยกรรมฉบับนั้นเธอคงไม่ได้เป็นเจ้าสาวของเขาในวันนี้หรอก “ก็แค่สามปี” กัญญ์ณรัณพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติที่สุด “ฉันคงไม่ปล่อยให้รตีต้องรอฉันจนถึงสามปีหรอก” “แต่ในพินัยกรรมบอกว่าเราต้องใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากันสามปีนะคะ” “เธอก็เป็นเมียฉันไปตามพินัยกรรมบ้าบออะไรนั่นไปสิ ส่วนฉันก็จะเป็นผัวในแบบของฉัน และจำไว้ว่ารตีคือคนที่ฉันรัก และจะเป็นเมียฉันคนเดียวเท่านั้น”
นิยายรัก แบบฉบับครอบครัว นางเอกแยกทางกับพระเอกโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองท้อง แล้วกลับมาเจอกันอีกครั้ง ตอนลูกสาวโตอายุได้ปรมาณ 4 ขวบ
“นี่คุณ ปล่อยฉันนะไม่อย่างนั้นฉันจะตะโกนเรียกคุณป๋า ท่านจะได้รู้ว่าคุณมันไว้ใจไม่ได้” น้ำเสียงเธอตกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็โดนอีกฝ่ายจู่โจมถึงตัวเอาแบบนี้ “คุณไม่รู้หรอกหรือว่าคุณป๋าคุณเปิดทางให้ผมแค่ไหน” เขากระซิบข้างหูคนตัวเล็กอย่างจงใจ “ปล่อยฉันนะ คุณอย่ามารุ่มร่ามกับฉันแบบนี้นะ” “รุ่มร่ามที่ไหนกันก็แค่กอดเมีย” คนกวนพยายามจะหอมแก้มขาวนวล ทว่าอีกฝ่ายหลบได้ทันเสียก่อน “นี่คุณ” ไม่ได้ห้ามอย่างเดียว ทว่ากำปั่นเล็กทุบเข้าที่หน้าอกเขาเต็มแรง แต่ดูเหมือนคนทุบจะเจ็บมือเองเสียเปล่า ๆ เพราะมันไม่ได้สะทกสะท้านหรือระคายเคืองอะไรกับแผงอกหนาเอาเสียเลย “ถ้ายอมให้หอมก็จะปล่อย” “มันจะมากไปแล้วนะ” เสียงที่ดังลอดไรฟันค่อนข้างเอาเรื่อง “แค่หอมมากไปทีไหนกัน ... โอ๊ย! นี่คุณชาติก่อนเป็นหมาหรือไง” ศิวัฒน์ยังไม่ทันได้กวนโทสะอีกฝ่ายจนสุด ก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาเมื่อคนในวงแขนแข็งแรงหันไปกัดเอาที่ต้นแขนนั้นจมเขี้ยว ทำเอาคนที่กำลังคิดว่าตัวมีชัยอยู่ถึงกับต้องปล่อยแขนออกจากเอวบางทันที
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"