คยไหม...ยิ่งต่อต้านใครสักคน แต่กลับยิ่งโหยหา เคยไหม...ยิ่งผลักไสใครสักคนให้ออกห่าง ก็ยิ่งเหมือนผูกพันหัวใจไว้กับเขา เคยไหม...ที่อยากวิ่งหนีหัวใจตัวเอง แต่หนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้น
คยไหม...ยิ่งต่อต้านใครสักคน แต่กลับยิ่งโหยหา เคยไหม...ยิ่งผลักไสใครสักคนให้ออกห่าง ก็ยิ่งเหมือนผูกพันหัวใจไว้กับเขา เคยไหม...ที่อยากวิ่งหนีหัวใจตัวเอง แต่หนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้น
สายลมกรรโชกแรงในยามดึกสงัดของราตรีกาลที่มีฝนฟ้าคะนอง ลอดผ่านหน้าต่างซึ่งเปิดแง้มเอาไว้ทำให้ชายผ้าม่านปลิวไสว บ้างก็แล่นฉิวเข้ามาในห้องกระทบกับมุ้งซึ่งถูกผูกโยงคลุมเตียงนอนขนาดใหญ่อีกทีเพื่อป้องกันยุงและริ้นไรไม่ให้มาไต่ตอม แม้ว่าบ้านไม้ริมน้ำหลังนี้จะติดมุ้งลวดรอบบ้านแล้วก็ตาม
แสงอสุนีบาตที่แลบแปลบๆ ราวกับแสงแฟลชจากกล้องขนาดใหญ่เป็นระยะ ทำให้เห็นความเคลื่อนไหวของสองร่างบนเตียงใหญ่ได้อย่างชัดเจน
“อา...”
เสียงครางต่ำลึกดังขึ้นอย่างสุดกระเส่าจากเรียวปากหยักลึก ในขณะที่สองมือเล็กได้แต่กำผ้าปูที่นอนจนยับย่น ปากนุ่มที่บวมเบ่งจากแรงจุมพิตสุดเร่าร้อนครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนหน้านี้กำลังจะเผยอร้อง แต่ก็ถูกปิดทับด้วยปากร้อนเสียก่อน
จุมพิตดูดดื่มเริ่มขึ้นอีกครั้ง พร้อมๆ กับที่เอวสอบเริ่มขยับโยกไหวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าใจจริงแล้วอยากจะรุกเร้าหนักหน่วงตามใจปรารถนาก็ตาม
ฝนเม็ดหนาทึบตกลงมากระทบหลังคาดังซ่าๆ นำพาความเย็นฉ่ำแผ่มาโอบล้อมทั่วอาณาบริเวณ สายลมที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบชายมุ้งเป็นระยะจนผ้าสีฟ้าปลิวไสวไม่ได้ทำให้สองกายหนาวซ่านแต่อย่างใด ตอนนี้บนเตียงใต้มุ้งบางเบากำลังเร่าร้อนด้วยอุณหภูมิของไฟสวาทที่โหมกระพือ มือเล็กยกขึ้นโอบร่างใหญ่ไว้แน่นยามที่เขาพาโลดทะยานไปพานพบความซ่านสยิวแปลกใหม่ เสียงครางหวานกระเส่าเริ่มดังขึ้นไม่ขาดสาย หลังจากปากร้อนผละออกจากการจุมพิตปากนุ่มแล้วเลยไปเชยชมพรมจุมพิตส่วนอื่น
สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร
ดวงตาคู่สวยกำลังกวาดมองตัวหนังสือบนป้ายดิจิตอล ซึ่งกำลังขึ้นตัวหนังสือแจ้งว่า ขณะนี้สายการบินที่เดินทางมาจากประเทศแคนาดากำลังลงจอดที่รันเวย์ของสนามบินอันใหญ่โตกว้างขวางแห่งนั้นเรียบร้อยแล้ว และในอีกประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาบุรุษหนุ่มรูปร่างสง่างาม เจ้าของใบหน้าหล่อคมติดดุดัน แต่ทว่ากลับเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหลก็ก้าวเข้ามาในอาคารผู้โดยสารขาเข้าพร้อมๆ กับผู้โดยสารอื่นๆ ที่เริ่มทยอยออกมาอย่างไม่ค่อยหนาตามากนัก
ทันทีที่สายตาปะทะกับร่างสูงนั้น หัวใจของ ‘สายน้ำผึ้ง’ สาวน้อยวัยยี่สิบสองปีก็เต้นแรงระรัวราวกับมีกองทัพกำลังกระหน่ำกลองศึกอยู่ภายในนั้นก็ไม่ปาน มือไม้เกิดอาการสั่นอย่างไม่อาจระงับ เมื่อร่างสูงสง่าเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
แต่แล้วอาการตื่นเต้นของสายน้ำผึ้งก็ค่อยๆ หายไป ใบหน้าเนียนใสเจื่อนลงเพราะเขาไม่ได้แม้แต่จะชายตาแลมาทางเธอด้วยซ้ำไป
“สวัสดีค่ะอาภีม”
‘อันดามัน’ ยกมือขึ้นไหว้ผู้ชายที่มีศักดิ์เป็น ‘อา’ ของตน ที่เรียกว่ามีศักดิ์เป็นอาก็เพราะ ‘ภีมภัทร’ กับเธอไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดใดๆ เลยแม้แต่นิด ปู่แท้ๆ กับย่าบุญธรรมของเธอเป็นม่ายลูกติดทั้งคู่ พ่อของเธอเป็นลูกติดพ่อ ส่วนภีมภัทรเป็นลูกติดแม่ และเมื่อปู่กับย่าแต่งงานกันจึงมีลูกด้วยกันอีกหนึ่งคน คือจอมทัพซึ่งเป็นอาคนเล็กของเธอนั่นเอง
“มาได้ยังไง”
ภีมภัทรถามด้วยน้ำเสียงห่างเหินเช่นเดียวกับทุกครั้ง แต่ตาไม่ได้คลาดไปจากใบหน้าเนียนใสของอันดามันเลยแม้แต่เศษเสี้ยวนาที แต่คนถูกมองแสร้งทำเป็นไม่สนใจอากัปกิริยาใดๆ ของคนมอง ทำเพียงแค่พยายามจะยิ้มและควบคุมน้ำเสียงให้ร่าเริงสดใสเท่านั้น
“มิ้มไม่มีเรียนช่วงบ่าย เห็นว่าอาภีมจะกลับวันนี้ก็เลยมารับ”
“แน่ใจเหรอว่าอยากมารับอาจริงๆ โดยที่ไม่มีอะไรแอบแฝง”
ตาคู่คมหรี่มองอย่างจับพิรุธขณะถามอย่างรู้ทัน ก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะมองแบบนั้น ในเมื่อเธอกับเขาไม่ได้ญาติดีกันมากว่าสองปีแล้ว
“แน่ใจสิคะ”
ปากยืนยันอย่างหนักแน่น แต่พฤติกรรมกลับตรงกันข้าม หลังจากพูดจบก็หันไปทางเพื่อนสาวของตัวเองที่ยืนอยู่ข้างๆ และแนะนำให้ผู้เป็นอารู้จักทันที
“นี่สายน้ำผึ้ง อาเรียกว่าหยีก็ได้ หยีเป็นเพื่อนสนิทและเป็นเพื่อนที่มิ้มรักที่สุดในมหาวิทยาลัยค่ะ”
“สวัสดีค่ะอาภีม”
สายน้ำผึ้งยกมือขึ้นไหว้อย่างขลาดๆ สายตาคมดุที่ปรายมามองแค่แวบเดียวสั้นๆ นั้นทั้งเย็นชาและมีแววรำคาญปนอยู่อย่างเปิดเผย ภีมภัทรไม่ได้เอ่ยทักทายตอบแต่อย่างใด แค่ยกมือขึ้นรับไหว้แล้วหันไปทางหลานสาวของตัวเองต่อ ทำเอาใบหน้าที่เจื่อนอยู่แล้วกลายเป็นสีขาวซีดราวกับกระดาษในทันที
“มิ้มกับเพื่อนกลับไปเถอะ อามีคนมารับแล้ว”
เธอ...รักอย่างภักดีและเจียมใจ เขา...จ้องแต่จะทำลาย เลยทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้รัก สุดท้าย...สิ่งที่เธอได้รับการตอบแทน จากรักที่แสนภักดีก็คือคำว่า ง่าย ที่เขาตะโกนใส่หน้าอย่างไม่คิดแม้แต่จะสงสาร
ศาสตรา ภูวเดชาธร คือผู้ชายที่ ภัคธีมา บอกตัวเองว่าเขาช่างร้ายกาจสมกับชื่อ ผู้ชายคนนี้พร้อมจะฟาดฟันให้เธอย่อยยับแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งๆ ที่เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ หรือเขารังเกียจว่าเธอจน ไม่คู่ควรกับคนในตระกูลภูวเดชธรเจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เขาจึงกีดกันเธอกับน้องชายเขาทุกวิถีทาง แม้ภัคธีมาพยายามจะไม่ข้องแวะกับเขา หากทว่าในที่สุด โชคชะตาก็กลั่นแกล้ง ให้ต้องตกไปอยู่ในบ่วงพันธนาการของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภัคธีมาจึงได้แต่นับวันรอ… รอวันที่กริชผู้แข็งกร้าวอย่างเขาจะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่ครั้นเมื่อถึงเวลาจริงๆ มันกลับไม่ง่ายเลย เพราะหัวใจที่แสนอ่อนไหวถูกบ่วงเสน่หาร้อยรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ร่างบางดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ร่างกายทุรนทุรายเพื่อความอยู่รอด แต่ใจเธอยอมแพ้แล้ว มันอึดอัด มันหนาวเหน็บ นี่สินะความตาย ความตายของเธอที่พี่อิสร์ต้องการ เอมทำให้แล้วนะคะ หวังว่าการกระทำของเอมในครั้งนี้ จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เอมทำให้พี่อิสร์มีความสุข ขอให้ความรักความแค้นระหว่างเราจบลงแค่นี้ เอมเจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะหายใจแล้วเช่นกัน ขอบคุณที่บอกให้เอมมาตาย มันน่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ที่ดีที่สุดของเอมแล้ว ลาก่อนค่ะพี่อิสร์...
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน ทำให้พรรษรดาต้องเข้าพิธีกับน้องชายของเจ้าบ่าวแทน แม้วิวาห์ครั้งนี้จะเป็นเพียงวิวาห์สมมติในความรู้สึกของเขาและเธอ หากทว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ข้างในนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะกล้าบอกความในได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายที่เธอมีใจใฝ่ปองและอยากแต่งงานด้วยจริงๆ ก็คือเขา ในเมื่อผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี เอาแต่เฉยเมยเย็นชาใส่ ซ้ำยังเอ่ยปากขอหย่าอยู่หลายครั้ง พรรษรดาจะจัดการปัญหาหัวใจครั้งนี้อย่างไรดี ในเมื่อยิ่งเขาทำให้เจ็บ หัวใจไม่รักดีก็ยิ่งรักเขามากขึ้นๆ เธอควรรั้งเขาไว้ให้เป็นสามีในนามเพื่อทรมานใจกันเล่นๆ หรือว่าปล่อยเขาไปให้สมรักกับผู้หญิงอื่นตามที่เขาร้องขอ ***ตัวอย่าง*** “ฉันรักเธอพรรษรดา ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว” เขาสารภาพออกมาเสียงแหบห้าว นัยน์ตาหม่นมัวไปด้วยแรงรักแรงปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน “คุณภู...” “หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉัน หัวเราะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันเป็นทาสรักของเธออย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดหลายปี หัวเราะเยาะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่ตัดใจไม่ได้เสียที” คำสารภาพของเขาเหมือนระลอกคลื่นยักษ์ที่กระแทกโครมเข้าใส่หัวใจดวงน้อยของพรรษรดา เธอถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะแบกรับความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไม่ไหว “ฉันมันคงน่าสมเพชมากสินะ” ร่างใหญ่ขยับตัวเหมือนจะถอดถอนออกไป แต่พรรษตวัดขารัดรอบเอวสอบไว้แน่น ทำให้เขาดำดิ่งเข้ามาฝังลึกอยู่ในช่องสาวอีกครั้ง “อย่าบังอาจลุกจากตัวพรรษ” เธอแหวใส่เขาเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทาเพราะความรัญจวนและความเต็มตื้นในหัวใจ “พรรษรดา...” “อย่าคิดว่าจะผลักไสพรรษง่ายๆ อีก รู้มั้ยว่าพรรษรอนานแค่ไหน รู้ไหมว่าต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองรักคุณภูข้างเดียว อย่ามาบอกรักพรรษ ล้อเล่นกับหัวใจพรรษแล้วหนีไปง่ายๆ อีก พรรษไม่ยอมอีกแล้ว คราวนี้พรรษจะตามรังควานไปตลอดชีวิตเลย อย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสมีความสุขกับผู้หญิงคนไหน อย่าหวังว่าจะได้บอกรักใครอีก เพราะคำว่ารักของคุณภูจะเป็นของพรรษคนเดียวตลอดไป”
ในเมื่อเธอเป็นเมียที่ได้มาจากการทรยศ ความรู้สึกเดียวที่เธอจะได้รับจากเขาก็มีแค่ ความชัง เท่านั้น อย่างหวังว่า เขาจะเลิกชัง อย่าหวังว่า เขาเหลียวแล อย่าหวังว่า จะได้แม้แต่เศษเสี้ยวความรักของเขา นภัทรบอกตัวเองเช่นนั้น อย่างหนักแน่นอยู่เสมอ แต่ความเกลียดชังโกรธแค้นของเขามันน้อยลงตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเป็นเพราะนัยน์ตาเศร้าๆ ซื่อๆ ของเด็กคนนั้น ที่มันค่อยๆ เขย่าความเย็นชาในหัวใจเขา ให้กลายเป็นความรู้สึกอื่น
หลังจากแต่งงานมาสามปี ฮั่วเป่ยอวี๋ไม่เพียงแต่เย็นชากับเสิ่นเจียงหนานเท่านั้น แต่ยังคบชู้ ทำให้เสิ่นเจียงหนานผิดหวังมาก เขาก็แค่ชายเจ้าชู้นี่เอง หลังจากหย่ากันอย่างเด็ดขาด เธอก็มุ่งหน้าไปทำงาน ในฐานะนักออกแบบชั้นนำ แพทย์ผู้อัศจรรย์ และแฮ็กเกอร์เก่งๆ เธอเชี่ยวชาญหลายๆ ด้านและกลายเป็นเจ้าหญิงที่ทุกคนชื่นชมและเป็นที่ต้องการ ในที่สุด ฮั่วเป่ยอวี๋ก็ตระหนักถึงสิ่งที่เขาสูญเสียไปและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะใจเธอ แต่เขากลับเห็นเธอจัดงานแต่งงานแห่งศตวรรษร่วมกับชายอีกคน เมื่องานแต่งงานของคนสองคนถูกถ่ายทอดสดบนป้ายโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในโลก-- เผ๋ยเหยียนหลี่สวมแหวนให้เธอ และประกาศให้โลกได้รับรู้อย่างท่วมท้น "เสิ่นเจียงหนานเป็นภรรยาของผมและเธอเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผม ใครกล้ามาแตะต้อง ต้องเจดีแน่!"
เลือกสามีผิดคิดจนตัวตาย!เป็นเช่นไรรู้ก็เมื่อสายไปเสียแล้ว ลูกต้องตายจาก พ่อแม่พี่ชายพลัดพราก ด้วยหน้าที่ของเขาในฐานะเจ้าเมือง ช่วยชีวิตทุกคนไว้ได้ เว้นแต่นาง เว้นแต่ครอบครัวของนาง
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
รลิน หมอศัลยแพทย์ทั่วไป เธออายุ 27 แต่ความสามารถของเธอนั้นเป็นที่ยอมรับโดยประจักษ์ เธอยังชำนาญด้านแพทย์แผนจีน เรื่องพิษ คนทั่วไปทั้งในโรงพยาบาลและนอกโรงพยาบาลที่รู้จักเธอ รับรู้แค่เธอเป็นหมอลินที่ทั้งสวยและเก่ง แต่ตัวตนที่แท้จริงของเธอนั้น เธอคือนักฆ่าขององค์กรใต้ดิน เธอต้องเรียนรู้และเข้าให้ถึงทุกอาชีพตามที่องค์กรสอน เมื่อได้ภารกิจต้องเข้าให้ถึงทุกบทบาท
[แนวลูกเด็กน่ารัก+สาวเก่ง+แก้แค้น]ฉวี่ชิงเกอแต่งงานกับฟู่หนานจิ่นมาเป็นเวลา 5 ปี เธอใช้ชีวิตเหมือนแม่บ้าน เธอคิดว่าตัวเองท้องแล้วจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาดีขึ้น แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้มาคือ ข้อตกลงการหย่า เมื่อคลอดลูก ฉวี่ชิงเกอแทบจะไม่รอดเพราะมีคนทำร้าย เธอถึงรู้สํานึก ห้าปีต่อมา เธอกลายเป็น"ท่านประธานฉวี่"แล้วกลับมาแก้แค้น คนที่เคยรังแกเธอต่างก็ได้รับการสั่งสอนอย่างสะหัส และความจริงที่ถูกปิดบังไว้ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมาก อดีตสามีคิดจะขอคืนดีกับเธอเหรอ คิดง่ายไปหน่อยไหม? ฟู่หนานจิ่นอ้อนวอน"ที่รัก ลูกต้องการหม่ามี๊ ขอแต่งงานใหม่ได้ไหม?"
" ผมใหญ่ครับ " " ใหญ่นี่ ชื่อหรือสรรพคุณคะ " " ก็... ทั้งสองอย่างครับ " +++++++++++++++++++++++++++ " ผมอยากเอาคุณเป็นบ้าเลย " ดวงตาของมิถุนาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ อย่างไม่ให้เกียรติเธอแม้แต่นิด " ไอ้โรคจิต หยาบคาย ! " เธอผรุสวาทออกมาทั้งยังพยายามดิ้นรนผลักไสให้ตัวเองหลุดพ้นพันธนาการอันเป็นอ้อมแขนเหนียวแน่นนั้น และแน่นอนว่านอกจากไม่หลุดแล้วเขายังรัดเธอแน่นเข้าไปอีก " ปล่อยฉันนะ ! " " ก็คุณบอกให้ผมพูดเอง " " ใครจะไปรู้ว่าความคิดคุณจะทุเรศลามกขนาดนั้น " " มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ธรรมชาติสร้างให้สัตว์เพศผู้เพศเมียสมสู่กันเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ ความต้องการทางเพศมันเป็นเรื่องปกติ หรือว่าคุณไม่เคยมีมัน " " ฉันมีคู่หมั้นแล้วและไม่ได้อยากดำรงเผ่าพันธุ์อะไรกับคนแบบคุณ ! " เขาหัวเราะเบา ๆ ต่างกับเธอที่ตาเขียวปั้ด อยากจะยกมือขึ้นตะกายหน้าหล่อ ๆ นั่นแทบบ้า ไอ้คนไร้มารยาท ! " เราไม่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้น " เขาเริ่มบทสนทนาต่อก่อนโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ " แค่เอากันก็พอ " ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ " ...แค่อยากจะมาทักทายคนคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว " " ฉันไม่ใช่คนคุ้นเคยของนาย " " งั้นคุณเป็นคนคุ้นเคยของผมฝ่ายเดียวก็ได้ " " อย่ามากวนนะ ระวังจะโดนเอาคืน " " ก็เอาสิ จะเอาคืน เอาวัน หรือเอาทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้นะ ผมไม่ติด "
© 2018-now MeghaBook
บนสุด