U1 - ก็บอกว่าฉันไม่ใช่คนิ้งไง!! / เธอคิดว่าฉันจำเมียตัวเองไม่ได้หรือไง?
• ACTION •
ฉันเกือบดีใจที่แกกลับมาอยู่บ้านเป็นเพื่อนแล้ว เกือบดีใจที่ไม่ต้องใช้ชีวิตตามลำพังแบบเดิม เกือบดีใจว่าเราสองคนจะปรับความเข้าใจกันได้ แต่สุดท้ายแกก็ทิ้งฉันไป…
“ถ้าจะเป็นแบบนี้ แกก็ไม่ควรกลับมาสิ ฮึกๆ”
คณานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่หน้าหลุมฝังศพของแฝดพี่ ที่กลับมาหาเธอที่บ้านได้เพียงแค่ไม่ถึงเดือน ก็คิดสั้นจากเธอไป โดยที่เธอทั้งคู่ยังมีเรื่องค้างคาใจกันอยู่มากมาย
เพราะก่อนหน้าที่คนิ้งจะหนีออกจากบ้านไปนั้น เธอทั้งสองคนมีปากเสียงกัน และจากนั้นพวกเธอก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย เป็นเวลานานเกือบห้าปี จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อน ที่คนิ้งกลับมาที่บ้าน บ้านหลังที่พ่อและแม่ของพวกเธอทิ้งไว้ให้ก่อนจากทั้งคู่ไป
ซึ่งคณานั้นไม่รู้เลยว่าเหตุใดพี่สาวของเธอจึงกลับมาที่บ้าน และก่อนหน้านี้เธอหายไปอยู่ที่ไหนมานานเกือบห้าปี…
หนึ่งเดือนต่อมา หลังจากคนิ้งเสีย…
ทาวน์เฮ้าส์เก่าๆ แถวชาญเมือง..
“วันนี้ฉันไม่เข้าร้านนะ รู้สึกเหมือนจะไม่สบาย” คณาโทรบอกเพื่อนสาวของเธอ ที่ทำงานเป็นเด็กเสริฟอยู่ที่ร้านอาหารแห่งนึงแถวชาญเมือง
“โอเค เดี๋ยวฉันบอกเจ้แกให้”
“ขอบใจนะ” เมื่อจบธุระคณาก็กดวางสายทันที ก่อนจะนอนหลับตานิ่งคิดถึงเรื่องมากมายที่วนอยู่ในหัว
“ทำยังไงฉันถึงจะออกไปจากที่นี่ได้นะ..” ฉันไม่อยากจะใช้ชีวิตที่ต้องดิ้นรนต่อสู้แบบนี้อีกแล้ว…
เธออดข้าวมาเกือบสองวัน เพราะไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว และก็ไม่มีใครที่ไหนกล้าให้เธอยืมเงินแล้ว แม้แต่เงินจะเติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ไปทำงานก็ยังไม่มี หนำซ้ำยังมีหนี้ก้อนโตจากการที่เธอไปกู้ยืมเขามาทำศพให้พี่สาวผู้ล่วงลับอีกด้วย…
“กู้เงินมาทำศพแกตั้งหลายหมื่น จะตายยังต้องมาลำบากฉันอีก ฮึกๆ ฮือๆ~”
เมื่อพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอก็ร้องไห้ปล่อยโฮออกมา ไม่ใช่ว่าเธอนั้นเสียใจที่ต้องมีหนี้ก้อนโต แต่มันเป็นความเศร้าใจที่เธอต้องใช้ชีวิตโดยลำพังบนโลกใบนี้… แบบไร้ซึ่งญาติ ขาดซึ่งมิตร
“ฉันจะทำยังไงดี ฮือๆ~” ฉันเคยคิดว่าชีวิตที่ไม่มีคนิ้ง ฉันอยู่ได้สบายมาก จนเมื่อมันไม่อยู่จริงๆ ฉันถึงได้รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญและมีค่าที่สุดที่ฉันมีอยู่ แต่แล้วฉันก็ไม่เหลือใครเลย ไม่เหหลือเลยสักคน..
“พระเจ้าช่วยส่งทางออกให้ฉันทีเถอะนะ หรือไม่ก็… ส่งฉันไปอยู่กับมันแล้วก็พ่อแม่ที ฮือๆ~”
เธอนอนร้องไห้ซมอยู่บนที่นอนเพราะความโดดเดี่ยวที่เธอเผชิญอยู่ และทำได้เพียงภาวนาอ้อนวอนกับพระเจ้าเท่านั้น เพื่อขอให้ชีวิตของเธอถูกเมตตาบ้างสักครั้ง…
“คนิ้ง!!”
คณาเงียบเสียงร้องไห้ลง ก่อนจะเด้งตัวขึ้นจากที่นอน เพื่อตั้งใจฟังเสียงนั้นอีกครั้งให้แน่ใจ ว่าเธอไม่ได้หูฝาด ว่ามีใครกำลังตะโกนเรียกหาพี่สาวของเธอผู้ล่วงลับไปแล้วอยู่..
“คนิ้ง ฉันรู้นะว่าเธออยู่ในบ้าน ถ้าไม่ลงมาเปิดประตู ฉันจะพังบ้านเข้าไปแล้วนะ!!” เสียงของชายที่อยู่หน้าบ้านตะโกนบอกสารกับคนที่อยู่ด้านใน แต่ทว่าที่นี่กลับไม่มีคนที่เขามาตามหา
“ใครวะ?” เธอลุกขึ้นจากที่นอนและเดินลงไปเปิดประตู เพื่อดูว่าคนที่กำลังโวยวายอยู่หน้าบ้านของเธอนั้นเป็นใคร
แก๊ก!
“นี่! เธอหนีฉันมาทำไมยัยบ้าหนิ!” เมื่อหมอตินเห็นว่าผู้หญิงที่มีใบหน้าและรูปร่างเหมือนกันกับแฟนสาวของตนเปิดประตูบ้านออกมา เขาก็เดินพุ่งเข้าไปหาเธอในบ้านทันที ก่อนจะกระชากร่างบางของเธอเข้ามากอดด้วยความโมโหและในขณะเดียวกันนั้นก็เป็นห่วงเธออยู่ลึกๆ
“นี่! ปล่อยนะ มากอดฉันทำไมเนี่ยไอโรคจิต!” คณาพยายามที่จะผลักดันร่างหนาแปลกหน้านั้นออก แต่ทว่าแรงมหาสารของเขาที่กำลังขืนแรงเธออยู่นั้น มันไม่สามารถทำให้เธอขยับตัวหนีได้เลย
“กลับบ้าน!”
“กลับบ้านไหนล่ะไอบ้า นี่มันบ้านฉัน!”
“เดี๋ยวนี้กล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ!”
“ก็แล้วแกเป็นพ่อฉันหรือไงล่ะถึงจะพูดไม่ได้ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะไอบ้า ไม่งั้นฉันโทรเรียกตำรวจมาจับแกแน่”
“ก็เอาสิ.. เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าฉันไม่กลัวตำรวจ” ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้กล้าแสดงความก้าวร้าวใส่ผมแบบนี้ ทั้งที่ปกติ แค่ผมดุเธอคำเดียวเธอก็จะเงียบและก้มหน้าลงแล้ว สงสัยต้องมีใครล้างสมองเมียผมแน่ๆ
“มันพูดบ้าอะไรของมันวะ.. ได้ แกจะลองดีใช่ไหม?” คณาล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงยีนส์ออกมา
หมับ!
“นี่! เอาโทรศัพท์ฉันมานะ แกจะทำบ้าอะไรวะ?!”
หมอตินพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้พูดหรือกระทำรุนแรงกับเธอ เพราะกลัวว่าการง้อปรับความเข้าใจครั้งนี้จะไม่เป็นผล และอีกอย่าง เขาไม่เคยต้องรับมือกับแฟนสาวในสภาพแบบนี้มาก่อน “กลับบ้านกัน ไปคุยกันที่บ้านดีๆ เถอะนะ”
“ก็นี่มันบ้านกู มึงจะให้กูไปไหนล่ะไอหน้าแมว!”
ผ ม ห ม ด ค ว า ม อ ด ท น กั บ เ ธ อ แ ล้ ว !!
หมอตินลากคณาออกมาจากบ้าน ก่อนจะจับเธอโยนเข้ารถตู้อัลพาร์ดสีดำคันหรูที่ขับโดยลูกน้องของเขา
คนที่อยู่รอบบริเวณนั้นเริ่มพากันมองตามเสียงโวยวายที่ดังมาจากบ้านของคณา แต่ก็ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาช่วยเธอ เพราะคิดว่านั่นคงเป็นเจ้าหนี้ที่มาตามทวงหนี้เธอที่บ้าน ถึงได้มีปากเสียงกันแบบนั้น…
“พวกมึงยืนดูทำไม ไปช่วยอีคณามันสิ” เสียงป้าข้างบ้านของคณาพูดบอกกับลูกๆ ของเธอ ก่อนที่เธอจะเป็นคนวิ่งออกมาดักหน้าชายแปลกหน้าคนนั้นไว้ ก่อนที่เขานั้นจะก้าวขาขึ้นรถ
“เดี๋ยวสิ...”
“อย่ามายุ่งเรื่องผัวเมีย!” หมอตินหันไปตะหวาดป้าที่ทำท่าจะห้ามตน ก่อนจะรีบขึ้นรถไป และสั่งให้คนขับออกรถทันที
“แม่ ทำไงดีแจ้งตำรวจเลยดีไหม?” เสียงลูกของป้าข้างบ้านเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าคณาถูกรถตู้คันหรูของคนแปลกหน้าพาตัวออกไปแล้ว
“อีคณามันไปมีผัวตอนไหนวะ?” เธอยังคงติดใจอยู่กับเรื่องที่ชายแปลกหน้าคนนั้นพูด เพราะหากว่านั้นเป็นเรื่องของผัวเมียทะเลาะกันจริงๆ เธอก็ไม่ควรเอาตัวเข้าไปยุ่ง เพราะกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นหมา หากเขาคืนดีกัน
“เอาไงดีแม่?”
“โอ๊ย! กูก็ไม่รู้เว้ย”
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"