เขา…ชายหนุ่มที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยว เธอ…เด็กสาวขาพิการผู้ไม่เคยสิ้นหวัง
เขา…ชายหนุ่มที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยว เธอ…เด็กสาวขาพิการผู้ไม่เคยสิ้นหวัง
“พิรุณ” แปลว่าฝน สำหรับบางคนฝนคือสายน้ำแห่งความสดชื่นชุ่มฉ่ำคือหยาดฝนที่ทำให้รู้สึกมีความสุขหรืออย่างน้อยๆ ได้มองเม็ดฝนที่ข้างหน้าต่างก็คงเป็นความเพลิดเพลินได้พอสมควรแต่ไม่ใช่กับผู้ชายคนหนึ่ง
เขาชื่อ “พิรุณ” อายุยี่สิบแปดปี ทั้งชีวิตมีแค่ความโดดเดี่ยวเป็นเพื่อนข้างกาย หลังเข้าชั้นประถมได้ไม่กี่วันแม่แท้ๆ ก็พาไปหาย่าแล้วก็ไม่เคยกลับมาให้เห็นหน้าอีกเลยเคราะห์ซ้ำกรรมซัดให้หนักขึ้นเมื่อคนเพียงคนเดียวที่รักเขาดั่งดวงใจก็มาด่วนจากไปตอนอยู่ประถมปีที่สาม หลังจากนั้นพิรุณก็ระเหเร่ร่อนย้ายโรงเรียนย้ายบ้านไปเรื่อยตามแต่ความเวทนาสงสารของเหล่าญาติๆ ว่าปีนั้นใครจะรับไปดูแล เขาเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความหมางเมินและไม่เคยได้รับความรักและอ้อมกอดจากใครเลย
พิรุณคือฝนแห่งความโดดเดี่ยว ฝนแห่งความอ้างว้าง คล้ายๆ ว่าเขาคือบ่อเกิดแห่งความโศกเศร้า ชีวิตหลังย่าจากไปเขาก็ไม่เคยมีความสุขอีกเลยไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตามส่วนรอยยิ้มคือสิ่งที่หาได้ยากยิ่งจากคนแบบเขา
“พิรุณ” เกิดตอนฝนโปรยปรายเขาคือสายฝนแห่งความชื่นใจของมารดาอย่างแท้จริงส่วนชื่อเล่นคือ “ฟ้า” เพราะเด็กสาวที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่เรียนมัธยมต้นรักการมองท้องฟ้าเป็นที่สุด หลายครั้งที่ท้อแท้เธอมักจะแหงนหน้าขึ้นไปมองแผ่นฟ้ากว้างใหญ่แล้วก็จะมีแรงใจขึ้นมาทันทีเธอบอกกับตัวเองว่าถ้ามีลูกไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายจะตั้งชื่อว่าฟ้าแน่นอน
“ฟ้า เดี๋ยวช่วยดูแลคนไข้คนนี้ทีดูแลเป็นพิเศษนะ” หญิงสาววัยกลางคนเข้ามาแจ้งข่าวให้ผู้ร่วมงาน พิรุณเข้าใจทันทีถึงสิ่งที่เธอย้ำประโยคสุดท้ายว่ามันหมายความถึงอะไร ปีละครั้งสองครั้งเขาจะได้รับคำสั่งแบบนี้
“สวัสดีค่ะ” ตุลยดาและพรรัมภายกมือไหว้ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐาน ทั้งคู่แปลกใจมากแต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้สุดฤทธิ์เพราะเจ้าหน้าที่ด้านหน้าแจ้งให้มาพบผู้บำบัดในห้องซึ่งก็คือผู้ชายคนนี้ เขาหนุ่มมากไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นนักบำบัดได้บอกว่ายังเรียนไม่จบก็ไม่แคลงใจแต่อย่างใด
“สวัสดีครับ ผมขอตรวจอาการเบื้องต้นนะครับ” พิรุณขออนุญาตก่อนเพราะเขาต้องโดนตัวคนไข้ เขาใช้มือสัมผัส กดและเตะไปทั่วขาของเด็กสาวที่นั่งอยู่บนรถเข็นด้วยความตั้งใจ
ตุลยดาขนลุกเล็กน้อยจากสัมผัสที่ได้รับ นอกจากพี่ชายแล้วก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนถูกเนื้อต้องตัวแบบตั้งอกตั้งใจขนาดนี้มาก่อน ที่ผ่านมาเธอพบแต่ผู้บำบัดและหมอที่เป็นผู้หญิงเท่านั้นมันจึงอดหวิวๆ ไม่ได้เมื่อเขาลูบไล้เรียวขาของเธอซ้ำไปซ้ำมา
“สนใจคอร์สวารีบำบัดใช่ไหมครับ คนไข้ว่ายน้ำเป็นไหมครับ”
“เป็นค่ะ แต่ แต่ไม่ได้ว่ายนานแล้วไม่รู้จะยังว่ายได้อยู่ไหม” ตุลยดาตอบ
“ไม่ต้องห่วงครับเราแค่ถามเพื่อกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ถึงว่ายไม่เป็นก็เข้าคอร์สได้ครับเพราะเรามีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดหนึ่งต่อหนึ่งส่วนคนไข้ที่เคยว่ายน้ำเป็นแต่ห่างหายไปนานส่วนมากพอลงน้ำก็ว่ายได้เหมือนเดิมครับหรืออาจจะใช้เวลาสักพักเท่านั้นครับร่างกายก็จะเรียกความสามารถส่วนนั้นกลับมา”
“ไม่ทราบว่าญาติคนไข้เข้าไปดูการบำบัดได้ไหมคะ” พรรัมภาถาม เธอไม่อยากปล่อยน้องสาวให้อยู่ตามลำพังกับผู้ชายในชุดว่ายน้ำเธอรู้ว่าต่อไม่พอใจแน่ๆ และเธอก็ไม่ชอบใจเช่นกันเพราะเห็นสายตาประหลาดๆ ของเขา
“ได้ครับเพราะคนไข้จองคอร์สส่วนตัวมาปกติถ้าเป็นคอร์สธรรมดาจะไม่ให้เข้าครับ”
“คนไข้ต้องการรถรับส่งไหมครับ”
“ไม่ค่ะ เดี๋ยวพีชมารับมาส่งเอง”
พิรุณซักถามข้อมูลจากคนไข้อีกพักใหญ่เพราะต้องการรายละเอียดให้มากที่สุดเพื่อนำไปใช้ในการรักษาและออกแบบคอร์สบำบัดที่เหมาะสมกับคนไข้ พรรัมภาพอใจมากกับความใส่ใจและมีมาตรฐานของศูนย์บำบัดคิดไม่ผิดเลยที่ยอมจ่ายเงินให้กับที่นี่ถึงมันจะแพงกว่าที่อื่นๆ ตั้งห้าเท่าก็ตาม
“พบกันสัปดาห์หน้านะครับ” ผ่านไปเกือบชั่วโมง พิรุณก็บอกลาคนไข้และพี่สาวของเธอ
“พี่พีชคะ” ตุลยดาเรียกว่าที่สะใภ้ของเธอด้วยเสียงกระซิบ
“ไหนว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วไง” พรรัมภาบอกแล้วจับมือน้องสาวมากุมไว้ เธอรู้ว่าสาวน้อยหน้าหวานจะพูดเรื่องอะไร
“มันแพงมากเลย” ตุลยดาบอกแล้วจู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา ตอนพี่พีชรูดบัตรเครดิตจ่ายเงินเธอเกือบจะร่วงตกจากรถเข็นเพราะราคามันห่างครึ่งล้านไปนิดเดียวเท่านั้น ศูนย์แห่งนี้เป็นที่หนึ่งด้านวารีบำบัดและหัตถบำบัดพี่พีชเลือกคอร์สหกเดือนแบบ VIP ทุกรูปแบบทั้งผู้ดูแล ห้องบำบัดหรือแม้แต่อาหารการกินและเธอต้องมาที่นี่สัปดาห์ละสี่วัน
“ทำให้พี่ไม่ได้เหรอมันคงลำบากและต้องใช้ความอดทนมากแต่พี่ก็อยากให้ตาลลองดูส่วนเรื่องเงินพี่ขอพูดแบบนี้แล้วกัน ในเมื่อพี่มีเยอะกว่าพี่ก็อยากดูแลตรงนี้แล้วถ้าพี่จะซื้อความสุขด้วยเงินมันก็ไม่แปลกใช่ไหมความสุขของพี่คืออยากเห็นตาลกลับมาเดินได้ตาลช่วยทำให้ความฝันของพี่เป็นจริงได้ไหม”
“ค่ะ พี่พีช ตาลจะพยายามตาลจะไม่ดื้อ”
“สัญญาด้วยว่าจะเลิกคิดเรื่องค่าใช้จ่าย สิ่งเดียวที่พี่อยากให้ตาลทำก็คือตั้งใจกับการบำบัด”
“ค่ะพี่พีช ตาลสัญญา”
พรรัมภาพาตุลยดาไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อชุดว่ายน้ำทั้งสองคนเห็นตรงกันว่าควรซื้อแบบชุดชิ้นเดียวมีกระโปรงปิดบั้นท้ายและสีเข้มๆ เข้าไว้ หลังจากเลือกกันอยู่นานจึงได้มาทั้งหมดสามชุด
“ตาลคิดว่าคุณพิรุณเขาเป็นยังไง” พรรัมภาถามระหว่างที่กินของหวาน
“ก็ดีนะคะ เขาพูดจาเข้าใจง่ายดีไม่ใช้ภาษาหมอหรือศัพท์ยากๆ ที่ฟังแล้วงง”
“แล้วต้องอยู่กับเขาครึ่งปีคิดว่าไหวไหม” พรรัมภายังคงถามต่อไป เธอว่าเธอเดาสายตาของอีกฝ่ายไม่ผิดถึงเขาพยายามจะซ่อนมันไว้ก็เถอะแต่ไม่รอดพ้นคนช่างสังเกตแบบเธอหรอก
“ไหวสิคะแล้วตาลก็ไม่ได้อยู่กับเขาสักหน่อยแค่ไปบำบัดสี่วันเองครั้งละไม่กี่ชั่วโมงด้วย”
“ทำไมพี่พีชถามแปลกๆ คะ”
“เปล่าจ้ะพี่แค่อยากแน่ใจว่าตาลโอเคกับมันจริงๆ พี่ก็คิดเองเออเองหลายอย่างกลัวจะเป็นการบังคับตาลมากไป”
“ไม่เลยค่ะพี่พีชอย่าคิดแบบนั้น ทุกคนหวังดีกับตาลค่ะตาลเข้าใจแล้วก็ดีใจมาก”
“น้องสาวของพี่น่ารักที่สุดเลย” พรรัมภาหอมแก้มใสๆ ของตุลยดาแล้วทั้งคู่ก็กอดกัน เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรักและทุ่มเทให้เด็กคนนี้มากมายเหลือเกิน เธอกับตาลไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขกัน ญาติห่างๆ ก็ไม่ใช่แถมเพิ่งรู้จักกันแค่ไม่นานแต่ระยะเวลาอันน้อยนิดกลับสร้างความผูกพันระหว่างเธอกับเด็กคนนี้ได้ยิ่งใหญ่มหาศาล
“กลับกันเลยไหม พี่ต่อคงชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟแล้ว”
“กลับเลยค่ะพี่พีช” พรรัมภาโบกมือให้คนขับรถที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไป จริงๆ เธออยากให้มานั่งด้วยกันแต่เขาก็ปฏิเสธทุกครั้งเพราะความเกรงใจ เธอเคยอ้อนวอนปนขอร้องสำเร็จครั้งนึงแล้วก็คิดว่าการแยกโต๊ะคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพราะวันนั้นลุงตุ่มแทบไม่กระดิกตัวเลยระหว่างนั่งทานอาหาร
ตุ่มคือคนขับรถที่บ้านพรรัมภา พ่อกับแม่จ้างไว้ให้ลูกสาวคนเดียวโดยเฉพาะเธอเพิ่งจะมาใช้บริการเมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัยปีสี่เพราะต้องใช้รับส่งตุลยดาที่เดินไม่ได้และต้องมีรถเข็นติดตัวตลอดเวลา ก่อนหน้านั้นพรรัมภาวิ่งหนีตัวตนและความร่ำรวยของตัวเองสุดกำลังเพราะเธอไม่เห็นคุณค่าว่าการมีเงินมากมายล้นฟ้ามันดียังไงแต่ตอนนี้เมื่อเธอได้รู้จักตุลยดาเธอก็รู้ว่าสิ่งที่เธอมีจะทำให้เด็กสาวคนนึงมีชีวิตที่ดีขึ้นมันทำให้เธอมีความสุขเหลือเกิน
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
เมื่อเธอโดนนอกใจจากคนที่รัก จึงหนีไปเริ่มต้อนชีวิตใหม่ที่ดูไบ และเธอก็ได้เจอกับหนุ่มอาหรับสุดแซ่บ ที่มายั่วยวนหลอกล่อให้เธอมีเซ็กส์ที่เร่าร้อนกับเขา และเขายังต้องการให้เธอท้องลูกของเขาอีก.... เรื่องย่อ.... “คุณอัสลาน… คุณออกไปห่างๆฉันหน่อยได้ไหม…ห้องครัวนี่มันก็กว้างมากเลยนะคุณ ทำไมคุณต้องมาใกล้ฉันขนาดนี้ด้วย…” “ก็ผมอยากจะดูว่าคุณใส่ยาเสน่ห์อะไรลงไปในอาหารหรือเปล่า เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกโหยหาคุณตลอดเลย…” “ใครจะบ้ามาใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกินล่ะ แค่นี้ฉันก็แทบไม่ได้นอนแล้ว… ขืนใส่ยาเสน่ห์ให้คุณกิน ฉันไม่นอนแกผ้าให้คุณเอาทั้งวันเลยเหรอ…” “หึๆ…ก็คุณมันน่ามั่นเขี้ยวนิ จะจับจะตบตรงไหนก็แน่นไปหมดเลย…แถมกลิ่นตัวก็หอมไปยันหอยเลย…อืม…พูดไปแล้วขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยสิ วันนี้ทำงานมาโคตรเหนื่อยเลย…” “อื้อ…คุณจะทำอะไรน่ะคุณฮัสลาน นี่มันในห้องครัวนะคุณ…เดี๋ยวพวกแม่บ้านเดินเข้ามาจะทำยังไงคะ…ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ จะมาดมอะไรตรงนี้” “ก็ผมอยากดมตอนนี้ไงคุณ…เห็นหน้าคุณแล้วผมก็รู้สึกเสี้ยนจนทนไม่ไหวแล้วเนี่ย…ขอผมดมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ” “อ้ะ….คุณอัสลาน….อื้อ….ทำไมคุณมันหื่นแบบนี้เนี่ย….เอามือของคุณออกไปนะ เดี๋ยวคนมาเห็น….อ้ะ…ซี๊ด…อ่าส์….” อัสลาน ราเชด บรูฮัมนี อายุ 37 ปี “อัสลาน...” หนุ่มนักธุรกิจชาวอาหรับที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรในนิยาย แต่ต้องมาคัดสรรหาเมียเพื่อจะมีลูกสืบทอดวงตระกูลตามคำสั่งของพ่อแม่ ทำให้เขานั้นเลี่ยงไม่ได้กับการที่จะหาเมียสักคนมารับหน้าที่นี้ แต่เขาดันไปถูกใจแม่สาวไทยใจแข็งเข้านี่สิ ไม่ว่าเขาจะเสนออะไรไปเธอก็ไม่ยอมที่จะมาเป็นเมียของเขาเลย เพียงเพราะว่าเขานั้นแก่กว่าเธอไม่กี่ปีเท่านั้น ทำให้เขาต้องใช้เล่ห์กลหลอกล่อเธอให้มาทำงานกับเขา ก่อนจะค่อยๆอ่อยแล้วก็รุกจัดการตะครุบเหยื่ออย่างเธอให้กลายมาเป็นนกน้อยในกรงทองของเขา…. มารียา เวทติวัตร อายุ 27 ปี “มีน มารียา…” สาวไทยหน้าคมที่มีหุ่นอวบอัดเป็นที่ยั่วน้ำลายของพวกหนุ่มนั้น กลับไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักเอาซะเลย เธอจึงหนีจากความเสียใจแล้วมาหางานทำอยู่ที่ดูไบ...เพื่อจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ และเธอก็ได้เจอกับเจ้านายขี้อ่อย ขี้ยั่ว ที่ไม่ว่าเธอจะทำอะไรหรือไปไหน เขาก็มักจะมายั่วน้ำลายทำให้หัวใจที่บอบช้ำของเธอนั้นปั่นป่วนอยู่เสมอ จนเธอถลำตัวมีอะไรกับเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ และเธอก็ได้รู้ว่าเขานั้นเป็นผู้ชายแก่ที่หื่นสุดๆเลย…แต่จะหื่นแค่ไหนต้องไปตามอ่านในนิยายนะคะ
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
นิยายเรื่องนี้มีพระนาง2คู่ "อย่าหวังจะเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจับฉัน ผู้หญิงของฉันทุกคนก็สาวบริสุทธิ์ทั้งนั้นแล้วอย่าลืมคุมกำเนิด ถ้าไม่อยากทำแท้ง! เพราะฉันไม่มีทางมีทายาทกับผู้หญิงชั้นต่ำ" VS "อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้ แม้แต่ตัวนายถ้าฉันต้องการ นายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
© 2018-now MeghaBook
บนสุด